เที่ยวในฤดูหนาวของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นอีกช่วงที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างยิ่งค่า เพราะเป็นช่วงที่มีเทศกาลและกิจกรรมสนุกสนานมากมาย แถมยังแฝงความโรแมนติกไว้เบาๆ เราจะได้เริงร่าท่ามกลางอากาศเย็นๆ และหิมะที่โปรยปราย -3- งานนี้หนาวไม่กลัว กลัวไม่มันส์จ้า 55555

 

เทศกาลหิมะซัปโปโร Sapporo Snow Festival

สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็คือ เที่ยวเทศกาลหิมะซัปโปโร โดยจะจัดขึ้นปีละครั้ง ทุกต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่สวนสาธารณะโอโดริ ( Odori Park ) ค่า

ที่สวนนี้ในช่วงฤดูร้อนจะเป็นสวนสีเขียวสุดร่มรื่น เมื่อเข้าเดือนกุมภาพันธ์จะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน และจะต้องตื่นตาตื่นใจกับรูปปั้นแกะสลักหิมะ จากฝีมือของนักปั้นและนักแกะสลักจากทั่วโลกที่มาประชันฝีมือประกวดผลงานสุดยิ่งใหญ่อลังการนี้เป็นร้อยๆ ชิ้น *0* โดยแต่ละผลงานจะถูกปั้นอย่างปราณีตเป็นรูปร่างต่างๆ ทั้งรูปสิ่งก่อสร้างที่สำคัญๆ บุคคลชื่อดัง ตัวการ์ตูนสุดน่ารัก และลายอื่นๆ อีกเต็มไปหมด มีตั้งแต่ขนาดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยขนาดที่ใหญ่ที่สุดนั้นมีความสูงถึง 15 เมตร และยาว 25 เมตรเลยทีเดียว ได้ข่าวว่าทีมจากประเทศไทยของเราสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 3 ปีซ้อนเลยนะจ๊าาา อร้ายยย ชาติไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ อิอิ

ในงานยังมีสไลด์เดอร์ขนาดยักษ์ เขาวงกตที่ทำจากหิมะ คอนเสิร์ต และกิจกรรมอีกมากมาย ที่ล้วนแต่ทำมาจากน้ำแข็งทั้งนั้น ให้เราได้สัมผัสกับหิมะสุดคูลลลลนี้ได้อย่างเต็มอิ่ม หนาวๆ หิวๆ ก็มีร้านอาหาร และเครื่องดื่มร้อนๆ บริการอีกด้วยจ้า

 

หมู่บ้านมรดกโลก Shirakawago

หมู่บ้านสุดน่ารักราวกับในนิทานนี้มีชื่อว่า ชิราคาวะโกะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา อยู่ที่จังหวัดกิฟุค่า และยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1995 อีกด้วย วินาทีแรกที่ได้สัมผัสที่นี่ต้องกรี๊ดดดดออกมาเลยค่ะ เพราะหนาวมาก เอ้ย ไม่ใช่ เพราะสวยยยมากต่างหากก >,< 555 ภาพของบ้านทุกหลัง รวมถึงถนนเส้นเล็กๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนสวยงาม โอบล้อมไว้ด้วยภูเขาและป่าสน เหมือนหลุดเข้าไปในโลกนิยายเลยค่า

หมู่บ้านนี้สร้างมาเป็นร้อยๆ ปีแล้วค่ะ แต่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมและรักษาสภาพของหมู่บ้านไว้เป็นอย่างดี มีบ้านทั้งหมดไม่ถึง 200 หลัง ตัวบ้านเป็นสถาปัตยกรรมแบบกัสโซ (Gassho) แปลว่าพนมมือ จุดเด่นอยู่ที่หลังคาลาดชันทำมุมกัน 60 องศา รูปทรงเหมือนกับคนพนมมือขอพรอยู่จริงๆ ค่ะ โดยทำจากหญ้าฟางและไม่ใช่ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ใช้ไม้ขัดกันและใช้เชือกมัดให้แน่นแทน และที่ทำเป็นรูปทรงนี้ก็เพื่อให้หิมะไหลลงมาด้านข้าง ไม่เกาะท่วมบนหลังคาและไม่ต้องรับน้ำหนักของหิมะปริมาณมากค่ะ บ้านทุกหลังจะหันหน้าไปทางเดียวกันตามทิศทางลมเพื่อช่วยให้บ้านเย็นสบายในฤดูร้อน และสร้างความอบอุ่นในฤดูหนาว โอ้โหห ความคิดของคนโบราณนี่สุดยอดไปเลยค่าาา

