แสงออโรร่า (Aurora Polaris) หรือ แสงขั้วโลก คือปรากฏการณ์ที่ส่งผลมาจากอนุภาคของดวงอาทิตย์ที่โคจรเข้าสู่สนามแม่เหล็กของชั้นบรรยากาศโลก โดยปกติแล้วสนามแม่เหล็กบนชั้นบรรยากาศของโลกนั้นจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีละติจูด 60 องศาเหนือขึ้นไป และละติจูด 60 องศาใต้ลงไป ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณขั้วโลก ก่อนยุควิทยาศาสตร์มีความเชื่อกันว่าแสงออโรร่าเป็นแสงสะท้อนมาจากชุดเกราะของวาลคารี หรือเทพธิดาแห่งสงครามที่อยู่ในตำนานเทพปกรณัมนอร์ส แสงออโรร่าแบ่งออกเป็น 2 แบบได้แก่ ออโรร่า บอเรียลิส (Aurora Borealis) และ ออโรร่า ออสเตรลิส (Aurora Australis) ถูกตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) ผู้ที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ ชื่อของแสงออโรร่านั้นยังถูกเรียกอีกอย่างว่า แสงเหนือ แสงใต้ ตามสถานที่เกิด แสงเหนือ (Northern Light) จะปรากฏขึ้นในประเทศที่มีเขตพื้นที่อยู่ระหว่างละติจูด 60 องศาเหนือขึ้นไป (เส้นอาร์กติก) ได้แก่ ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์ อลาสก้า อเมริกา และแคนาดา ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปล่าแสงเหนือนั้นควรเป็นเดือนที่มีกลางคืนเยอะกว่ากลางวัน ช่วงเดือนตุลาคม – เดือนเมษายน แสงออโรร่านั้นจะเริ่มปรากฏตัวในเวลาสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ แสงใต้ (Southern Light) จะปรากฏขึ้นในประเทศที่มีเขตพื้นที่อยู่ระหว่างละติจูด 60 องศาใต้ลงไป (แอนตาร์กติก) ได้แก่ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน แสงใต้จะปรากฏออกมาหลายสีสันมากกว่าแสงเหนือ บางครั้งสามารถมองเห็นได้เป็นสีรุ่ง ซึ่งช่วงเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม เป็นฤดูหนาวของทางฝั่งขั้วโลกใต้ค่ะ จะสลับกับทางฟากขั้วโลกเหนือ และบอกเลยว่าแสงใต้นั้นสามารถมองเห็นได้ยากกว่าแสงเหนือหล๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย...เท่าตัว!! ทำให้การไปล่าแสงเหนือนั้นได้รับความนิยมมากกว่าค่ะ และวันนี้หญิงปุ๊กจะมาแนะนำ 15 สุดยอดโรงแรมสำหรับการล่าแสงเหนือแบบเด็ดๆ จัดเต็มกันไปเลยค่ะ แต้มบุญมีเท่าไหร่ขนมาใช้หมด แต่อย่าลืมพกกล้องคู่ใจ เสื้อกันหนาวหนาๆ ถุงมืออุ่นๆ กับรองเท้าบูทสักคู่มาให้พร้อมด้วยนะคะ เพราะถึงเวลาแสงเหนือปรากฏเมื่อไหร่ วิ่งออกไปมือแข็ง กดชัตเตอร์ไม่ทัน จะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ อ้อ...มีทริคเล็กๆ สำหรับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับแสงเหนือนั่นก็คือ แสงออโรร่าถ้ามองผ่านกล้อง หรือการถ่ายภาพจะชัดกว่ามองด้วยตาเปล่าจ้า แนะนำว่าเตรียมกล้องไว้ให้พร้อม! And let’s get it!
 
*******************
 

เที่ยวคาคสเลาท์ทาแนน อาร์กติก รีสอร์ท ฟินนิช แลปแลนด์ (Kakslauttanen Arctic Resort, Finnish Lapland)

 
คาคสเลาท์ทาแนน อาร์กติก รีสอร์ท ฟินนิช แลปแลนด์ ตั้งอยู่ในเขตซาริเซลกา ประเทศฟินแลนด์ (Saariselkä, Finland) ห่างจาก อุทยานแห่งชาติเออโฮ เคคโคแนน (Urho Kekkonen kansallispuisto) ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟินแลนด์เพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้นเองจ้า คาคสเลาท์ทาแนน อาร์กติก เป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ล่าแสงเหนือ เพราะรีสอร์ทแห่งนี้ให้บริการห้องพักกระท่อมน้ำแข็งแบบเรือนกระจก (Glass Igloo) อิกลู คือกระท่อมน้ำแข็งแบบที่ชาวเอสกิโมใช้เป็นที่อยู่อาศัยนั่นเองค่า สามารถเข้าพักได้ 2 คนต่อกระท่อมเท่านั้น สำหรับใครที่อยากพักกระท่อมเรือนกระจกนั้น ควรจองล่วงหน้าค่ะ! จะได้ไปนอนห่มดาวสวยๆ ถ้าท้องฟ้าโปร่ง อากาศเป็นใจด้วยแล้ว แต้มบุญที่พกมาได้ใช้แน่นอนค่ะ เพราะเราสามารถมองเห็นแสงเหนือทะลุผ่านกระท่อมเรือนกระจกนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าแสงเหนือปรากฏใครเล่าจะมายอมนอนดูเฉยๆ กันละคะ 55555 นอกจากห้องพักแบบอิกลูแล้ว ทางรีสอร์ทยังมีห้องพักสำหรับครอบครัว หรือ ห้องพักแบบชาเลตส์ (Chalets) ที่มาพร้อมกับห้องครัว ห้องนั่งเล่น เตาผิง และห้องซาวน่าส่วนตัวภายในกระท่อมน้อย สามารถเข้าพักได้ตั้งแต่ 2 - 5 คนขึ้นไปค่ะ แต่แนะนำให้จองล่วงหน้าเหมือนกันนะจ๊ะ ภายในรีสอร์ทจะมีห้องอาหาร 2 แห่งไว้ให้บริการ รวมไปถึงห้องซาวน่ารวมที่ตั้งอยู่ใต้หลุมน้ำแข็ง และห้องอาบน้ำสำหรับผู้ที่มาเข้าพักแบบอิกลูค่ะ ใครที่เป็นสายแอดเวนเจอร์สนใจกิจกรรมกลางหิมะ สามารถซื้อทัวร์เที่ยวชมซาฟารีฮัสกี้ กวางเรนเดียร์ ขี่ลากเลื่อน และขับสโนว์โมบิลกับทางรีสอร์ทได้เลยค่ะ สำหรับราคาที่พัก และกิจกรรมต่างๆ นั้นสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.kakslauttanen.fi/  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมอาร์กติก ทรีเฮ้าส์ ฟินนิช แลปแลนด์ (Arctic TreeHouse Hotel, Finnish Lapland)

