เที่ยวไอซ์แลนด์ แดนน้ำแข็ง ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ถือเป็นประเทศที่น่าเที่ยวอีกประเทศหนึ่งเลยค่า ด้วยธรรมชาติเฉพาะตัวของไอซ์แลนด์ที่แสนจะงดงาม จึงเป็นเสมือนจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวธรรมชาติที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็ง น้ำพุร้อน และภูเขาไฟ เป็นดินแดนที่รวมไว้ซึ่งความน่าตื่นตาตื่นใจ แถมยังมีอากาศที่ดีบริสุทธิ์มากๆ อีกด้วยค่ะ ความงดงามของธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์นั้นคุ้มค่าแก่การมาเที่ยวชม บริษัทแนะนำการท่องเที่ยวของอังกฤษยังจัดอันดับให้ไอซ์แลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มค่าเงินที่สุดของโลกอันดับ 1 ด้วยนะ!

ไอซ์แลนด์ไม่ว่าจะมาเที่ยวช่วงไหนก็สวย เพราะทุกฤดูที่นี่ ทุกที่ต่างสวยแปลก และมีเสน่ห์เฉพาะตัวค่ะ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาที่นี่ กลับมาเที่ยวอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ขอมอบฉายาให้ว่า ไอซ์แลนด์ แดนมหัศจรรย์!!! เรามาดู 30 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่ไม่ควรพลาดกันเล้ยยยยย

12717272_1575255556097690_532924583222323123_n

12717574_1575209829435596_2952346322909378141_n

 

 

เที่ยวบ่อน้ำพุร้อน บลูลากูน Blue Lagoon Hot Springs เรคยาวิก


น้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ค่า ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติ Keflavik ประมาณ 13 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิกประมาณ 39 กิโลเมตรค่ะ เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะตั้งอยู่ในเขตที่มีการเคลื่อนตัวของหินหลอมละลายใต้ดินมากที่สุดในโลกเขตหนึ่ง การเคลื่อนตัวนี้ทำให้น้ำในบ่อร้อนขึ้นและมีไอน้ำระเหยขึ้นมา โดยอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุมากมาย เช่น ซิลิคอน กัมมะถัน บ่อน้ำพุร้อนนี้ยังมีชื่อเสียงในการรักษาโรค สามารถช่วยรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิดเลยค่ะ ได้ทั้งผ่อนคลายและรักษาโรคไปด้วย ฮี่ฮี่

เค้าว่ากันว่า พอกโคลน 10 นาที อ่อนเยาว์ขึ้น 10 ปีเชียวนะ

หากเป็นคนที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน ที่บลูลากูนจะกลายเป็นสวรรค์ของคุณได้ภายในพริบตา โดยรอบบ่อมีไอระเหยออกมาตลอดเวลา ให้คุณได้พักผ่อนและรู้สึกผ่อนคลายยย สบายอารมณ์ และมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้มากมาย เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
โดยในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงเวลาที่บลูลากูนมีความสวยที่สุดค่ะ ถ้ามาเยือนไอซ์แลนด์แล้วได้มาสัมผัสที่แห่งนี้สักครั้ง ย่อมสร้างความประทับใจให้คุณอย่างไม่รู้ลืมแน่นอนค่า

shutterstock_37297024

shutterstock_298365989

Enlight1(6)

 

เที่ยวถ้ำน้ำแข็งคริสตัล Crystal Ice Cave


ในช่วงฤดูหนาวที่ประเทศไอซ์แลนด์ อุณหภูมิจะอยู่ที่-25 ถึง -30 องศาเซลเซียสเลยค่ะ ด้วยอากาศที่หนาวเย็นนี้ นักท่องเที่ยว จึงได้พบกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เราเรียกกันว่า ถ้ำน้ำแข็ง ที่สามารถสร้างความฮือฮาให้กับคนที่ไม่กลัวความหนาวได้เป็นอย่างมาก

ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล อยู่ที่เมืองสตัฟทาเฟฮ์ล (Skaftafell) เกิดจากการก่อตัวของหิมะที่ทับถมกัน จนเป็นภูเขาน้ำแข็งกันเป็นเวลานานหลายพันปีเลยล่ะค่ะ ปากถ้ำเป็นปล่องน้ำแข็งสูงประมาณ 22 ฟุต แต่เนื่องจากสภาพอุณหภูมิของที่นี้มักมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รูปแบบของถ้ำน้ำแข็งจึงไม่ค่อยแน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาค่า