ภายในหมู่บ้านมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และบ้านพักแบบโฮมเสตย์ด้วยนะคะ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนหลายแสนคนต่อปีเลยทีเดียว ถ้าจะมาพักต้องจองกันยาวหน่อยนะจ๊า และอย่าลืมขึ้นไปจุดชมวิวบนเนินเขาซึ่งจะเห็นวิวของหมู่บ้านนี้ได้แบบเต็มๆ จุดนี้จะเป็นมุมที่สวยที่สุด ห้ามพลาดเลยนะคะ

ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดู ในฤดูใบไม้ผลิจะเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดและดอกซากุระ, ฤดูร้อนจะเห็นทุ่งหญ้า ภูเขาสีเขียวขจีและรวงข้าวที่กำลังงอกงาม, ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีบรรยากาศแสนอบอุ่น ทั้งหมู่บ้านถูกย้อมไปด้วยสีสันของใบไม้แดงและใบไม้เหลืองสดใส

โดยเฉพาะฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่งดงาม โรแมนติกและชวนฝันฝุดๆ ไฮไลท์เด็ดคือระหว่างเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ในช่วงสุดสัปดาห์ จะมีงานแสดงไฟ Shirakawago Light Up บ้านหลังทุกหลังจะส่องประกายท่ามกลางแสงไฟในฤดูหนาวพร้อมหิมะที่โปรยปราย สวยงามมากกกก ต้องมาเห็นกับตาตัวเองสักครั้งจริงๆ ค่า โดยงานแสดงครั้งต่อไปจะมีทั้งหมด 4 วัน คือวันที่ 21, 28 มกราคม และ 4, 12 กุมภาพันธ์ ปี 2018 เวลา 17.30-19.30 น. ค่ะ

 

เคาท์ดาวน์ นับถอยหลังสู่ปีใหม่

เทศกาลแห่งความสุขในฤดูหนาวอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือการเคาท์ดาวน์ปีใหม่ค่า ได้นับถอยหลังสู่ปีใหม่ท่ามกลางวิวสวยๆ อากาศเย็นๆ ได้เปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆ ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่แสนน่าประทับใจจริงๆ ค่ะ โดยที่ญี่ปุ่นนั้นมีสถานที่เคาท์ดาวน์เจ๋งๆ มากมาย ใครที่อยากชมพลุสวยๆ ก็มีที่ Huis Ten Bosch, Nagashima Spa Land, Universal Studios, Tokyo Disney Land และ Tokyo Disney Sea เป็นต้น และที่อยากแนะนำทุกคนก็คือ

วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวค่ะ ถ้ามาที่นี่จะได้สัมผัสการฉลองปีใหม่แบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม จะแตกต่างกับที่อื่นๆ อยู่พอสมควรนะคะ เพราะมีความเงียบสงบ ร่มรื่น ไม่มีแสงสีเสียงตระกาลตามากมาย โดยที่โตเกียวผู้คนส่วนใหญ่นิยมเข้าวัดกันในวันส่งท้ายปี ที่วัดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวมากถึง 3 ล้านคนเลยค่า! เพื่อมาโยนเหรียญและอธิษฐานขอพรตอนในเที่ยงคืน และจะมีการตีระฆังดังก้องกังวาลไปทั่วเพื่อเป็นสัญญาณเข้าสู่ปีใหม่ โดยตีจนครบ 108 ครั้ง โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าถ้าเราได้ยินเสียงของระฆังครบ 108 ครั้ง จะเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและกิเลสของมนุษย์ทั้ง 108 อย่างออกไปจากชีวิต ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีและเป็นศิริมงคลนั่นเองค่า

รอบๆ บริเวณวัดยังมีร้านขายของมากมายให้ได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก ตุ๊กตานำโชค เครื่องรางญี่ปุ่น ชุดกิโมโนหลากสีสัน และร้านอาหาร ถ้าใครได้มีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงวันสิ้นปีใหม่ แนะนำให้มาฉลองปีใหม่ในสไตล์ญี่ปุ่นดูสักครั้งนะคะ จะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและประทับใจอย่างแน่นอนค่า