 
โรงแรมอาร์กติก ทรีเฮ้าส์ ตั้งอยู่ที่เมืองโรวาเนียมี ห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร ห่างจากซานต้าปาร์ค (Santa Park) หรือ หมู่บ้านซานตาคลอสไปเพียง 2 กิโลเมตร สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินเฮลซิงกิได้อย่างสะดวกสบายค่ะ ห้องพักของโรงแรมแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับรังนกท่ามกลางอ้อมกอดใจกลางป่าบนเส้นขั้วโลก ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย และมีเตาผิงให้ความอบอุ่นในทุกๆ ห้อง ด้านหนึ่งของห้องพักจะถูกแต่งเติมด้วยกระจกใสขนาดใหญ่ ที่สามารถมองทะลุเห็นทัศนียภาพที่สวยงามด้านนอกได้อย่างชัดเจน และแน่นอนว่าในตอนกลางคืนเราสามารถชมแสงเหนือจากวิวห้องนอนได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องฝ่าลมหนาวออกไปเลยค่ะ นั่งจิบช็อคโกแลตเย็นอุ่นๆ บนเตียง หรือบนโต๊ะเล็กชมแสงเหนือ โพสท่าเผลอๆ จ้องมองแสงเหนือที่สาดลงมาบนท้องฟ้าโปร่ง ได้ภาพช็อตเด็ดลงโซเชี่ยลยั่วๆ ตกฟอลโล่เวอร์ให้อิจฉาได้เพียบแน่นอนค่ะ คอมเฟิร์ม! ราคาห้องพักจะอยู่ที่  320 – 1,200 ยูโรต่อคืน หรือประมาณ 12,000 – 45,000 บาทต่อคืนค่ะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม และจองห้องพักได้ที่ https://booking.arctictreehousehotel.com/reserve เครดิตรูปจาก :https://arctictreehousehotel.com/  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมลีวาย อิกลูท ฟินนิช แลปแลนด์ (Levin Iglut, Finnish Lapland)

 
ลีวาย อิกลูท ตั้งอยู่ในเมืองลีวาย (Levi) ประเทศฟินแลนด์ อยู่ห่างจากสนามบินคิตทิลส์ (Kittilä Airport) เพียง 15 นาที ลีวาย อิกลูท อิกลู (Levin Iglut igloos) เป็นอิกลูระดับ Luxury แห่งต้นๆ ของฟินแลนด์ กระท่อมน้ำแข็งสุดหรูหราที่เหล่านักท่องเที่ยวฝันถึง ทิวทัศน์จากใจกลางเมืองลีวายเราจะสามารถมองเห็นโรงแรมกระท่อมน้ำแข็งตั้งอยู่บนเนินเขาลาดชันระดับ 320 เมตรใกล้ชิดกับท้องฟ้ากว้าง ที่นี่ให้บริการห้องพัก 2 แบบได้แก่ กระท่อมน้ำแข็งเรือนกระจก และบ้านแสงเหนือ (Northern Light House) รูปแบบห้องพักแบบบ้านนั้นจะมีกระจกใสที่สามารถมองทะลุเห็นวิวทิวทัศน์ด้านหน้าแบบพาโนราม่า ภายในบ้านนั้นจะถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู มีระดับ และทันสมัย ในส่วนของกระท่อมน้ำแข็งของลีวายอิกลูนั้นถูกยกระดับให้ดูหรูหราดูแพงสุดๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮคลาส รวมถึงภายในปีนี้ลีวายอิกลูทยังคงเดินหน้าการยกระดับกระท่อมน้ำแข็ง ด้วยการติดตั้งอ่างจากุชซี่ให้เราสามารถแช่ตัวผ่อนคลายอาบแสงเหนือได้อย่างโรแมนติกสุดๆ ไปเลยจ้า ราคาห้องพักรวมถึงกิจกรรม และบริการต่างๆ ที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://leviniglut.net/   เครดิตรูปจาก: https://leviniglut.net/  
 
*******************
 

เที่ยวอาพุคก้า รีสอร์ท โรวาเนียมี (Apukka Resort, Rovaniemi)

