travel6

ใครเคยมีอาการเมาเวลา หรือ Jet Lag บ้างคะ? เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคย มันคืออาการที่ร่างกายปรับตัวให้เข้ากับโซนเวลาใหม่ไม่ทัน เวลาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศค่ะ เช่น สมมุติตอนนี้เราอยู่เมืองไทย เคยชินกับที่จังหวะนี้ เวลานี้เป็นตอนกลางวัน เวลานั้นเป็นตอนกลางคืน แล้วอยู่ๆ เกิดต้องไปอเมริกา ซึ่งโซนเวลาสลับกันเลย หรือไปยุโรป เวลาก็ต่างกันหลายชั่วโมงมาก เลยทำให้ร่างกายเกิดการสับสน แล้วก็อ่อนเพลียได้ เพราะเวลาพักผ่อนต้องเปลี่ยนไป วันนี้เลยอยากจะมาแนะนำวิธีแก้ให้ง่ายๆ ค่ะ

1. ต้องหาทางนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

อันนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเราเป็น Jet Lag นานๆ โดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้น ร่างกายเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเหมือนเดิม เชื่อเลยว่าไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอนค่ะ

2. ลองใช้เมลาโทนิน (Melatonin) เป็นตัวช่วย

อันนี้เป็นฮอร์โมนธรรมชาติ นิยมสกัดมาทำเป็นอาหารเสริม สามารถใช้ทานเพื่อแก้อาหารนอนไม่หลับได้ค่ะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรกินในวันที่เดินทาง หลังพระอาทิตย์ตกดินแล้ว และให้กินต่อไปอีกราวๆ 2-3 วัน

3. สารพิกโนจีนอล (Pycnogenol) ที่สกัดมาจากเปลือกสนฝรั่งเศส ก็มีประโยชน์นะคะ

เป็นสารที่นิยมเอาไปทำเป็นอาหารเสริมเหมือนกัน เพราะมีนักวิจัยอิตาลีค้นพบตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อนแล้วว่า หนึ่งในสรรพคุณของมันคือช่วยลดอาการเมาเวลาได้

4. ถ้าไม่ดีขึ้น ให้ลองปรึกษาเภสัชกร หรือหมอ

บางทีอาจจะได้ยานอนหลับมาค่ะ เพราะบางคนเป็นมากจริงๆ ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ปิดตานอนเลย อาหารเสริมอะไรก็เอาไม่อยู่ซักอย่าง ยิ่งถ้าเดินทางไกลมากยิ่งอาจจะต้องใช้ยานอนหลับที่ออกฤทธิ์ได้นานๆ ค่ะ

5. วันแรกที่ไปถึง ถ้ายังเหนื่อยอยู่ก็นอนพักให้เต็มที่ก่อน

หลังจากนั้นแล้วพอตื่นมาตอนเช้าๆ หรือบ่ายๆ ก็ออกไปเดินเล่นบ้าง รับแสงแดดอ่อนๆ รับลมเย็นๆบ้าง อย่าเก็บตัวอยู่แต่ในที่พัก ร่างกายจะได้กะปรี้กะเปร่า รู้สึกสดชื่นค่ะ

travel5

6. ดูนาฬิกาโลก (World Clock) แต่อิงตามเวลาท้องถิ่น

จะได้รู้ว่าตอนนี้ประเทศที่เราอยู่กี่โมงแล้ว และที่ไทยกี่โมงแล้ว จะได้รู้ว่าถึงเวลาพักผ่อนของเรารึยัง  เช่น สมมุติว่าเราเข้านอนห้าทุ่มทุกวันเป็นปรกติ แล้วเราเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็ดูนาฬิกา จะเห็นว่าเวลาที่ญี่ปุ่นเดินเร็วกว่าเรา 2  ช.ม. ถ้าที่ไทยห้าทุ่ม ที่ญี่ปุ่นก็ต้องตีหนึ่งค่ะ แต่ยังไงก็ตาม ให้ฝืนใจ ฝืนร่างกายให้อิงเวลาตามท้องถิ่นเข้าไว้ค่ะ สักพักนึงจะปรับตัวได้เอง