 

ชมการประดับไฟช่วงคริสต์มาส

คริสต์มาสเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่คนญี่ปุ่นจะตื่นเต้นเป็นพิเศษไม่แพ้ประเทศในแถบตะวันตกเลยล่ะค่า เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนจะถือว่าเป็นฤดูแห่งการประดับไฟฤดูหนาวที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ละที่จัดเต็มกันสุดๆ อลังการและโรแมนติกมากกก รับรองว่าตื่นตาตื่นใจจนต้องร้องว้าววววววว! อย่างแน่นอน

โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้เลยค่ะสำหรับที่นี่ เพราะโด่งดังมากก จัดติดต่อกันมากว่า 10 ปีแล้วค่ะ เป็นเทศกาลงานแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโตเกียว โดยได้เนรมิตสนามหญ้าในสวน Starlight Garden ของโตเกียวมิดทาวน์ให้กลายเป็นทุ่งไฟไดนามิกสีฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับ โดยใช้หลอดไฟ LED กว่า 280,000 ดวง สวยงามละลานตาเหมือนได้หลุดไปอยู่ห้วงอวกาศเลยค่ะ

เราจะได้เห็นความสวยงามของการประดับไฟในรูปแบบต่างๆ ที่แบ่งออกเป็น 11 ส่วน ทั้งบนต้นไม้ ต้นคริสต์มาส ท้องถนน ชอบตรงที่มีการเล่นไฟให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางต่างๆ พร้อมเปิดเพลงประกอบอีกด้วย >,< โดยจะจัดแสดงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึง ปลายเดือนธันวาคม ตั้งแต่เวลา 17:00 - 23:00 ค่า

เครดิตรูปภาพ http://luvtoexplore.blogspot.com/2012/03/2010-tokyo-midtown-christmas-light-show.html

เครดิตรูปภาพ https://goo.gl/md1Wbn

 

มะรุโนะอุจิ อิลลูมิเนชั่น (Marunouchi Illumination) เป็นย่านที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว อยู่ใกล้ๆ กับสถานีโตเกียวและพระราชวังอิมพีเรียลค่ะ มีร้านค้าหรูๆ แบรนด์ดังเป็นแนวยาวตลอดทาง

ในช่วงคริสต์มาสถนนทั้งสองข้างระยะทางยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร จะถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟ LED สีแชมเปญโกลด์กว่า 1 ล้านดวง! บนต้นไม้กว่า 250 ต้น ซึ่งเป็นสีพิเศษสำหรับที่นี่เท่านั้นค่า ถนนทั้งสายจะส่องสว่างเป็นสีทองอร่ามให้ความรู้สึกหรูหรา คลาสสิคและโรแมนติกสุดๆ เดินอยู่นี่รู้สึกว่าตัวเองมีออร่ามากค่า เหมือนมีเสียงกระซิบตลอดเวลา ฉันสวยยย ฉันหรู ~ -3- มีคู่รักมาออกเดทกันเพียบ ส่วนเราก็ยังคงเดินรู้สึกสวยๆ คนเดียวต่อไป หุหุหุ

และที่นี่ได้พัฒนาไฟประดับที่อ่อนโยนต่อสภาพแวดล้อมมากที่สุดในโลก โดยเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดพลังงานชื่อว่า NEW Eco Illumination ที่ให้ความสว่างเท่าเดิมแต่ประหยัดไฟได้ถึง 65% เลยทีเดียวค่า จัดแสดงวันที่ 10 พฤศจิกายน - 19 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 17:00 - 23:00 น. ถ้าเดือนธันวาคมจะเปิดถึงเที่ยงคืนค่ะ

อ้อ! แล้วอย่าลืมแวะมาถ่ายรูปที่ต้นคริสต์มาสใหญ่ยักษ์สีขาวที่ศูนย์การค้า KITTE นะคะ อยู่ใกล้ๆ กับสถานีโตเกียว ซึ่งมีความสูงถึง 14.5 เมตร ตั้งเด่นสง่าอยู่กลางห้าง ถูกประดับด้วยไฟมากมาย ดูแล้วเหมือนมีหิมะกำลังโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าจริงๆ เลยค่า