ว่ากันว่า ที่นี่เป็นถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด และเป็นถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามที่สวยงามสุดอลังการแห่งหนึ่งในประเทศไอซ์แลนด์ด้วยนะค้า ด้วยความใสดังแก้วคริสตัลของน้ำแข็ง และการตกกระทบของฟ้าสีคราม ทำให้เกิดถ้ำน้ำแข็งสีสันสวยงามราวกับอัญมณี ที่เมื่อได้เห็นแล้วจะต้องตกตะลึง
กับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งนี้อย่างแน่นอนค่า

shutterstock_334335584

shutterstock_288758570

 

เที่ยวธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน Jokulsarlon


ธารน้ำแข็งพันปีแห่งนี้ ที่ทุกคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และลึกเป็นอันดับที่สอง โดยอยู่ทางทิศใต้ตรงปลายทางของธารน้ำแข็งพันปี วัทนาโจกุลค่ะ อยู่ระหว่างอุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ (Skeftalfell National Park) และเมืองฮอฟน์ โดยปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงปีค.ศ. 1934 1935 น้ำแข็งก้อนสุดจะใหญ่โต ค่อยๆ ละลายลงมาจากภูเขาน้ำแข็งด้านบน และไหลลงสู่ทะเล ทำให้พื้นที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ จนในปัจจุบันกินพื้นที่กว้างทั้งหมดถึง 18 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว และมีความลึกของน้ำถึง 200 เมตรค่ะ

อีกทั้งยังจะได้ชมกับความสวยงามของทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ มีนก Sk as เป็นนกทะเลสีดำ และนกสีขาวตระกูลนกนางนวล ที่เรียกว่า big seagulls หากโชคดีคุณอาจจะได้เห็นสิงโตทะเลตัวอ้วนกลมมาดำผุดดำว่าย เล่นน้ำโชว์ความน่าเอ็นดูค่า 5555555 ท้องฟ้าปลอดโปร่งอากาศดี เหมาะกับกันพักผ่อนและถ่ายรูปเป็นที่ซู้ดดดด การเดินทางมาไม่ยากเลย ถ้าเป็นรถยนต์ก็ไปตามทางหลวงเลยค่ะ โดยอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางหลักที่เรียกว่า
ถนนวงแหวน เป็นสายหลักที่วิ่งกันเป็นวงกลมเชื่อมต่อกันรอบเกาะไอซ์แลนด์ และยังมีรถบัสจากเรกยาวิสให้บริการด้วยน้า มาสุดที่เมืองฮอฟ์น์ เครื่องบินก็เรกยาวิกมาที่สนามบินเมืองฮอฟน์เช่นกันค่า

shutterstock_414535096

20160221_3214

P1170280

 

เที่ยวน้ำตกสโคคาร์ฟอสส์ Skogafoss Falls


กรี๊ดดดดๆ ขอกรี๊ดก่อนเลยค่า 555555 อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดในการไปพิสูจน์ความเย็น!!! น้ำตกสโคคาร์ฟอสส์ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเขตภาคใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ อยู่ที่หมู่บ้านสโคการ์ เป็นน้ำตกที่สูงที่สุด และเป็นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไอซ์แลนด์อีกด้วยค่า ความสูงประมาณ 60 เมตร คุณจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของสายน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผา และกลายเป็นน้ำแข็งขาวโพลน ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา จนเกินบรรยาย สายรุ้งที่สะท้อนแสงแดด มาฉายที่หุบเขา อย่างกับบรรยากาศในเทพนิยายเลยค่ะ>,<

