เที่ยวในฤดูร้อนของญี่ปุ่น จะมาพร้อมกับก้อนเมฆสีขาวปุกปุย ท้องฟ้าสดใส และแสงแดดอันแรงกล้า >,< โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน – สิงหาคมค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วง Low season ตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักจะถูกกว่าปกติ และขอบอกว่ากิจกรรมเด็ดๆ เพียบจ้า! หญิงปุ๊กจะพาทุกคนมาสัมผัสเสน่ห์ในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น เรียกได้ว่า ฟินจนลืมเรื่องอากาศร้อนๆ กันไปเล้ยยย

 

ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์สุดอลังการ


หน้าร้อนเป็นช่วงที่เหมาะกับการชมทุ่งดอกไม้ที่สุดเลยค่ะ ที่ญี่ปุ่นมีทุ่งดอกไม้สวยๆ ให้ไปเที่ยวชมกันหลายแห่ง โดยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากก็คือ

ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) ฟาร์มชื่อดังและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองฟุระโนะ ณ เกาะฮอกไกโดค่า โดดเด่นในเรื่องธรรมชาติอันงดงาม และได้มีการปลูกดอกลาเวนเดอร์มานานกว่าครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว เต็มไปด้วยดอกลาเวนเดอร์และดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งดอกป๊อปปี้ ลิลลี่ ทานตะวัน ซัลเวีย และคอสมอส บานสะพรั่งเต็มเนินเขาไกลสุดลูกหูลูกตา เรียงสีกันได้อย่างลงตัวและอลังการสุดๆ สีสันละลานตาเหมือนถูกปูด้วยพรมดอกไม้เลยค่า เห็นแล้วอยากวิ่งหมุนตัวสะบัดกระโปรงกลางทุ่งจริงๆ เลยเชียว ช่วงพีคเลยก็คือตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมค่ะ

ที่ฟาร์มโทมิตะมีโรงงานเล็กๆ สาธิตกระบวนการสกัดดอกลาเวนเดอร์มาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และยังมีคาเฟ่และร้านค้ามากมาย ห้ามพลาดชิม พุดดิ้ง ชีสเค้ก และไอศครีมแสนอร่อยที่ล้วนทำมาจากดอกลาเวนเดอร์ เรียกได้ว่าถ้าใครที่มาฮอกไกโดแล้วไม่ได้มาชมความงดงามของทุ่งดอกไม้สุดอลังการแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊าาา

โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน (บางร้านค้าจะปิดในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เมษายน) ตั้งแต่เวลา 8:30 น. ถึง 17:00 น. และโซนทุ่งลาเวนเดอร์ (Lavender East) จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือน กรกฎาคม เวลา 9:00 น. ถึง 16:30 น. ค่าเข้าชม ฟรี!~











 

ปีนภูเขาไฟฟูจิ


ภูเขาไฟฟูจิ ทุกคนคงคุ้นชื่อคุ้นตากันเป็นอย่างดี ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก! มาเยือนถึงญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องมาชมความงามด้วยตาตัวเองดูสักครั้ง แต่รู้ไหมคะว่านอกจากการยืนถ่ายรูปอยู่ด้านล่างแล้ว เขายังมีกิจกรรมเด็ดๆ ในช่วงฤดูร้อนให้ทำอีกด้วย นั่นก็คือการปีนภูเขาไฟฟูจิค่า โดยจะให้ขึ้นชมได้ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเท่านั้น ด้วยความสูงกว่า 3,776 เมตร ถือเป็นยอดภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น จึงดึงดูดให้คนที่ชื่นชอบในธรรมชาติและนักปีนเขาจากทั่วโลกมาพิชิตกันอย่างมากมาย

ระหว่างทางจะมีจุดแวะพักชมวิวทั้งขาขึ้นและขาลง รวมถึงบ้านพักและร้านอาหารให้บริการด้วยค่ะ เดินขึ้นมาเหนื่อยๆ ได้แวะทานของอร่อยๆ เพิ่มพลังพร้อมชมวิวสวยๆ ไปด้วยนี่มันฟินจริงจริ๊งง~ เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา เราจะได้ชมภาพวิวมุมกว้างแบบพาโนรามา ปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ หมู่ก้อนเมฆสีขาว ทะเลหมอก และไฮไลท์เด็ดคือการชมพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากยอดเขาท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เป็นภาพที่วิเศษสุดๆ เห็นแล้วลืมความเหนื่อยไปเลยค่า และนอกจากจะได้ความภาคภูมิใจแล้ว สำหรับใครที่ลงทะเบียนสมัครก่อนไป ยังได้ประกาศนียบัตรในการปีนภูเขาฟูจิกลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วยนะคะ เตรียมฟิตร่างกายให้พร้อม แล้วไปกันเล้ย!









