เอกวาดอร์ เป็นอีกประเทศที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ หลายๆ คนอาจจะ เอ๊ะ?! ประเทศนี้จะมีที่เที่ยวสวยขนาดไหนกันเชียวว? อู้หูยยย บอกเลยค่ะว่าเพียบ! เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันงดงาม ภายใต้ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติต่างๆ ที่รับรองว่าได้รู้จัก เดี๋ยวรักเลยยย >3<

เที่ยวหมู่เกาะกาลาปากอส (The Galápagos Islands)

เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยสัตว์หายากหนึ่งเดียวในโลก! ที่ไหนไม่มี ที่นี่มีจ้าาา เกิดจากการสะสมตัวของลาวาภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว มีพื้นที่ทั้งหมด 7,994 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 59,500 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 20 เกาะหลัก พร้อมเกาะเล็กๆ และโขดหินกลางทะเลอีกหลายแห่ง เช่น เกาะอัลเบมาร์ล (Albermarle), เกาะเฟอร์นันดินา (Fernandina Island), เกาะซานตาครูซ (Santa Cruz Island),เกาะซานตาเฟ (Santa Fe Island) เป็นต้น มีความหลากหลายทางธรรมชาติ เนื่องจากตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของโลก บางจุดก็แห้งแล้ง บางจุดก็เป็นป่าฝน เรียกได้ว่าอยู่บริเวณเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันสุดๆ ไปเลยจ้า แถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย

ในปี ค.ศ.1835 ชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) ได้ล่องเรือบีเกิล (Beagle) มาใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะแห่งนี้กว่า 19 วัน เพื่อศึกษาความหลากหลายของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตต่างๆ และได้ตีพิมพ์หนังสือที่บันทึกเรื่องราวการเดินทางของตัวเอง ชื่อว่า The Origin of Species by Means of Natural Selection จึงทำให้หมู่เกาะกาลาปากอสเป็นที่โด่งดังขึ้นมาทันที แถมยังมีนักท่องเที่ยวมาตามรอยกันเพียบเลยค่า

นอกจากจะเป็นแหล่งรวมพันธุ์พืชหายากหลายชนิด ยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์แปลกๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เต่ายักษ์กาลาปากอส (Galapagos Tortoises) เต่าสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก เป็นหนึ่งในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังที่มีอายุขัยยาวนานที่สุด เต่ายักษ์ที่พบในแต่ละเกาะมีชนิดย่อยที่มีลักษณะแตกต่างกันไปตามลักษณะของแหล่งอาหารและการกิน ตัวที่เป็นพระเอกแห่งวงการก็คือ ปู่จอร์จ เต่ายักษ์ตัวสุดท้ายของเกาะพินตา (Pinta) แห่งกาลาปากอสค่ะ มีอายุมากกว่า 100 ปี!! แต่ปัจจุบันได้จากโลกไปแล้วเมื่อปี 2012 :( พร้อมถูกบันทึกไว้ว่าเป็นเต่ายักษ์สายพันธุ์เกาะพินตาตัวสุดท้ายที่สูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้... แม้ผู้เชี่ยวชาญจะพยายามอนุรักษ์สายพันธุ์นี้เอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ปู่จอร์จก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกหลาน จึงได้รับฉายาว่า “จอร์จผู้เดียวดาย” แงงงง

ในปัจจุบันเหลือเต่ายักษ์บนเกาะอยู่ประมาณ 16,000 ตัวค่ะ โดยคำว่า กาลาปากอส มาจากคำว่า กาลาปาโก (Galapago) ที่แปลว่าเต่ายักษ์ในภาษาสเปนนั่นเองค่า

และข่าวดีของปีนี้ก็คือ เจ้าดิเอโก้ เต่ายักษ์กาลาปากอส ที่ได้ฉายาว่าเต่าเพลย์บอย ได้กลับบ้านคืนสู่เกาะกาลาปากอสเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาค่าา เมื่อ 50 ปีก่อน ที่เกาะฮิสปันโยลา (Hispaniola) ในหมู่เกาะกาลาปากอส มีเต่ายักษ์สายพันธุ์เดียวกับดิเอโก้ เพียง 14 ตัว เป็นเพศผู้ 2 ตัว และเพศเมีย 14 ตัว นักวิทยาศาสตร์จึงนำตัวดิเอโก้ไปที่สวนสัตว์ซานดิเอโกในรัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อมาเข้าโครงการขยายพันธุ์บนเกาะซานตาครูซ (Santa Cruz Island) แล้วเจ้าดิเอโก้ของเราก็ไม่ทำให้ผิดหวังจ้า ฟิตปึ๋งปั๋งสุดๆ สามารถขยายพันธุ์เต่ายักษ์กาลาปากอสได้มากกว่า 2 พันตัว!! โดยเชื่อว่า 40% บนเกาะ เป็นลูกหลานของเจ้าดิเอโก้ ที่ตอนนี้ก็อายุร่วมร้อยปีแล้วว