การมาน้ำตกแห่งนี้ไม่มีทางหลงอย่างแน่นอน เพราะอยู่ริมถนนเส้น ring road (route1) ไม่ไกลจากเมืองหลวง และเป็นน้ำตกที่ใหญ่มาก มองเห็นได้ชัด มาแล้วต้องถ่ายรูปคู่กับม่านน้ำที่แสนจะใหญ่ อลังการ ทางด้านข้างน้ำตกจะมีtrail สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ แม้การถ่ายรูปจะต้องเจอกับความเย็นของสภาพอากาศ แต่ก็แสนคุ้มกับการได้เก็บภาพสวยๆ แน่นอนค่า เพราะไม่ว่าจะมาในฤดูไหน น้ำตกสโคคาร์ฟอสส์ก็สวยทุกฤดูเลยย แม้ในยามหน้าหนาวนั้นถือว่ามีความสวยงามไม่แพ้ช่วงฤดูกาลอื่นๆ ด้วยค่า

230415

P1170007

 

เที่ยวน้ำตกกุลส์ฟอสส์ Gullfoss


น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หรือ น้ำตกทองคำ ไนล์แองการ่า แห่งไอซ์แลนด์ Gullfoss มาจากคำว่า Gull ในภาษาไอซ์แลนด์แปลว่าทอง และ Foss แปลว่า น้ำตก รวมกันหมายถึง น้ำตกทองคำค่ะ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากๆ ในไอซ์แลนด์ เพราะที่นี่มีความสวยงามอลังการ ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาเอง สวยงามราวกับตั้งใจสร้างมาจริงๆ เลยค่ะ ด้านบนตัวน้ำตกมีพื้นที่กว่า 1 กิโลเมตร และค่อยๆ หักทำมุมโค้งวนคล้ายบันไดเป็นขั้นๆ ถึง 3 ขั้นด้วยกัน และลาดเอียงลดหลั่นระดับไล่ลงไปเป็น 2 ช่วง ถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง และลดระดับลงไปในเขาเบื้องล่าง ที่มีความสูงกว่า 30 เมตร ในช่วงหน้าร้อนน้ำจะเยอะเป็นพิเศษค่ะ

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความงดงามและแสนอลังการของน้ำตกแห่งนี้ จะสัมผัสได้ถึงความเย็นสดชื่น ท่ามกลางธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม อากาศดี๊ดี สดชื่นนนนสุดๆ และน้ำตกกุลล์ฟอสส์นี้ยังจัดว่าเป็น 1 ใน 3 ที่ทางไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ในเส้นทางวงกลมทองคำ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเยือน แบบพลาดไม่ได้จริงๆ ค่า

12744558_1575850656038180_1693409970271720037_n

P1160657

 

เที่ยวน้ำตกเซลยาลันส์ฟอส Seljalandsfoss


ตั้งอยู่ระหว่างเมืองเซลฟอส (Selfoss) กับเมืองสโคคาร์ฟอสส์ (Skogafoss) ค่ะ เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ชนิดที่ว่า แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์เลยล่ะค่า เพราะที่นี่มีความสวยงาม สูงประมาณ 60 เมตร เมื่อสายน้ำจากด้านบนทไหลลงมาปะทะกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดละอองน้ำบางๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว นับเป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยายจริงๆ ค่ะ และนอกจากด้านหน้าของน้ำตกแล้ว ยังสามารถเดินลัดเลาะไปทางด้านหลังของม่านน้ำตกได้อีกด้วยน้าา ซึ่งเป็นเพียงน้ำตกไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์ที่สามารถเดินไปด้านหลังได้ สามารถมองเห็นวิวน้ำตกได้ 360 องศา จึงเป็นที่นิยมของบรรดาช่างภาพทั้งมือสมัครเล่น มืออาชีพ และนักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพเก็บความประทับใจกันมากที่สุดในประเทศเลยล่ะค่า โดยส่วนมากจะมาถ่ายพระอาทิตย์ตกกัน เพราะพระอาทิตย์จะทำมุมพอดี โรแมนติดฝุดๆ เลย และยังเป็นจุดพักรถเพื่อเดินทางไปชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของไอซ์แลนด์ อีกด้วยค่ะ

โดยระหว่างการเดินมาทาง ก็จะได้ชมกับธรรมชาติต่างๆ และทัศนียภาพที่สวยงาม สะอาด และ อากาศสดชื่นม๊ากมาก ซึ่งมองเห็นน้ำตกได้จากถนนไกลนับเป็นกิโล พูดง่ายๆ คือยังไงความสวยอลังการนี้ก็ไม่หลุดจากสายตาง่ายๆ ค่ะ แน่นอนว่ามันน่าไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ นะคะ ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ได้มา ^^

shutterstock_175844624

P1160789

P1160795

 