 

ที่เที่ยวยอดนิยมในโตเกียว


โตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เป็นดินแดนที่รวมแฟชั่นชั้นแนวหน้าและเทคโนโลยีอันทันสมัย มีผู้คนอาศัยอยู่รวมกันกว่า 12 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ! และยังมีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช็อปปิ้งเด็ดๆ ให้ได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกันแบบไม่มีเบื่อ มาดูกันเลยค่ะว่าที่ฮิตๆ ห้ามพลาดมีที่ไหนบ้าง~

ย่านชินจูกุ (Shinjuku)

เป็นย่านศูนย์กลางของกรุงโตเกียวที่คึกคักตลอดทั้งวัน เต็มไปด้วยอาคารตึกสูงและโรงแรมหรูๆ มีสถานีรถไฟชินจุกุซึ่งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อไปยังสถานีอื่นๆ โดยมีรถไฟผ่านกว่า 10 สาย และมีผู้โดยสารใช้บริการมากถึง 3 ล้านคนต่อวันเลยค่า

รอบๆ เป็นแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ใครอยากได้แบรนด์อะไรของญี่ปุ่น ห้างสรรพสินค้าที่ชินจูกุมีหมดจ้า รวมถึงร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้ามือสอง ร้านอาหารแสนอร่อย และเกมส์เซนเตอร์ พอตกกลางคืนก็มาพบแสงสีเสียง และย่านสถานบันเทิงยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น คือย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ ร้านคาราโอเกะ ร้านปาจิงโกะ โรงแรม โรงหนัง เรียกได้ว่าเพลินได้ทั้งกลางวันกลางคืน เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับไหลเลยจริงๆ ค่ะ









และนอกจากแหล่งช็อปปิ้งแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อีกด้วยนะคะ ทั้ง

สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen National Garden) สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว เงียบสงบ ร่มรื่น รายล้อมด้วยต้นซากุระกว่า 400 ต้น ถือเป็นจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วยค่า







 

ศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government) เป็นศูนย์กลางการบริหารและปกครองของมหานครโตเกียว มีหอชมวิวความสูง 202 เมตร บนชั้นที่ 45 เปิดให้ขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมืองโตเกียวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลยค่ะ







 

ศาลเจ้า Hanazono นอกจากจะมาขอพรแล้ว ยังมีต้นซากุระสีชมพูหวานแหววปลูกไว้อย่างสวยงาม และถ้ามาช่วงฤดูร้อนจะมีเทศกาลฤดูร้อนที่สนุกสนานของที่นี่ด้วยค่า ในงานจะประดับด้วยโคมไฟสวยๆ มีร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ขายกันเรียงราย และมีการเต้นรำล้อมวงแบบญี่ปุ่นให้ได้ชมกันอีกด้วย ใครอยากเที่ยวงานเทศกาลของชาวญี่ปุ่นสักครั้งลองแวะมากันได้นะคะ โดยงานเทศกาลนั้นจะจัดขึ้นในวันที่ 1-2 สิงหาคมของทุกปี ตั้งแต่ 19.00-21.00 น.







 

ย่านฮาราจูกุ (Harajuku)

แหล่งรวมตัวของวัยรุ่นญี่ปุ่นในด้านแฟชั่น เราจะเห็นหนุ่มๆ สาวๆ แต่งตัวมาเดินกันได้แบบอลังการเฟร่อออ มีทั้งชุดคอสเพลย์และแฟชั่นเก๋ๆ แนวๆ ไม่ซ้ำใคร ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยค่า มีการแสดงดนตรีและโชว์ความสามารถพิเศษให้คนที่เดินเที่ยวช็อปปิ้งได้ชมกัน