 
อาพุคก้า รีสอร์ท ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโรวาเนียมีเพียง 15 นาที ไฮไลท์ห้องพักของโรงแรมแห่งนี้คือ เราสามารถจองห้องพักที่จะนำพาเราไปอยู่ใจกลางใกล้ชิดกับแสงเหนือแบบสุดๆ ด้วยห้องพักแบบเกวียน (Aurora Wagons) ห้องพักนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับรถ Caravan ขนาดเล็กที่จะมีเฉพาะส่วนของห้องนอน และในตอนกลางคืนก็จะมีพนักงานของทางโรงแรมมาลากห้องนอนเราไปยังพื้นที่โล่งเพื่อชมแสงเหนือ...มันจะไพรเวทอะไรได้ขนาดนี้ >.,< นอกจากห้องพักแบบเกวียนแล้ว อาพุคก้ารีสอร์ทยังมี กระท่อมน้ำแข็ง (Ice Cabin) ไว้รองรับผู้ที่สนใจจะมาเข้าพักอีกด้วย กระท่อมน้ำแข็งแบบ เรียลน้ำแข็งเป็นก้อนๆ เลยนะคะ ต่อกันเป็นผนังห้องมุงด้วยหลังคาไม้ กลายเป็นกระท่อมน้อยๆ ราวกับเจ้าหญิงเอลซ่าเสกขึ้น และยังมีห้องพักแบบทวินรูม (Twin Room) อพาร์ทเม้นท์ (Apartment) บ้านพักตากอากาศ (Holiday Home) และ ห้องพักแบบกระท่อมสุดน่ารักตามแบบฉบับชาวแลปแลนด์ (Lappish Komsio hut) ไว้รองรับเช่นกัน ภายในพื้นของโรงแรมมีบริการซาวน่าถึง 6 ห้องด้วยกัน มีห้องซาวน่าแบบอิกลูด้วยนะคะ อีกทั้งทางรีสอร์ทยังแนะนำ ร้านอาหาร Aitta ที่เปิดให้บริการใหม่สุดๆ ห้องอาหารแห่งนี้จะเสิร์ฟอาหารมื้อกลางวันกับมื้อเย็นทุกวัน สำหรับกิจกรรมที่สามารถทำได้ภายในบริเวณรีสอร์ทนั้นก็หลากหลาย เรียกได้ช่วยคลายเหงาในบรรกาศหนาวๆ ได้เยอะเลยทีเดียว เช่น การตกปลา พายเรือแคนู เดินป่า ขี่สโนว์โมบิล และเยี่ยมชมฟาร์มกวางเรนเดียร์ ฟาร์มสุนัขฮัสกี้ ทางรีอร์ทยังสามารถจัดให้ผู้ที่มาเข้าพักเลื่อนหิมะด้วยม้าสายพันธุ์ฟินแลนด์ (Finnhorse) ได้ด้วยนะคะ สามารถจองที่พัก และดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ https://apukkaresort.fi/ เครดิตรูปจาก: https://apukkaresort.fi/  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมเนลลิมไวล์เดอร์เนส ฟินนิช แลปแลนด์ (Nellim Wilderness Hotel, Finnish Lapland)

 
โรงแรมเนลลิมไวล์เดอร์เนส ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาปอินาริ ทางตอนเหนือของเมืองแลปแลนด์ เหมาะสำหรับการล่าแสงเหนือในซาฟารีเป็นที่สุดค่ะ ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงแรมอยู่ติดกับทะเลสาบนั่นเป็นสิ่งที่ดีเลิศยามท้องฟ้าปลอดโปร่งสำหรับการชมแสงเหนือ รวมไปถึงพื้นที่กลางพื้นป่านี้เหมาะสำหรับกิจกรรมแอดเวนเจอร์กลางหิมะมากๆ ค่ะ ห้องพักก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ กระท่อมไม้ซุงเพสก้า (Log Cabin Peska) ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเนลลิมไวล์เดอร์เนสค่ะ สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 6 คน เหมาะสำหรับครอบครัว พร้อมกับวิวทิวทัศน์ของทะเลสาป (Lakeview) ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ Lappish แบบทันสมัยให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของความอบอุ่น นอกจากนี้ก็จะมีห้องพักแบบกระท่อมแบบแฟมิลี่สวีท (Family Suite) สำหรับผู้เข้าพัก 3 – 4 คน และอาคารห้องพักแบบอพาร์ทเม้นท์ที่มีห้องซาวน่าอยู่ในตัวอาคารสำหรับผู้เข้าพักกลุ่มใหญ่ 4 – 6 คน สำหรับกิจกรรมในเนลลิมไวล์เดอร์เนสนั้นมีทั้ง การนั่งลากเลื่อนไปตั้งแคมป์ดูแสงเหนือ เที่ยวฟาร์มฮัสกี้ ตลอดจนให้อาหารกวางเรนเดียร์ และการขับรถยนต์ไปล่าแสงเหนือที่สะพาน Paatsjoki ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศรัสเซีย ที่มีชื่อเสียงเรื่องสถิติของโอกาสที่จะไม่พลาดแสงเหนือถึง 90 เปอร์เซ็นต์ !! สามารถจองที่พัก และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://nellim.fi/nellim/ เครดิตรูปจาก: https://www.uniqhotels.com/nellim-wilderness-hotel  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมน้ำแข็ง สวีเดน (Icehotel, Sweden)