ขี่สโนว์โมบิล บนทุ่งน้ำแข็งเมียร์ดาล Myrdalsj kull Glacier 


มาเปิดประสบการณ์จากธารน้ำแข็ง Myrdalsj kull Glacier กันค่าาา เป็นดินแดนที่อยู่จุดสูงสุดของโลก มีความกว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 ที่มีพื้นที่กว่า 596 ตารางกิโลเมตรค่ะ M rdalsj kull แปลว่าธารน้ำแข็งแห่งหุบเขาไมร์ มีถ้ำน้ำแข็งอยู่มากมาย แต่ละถ้ำจะมีน้ำแข็งไหลย้อยลงมา
เมื่อโดนแสงกระทบจะเกิดเป็นสีฟ้าอมเขียวใสสวยงามอย่างกับมรกตแน่ะ แถมได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในขั้วโลกเลยล่ะค่า ฮี่ฮี่

พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์การท่องเที่ยวและความประทับใจบนธารน้ำแข็ง ด้วยการขับสโนว์โมบิลตะลุยความหนาวไปในทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่แบบเจาะลึก เจ้าตัวสโนว์โมบิลนี้ มีความเร็วไม่ได้มากอะไรค่ะ สาวๆ ขี่กันได้สบายยย พร้อมชมความสวยงามกันได้อย่างเต็มที่ ยิ่งขึ้นขับไปทางด้านบน วิวก็ยิ่งสวยและแปลกตามากๆ ค่ะ ขาวโพนไปด้วยหิมะ มองไปทางไหนมีแค่สีฟ้ากับสีขาว ท้องฟ้ากับหิมะ เท่านั้นนนน ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองกันสักครั้งนะค้าาา

File_000

20160220_4350

File_006

File_003

 

เที่ยวชมธารน้ำแข็งที่อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล Vatnajökull National Park


อีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติที่น่าสนใจและโด่งดังมาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่ล้อมเอาธารน้ำแข็งทั้งหมดในทุ่งหิมะ Vatnajokull ทุ่งหิมะที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์เอาไว้ พร้อมทั้งมียอดเขา Hvannadalshnukur ที่สูงที่สุดในประเทศด้วย โดยความสูงอยู่ที่ราวๆ 2,110 เมตร อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งนี้จัดเป็นพื้นที่เขตสงวน เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติที่สวยงามเอาไว้ ทั้งธารน้ำแข็ง แม่น้ำ ฯลฯ สำหรับใครที่มาเที่ยว จะมีเจ้าหน้าที่ประจำอุทยานคอยดูแล คอยลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัย ให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ ไปจนถึงเป็นไกด์พาเดินเที่ยวชมอุทยานอีกต่างหาก

shutterstock_429783460

P1170570

 

เที่ยวหาดทรายดำ Reynisfjara


Black Beach หรือ หาดทรายดำแห่งไอซ์แลนด์ ที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นหาดทรายสีดำที่สวยที่สุดในโลก!! อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางใต้ของไอซ์แลนด์ค่ะ บนชายหาดเต็มไปด้วยกรวดสีดำสนิท เป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่สะสมตัวกันบริเวณชายหาด เมื่อมองดูระยะไกลเหมือนดินสีดำ นับเป็นชายหาดที่แปลกตามากๆ ค่ะ สวยไปอีกแบบเนอะ อิอิ หาดทรายดำเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายนี้มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพังมากค่ะ ติดกับหาดทรายดำนี้มีแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกหกเลี่ยมเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ราวกับเป็นปฏิมากรรมที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาเลยล่ะค่ะ และยังมีโพรงถ้ำหินบะซอลต์ที่สวยงาม ที่ไม่อาจหาได้จากที่ใดในโลก เหมาะกับการเดินเล่นชิลๆ ชมความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นค่า

shutterstock_227618467

shutterstock_319800188

P1170210

 