รอบๆ มีร้านเสื้อผ้าที่เน้นสไตล์วัยรุ่น ร้านกิ๊ฟช็อป ร้านอาหารและคาเฟ่น่ารักๆ ที่ขึ้นชื่อเลยก็คือเครปญี่ปุ่นอันหอมมมมหวาน~ แป้งบางๆ โปะด้วยวิปครีมนุ่มๆ และผลไม้สด มีหลายร้านให้เลือกทานกันมากมาย ซึ่งเจ้าแรกของญี่ปุ่นคือร้าน Marion Crepes ใครที่ได้มาเยือนถึงถิ่นออริจินอลแล้ว ต้องลองกันสักหน่อยนะจ๊า









 

และอย่าลืมแวะมาขอพรที่ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ที่คนโตเกียวเคารพนับถือ และมาขอพรกันมากที่สุดค่ะ ภายในบริเวณศาลเจ้าเมจิยังมีสวนขนาดใหญ่ชื่อว่า Meiji Shrine Inner Garden มีสวนธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ ให้ชม รวมถึงสวนดอกไม้ โดยไฮไลท์ของสวนนี้คือดอกไอริสซึ่งจะบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายนค่ะ









เป็นยังไงบ้างคะ แค่ 2 ย่านก็เพลินกันเลยใช่ม้าา แต่ที่กรุงโตเกียวยังมีย่านดังๆ ให้ได้เพลิดเพลินกันอีกเพียบบบบ ซึ่งรับรองว่าเด็ดไม่แพ้กัน ทั้งย่านชิบูย่า (Shibuya), ย่านอาซากุสะ (Asakusa), ย่านอุเอโนะ (Ueno), ย่านอากิฮาบาระ (Akihabara), ย่านกินซ่า (Ginza), ย่านจิยูกาโอกะ (Jiyugaoka) เป็นต้น

 

สดชื่นคลายร้อนกับเมนูอาหารประจำฤดูร้อนของญี่ปุ่น


อากาศร้อนๆ แบบนี้ หลายคนอาจจะทานอะไรไม่ค่อยลง แต่ไม่ใช่เราอย่างแน่นอนค่า 5555 และที่ญี่ปุ่นเขาก็มีเมนูคลายร้อนที่ทั้งสดชื่น ดีต่อสุขภาพ แถมยังอร่อยมากอีกด้วย เหมาะกับในช่วงฤดูร้อนสุดๆ มาดูกันค่ะว่ามีเมนูอะไรบ้าง~

ฮิยาชิ จูกะ (Hiyashi Chuka) หรือบะหมี่เย็นทรงเครื่องสีสันสดใส เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มที่แช่ในน้ำเย็นจัด ใส่เครื่องเคียงหลากสีสัน ทั้งหมู ไก่ กุ้ง ไข่ สาหร่าย ผักต่างๆ เช่น แครอท ถั่วงอก ขิงดอง มะเขือเทศ และแตงกวา ซึ่งเป็นผักที่ช่วยคลายความร้อนได้ดี ราดด้วยซอสงาปรุงรสหรือน้ำซุปเย็นสูตรพิเศษ เปรี้ยวๆ หวานๆ รับรองว่าสดชื่นตั้งแต่คำแรกเลยล่ะค่า



 

โซเม็งเย็น (Cold Somen) เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมในหน้าร้อน จะคล้ายๆ กับเมนูฮิยาชิ จูกะก่อนหน้านี้ แต่ทำง่ายยิ่งกว่าค่ะ แค่นำเส้นหมี่ขาวมาแช่ในน้ำเย็นจัด หรือถ้ายังเย็นไม่สะใจก็โปะน้ำแข็งเพิ่มมาอีก เวลาทานก็นำเส้นลงไปจุ่มในน้ำซุปเข้มข้นถ้วยเล็กๆ หรือซอสโชยุ เพิ่มรสชาติด้วยขิงหรือวาซาบิ เป็นเมนูง่ายๆ แต่รสชาติเยี่ยม แถมยังคลายร้อนได้ดีมากๆ อีกด้วยค่า



 

เรอิ ชาบู (Rei Shabu) พอพูดถึงชาบูแล้วก็ต้องคิดว่าร้อนกว่าเดิมแน่ๆ เลยใช่ม้าา แต่นี่คือการนำเนื้อหมูสไลด์บางๆ ลวกสุก มาแช่ในน้ำเย็นจัด ทานคู่กับผักสดอย่างแตงกวา แครอท ถั่วลันเตา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มหมูชาบู ยิ่งได้ทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ รับรองว่าอิ่มอร่อยแถมสดชื่นอย่าบอกใครเล้ย