เปิดให้ชมในช่วง 19 พฤศจิกายน ถึง 25 ธันวาคม ในวันจันทร์ถึงวันเสาร์จะเริ่มตั้งแต่เวลา 17:10 - 22:40 ส่วนวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะปิดเวลา 21:40 ค่ะ

 

เล่นสกีฤดูหนาว

แน่นอนเลยค่ะว่ากิจกรรมยอดฮิตที่คู่กับหน้าหนาวก็คือการเล่นสกี ถือเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย ใครที่ชื่นชอบการเล่นสกี  และอยากจะมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมหิมะสีขาวปุกปุย เรามีสกีรีสอร์ทแจ่มๆ มาแนะนำด้วยนะค้า

Rusutsu Ski Resort อาณาจักรแห่งความสนุกแห่งเกาะฮอกไกโด ซึ่งหิมะที่ฮอกไกโดได้รับการยกย่องจากนักสกีจากทั่วโลกว่าเป็นหิมะคุณภาพที่ดีที่สุด! ถือเป็นสวรรค์ของคนรักการเล่นสกีเลยล่ะค่ะ

ที่นี่เป็นลานสกีครบวงจร ขนาดกว้างขวาง ใช้พื้นที่ภูเขาถึง 3 ลูก! ไฮไลท์เด็ดก็คือความนุ่มมมม และเบาของหิมะที่เรียกว่า Powder Snow ชนิดที่ว่าสำลีชิดซ้ายไปเลยจ้าาา เป็นผงนุ่มลื่นคล้ายแป้ง ทำให้ตอนเล่นสกีจะลื่นไหลได้ดีกว่า แถมเวลาล้มก็ไม่เจ็บด้วยค่า เหมาะกับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยแม้แต่เด็กๆ มีพื้นที่ฝึกสอนสำหรับมือใหม่ และเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาค่ะ

และยังมีกิจกรรมสนุกๆ มากมาย ทั้งลานสกี สวนสนุก Crayon Shinchan Kids' Park รถสุนัขลากเลื่อนหิมะ Lift Pass สำหรับนั่งขึ้นไปเล่นสกีบนภูเขา ที่พักสุดหรู บ่อออนเซ็น สระว่ายน้ำ ร้านค้าและร้านอาหาร โอ้ยยเยอะแยะไปโม้ดดด เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่คุ้มค่ามากๆ สนุกเพลิดเพลินจนไม่อยากกลับบ้านเลยทีเดียววว

เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 - 24.00 น. ถ้าจะมาเล่นสกีควรมาในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนนะค้า

เครดิตรูปภาพ www.skiing-hokkaido.com/, snow.gurunavi.com/guide/htm/r0331enpg.htm

 

Tomamu สกีรีสอร์ทระดับไฮคลาสสุดหรู ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮอกไกโด มีให้เล่นตั้งแต่ลานสำหรับเด็กๆ ไปจนถึงสกีระดับมืออาชีพเลยค่ะ พร้อมกิจกรรม Outdoor ให้ได้มันส์กันอย่างสุดๆ ไปเลย เช่น สโนว์โมบิล แพหิมะ สุนัขลากเลื่อน สนามเด็กเล่น หรือกิจกรรมของสายชิลก็มีนะคะ ทั้งการแช่น้ำร้อนออนเซ็น นวดสปา ร้านอาหารอร่อยๆ และยังมีโบสถ์สำหรับทำพิธีแต่งงานด้วยค่า โรแมนติกไปอี๊กกก

ภายในโรงแรมก็มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ MINA-MINA Beach ที่มีการควบคุมอุณภูมิแม้ว่าอากาศข้างหนาวจะหนาวแค่ไหนก็ยังสามารถว่ายน้ำได้ตลอดเวลา แถมยังเพิ่มความสนุกสนานด้วยคลื่นลูกใหญ่ทุกหนึ่งชั่วโมง ว่ากันว่าเป็นสระน้ำ Indoor Wave Pool ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นด้วยค่า