เครดิตรูปภาพจาก https://www.brighttv.co.th/news/global/diego-galapagos-turtle, https://www.flagfrog.com/galapagos-giant-tortoise-sex-retires/

ปูแซลลี่ย์ไลท์ฟุต (Sally Lightfoot Crab) หรือที่เรียกว่า Red Rock Crab ลักษณะหน้าตาก็สมชื่อเลยค่า เป็นปูที่มีสีสันจัดจ้าน ลำตัวที่สีส้มๆ แดงๆ แถมยังมีขาเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไว เป็นปูยอดนักปีนป่าย ชอบไต่ปีนไปตามโขดหินสูงชัน และถ้าตอนไหนที่มีคลื่นซัดมาปะทะที่ตัว เจ้าปูน้อยนี้ก็จะทำตัวเองให้แบนแนบไปกับพื้นผิวของหิน และใช้ขาที่แข็งแรงเกาะเอาไว้อย่างแน่นหนา สามารถปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมได้เก่ง อึดและทนมากกกก

ส่วนพระเอกของเกาะนั่นก็คือ อีน่ากลัว เอ้ย! อีกัวน่า ซึ่งมีทั้งอีกัวน่าบกและอีกัวน่าทะเล อีกัวน่าทะเลกาลาปากอส (Marine Iguana) พบได้เฉพาะบนหมู่เกาะกาลาปากอส สามารถดำน้ำได้ลึกกว่า 9 เมตร กินพืชและสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร หันหลังแล้วอยากเห็นหน้า หันหน้าแล้วอยากหงายหลัง >,< แงงงงง

สิงโตทะเล (Sea Lions) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่กี่ชนิดที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ มีนิสัยขี้เล่น ถึงจะเป็นไอ้ต้าวววอ้วน แต่ก็มีความคล่องแคล่วและสง่างามในน้ำนะจ๊ะ

เพนกวินกาลาปากอส (Galapagos Penguin) อีกหนึ่งสัตว์น่ารักที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาทักทาย Say Hi~ ที่อยู่บนเกาะกาลาปากอสแห่งนี้คือเพนกวินลา หรือเพนกวินแจ็คแอส (Jackass penguin) ซึ่งได้มาจากเสียงร้องที่เหมือนกับลานั่นเองค่ะ ตรงหน้าอกจะมีลายพาดสีดำ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมากๆ และยังเป็นนกที่รักเดียวใจเดียว จับคู่อยู่เพียงคู่เดียวตลอดชีวิต จัดเป็นเพนกวินอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดีเลยค่า

นกโจรสลัดแม็กนิฟิเชี่ยน (Magnificent Frigatebird) เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่ของวงการ มีความแตกต่างจากนกโจรสลัดอื่นๆ ทั้งทางด้านพันธุกรรมและรูปร่างหน้าตา เพราะไม่มีการแลกเปลี่ยนยีนส์กับนกโจรสลัดที่อยู่แหล่งอื่นๆ มาเป็นหลายแสนปีแล้วจ้า

นกฟินช์ (Galapagos finches) หนึ่งในสายพันธุ์ที่ชาลส์ ดาร์วิน ค้นพบ เมื่อก่อนเคยมีนกฟินซ์อาศัยอยู่บนเกาะเพียงชนิดเดียว โดยกินเมล็ดพืชตามพื้นดินเป็นอาหาร ต่อมาได้มีวิวัฒนาการกลายเป็นนกฟินซ์ชนิดต่างๆ ประมาณ 14 ชนิด แต่ละชนิดก็จะมีจะงอยปากต่างกันออกไปตามอาหารที่กินค่ะ

นกกาน้ำ (Flightless cormorant) อาศัยอยู่แบบปักหลักถาวร รักพื้นดินเป็นชีวิตจิตใจ จากที่บินได้ ปีกก็สั้นลงๆ กลายเป็นนกที่บินไม่ได้ไปแล้ว อ้าวว ซะงั้น..