 
โรงแรมน้ำแข็ง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเมืองยุคคาซาร์วิ (Jukkasjärvi) ห่างจากทางเหนือของเส้นอาร์ติกไปประมาณ 200 กิโลเมตรใกล้กับแม่น้ำโทรน (Torne River)  เป็นโรงแรมน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของนิทรรศการศิลปะน้ำแข็ง ซึ่งที่นี่ยังเปิดให้บริการห้องพักน้ำแข็งตลอดทั้งปีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีห้องพักแบบอุ่นไว้ให้บริการด้วยเช่นกัน ห้องพักน้ำแข็งจะแยกออกเป็น 2 แบบได้แก่ ห้องพักน้ำแข็งแบบ 365 วัน (Cool Room – Deluxe Suite 365 Hilla, Johka and Jáuvre) และห้องพักน้ำแข็งแบบอาร์ทสวีท และไอซ์รูม (Cool Room – Art Suite and Iceroom) ที่จะเปิดให้บริการแค่เพียงในช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม – เดือนเมษายนของทุกปี ในส่วนของห้องพักแบบอุ่นนั้นจะเปิดให้เข้าพักตลอดทั้งปีเช่นกันค่ะ เนื่องจากโรงแรมน้ำแข็งทางส่วนห้องพักน้ำแข็งนั้น จะถูกเปิดเป็นนิทรรศการให้คนภายนอกสามารถซื้อทัวร์เข้ามาชมได้ ทำให้การเข้าพักจะมีกฏเล็กน้อย เช่น การเช็คอิน แขกที่พักห้องน้ำแข็งจะสามารถเข้าพักได้เวลา 18.00 – 7.30 น. โดยจะมีบริการ Wake up call ในตอนเช้า และมีคำแนะนำในการเข้าพักอย่าง ควรเข้าพักห้องน้ำแข็ง 1 คืน และพักในห้องแบบอุ่น 2 – 3 คืนก่อนหรือหลังระยะเวลาในการจอง เพราะด้วยอุณหภูมิของห้องน้ำแข็งนั้นอยู่ในขั้นติดลบ -5 ถึง -10 องศาเซลเซียส แนะนำว่าก่อนเข้าพักควรวางแผนการจองให้ดีๆ นะคะ สามารถเช็คราคา และจองที่พักได้ที่ https://www.icehotel.com/hotel/rooms/ เครดิตรูปจาก: https://www.icehotel.com/ice-galleries/  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมต้นไม้ สวีดิช แลปแลนด์ (Treehotel, Swedish Lapland)

 
ทรีโฮเทล หรือ โรงแรมต้นไม้ ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดสำหรับการล่าแสงเหนือในประเทศสวีเดน ตั้งอยู่ห่างเมืองหลวงสต็อกโฮล์ม(Stockholm) ไปทางเหนือประมาณ 950 กิโลเมตรติดกับเส้นอาร์กติก โดยที่นี่จะเปิดประสบการณ์การเข้าพักรูปแบบใหม่ให้กับแขกที่มาเยือน ห้องพักที่จะพาเราย้อนวัยในรูปแบบของบ้านต้นไม้เป็นมากกว่าที่เราเคยจินตนาการไว้ในตอนเด็กๆ ด้วยกันทั้ง 7 รูปแบบได้แก่ ห้องกระจก (The Mirrorcube) ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเป็นห้องสี่เหลี่ยมบนต้นไม้ที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกสะท้อน แต่ถ้าเรายืนอยู่ด้านในเราสามารถมองเห็นทะลุได้รอบด้านเลยค่ะ ห้องรังนก (Bird’s nest) ห้องรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ภายด้านนอกถูกตกแต่งด้วยเศษไม้ทำให้ดูเหมือนมีลักษณะคล้ายกับรังนก ตู้โดยสาร (The Cabin) ห้องรูปทรงยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้าลักษณะคล้ายกับยกตู้คอนเทนเนอร์ไปวางไว้บนต้นไม้เลยค่ะ ยานยูเอฟโอ (The UFO) ย่านแม่ลงจอดแล้ว 5555 เป็นห้องพักที่ล้ำเกินจินตนาการมากๆ เพราะเขามาในรูปแบบยานอวกาศจริงจังมาก แล้วแถมยังมีบันไดที่ยาวทอดลงมาจากใต้ห้องพักด้วย ได้ฟิลสุดๆ ห้องแมลงปอ (Dragonfly) คือห้องพักที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ ขนาด 52 ตารางเมตร โดยจะถูกตั้งห่างจากแผนกต้อนรับออกไปถึง 15 เมตร ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว มีปีกซ้าย และปีกขวายื่นออกไปจากห้องนอนกลางซึ่งด้านหน้านั้นมองออกไปก็จะเห็นวิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่า ห้องบูลโคน (Blue Cone) เป็นห้องพักรูปทรงกรวยสีแดงสดขัดกับชื่อ ขนาดน่ารัก เรียบง่าย ตั้งอยู่กลางป่า ภายในตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตาแบบมินิมอล และสุดท้ายคือ Room 7TH หรือ ห้องที่7 เรื่องระดับความสูงต้องยกให้เขาเลยค่ะ ไฮท์สมชื่อว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยจ้า ความสูงของห้องพักที่ 7 นั้นอยู่ที่ 10 เมตรจากระดับพื้น พื้นที่ใช้สอยโดยรอบ 100 ตารางเมตร โดยเป็นโซนที่พักเพียง 25 ตารางเมตร ส่วนนอกนั้น 75 ตารางเมตรเป็นพื้นที่นั่งเล่นเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง และด้วยระดับความสูงนี้พื้นที่กลางแจ้งก็เหมาะเป็นสถานที่ชมแสงเหนือที่ดีที่สุดเลยค่ะ นอกจากห้องพักต้นไม้แล้วทางโรงแรมยังมีห้องพักแบบอาคารเกสต์เฮ้าส์ (Guesthouse) ทั้งหมด 16 ห้อง ไว้ให้บริการด้วยนะคะ ส่วนราคาห้องพักทุกรูปแบบนั้นจะขึ้นอยู่กับฤดูกาล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://treehotel.se/en/ เครดิตรูปจาก: https://treehotel.se/en/  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมกระท่อมน้ำแข็งคีร์คิ นอร์เวย์ (Kirkenes Snowhotel, Norway)