ส่วนที่เด็ดสุดๆ คือ Ice Village หมู่บ้านน้ำแข็ง ไฮไลท์สำคัญของที่นี่ในช่วงฤดูหนาว เข้าชมได้เฉพาะช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมีนาคมเท่านั้นค่ะ ทุกอย่างล้วนทำจากน้ำแข็งทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น บ้าน โบสถ์ โดมร้านอาหาร บาร์ และโซน Ice Labo ที่เก็บตัวอย่างของเกล็ดหิมะเอาไว้ ให้เราสามารถมองเห็นเกล็ดหิมะสวยๆ ได้ด้วยตาเปล่า *0*

สามารถมาที่สกีรีสอร์ทแห่งนี้ได้ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนเมษายน เปิดตั้งแต่ 9.00 - 19.00 เลยค่า

และยังมีสกีรีสอร์ทฮิตๆ ตามเมืองต่างๆ อีกมากมาย เช่น Hakuba Happo-one Ski Resort, Kiroro Snow World, Niseko Village Ski Resort, Furano ski resort เป็นต้น

เครดิตรูปภาพ www.snowtomamu.jp/winter/en/

 

สำหรับ เสื้อผ้าที่ใส่เล่นสกี ควรเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม และเลือกแบบที่กันน้ำด้วยนะคะ เพราะพอหิมะพอละลายจะได้ไม่ไม่แฉะไม่เปียกให้หมดสนุกเนอะ

- เสื้อ เลือกเสื้อผ้าหนาๆ สำหรับใส่เล่นสกี เช่น เสื้อคอเต่า เสื้อแขนยาว ควรใส่เสื้อฮีทเทค (Heattech) หรือลองจอน (Long John) ไว้ข้างในเพื่อทำให้ร่างกายรักษาอุณหภูมิและอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ทับด้วยเสื้อคลุมโอเวอร์โค้ท แจ๊กเก็ตชนิดหนาเป็นพิเศษ หรือเสื้อขนสัตว์ เช่น ขนเป็ด จะช่วยกันลมได้ด้วยค่ะ

- กางเกง  แน่นอนว่าต้องเป็นกางเกงขายาว ด้านในเป็นเนื้อผ้าขนสัตว์ใส่แล้วจะอุ่นสบ๊ายย ยิ่งเป็น Ski Pants จะดีมากค่า อย่าลืมใส่ฮีทเทคหรือลองจอนไว้ข้างในด้วยเช่นกันนะคะ

- หมวก  เป็น หมวกไหมพรมแบบหนากันหนาวได้ หรือจะเพิ่มที่ปิดหูก็จะช่วยกันความเย็นเพิ่มไปอีก แถมยังเป็นพร็อพเก่ๆ น่ารักๆ ได้ด้วยค่ะ อิอิ

- ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า ก็ควรใช้ชนิดหนาพิเศษ ไม่ควรใช้ถุงมือถักไหมพรม เพราะพอหิมะละลายกลายเป็นน้ำ ถุงมือจะเปียกและกันความเย็นได้ไม่มาก ทำให้หิมะอาจกัดได้นะคะ

- รองเท้า ควรใส่เป็นหุ้มข้อกันลื่นหรือรองเท้าบูทที่กันน้ำและหิมะได้ ที่นิยมก็จะเป็นรองเท้า Uggs ค่ะ เพราะเป็นรองเท้าสำหรับหน้าหนาวโดยเฉพาะ ด้านในเป็นขนอุ่นฝุดๆ หรือเลือกเป็นรองเท้าสำหรับเล่นสกีลุยหิมะเลยก็ได้ค่า

 

แช่น้ำแร่ออนเซ็น

เมื่อเล่นสกีท่ามกลางหนาวเย็นกันมาแล้ว ก็มาอบอุ่นร่างกายกันต่อ ด้วยการแช่น้ำพุร้อนออนเซ็นสบายๆ กันค่ะ แต่หลายคนคงจะเขินเพราะต้องถอดผ้าออกหมดห้ามเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว หุหุหุ แต่ไม่ต้องอายเลยจ้า เพราะคนที่นี่เขาถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ ถอดสะบัดแล้วลงไปแช่โลดดด ไม่มีใครมาสนใจแน่นอน

ซึ่งการแช่ออนเซ็นถือว่าเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน เป็นการแช่เพื่อบำรุงผิวกาย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ระบบการหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น บรรเทาอาการปวดเมื่อยต่างๆ ทำให้ผ่อนคลาย และลดความตึงเครียดได้อย่างดีเลยค่ะ หญิงปุ๊กมีแหล่งออนเซ็นแจ่มๆ มาฝาก ที่ได้ลองแช่แล้วจะต้องติดใจ ^^