นกบูบีเท้าน้ำเงิน (Blue-footed Booby) เป็นนกสายพันธุ์ที่หายากที่สุดในโลก มีเท้าสีน้ำเงินสดใสเป็นเอกลักษณ์ ตัวผู้เวลาจะจับคู่ผสมพันธุ์ก็จะอวดเท้ายกสลับไปมา เป็นที่มาของคำว่าเตะตานั่นเอง 555

กิจกรรมบนเกาะก็มีให้ทำมากมาย เช่น เดินป่า ปีนเขา ดำน้ำ ส่องสัตว์ สำรวจภูเขาไฟ ขอแนะนำการล่องเรือสำราญเที่ยวชมความสวยงามทางธรรมชาติ ล่องตามหมู่เกาะต่างๆ รับรองว่าจะได้เห็นสารพัดสิ่งมีชีวิต ที่กว่า 40% พบได้เฉพาะในเขตกาลาปากอสเท่านั้นจ้า ไม่ได้โม้ววววว

เที่ยวเมืองกีโต (Quito)

เมืองกีโต เป็นเมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์ค่า ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส (Andes) อันงดงาม รายล้อมด้วยยอดภูเขาไฟมากมาย ตั้งอยู่ที่ความสูงประมาณ 2,850 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จึงกลายเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก!! เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการค้า เศรษฐกิจ การศึกษา ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวค่ะ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโบราณสไตล์โคโรเนียล ที่ผสมผสานกับความทันสมัยของยุคปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สัมผัสได้ถึงความมั่งคั่งและอิทธิพลของสเปนได้ชัดเจนเลยทีเดียวค่ะ *0* ถือเป็นศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดในแถบลาตินอเมริกา เรียกได้ว่ายังสวยไม่สร่าง.. มีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง

เราจะได้เห็นบ้านเรือนตั้งอยู่ระหว่างทะเลกับภูเขา ยิ่งถ้าตอนกลางคืนจะมีไฟระยิบระยับที่ประดับไว้จากบ้านเรือน วิวก็เลิศ แถมอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ผู้คนจึงชอบปั่นจักรยานกันชิลๆ สูดอากาศบริสุทธิ์~ ที่นี่มีเลนจักรยานที่ใช้ได้จริง ทุกวันอาทิตย์จะมีการปิดถนนกลางใจเมืองเพื่อให้คนมาปั่นจักรยาน วิ่ง เล่นสเกตบอร์ด และออกกำลังกายกันอย่างคึกคัก เป็นหนึ่งในเมืองแนะนำน่าท่องเที่ยวในปี 2013 จาก National Geographic และยังได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ.1978 อีกด้วยค่า

อย่าลืมแวะชม โบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) โบสถ์โรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา! ก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1550 เป็นสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่ 16 อันน่าทึ่ง ประกอบไปด้วยวิหาร โบสถ์ต่างๆ หลายหลัง และคอนแวนต์ ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 2 ช่วงตึกของย่านเมืองเก่ากีโต เคยเป็นพระราชวังของ อตาฮวลปา (Atahualpa) กษัตริย์องค์สุดท้ายของจักรวรรดิอินคามาก่อนค่ะ

อาคารคู่แฝดสีขาวสะอาดขนาดใหญ่ เห็นข้างนอกดูเหมือนจะเรียบๆ แต่ข้างในจัดเต็มความอลังการจ้า ตกแต่งแบบบารอกอันงดงาม มีแท่นบูชาหลักที่ทำจากทองคำ ถ้าเงยขึ้นมองเพดานจะเห็นการตกแต่งแบบแขกมัวร์ตัดกับรายละเอียดแบบบารอก ออกมาได้อย่างวิจิตรตระการตา ทุกวันอาทิตย์จะมีการจัดพิธีมิสซาในโบสถ์ด้วยค่ะ

ไฮไลท์อยู่ตรงหอสมุดอันกว้างขวาง และสุสานใต้ดินที่ดัดแปลงใหม่ให้เป็นคลังเก็บงานศิลป์กว่า 3,500 ชิ้นให้ได้ชมกัน ทั้งภาพวาด รูปประติมากรรมแกะสลักเครื่องลายคราม สิ่งทอและงานหัตถกรรมต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อน มีผลงานชิ้นเอกระดับโลกอยู่หลายชิ้นเลยนะคะ รวมถึงรูปแกะสลักพระแม่มารีย์มีปีกอันมีชื่อเสียง ทำให้โบสถ์ซานฟรานซิสโกได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในลาตินอเมริกาอย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่า

เที่ยวเมืองคูเอนกา (Cuenca)

เมืองคูเอนกา หรือชื่อเต็มๆ คือ Santa Ana de los Cuatro Ríos de Cuenca เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศบนที่ราบสูงเอกวาดอร์ มีประชากรราวๆ 5 แสนคนค่ะ ในเมืองมีอาคารเก่าแก่ที่สวยงามอยู่เยอะมากกก เต็มไปด้วยอาคารโบราณสไตล์สแปนิช โคโรเนียลที่สร้างมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม อบอวลไปด้วยมนตร์ขลังทางศิลปะ

มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหอนาฬิกาเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะศาสนา และมหาวิหารเก่าแก่ขนาดใหญ่ (New Cathedral of Cuenca) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 จุดเด่นคือโดมขนาดใหญ่สามโดม บนหลังคาปูด้วยกระเบื้องสีฟ้าเคลือบเงา มองเห็นมาแต่ไกลโพ้นนน นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่และห้องแสดงศิลปะมากมายตามท้องถนน ทุกอย่างได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี องค์การยูเนสโกจึงได้ประกาศให้ชุมชนโบราณย่านใจกลางเมืองคูเอนกาเป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1999 ด้วยค่า

ถึงจะถูกขนานนามว่าเป็นเมืองโบราณ แต่ชาวเมืองคูเอนกายังเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นช่างฝีมือที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน มีการผสมผสานเทคนิคใหม่ๆ ให้เข้ากับวัฒนธรรม นำมาดัดแปลงใหม่ให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่นที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณ หรือทักษะการทอผ้าพื้นเมืองที่ความละเอียดประณีต ภาชนะเครื่องถ้วยชามที่หรูหรามีสไตล์

และรู้ไหมคะว่า หมวกปานามาของแท้ ต้องเมดอินเอกวาดอร์ เท่านั้นนะจ๊ะ และที่เมืองคูเอนกาแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกหมวกปานามาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ! หรืออาจจะเรียกได้ว่าของโลกเลยก็ว่าได้ค่า มีโรงงานผลิตหมวกขนาดใหญ่หลายแห่ง และมีการเปิดสอนวิธีการสานหมวกให้แก่คนที่สนใจอยากเรียนรู้ด้วยนะ แต่เอ๊ะ.. แล้วทำไมถึงชื่อว่าหมวกปานามาล่ะ?? มาค่ะ จะเล่าให้ฟังงง

เมื่อก่อนชาวพื้นเมืองของที่นี่ได้นำเอาใบของต้นโตคียา (Toquilla) พืชที่ขึ้นเฉพาะในแถบนี้มาสานเป็นหมวกที่มีความละเอียดประณีตและสวยงาม คุณสมบัติช่วยกันแดด ระบายอากาศดี น้ำหนักเบา พกพาง่าย โดยชาวเอกวาดอร์เรียกหมวกชนิดนี้แบบตรงตัวว่าหมวกสานโตคียา แต่ประเทศเอกวาดอร์ยุคนั้นเป็นแค่ประเทศเล็กๆ ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงมีโอกาสน้อยมากที่หมวกสวยๆ เหล่านี้จะได้อวดโฉมแก่โลกภายนอก.. ต่อมามีทหารสเปนคนหนึ่งได้สังเกตเห็น ก็เกิดความคิดทำธุรกิจค้าขายหมวก และส่งหมวกออกไปขายตามเมืองใหญ่ๆ ปานามาก็อยู่ไม่ไกลจากเอกวาดอร์มาก สรุปคือขายดิบขายดี พอมีคนซื้อไปก็จะมีคนมาถามว่า ‘หมวกสวยนะ ซื้อที่ไหน’ คนตอบก็ตอบตามแหล่งที่ซื้อมาทันทีว่า ปานามา จึงกลายเป็นหมวกปานามาไปโดยปริยายยยยจ้าา >,<

เที่ยวตลาดโอตาวาโล (Otavalo Market)

ตลาดโอตาวาโล เป็นตลาดเก่าแก่ของชนเผ่าบนเทือกเขาแอนดีส (Andes) ในเมืองโอตาวาโลค่ะ ที่เมืองนี้มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องงานหัตถกรรมจากช่างฝีมือท้องถิ่น ที่ตลาดจึงเป็นเหมือนแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งเครื่องประดับเงินแท้ที่ทำด้วยมือ อัญมณีอันล้ำค่า งานแกะสลักจากไม้และหิน สิ่งทอต่างๆ อย่างหมวก ผ้าพันคอ หรือผ้าห่มอัลปาก้าที่ว่ากันว่าอุ่นนน ยิ่งกว่าอ้อมกอดของแฟนหนุ่ม >,< ส่วนเสื้อผ้าก็สุดจะเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร ละลานตามากกก เงินในกระเป๋านี่สั่นรัวๆๆๆ เลยค่า