เที่ยวน้ำพุร้อนกีเซอร์ Geysir หุบเขาฮัวกาดาลู Valley of Haukadalur


เป็นน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ค่ะ เป็นน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่ และมีกำลังแรงมากกกค่ะ ซึ่งแรงพวยพุ่งของสายน้ำพุร้อนจากใต้ดินขึ้นมาสู่ผิวโลกนั้น มีความสูงกว่า 60 เมตรเลยทีเดียวค่า จะเกิดขึ้นในทุกๆ 7-10 นาที

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่ใต้ผิวโลกมีโพรงที่กักเก็บน้ำติดต่อกันค่ะ เมื่อน้ำได้รับความร้อนในระดับลึกๆ ถูกสกัดกั้นไม่ให้ถ่ายเทได้ง่าย เพราะรูที่ทำให้น้ำไหลออกมามีขนาดเล็ก ทำให้น้ำที่อยู่ในระดับลึกมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่า 100 องศาเซลเซียส จึงเปลี่ยนสภาพเป็นไอน้ำดันน้ำที่ขังอยู่ในรูไหลพุ่งขึ้นมา เมื่อไอน้ำได้ถ่ายเทพลังงานความร้อนจนหมดแรงดัน น้ำก็จะหยุดพุ่งจนกว่าจะสะสมความร้อนได้อีกก็จะพุ่งขึ้นมาอีกครั้งค่า

จึงส่งผลให้เกิดความงดงามตามธรรมชาติได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เกิดเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ค่ะ ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่อยู่รายล้อมอีกด้วย ทั้งสวยและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน การเดินเข้าไปยังกีเซอร์นั้นจะสร้างความตื่นเต้นเร้าใจและตื่นตาตื่นใจให้กับทุกคนที่มาเยือน โดยจะลุ้นระทึกว่าน้ำจะพุ่งขึ้นมาตอนไหน 555 นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมาสัมผัส ห้ามพลาดเลยนะค้าทุกท่านนนน

shutterstock_373941073

P1160703-6

 

เที่ยวโบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา Hallgrimskirkja


โบสถ์แห่งนี้เป็นสถานที่ ที่ทุกคนต่างรู้จักกันอย่างดีเลยล่ะค่ะ เมื่อมาถึงไอซ์แลนด์ทั้งทีมีหรือจะไปไม่ถึง อิอิ เพราะที่นี่เป็นโบสถ์คริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ มีความสูงถึง 74.5 เมตร เป็นศาสนสถานที่สำคัญ และยังเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดอีกจุดหนึ่งด้วยนะคะ เมื่อขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองเรกยาวิกค่า ออกแบบโดย นายกุดโยน (Gu j n Sam elsson) เป็นสถาปัตยกรรมแนวอิมพราสชั่นนิสท์ (Impressionist) รวมระยะเวลาการก่อสร้างถึง 38 ปี ถ้าภาษาไทยต้องบอกว่า โอ้โห นานจัง 555555 แต่อย่างว่า กรุงโรม ก็ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ใช่มั้ยคะ อิอิ

ที่นี่ถูกตั้งชื่อตามพระในศาสนาคริสต์ที่ชื่อฮาลล์กริมูร์ (Hallgr mur P tursson) นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในไอซ์แลนด์ โบสถ์จึงมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Hallgr mskirkja ซึ่งแปลว่า โบสถ์ของฮาลล์กริมูร์ค่ะ ด้านหน้าของโบสถ์มีอนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน (Leifr Eiriksson) ยืนตระหง่านอยู่ ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของประเทศไอซ์แลนด์บอกไว้ว่า เลฟร์ อีริกสัน เป็นชาวนอสร์แห่งชาติยุโรปที่ไปเหยียบดินแดนอเมริกาตอนเหนือเป็นคนแรกค่ะ ทางสหรัฐอเมริกาจึงได้มอบอนุสาวรีย์นี้ให้แก่ประเทศไอซ์แลนด์เป็นที่ระลึกถึง และเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างสองประเทศ ที่นี่เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น และมีพิธีทางศาสนาวันอาทิตย์และวันสำคัญต่างๆ ค่ะ

P11604982

P1160504

P1160506

 