 
คีร์คิสโนว์โฮเทล เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 ที่ประเทศนอร์เวย์ เมืองคีร์คิ เป็นหนึ่งในโรงแรมกระท่อมน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ และในทุกๆ ปีทางโรงแรมจะมีการเปลี่ยนธีมของห้องพักทั้ง 20 ห้องไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกัน โดยการแกะสลักฝาผนังน้ำแข็งในห้องพักเป็นรูปสัตว์ท้องถิ่น หรือแกะสลักตามตัวการ์ตูนในเทพนิยาย โรงแรมแห่งนี้เหมาะสำหรับการมาพักแบบครอบครัว แน่นอนว่าเด็กๆ ต้องอยากเจอโอลาฟห์ใช่ไหมเอ่ย รวมทั้งการมาฮันนีมูน ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหล่าคู่รักใฝ่ฝันในการมาเพิ่มความหวานคูณสิบให้กับชีวิตคู่ หวานมดตายไปเลยจ้า ไม่ใช่อะไรนะ มดแข็งตาย 555555 เราจะสู้! เพราะถึงอุณหภูมิติดลบถึง -4 องศาเซลเซียส ไม่มีคู่ให้กอด ;-; ก็พกถุงนอนไปสิจ๊ะ ไม่ง้อหรอก ฮิฮิ เคล็ดลับนะคะว่าต่อให้มีคู่มีลูกมีหลานก็ให้พกถุงนอนไป เพื่อความอบอุ่นสะดวกสบายในการนอน นอกจากกระท่อมน้ำแข็งแล้ว คีร์คิสโนว์โฮเทลยังมีห้องพักกัมเม (Gamme) ให้บริการด้วยค่ะ ห้องพักจะมีลักษณะคล้ายกับกระท่อมฮอบบิทแบบในเรื่อง The Lord of The Ring เลยค่ะ ซึ่งจะตั้งอยู่พื้นที่ด้านนอกใกล้ๆ กับกระท่อมน้ำแข็ง และเหมาะกับการนอนชมแสงเหนือสุดๆ เพราะกระท่อมไม้ด้านหนึ่งจะสามารถเห็นวิวทางฟ้าโปร่งผ่านบานกระใสได้ ทำให้ตอนกลางคืนจะสามารถเห็นแสงเหนือได้ดีที่สุดค่ะ และสำหรับกิจกรรมที่สามารถจองได้กับทางโรงแรม เช่น การเยี่ยมชมฟาร์มฮัลกี้ ขับสโนว์โมบิล ทัวร์จับปู King Crab ตกปลาน้ำแข็ง และสังสรรค์ที่ Ice bar ภายในโรงแรมค่ะ ดูรายละเอียด ตรวจสอบราคา และจองห้องพักได้ที่ https://www.snowhotelkirkenes.com/snowhotel เครดิตรูปจาก: https://www.snowhotelkirkenes.com/media  
 
*******************
 

เที่ยวซอร์รีสนีวา นอร์เวย์ (Sorrisniva, Norway)

 
Sorrisniva Igloo Hotel ตั้งอยู่ในเมืองอัลตา (Alta) ประเทศนอร์เวย์ เป็นโรงแรมน้ำแข็งที่อยู่ทางเหนือสุดของโลกใกล้กับหุบเขาฟินน์มาร์ค (Finnmark) ในดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืนเปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1999 โดยในทุกๆ ปีการตกแต่งของโรงแรมจะมีธีมที่แตกต่างกันด้วยความร่วมมือของชาวบ้าน คนงานในท้องถิ่น และจิตรกรราวกว่า 30 ชีวิต ศิลปะส่วนใหญ่จะถูกวาด แกะสลักตามผนังน้ำแข็ง ซึ่งจะเกี่ยวกับตำนาน เรื่องราวของชาวเอสกิโม ไวกิ้ง โทรลล์ส และสัตว์ในเรื่องเล่าต่อๆ กันมา จะมีห้องพักทั้งหมด 26 ห้อง ถูกแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ภายในห้องพักจะถูกตกแต่งไปด้วย เตียงน้ำแข็ง พรมหนังกวางเรนเดียร์ และไฮไลท์ของที่นี่ไม่ได้อยู่ที่ห้องพักแต่เป็น บาร์น้ำแข็ง ที่แม้แต่แก้วใส่เครื่องดื่มยังเป็นน้ำแข็งเลยจ้า! นอกจากผู้เข้าพักแล้วที่นี่ยังเปิดทัวร์ในช่วงวันที่ 15 ธันวาคม – 7 เมษายน ของทุกๆ ปีสำหรับให้เข้าเยี่ยมชมบาร์น้ำแข็งใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที ถึง 1ชั่วโมง โดยจะมีพนักงานค่อยให้ข้อมูลอยู่ตามจุดต่างๆ ของบาร์ สำหรับราคาเข้าชมจะอยู่ที่ 200 นอร์เวย์เจียนโครน หรือประมาณ 800 บาทค่ะ นอกจากห้องพักแบบอิกลูแล้วที่ซอร์รีสนีวา (Sorrisniva) ยังมีห้องพักแบบกระท่อมกลางป่าไว้ให้บริการสำหรับผู้เข้าพักที่ต้องการชมแสงเหนือท่ามกลางธรรมชาติกับ Bjørnfjell Mountain Lodge ห้องพักสไตล์กระท่อมแบบชาวนอร์เวย์เจียนแท้ๆ เข้าถึงธรรมชาติ วัฒนธรรม และเป็นส่วนตัวให้เราได้สัมผัสเสน่ห์ของเมืองอัลตาใต้ท้องฟ้าที่สาดส่องไปด้วยความสวยงามของแสงเหนืออย่างเต็มอิ่ม สามารถเช็คราคา และจองห้องพักได้ที่ https://sorrisniva.no/bjornfjell-mountain-lodge เครดิตรูปจาก: https://sorrisniva.no/bjornfjell-mountain-lodge  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมไอออน ลักเซอรี่ แอดเวนเจอร์ ไอซ์แลนด์ (ION Luxury Adventure Hotel, Iceland)