 

ปลาอายุ (Ayu) สุดยอดปลาแม่น้ำที่ใครๆ ต่างพากันยกนิ้วให้ เพราะรสชาติที่อร่อยหอมหวานเหมือนแตงโม เนื้อนุ่มๆ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของปลาอายุ จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Sweet Fish เมื่อทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกสดชื่น นิยมนำมาย่างเกลือ หอมอร่อยสุดๆ ซึ่งปลาอายุจะมีวงจรชีวิตสั้นแค่ 1 ปีเท่านั้นนะคะ จึงเป็นปลาที่หายากและมีราคาสูง ใครมีโอกาสได้ลองทานรับรองว่าฟินลื้มมม



 

ปลาไหล (Unagi) ที่ชาวญี่ปุ่นชอบทานปลาไหลกันก็เพราะว่า ในหน้าร้อนเราจะเสียเหงื่อและพลังงานมาก แถมเหนื่อยง่าย ปลาไหลซึ่งนอกจากจะมีคุณสมบัติช่วยคลายร้อนแล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังและช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกาย อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 วิตามิน และโปรตีน โอ้ววววว ประโยชน์เยอะมากๆ แถมรสชาติก็อร่อย ไม่คาว เมนูยอดฮิตคือ ปลาไหลย่างซีอิ๊ว ทานคู่กับข้าวร้อนๆ อร่อยเหาะไปเลยจ้า



 

น้ำเเข็งไสคาคิโกริ (Kakigori) หน้าร้อนทั้งทีจะขาดน้ำเเข็งไสไปได้ยังไงกัน เกล็ดน้ำแข็งนุ่มฟูเหมือนปุยหิมะ ตกแต่งด้วยท็อปปิ้งสีสันสดใส โปะเนื้อผลไม้ชิ้นโตๆ เช่น สตอเบอรี่ เมล่อน แตงโม ราดด้วยนมข้น หวานหอมชื่นใจเเถมได้วิตามินเต็มๆ!



 

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)


สวนสนุกในฝันของทั้งผู้ใหญ่และเด็ก (อย่างเรา) ที่จะทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปในดินแดนของเทพนิยาย~ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1983 ตั้งอยู่ที่จังหวัดชิบะ (Chiba Ken) ใกล้กับกรุงโตเกียวนิดเดียว นั่งรถไฟมาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้วจ้า

ภายในถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ อัดแน่นไปด้วยความสนุกที่มีครบทุกรสชาติ รองรับสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถเลือกไปเพลิดเพลินกันได้ตามใจชอบเลยค่ะ โดยธีมของสวนสนุกจะมีการตกแต่งตามฤดูกาลต่างๆ แถมเราจะได้ใกล้ชิดกับเหล่าตัวการ์ตูนตัวโปรดและเจ้าหญิงเจ้าชายจากดิสนีย์อีกด้วย >,< มีทั้งการผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์และฉากจำลองของภาพยนตร์เรื่องดัง พร้อมเครื่องเล่นสุดมันส์มากมาย ห้ามพลาดชมขบวนพาเหรดสุดอลังการ ที่จะมีเหล่าตัวการ์ตูนสุดน่ารักออกมาทักทายและเต้นไปตามเสียงเพลง สร้างความสนุกสนานและรอยยิ้มของทุกคนได้เป็นอย่างดีเลยค่า

และยังมีธีมปาร์คใหม่ชื่อว่า โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) ซึ่งจะเน้นการผจญภัยทางน้ำที่แฝงความโรแมนติกเอาไว้ โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากเทพนิยายและตำนานแห่งท้องทะเล โดยเรียกธีมปาร์คทั้งสองว่า โตเกียวดิสนีย์ รีสอร์ท (Tokyo Disney Resort) ที่ได้รวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เหมือนเป็นอีกโลกนึงเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งนอกจากโซนเครื่องเล่นต่างๆ แล้ว ยังมีทั้งโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ศูนย์บริการลูกค้า หรือรถไฟฟ้าสายดิสนีย์รีสอร์ท ที่จะวิ่งรับ-ส่งเที่ยวรอบทั้งสองปาร์คให้ได้เล่นกันอย่างจุใจไปเล้ยยย