Takaragawa Onsen เป็นแหล่งออนเซ็นชั้นดีคุณภาพระดับโลกเลยค่า ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ (Gunma) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์และความงดงามของธรรมชาติ นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาตินิยมมาแช่ออนเซ็นอุ่นๆ ท่ามกลางหิมะ และสัมผัสบรรยากาศแบบฟินๆ ของที่นี่กันอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ

โดยออนเซ็นแห่งนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องของการเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยมาตั้งแต่อดีต ช่วยทั้งเรื่องสุขภาพ ระบบไหลเวียนโลหิต และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอีกด้วย มีให้เลือกทั้งบ่อกลางแจ้งและในร่ม เป็นบ่อรวมชายหญิง ชื่อว่า Maka Bath, Hannya Bath, Kodakara Bath, และ Maya Bath ซึ่งเป็นบ่อเฉพาะสำหรับผู้หญิงเท่านั้นค่ะ สาวๆ เขาจะมีชุดให้ใส่ด้วยนะคะไม่ต้องเขินไป เป็นคล้ายๆ ผ้าถุงที่นุ่งกระโจมอก ไม่โป๊แน่นอนจ้า

สำหรับใครที่พาเด็กเล็กมาด้วย ก็มีบ่อสำหรับครอบครัวค่ะ เป็นบ่อไม่ลึก เด็กๆ สามารถสนุกได้เต็มที่ เราจะเห็นครอบครัวชาวญี่ปุ่นมาแช่กันอย่างสนุกสนาน พ่อ แม่ ลูก อบอุ่นและน่ารักมากๆ เลยค่า หรือมาพักค้างคืนที่นี่ก็มีให้บริการนะคะ ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย เห็นวิวสวยๆ จากตัวห้อง แถมหลายคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาหารที่นี่อร่อยและสดมว้ากกกก! >,<

เครดิตรูปภาพ https://www.visitgunma.jp/en/sightseeing/detail.php?sightseeing_id=75

 

Hakone Onsen แหล่งออนเซ็นที่ติดอันดับเป็นเบอร์หนึ่งในใจชาวญี่ปุ่นมายาวนาน ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงโตเกียวและภูเขาไฟฟูจิค่ะ มีให้บ่อน้ำพุร้อนแช่กว่า 20 บ่อแน่ะ บ่อที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดนั้นมีชื่อว่า Yumoto ซึ่งมีสรรพคุณช่วยในการไหลเวียนของโลหิตและคลายอาการปวดหลังได้ดีสุดๆ

และยิ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีวิวทิวทิศน์ของที่นี่จะสวยงามมากเป็นพิเศษเลยค่า รายล้อมไปด้วยสีของต้นไม้ทั้งสีแดง ส้ม ทอง ตัดกับสีฟ้าของน้ำพุร้อน ได้แช่ออนเซ็นไปพร้อมกับชมวิวสวยๆ ฟินเฟร่ออออ ~

 

Noboribetsu Onsen ถ้าพูดถึงแหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุดในเกาะฮอกไกโดก็ต้องที่นี่เลยจ้า ออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติของภูเขาและหิมะ สามารถมองเห็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินได้ มีน้ำแร่ที่ต่างกันถึง 11 ชนิด แต่ละชนิดล้วนมีประสิทธิภาพที่สุดในญี่ปุ่น แถมยังโดดเด่นในเรื่องของสรรพคุณที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ รวมทั้งผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของร่างกายได้ดีอีกด้วยค่ะ

ใครที่อยากจะมานอนค้าง ที่นี่มีโรงแรมและที่พักสไตล์เรียวกังขนาดใหญ่หลายแห่งให้บริการนะคะ เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดมากๆ

 

Shiga Kogen ตั้งอยู่ที่ราบสูงชิงะ จังหวัดนากาโนะ เป็นลานสกีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นค่า ขนาบข้างด้วยเทือกเขาสูง ที่นี่มีทั้งลานสกีทั้งบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่อยู่ภายในสวน Jigokudani Yaen-Koen ไฮไลท์อยู่ตรงที่เราจะได้เห็นลิงกังญี่ปุ่นแก้มแดง (Snow Monkey) ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ออกมาแช่น้ำพุร้อนกันอย่างสบายใจในช่วงฤดูหนาว >,< ถือเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้มากมายเลยทีเดียว ใครที่อยากมาชมความน่ารักของเจ้าลิง ห้ามพลาดเลยค่า