 
ไอออน ลักเซอรี่ แอดเวนเจอร์ ตั้งอยู่ในเมืองเนสฮาเวลเลียร์ (Nesjavellir) ประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตใกล้เส้นอาร์กติกมากที่สุด หรือเรียกว่า Golden Circle บนละติจูดที่ 64 องศาเหนือ และสำหรับโรงแรมไอออนนั้นเป็นเหมือนกับความสมบูรณ์ของมรดกโลก นอกจากตั้งอยู่บนละติจูดที่สุดเพอร์เฟ็คแล้ว โรงแรมแห่งนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยผืนป่า และลำธารที่สมบรูณ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) มรดกโลกขององค์การยูเนสโก ไฮไลท์ของที่นี่คือห้องบาร์สำหรับมื้อค่ำใต้แสงเหนือที่สุดแสนจะโรแมนติก ถ้ามีไวน์สักขวดค่ำคืนนี้คงสุดแสนจะไร้คำบรรยายแน่นอนค่ะ ดินเนอร์หรู กับคนรู้ใจ คนรัก และครอบครัวพร้อมแสงเหนือที่สาดส่อง ฟินนนนน >.,< นอกจากห้องอาหารใต้แสงเหนือแล้ว เรื่องบริการ และห้องพักของที่นี่ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน การันตีด้วยรางวัล Boutique Hotel Awards เพราะไม่ว่าคุณจะหันมองไปทางไหนของห้องพักของไอออนนั้นจะได้รับสัมผัสของความอบอุ่น สงบ และพลังบวก รวมทั้งห้องสปาที่เปิดไว้ให้จองเพื่อเข้าใช้บริการตลอดเวลาสำหรับผู้เข้าพัก แถมพ่วงมาด้วยรางวัลสปายอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิทัศน์อันงดงามที่ทอดยาวไปจนสุดเส้นขอบฟ้าเรียกได้ว่าเป็น Luxury Spa of Iceland เลยค่ะ รูปแบบของการทำสปามีสองแบบ ได้แก่ ION Clam เป็นการนวดผ่อนคลายเพื่อให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น และ ION Glow Facial เป็นการนวดหน้า ศีรษะ เพื่อความอ่อนเยาว์ ทำความสะอาดผิว และผ่อนคลาย โดยสปาทั้งสองรูปแบบนั้นก็จะเริ่มทำการทรีทเม้นท์ ทางพนักงานจะพาเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปแช่น้ำในสระน้ำอุ่นที่ยาวกว่า 10 เมตร กลางแจ้งที่ล้อมรอบไปด้วยวิวทิวทัศน์เกินจะวาดฝัน เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด สำหรับคนที่สนใจสปาสุดหรูของโรงแรมแห่งนี้ แนะนำว่าให้จองล่วงหน้าอย่างต่ำ 1 อาทิตย์นะคะ สำหรับห้องพัก กิจกรรมต่างๆ สามารถจองและเช็คราคาได้ที่ https://ionadventure.ioniceland.is เครดิตรูปจาก: https://ionadventure.ioniceland.is/  
 
*******************
 

เที่ยวเดพลาร์ ฟาร์ม ไอซ์แลนด์ (Deplar Farm, Iceland)