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป 7,400 เยน , เด็กโตอายุ 12-17 ปี 6,400 เยน และเด็กเล็กอายุ 4-11 ปี 4,800 เยน
โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9:00 น. - 22:00 น. วันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดราชการ จะเปิดตั้งแต่ 8.00 น. ค่า

 











เครดิตรูปภาพจาก http://www.tokyodisneyresort.jp/th/

 

ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ เจแปน (Universal Studios Japan, USJ) เมืองโอซาก้า


อาณาจักรของคนรักหนังฮอลลิวู้ดหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น และเป็นสวนสนุกแห่งแรกของยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ที่เปิดในเอเชีย เปิดขึ้นเมื่อปี 2001 มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจาก Tokyo Disney Resort เลยค่า ภายในสวนสนุกมีกิจกรรมมากมาย ก่อนเข้าไปสามารถขอตารางกิจกรรมกับทางเคาน์เตอร์ได้นะคะ จะได้รู้ว่าวันนี้มีกิจกรรมอะไรที่น่าสนใจบ้าง โดยจะมีโซนต่างๆ ทั้งหมด 8 โซน ได้แก่

Amity Village ล่องเรือออกสู่ท้องทะเลไปพร้อมกัปตัน โดยจำลองขึ้นจากภาพยนตร์เรื่อง Jaws ระหว่างทางจะปะทะกับฉลามตัวใหญ่พร้อมเอฟเฟคแบบจัดเต็ม เป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นและลุ้นระทึกมากก แนะนำให้ใส่เสื้อกันฝนด้วยนะคะ เพราะได้เปียกโชกกันทั้งลำแน่ๆ >,<



 

Water World จำลองฉากจากภาพยนตร์เรื่อง Water World เป็นการแสดงสุดเร้าใจบนผิวน้ำ ฉากการต่อสู้อันดุเดือดและการแสดงที่สมจริงมากๆ ระเบิดภูเขาเผากระท่อมนี่มาหมดจ้า ลุ้นตามจนแทบหยุดหายใจกันเลยทีเดียว



 

Jurassic Park ตะลุยดินแดนไดโนเสาร์ ด้วยรถไฟเหาะสุดมันส์อย่าง Flying Dinosaurs บนความสูง 46 เมตร ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! โดยเราจะถูกล็อคกับเก้าอี้แบบคว่ำหน้าลงพื้น ที่จะทำให้รู้สึกเหมือนกับถูกไดโนเสาร์มีปีกจับตัวเราบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ตีลังกาหลายตลบ แล้วโฉบลงน้ำ โอ้ยย ตื่นเต้น หวาดเสียวเว่อร์ค่า กรี๊ดจนเสียงแหบเสียงแห้งกันไปเล้ย





 

Sanfrancisco บรรยากาศของโซนนี้เหมือนได้อยู่ในซานฟรานซิสโกสมชื่อเลยค่ะ และยังได้นั่งทามไทม์แมชชีนเพื่อย้อนอดีต และตะลุยไปยังอนาคตผ่านเทคนิคภาพ 3D กับเรื่อง Back to the future ภาพแสงสีเสียงสมจริงมากๆ ทั้งระเบิด ไฟฟ้าช็อต ไฟที่ลุกไหม้ และโกดังขนาดใหญ่ที่กำลังจะพังลงมา เหมือนว่าเรากำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เลยค่ะ สนุกมากกก



 

New York ผจญภัยในเมืองนิวยอร์คด้วยเครื่องเล่นสุดมันส์อย่าง The Amazing Adventures of SpiderMan ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง 4K 3D พร้อมด้วยสเปเชี่ยลเอฟเฟคกว่า 100 อย่าง โดยเครื่องเล่นนี้จะพาเราร่วมปฎิบัติภารกิจปราบเหล่าร้ายไปพร้อมกับสไปเดอร์แมน ราวกับว่าเป็นมือขวาของเขาเลยค่า



 