 

The Blue Pond

บ่อน้ำสีฟ้าสดใส ความงดงามของธรรมชาติแห่งเมืองบิเอะ (Biei) บนเกาะฮอกไกโดค่า เป็นบ่อนํ้าที่ความสวยและเงียบสงบมากกก เห็นครั้งแรกนี่เกือบกระโดดลงไปแล้วนะคะ อย่างกับสระว่ายน้ำแน่ะ >3< เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนกักน้ำไว้เพื่อไม่ให้โคลนที่ถล่มจากภูเขาไฟนั้นไหลเข้าสู่เมือง จึงมีแร่ธาตุและสารอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Tokachi เจือปนอยู่ในน้ำจำนวนมาก เมื่อสะท้อนกับแสงแดดทำให้น้ำในบ่อกลายเป็นสีฟ้านั่นเองค่า

และสีฟ้าที่เราได้เห็นนั้นจะสดมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแสงแดดที่ส่องลงมาและจุดที่เรายืนมองด้วยนะคะ โดยจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ซึ่งสวยงามแตกต่างกันไป ทั้งสีเขียวมรกต สีน้ำเงิน และช่วงที่สวยที่สุดจะเป็นช่วงฤดูหนาวค่ะ น้ำในบ่อจะเป็นสีฟ้าสวยสดใส ต้นไม้และตอไม้สูงใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ทำให้ทิวทัศน์บริเวณบ่อน้ำสวยงามและโรแมนติกมากขึ้นไปอีกค่า

และอย่าลืมลองชิมของหวานและเครื่องดื่มที่ทำขายเฉพาะที่นี่นะคะ ทั้ง Blue Pond Drinking Jelly, Blue Pond Pudding และ Blue Pond Biei Cider หน้าตาน่าลิ้มลองมากกกก สีสันสวยสดใส หวาน อร่อย พร้อมชมบรรยากาศสวยๆ แบบนี้มันฟินจริงจริ๊งงง ~

เครดิตรูปภาพ http://www.amusingplanet.com/2012/08/blue-pond-in-hokkaido-japan.html

เครดิตรูปภาพ http://www.tiewyeepoon.com/

 

เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติก Tadami Line

เส้นทางรถไฟสายทาดามิ (Tadami) ในจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) มีชื่อเสียงในเรื่องทิวทัศน์อันงดงามที่สามารถสะกดทุกคนได้ตลอดเส้นทาง เป็นเส้นที่มีความสำคัญในการเดินทางของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีหิมะตกหนัก และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นเส้นทางรถไฟฤดูหนาวที่มีทัศนียภาพสวยงามและโรแมนติกที่สุดอีกด้วยค่า

โดยจะวิ่งจากสถานีไอซูวากามัตสึ (Aizu Wagamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ(Fukushima) ไปถึงสถานีโคอิเดะ (Koide) จังหวัดนีงะตะ (Niigata) เราจะได้ชมวิวธรรมชาติแจ่มๆ กันตลอดเส้นทาง ทั้งป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ และจุดที่ทุกคนแทบจะต้องหยุดหายใจเลยก็คือ ตอนที่รถไฟกำลังวิ่งข้ามผ่านสะพานเหล็ก Daiichi Kyouryou ที่พาดผ่านแม่น้ำและป่าไม้ที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เป็นภาพสวยงามมากกก! ต้องรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพกันรัวๆ กันเลยค่า ความงดงามทั้งสองข้างทางนี้จะทำให้เพลิดเพลินจนรู้สึกว่ารถไฟนั้นแล่นไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ใครที่มาเที่ยวฟุกุชิมะ อย่าลืมมานั่งรถไฟสายแห่งความสุขแห่งนี้กันนะคะ

 

และในช่วงฤดูหนาวนี้ยังมีกิจกรรมอันน่าตื่นเต้น และเทศกาลสุดโรแมนติกอีกมากมาย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

9 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในซัปโปโร SAPPORO ญี่ปุ่น https://www.yingpook.com/bestofsapporo/