 
เดพลาร์ ฟาร์ม เป็นที่พักในฟยอร์ดกลางหุบบนคาบสมุทรโทรลล์ ห่างไกลจากตัวเมืองออกไปไกลจนสามารถมองเห็นแต่ภูเขาหิมะ เดพลาร์ฟาร์มตั้งอยู่ในฟาร์มแกะที่ถูกปรับทัศนียภาพให้มีทิวทัศน์ที่ชวนน่าหลงใหลมากขึ้นเหมาะสำหรับการมาพักผ่อน โดยห้องพักและอาคารให้บริการต่างๆ ภายในฟาร์มแห่งนี้ถูกล้อมกอดไว้ด้วยภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา ห้องพักของที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการเข้าพักโฮมสเตย์ที่ได้ทั้งวิวทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นแม้อากาศจะหนาวเย็นจนติดลบ บ้านพักขนาดใหญ่ 2-3 ห้องน้ำในตัว และที่สำคัญคือ สระน้ำอุ่นธรรมชาติขนาดใหญ่ส่วนตัวของแต่ละบ้านพัก เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง แช่น้ำอุ่นยามค่ำคืนดื่มด่ำกับแสงเหนือบนพื้นที่เส้นขอบโลกฟากเหนือ เดพลาร์ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวสายลุยอย่าง การปีนเขา เล่นสกี ขี่ม้า ตกปลา ปั่นจักรยานภูเขา ซาวน่ากลางแจ้ง และเฮลิสกีเป็นหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่เลยค่ะ โดยที่เฮลิคอปเตอร์ของทางที่พักจะไปส่งเราบนจุดปล่อยตัวบนภูเขาหิมะ แล้วปล่อยให้เราสกีไถลปะทะหิมะลงมาสุดโลดโผน สำหรับกิจกรรมต่างๆ ควรจองล่วงหน้าสักหนึ่งเดือนนะคะ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม และจองห้องพักได้ที่ https://elevenexperience.com/deplar-farm-iceland-heli-skiing เครดิตรูปจาก: https://www.telegraph.co.uk/travel/destinations/europe/iceland/hotels/deplar-farm-hotel/  
 
*******************
 

เที่ยวโรงแรมอาร์กติก กรีนแลนด์ (Arctic Hotel, Greenland)

 
อาร์กติก โฮเทล อิลลูลิแซท โรงแรมระดับสี่ดาวในด้านที่พัก และได้รับการันตีระดับห้าดาวในด้านการจัดประชุม ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในกรีนแลนด์ ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวอย่าง ดิสโก้เบย์ (Disko Bay) ห่างจาก อิลลูลิแซท ไอซ์ฟยอร์ด (Ilulissat Icefjord) เพียงนิดเดียวเท่านั้นเองค่ะ โดยห้องพักของโรงแรมนั้นจะมีให้เลือกตามรูปแบบโรงแรมทั่วไป แต่มีห้องพักแบบพิเศษ สำหรับคนที่อยากออกไปนอนชมแสงเหนือนอกอาคาร ทางอาร์กติกโฮเทลได้เปิดบริการห้องพักสุดพิเศษอย่าง อลูมีเนียมอิกลู (Alumminium Igloo) ที่จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนตุลาคมของปีเท่านั้น อลูมีเนียมอิกลูมีจำกัดแค่เพียง 5 ห้อง รับรองผู้เข้าพักได้เพียงห้องละ 2 คน นอกจากความพิเศษของอิกลูแล้ว ที่ตั้งของห้องพักนี้จะถูกตั้งออกห่างจากตัวอาคารโรงแรม อยู่ริมฝั่งสะพานไม้ซึ่งแทบจะติดกับขอบของอิลลูลิแซท ไอซ์ฟยอร์ดเลยจ้า ได้ยินเสียงตึงตังของน้ำแข็งเคลื่อนตัวได้อย่างชัดเจนไปเลย ส่วนตอนกลางคืนเราสามารถมองลอดผ่านกระจกใสด้านบนเพื่อเก็บภาพของแสงเหนือได้อย่างชัดเจนในคืนฟ้าโปร่งค่า สำหรับข้อมูลห้องพักอื่นๆ และราคาการจองสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.hotelarctic.com/en/ เครดิตรูปจาก: https://www.uniqhotels.com/hotel-arctic  
 
*******************
 

เที่ยวชีน่า ฮอตสปริง รีสอร์ท อลาสก้า อเมริกา (Chena Hot Springs Resort, Alaska USA)

 
ชีน่า ฮอตสปริง รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง และยังเป็นพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งที่เหมาะสมสำหรับการมาชมแสงเหนือที่ดีที่สุด บ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ในพื้นที่รีสอร์ทแห่งนี้ ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1905 และเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายโดยกลุ่มคนที่มีอาการเจ็บป่วย ปวดเมื่อย จะเดินทางมายังที่นี่เพื่อการแช่น้ำ บำบัด รักษา และผ่อนคลายร่างกาย สำหรับการลงแช่น้ำพุร้อนนั้นจำกัดอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้นนะคะ ในส่วนของห้องพักจะมีให้เลือกพักแบบบ้านพักตากอากาศ กระท่อมไม้ และแคมป์ปิ้ง ซึ่งการไปแคมป์ปิ้งนั้นจะมีเต็นท์สไตล์มองโกเลียไว้ให้เช่าค่ะ แต่ไม่มีฮีตเตอร์ ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า และไม่มีเตียงค่ะ ต้องเตรียมถุงนอนหรือผ้าห่มไปเองนะคะ ห้องพักแบบแคมป์จะเปิดให้บริการเฉพาะช่วง 15 พฤษภาคม – 15 สิงหาคมของทุกปี เช็คราคา และดูข้อมูลที่พักเพิ่มเติมได้ที่ https://chenahotsprings.com/cabinsatchena และอีกหนึ่งไฮไลท์ของชีน่ารีสอร์ทคือ พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งแสงออโรร่า (Aurora Ice Museum) ที่นี่ถูกสร้างขึ้นจากหิมะ และน้ำแข็งกว่า 1,000 ตัน ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2005 ถูกควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ -7 องศาเซลเซียสโดยเครื่องทำความเย็นแบบดูดซับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บริการ 365 วันต่อปี สำหรับค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 15 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 500 บาทไทย และสำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี ราคา 10 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 350 บาท ส่วนเด็กที่ต่ำกว่า 5 ปีสามารถเข้าชมพร้อมกับผู้ปกครองได้ฟรี ช่วงเวลามีดังนี้ 11.00 น., 13.00 น., 15.00 น., 17.00 น. และ 19.00 น. ค่ะ  
 