Hollywood อีกหนึ่งโซนที่มีเครื่องเล่นสุดตื่นเต้นรอทุกคนอยู่ อย่าง Hollywood Dream The Ride Backdrop รถไฟเหาะแบบถอยหลัง ที่แค่เห็นก็เสียวหลังวาบแล้วจ้า จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังหงายหลังหล่นลงจากที่สูงกว่า 43 เมตร!!
และชมภาพยนตร์ 4 มิติ ที่จะพาเราขึ้นสู่ท้องฟ้าไปผจญภัยท่ามกลางดวงดาวต่างๆ กับเอฟเฟคเต็มรูปแบบ เหมือนกับเรากำลังนั่งยานอวกาศท่องอยู่นอกโลกจริงๆ ค่ะ



 

Universal Wonderland โซนสำหรับน้องๆ หนูๆ ที่จะได้เพลิดเพลินไปกับความน่ารักของเหล่าตัวการ์ตูนอย่าง Hello Kitty, Sesame Street และ Snoopy พร้อมเครื่องเล่นสนุกๆ และมาสคอตสุดน่ารักเดินให้ถ่ายรูปกันอยู่ทั่วโซน หิวๆ ก็มีร้านอาหารและร้านขายขนมไว้คอยบริการด้วยนะจ๊ะ เป็นโซนที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจเด็กๆ กันจริงๆ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังต้องหลงรักโซนนี้เลยค่า







 

และแล้วก็มาถึงโซนเด็ดของที่นี่ ซึ่งเป็นไฮไลท์และเป็นเป้าหมายของใครหลายๆ นั่นก็คือ The Wizarding World of Harry Potter ดินแดนเวทมนตร์ที่จำลองมาจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Harry Potter นั่นเองค่า กรี๊ดดดด

สัมผัสแรกที่ก้าวเข้ามา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเฮอร์ไมโอนี่เดินเล่นอยู่เลยค่ะ อิอิ ทั้งบรรยากาศและสิ่งก่อสร้างต่างๆ สมจริงมากๆ มีปราสาทฮอกวอตส์อันยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ด้านในมีทั้งห้องของดัมเบิลดอร์ และห้องเรียนต่างๆ รูปภาพก็คุยตอบโต้ได้แบบในหนัง แม้แต่หมวกคัดสรรก็ยังมีค่ะ

และมาเดินเล่นกันต่อที่หมู่บ้าน Hogsmeade ซึ่งมีร้านค้าที่ขายของวิเศษจากในหนัง เช่น ชุดพ่อมดแม่มดและไม้กายสิทธิ์, ร้านขนมยอดฮิตอย่าง Honeydukes ที่มีเยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บอตต์และกบช็อกโกแลต, ร้านขายของเล่นกล Zonko’s และร้านขายของที่ระลึกอีกมากมาย ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Butter Beer ที่ร้าน Three Broomsticks ค่า ชื่อบอกว่าเบียร์แต่ไม่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์นะคะ เด็กๆ ดื่มทานได้สบายๆ หวานอร่อย ใครมาแล้วไม่ลองเหมือนมาไม่ถึงน้า

นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆ เช่น Harry Potter and Forbidden Journey เป็นเครื่องเล่นรูปแบบ 4K3D ที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ขี่ไม้กวาดผจญภัยไปในฉากอันแสนตื่นเต้นกับแฮร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นในป่าต้องห้ามหรือไล่ล่ามังกรในสนามควิตดิช มันส์เว่ออออร์!

















และถ้าใครยังไม่รีบกลับ ในตอนกลางคืนจะมีขบวนพาเหรดสุดตระการตาอย่าง Magical Starlight Parade ให้ชมกันด้วยค่า เหล่าตัวการ์ตูนออกมาเดินโชว์พร้อมไฟประดับระยิบระยับ เป็นขบวนพาเหรดที่สวยงามและตื่นตาตื่นใจมากๆ เรียกว่ามาที่นี่จะได้กลับบ้านไปพร้อมรอยยิ้ม และเต็มอิ่มไปกับความสนุกสนานในโลกแห่งความฝันนี้อย่างแน่นอนค่า ^^

ค่าเข้าชม : ตั๋วแบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ ราคา 7,200 เยน, เด็ก ราคา 4,980 เยน, ผู้สูงอายุ ราคา 6,470 เยน โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 - 17:00 น. (Low Season) และ 9:00 - 21:00 น. (Peak Season)









เครดิตรูปภาพ http://www.jgbthai.com/universal-studios-japan/