เที่ยวเพอร์ลัน Perland


เพอร์ลัน เป็นจุดชมวิวประจำสุดฮิตของเมืองเรกยาวิกค่า คงไม่มีคนไอซ์แลนด์คนไหนที่ไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะเป็นสถานที่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และสามารถมองเห็นจากระยะไกลได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สร้างในสมัยเดวิด อัดด์สัน (Dav Oddsson) อดีตนายกรัฐมนตรีของไอซ์แลนด์ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ อิงกิมูนดูร์ (Ingimundur Sveinsson) ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวาง ประมาณ 10,000 ตารางเมตร มีอาคารขนาดใหญ่ 5 ชั้น ที่ถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดี สูง 25.7 เมตร รูปทรงคล้ายลูกโลกครึ่งวงค่ะ สามารถชมวิวของเมืองเรกยาวิกที่ยอดเยี่ยมได้อย่างชัดเจน เพราะไม่มีตึกสูงบังสายตา และได้มีการจัดแยกเป็นส่วนต่างๆ ไว้ มีทั้ง ร้านอาหาร ของคาว ของหวาน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไวกิ้ง สวนน้ำ และยังมีร้านขายของที่ระลึก ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินและซื้อของฝากกลับบ้านด้วยนะคะ ฮิฮิ

เพอร์ลัน เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองเรกยาวิกเลยล่ะค่ะ เอาไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาไอซ์แลนด์ต่างไม่พลาดที่นี่กันแน่นอน แม้จะมีเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง ก็จะเป็น 2-3 ชั่วโมงที่วิเศษ แค่ได้เห็นวิวสวยๆ ก็คุ้มแล้วค่าาา

shutterstock_270179369

P1160462

 

เที่ยวบ้านฮอฟดิ The Hofdi House


บ้านไวท์เฮ้าส์เล็กๆ น่ารัก แถมบรรยากาศยังดีอีกด้วยค่ะ มีทัศนียภาพที่สวยงาม ตั้งอยู่ใกล้กับริมน้ำและภูเขา ด้านหน้ามีรูปปั้นของ นักสำรวจเลฟ อีริคสัน ที่ทางสหรัฐให้เป็นของกำนัลในวาระฉลองรัฐสภาอัลธิงกิที่เก่าแก่ที่สุดในโลกค่ะ

เห็นหลังเล็กๆ กระทัดรัดแบบนี้เนี่ย แต่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์ชาติที่น่าสนใจของไอซ์แลนด์นะค้า บ้านเก่าหลังนี้เคยถูกไฟไหม้ ทางไอซ์แลนด์ได้ขอซื้อต่อในปีค.ศ.1958 แล้วมาซ่อมแซมขึ้นใหม่ แต่เดิมเป็นอดีตบ้านท่านประธานาธิบดี ปัจจุบันบ้านหลังนี้เป็นที่ว่าง และไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมค่ะ ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่สำหรับการประชุมไอซ์แลนด์ เคยใช้เป็นที่รับรองและจัดเลี้ยงผู้นำ 2 ประเทศมหาอำนาจผู้ยิ่งใหญ่ คือ ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียและประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในการยุติสงครามเย็น และเคยเป็นหอส่งกระจายเสียงที่ติดต่อกับโลกภายนอก โดยตั้งเสาวิทยุกระจายเสียงครั้งแรกในปีค.ศ.1905

การเดินทางก็สามารถขับรถเที่ยวเองได้ง่ายๆ ค่ะ เพราะมีถนนสายหลักเพียงเส้นเดียว ลักษณะเป็นรูปวงกลม จะไปทางเหนือหรือทางใต้ก่อน ก็มาบรรจบครบรอบได้เหมือนเดิมค่า แต่การเที่ยวในฤดูหนาวอาจจะต้องเจอกับพายุหิมะ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการขับรถนะคะทุกท่าน
บ้านน้อยหลังนี้เป็นที่สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์เลยนะคะเนี่ย และยังคงเป็นสถานที่เล็กๆ ที่น่ารัก ที่ทุกคนต้องมาเก็บความประทับใจสักครั้งค่า

P1160444

P1160446

 