*******************
 

เที่ยวอลีสก้า รีสอร์ท อลาสก้า อเมริกา (Alyeska Resort, Alaska USA)

 
อลีสก้า รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อลีสก้า เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขากรีดวูด (Gridwood Valley) เป็นโรงแรมชั้นนำของอลาสก้า มีห้องพักสุดหรูหราให้บริการกว่า 300 ห้อง รายล้อมไปด้วยภูเขาธารน้ำแข็งหลาย และวิวของมหาสมุทรที่สวยงามราวกับภาพวาด ที่อยู่เพียงแค่หน้าห้องพักของเรา แน่นอนว่าพื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยภูเขาเขียวชอุ่มในยามฤดูร้อน และถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโผนยามฤดูหนาวมาเยือน ทำให้รีสอร์ทแห่งนี้คือ แหล่งรวมของกิจกรรมกลางแจ้งไว้อย่างหลากหลายเช่น การเดินป่าตะลุยหิมะ เล่นสกีหิมะ เฮลิสกี  พายเรือคายัคในหน้าร้อน รวมทั้งตกปลา และขาดไม่ได้คงเป็นกิจกรรมฤดูหนาวบนท้องฟ้ายามกลางคืน การล่าแสงเหนือ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ การนอนชมแสงเหนือในห้องพักสุดหรูคงเป็นอะไรที่หลายคนใฝ่ฝันใช่ไหมละคะ... ในคืนที่ฟ้าโปร่ง แสงสีเขียวอมม่วงสาดลงบนท้องฟ้า ตัดผ่านช่องเขาต่างๆ ทำให้วิวที่แสนสวยงามในยามเช้า ถูกยกระดับขึ้นไปอีกเมื่อเทียบเคียงกับแสงออโรร่ายามค่ำคืน สำหรับใครที่ชอบการพักผ่อนแบบกินหรู อยู่สบาย สามารถเข้าไปเช็คราคา และจองห้องพักได้ที่ https://www.alyeskaresort.com/hotel/luxury เครดิตรูปจาก: https://www.alyeskaresort.com/hotel/luxury  
 
*******************
 

เที่ยวแบลช์ฟอร์ด เลค ลอดจ์ แคนาดา (Blachford Lake Lodge, Canada)

 
แบลช์ฟอร์ด เลค ลอดจ์ ถูกซื้อกิจการเพื่อมาบริหารต่อในปี ค.ศ. 1981 โดยนักลงทุนชาวแคนาดา โดยให้บริการบ้านพักแบบสไตล์ครอบครัว วินเทจ เหมือนให้เราได้ไปพักผ่อนที่บ้านตากอากาศของครอบครัวใต้ท้องฟ้าที่แต่งแต้มไปด้วยแสงเหนือ การเดินทางสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองเยลโลไนฟ์ (Yellowknife) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคนาดาฝั่งตะวันตก เมืองเยลโลไนฟ์เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อสำหรับการล่าแสงเหนือในประเทศแคนาดา ตัวโรงแรมตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกล ห่างออกไปติดกับทะเลสาบบลาท์ชฟอร์ด (Blatchford Lake) แต่เสน่ห์ก็อยู่ที่ความสงบ และไม่วุ่นวายของพื้นที่แห่งนี้ นอกจากการพักผ่อน ก่อกองไฟ นั่งหน้าเตาผิงแล้ว กินกรรมกลางแจ้งอย่างการเดินตะลุยหิมะสำรวจป่า ส่องสุนัขจิ้งจอก แมวป่า กระต่ายป่าก็เป็นกิจกรรมที่คลายเหงาได้ไม่น้อย และห้ามพลาดกับการเล่นสเก็ตน้ำแข็งบนลานน้ำแข็งของทะเลสาบบลาท์ชฟอร์ด หรือจะชวนกันแข่งฮ็อคกี้น้ำแข็งก็ไม่เลวเลยนะคะ สำหรับใครที่ชอบการตกปลาชิลๆ เราก็สามารถนั่งตกปลาน้ำแข็งได้ด้วยนะค้า ในตอนกลางคืนการตั้งแคมป์ก่อกองไฟเป็นกิจกรรมสร้างบรรยากาศได้ดีเลยทีเดียวเชียว แต่ตั้งแคมป์เมืองหนาวทั้งที่ก็ต้องจัดกระท่อมน้ำแข็งแบบชาวเอสกีโมสักหน่อย ให้เข้ากับบรรยากาศนอนดูแสงเหนือ อือหื้อ สุดจะฟิน >.< สำหรับที่พักแบบลอดจ์จะเป็นอาคารห้องพักขนาดใหญ่ สองชั้น ห้องอาบน้ำรวม และมีห้องพักแยกแบบ Old Cabin กระท่อมเก่า ซึ่งเป็นห้องพักสำหรับครอบครัว มีความเป็นส่วนตัว มีห้องน้ำในตัวกระท่อมค่ะ สะดวกสบาย หายห่วง สไตล์ห้องพักของที่นี่จะเน้นการตกแต่งออกแบบโครงสร้างด้วยไม้ซุง ทำให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ ส่วนราคาห้องพัก และการจองสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://blachfordlakelodge.com/stay-blachford/accommodation เครดิตรูปจาก: https://blachfordlakelodge.com/photo-gallery  
 
*******************