เที่ยวชมสัญลักษณ์เรือไวกิ้ง Solfar (Sun Voyager Sculpture) และถนนช้อปปิ้ง


Solfar ไอซ์แลนด์ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ The Sun Voyager เป็นงานประติมากรรมรูปเรือที่ตั้งอยู่ในกรุง Reykyavik สร้างขึ้นโดยช่างสลักชื่อ Jon Gunnar Arnason โดยคนส่วนมากมักจะเข้าใจผิดว่ามันคือสัญลักษณ์เรือไวกิ้ง แต่จริงๆแล้ว The Sun Voyager มีความหมายโดยนัยเดิมว่า “เรือแห่งความฝัน” และเป็นบทสรรเสริญพระอาทิตย์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปเยี่ยมชมงานศิลปะชิ้นนี้มากที่สุด คือฤดูร้อนในช่วงกลางคืน เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่มีปรากฏการณ์ Midnight Sun หรือพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้แม้จะเป็นเวลากลางคืนแล้วแต่ก็พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดิน นักท่องเที่ยงจึงสามารถเดินดูรอบๆ เรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปตามธารน้ำจากหอแสดงคอนเสิร์ต Harpa Hall ได้ด้วย

shutterstock_216601333

P1160531

 

นั่งรถ SUPER JEEP MOUNTAINEERS OF ICELAND ชมหิมะ


เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยการนั่ง Super Jeep Tour เลาะเลียบขนาบเพื่อชมบรรยากาศ และความสวยงามไปบนธารน้ำแข็งสีฟ้าในระยะทางหลายกิโลเมตรค่า โดยรอบมีภูเขาน้ำแข็งและลำธาร สัมผัสบรรยากาศแบบขั้วโลก ถ่ายรูปเพลินๆ แต่จริงๆ ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่หิมะค่า ได้บรรยากาศลุยๆ บนรถ Super Jeep มากกว่า อิอิ

20160219_3043

P1160609

 

 เที่ยวภูเขาไฟเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ Eyjafjallajokull ม้าแกลบ


แวะถ่ายกับวิวภูเขาไฟเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ Eyjafjallajokull เป็นภูเขาไฟที่ยังแอ็กทีฟอยู่ การระเบิดครั้งสุดท้ายที่ทำให้การบินที่ยุโรปเหนือและตะวันตกต้องเป็นอัมพาตถึง 6 วัน คือเมื่อ 14-20 เมษายน 2553 เถ้าถ่านจากการระเบิดปกคลุมท้องฟ้าของยุโรป กว่า 20 ประเทศประกาศปิดม่านฟ้าสำหรับสายการบินพาณิชย์ เป็นผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มา แต่ในตอนนี้ปี 2016 ก็ยังมีควันลอยขึ้นอยู่เลยค่า ตอนที่ยืนกันอยู่ตรงนี้ ลมแรง หนาวมากกกกกก ผมปลิว ธงปลิวเฟ่อร์

แล้วก็มีแวะไปถ่ายรูปกับม้าแกลบ หนึ่งในสัตว์ประจำถิ่นของไอซ์แลนด์จ้ะ ผมฟูเลย นอกจากนี้ ยังเจอกระเป๋าแปลกๆ กระเป๋าหนังปลาแซลมอนด้วย 555 สนใจซื้อสักใบไหมคะ

shutterstock_214756726

P1160831

P1170642

 

เที่ยวซิงเควลลิร์ Þingvellir รอยเชื่อมระหว่างทวีปยุโรป และอเมริกา ไอซ์แลนด์


อุทยานแห่งชาติที่เป็นทางเชื่อมระหว่างยุโรป อเมริกา และไอซ์แลนด์ และยังเป็นจุดที่มีรอยเคลื่อนของเปลือกโลกเป็นหมื่นๆ ก.ม. ด้วย พร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากมีทัศนียภาพของขุนเขาที่สวยงามมาก จนเป็นเหมือนไฮไลท์หลักของไอซ์แลนด์ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด พร้อมกันนั้น ที่สำคัญคือ องค์กรยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้ที่นี่เป็นมรดกโลกด้วย อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์มีสถานที่ท่องเที่ยวย่อยๆ อยู่ในพื้นที่อีกมากมาย เช่น น้ำพุร้อน Geysir น้ำตก Gullfoss นอกจากนี้ยังมีเมือง Skoholt เมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาติและใครๆ ต่างก็รู้จักกันดี อยู่เยื้องอุทยานไปราวๆ 45 ก.ม. ด้วย

P1160578

12705259_1575661079390471_8750124084367503456_n