ซึ่งชาวพื้นเมืองยังแต่งกายแบบดั้งเดิม ผู้ชายจะไว้ผมยาวและถักเปีย สวมหมวก ใส่ชุดสีขาว ส่วนผู้หญิงจะสวมชุดสีสันสวยงาม ประดับด้วยลูกปัด พูดคุยกันด้วยภาษากิชัวร์ (Quichua) เป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยนะคะ เชื่อว่าใครได้มาต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอนน

 

เที่ยวป่าอเมซอน (Amazon Jungle)

ปิดท้ายเอาใจสายแอดเวนเจอร์ ด้วยการไปบุกป่าอเมซอนค่าา!! ป่าอเมซอนเป็นป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ กินเนื้อที่กว้างถึง 2 ใน 5 หรือ 40% ของทวีปอเมริกาใต้ *0* ใต้ มีพื้นที่ประมาณ 1.4 พันล้านเอเคอร์ ครอบคลุมพื้นที่ของ 9 ประเทศ ได้แก่ บราซิล โบลิเวีย เปรู โคลัมเบีย เวเนซุเอลา กายอานา ซูรินาม เฟรนช์เกียนา และครอบคลุมประมาณครึ่งนึงของประเทศเอกวาดอร์เลยค่ะ มีแม่น้ำที่คดเคี้ยวยาว 4,100 ไมล์ และป่าลุ่มน้ำอเมซอน 2.6 ล้านตารางไมล์ โดยต้นกำเนิดของแม่น้ำอเมซอนมาจากเทือกเขาแอนดีส (Andes Mountains) ในประเทศเปรู ไหลจากตะวันตกไปยังตะวันออก ผ่านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ และออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกทางตอนเหนือของบราซิลค่ะ

เป็นที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุด เปรียบเสมือนปอดของโลก เป็นแหล่งรวมพืชพันธุ์นานาชนิด มีต้นไม้กว่า 390 พันล้านต้น! และมีพันธุ์ไม้ประมาณ 16,000 ชนิด ที่ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมหาศาลเอาไว้ไม่ให้หลุดออกไปสู่ชั้นบรรยากาศโลก และยังผลิตออกซิเจนถึง 22% ให้แก่ชาวโลกด้วยค่า นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก!! เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์มากมาย และเลื่องลือเรื่องสัตว์ป่าอันตราย มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ 30% สัตว์ที่สามารถพบได้ในป่าและทะเลสาบของเอกวาดอร์ เช่น

เสือจากัวร์ เป็นเสือขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีพละกำลังมาก ดุร้ายรุนแรงจนสามารถทำให้กะโหลกของสัตว์ที่เป็นเหยื่อแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ในพริบตา o-O และถือเป็นเสือขนาดใหญ่เพียงชนิดเดียวที่พบในภูมิภาคแถบนี้

มดหัวกระสุน ชื่อก็บอกถึงความเจ็บปวด เหมือนกับถูกกระสุนปืนยิงปั้งๆๆๆ โดยความเจ็บนั้นทวีคูณกว่าโดนผึ้งต่อยถึง 30 เท่า!

กบแก้ว เป็นกบโปร่งแสง สามารถมองทะลุไปถึงตับไตไส้พุงเลยค่า แถมอวัยวะทุกอย่างยังใช้งานได้ดีปกติอีกด้วย

กิ้งก่าพระเจ้า มีครีบใหญ่บนหลังเหมือนปลา เคลื่อนที่อันรวดเร็ว เท้าของมันจะสร้างฟองอากาศลงไปในน้ำ ทำให้เกิดแรงพยุงตัวไว้ไม่ให้จม จึงทำให้วิ่งบนน้ำได้ เจ๋งเว่อออร์

และขาดไม่ได้เลยก็คือเจ้าอนาคอนด้า งูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถกินจระเข้ทั้งตัวได้แบบสบายๆ เลยค่า มันจะรัดเหยื่อจนกว่าจะตาย จากนั้นก็ค่อยๆ เขมือบและกลืนลงท้องในที่สุด… คนตัวบอบบางอย่างเรา ต้องหายไปใน 3 วินาทีแน่ๆ เลย โอ่วววว แค่คิดก็สยองแล้วว TOT

สลอธ สัตว์ที่เคลื่อนที่ช้าที่สุดในโลก~ ช้ามากกก ช้าแบบยอมใจเลยจ้า เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่ตามลำพัง ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนต้นไม้ และนอนวันละ 15-20 ชั่วโมง มีมวลกล้ามเนื้อน้อย แค่ 1 ใน 4 ของน้ำหนักตัว จึงทำให้เคลื่อนไหวช้าเพื่อช่วยประหยัดพลังงานร่างกาย แถมขนตามตัวจะมีตะไคร่เกาะอยู่ เพื่อช่วยพรางตัวและกลิ่นจากนักล่านั่นเองค่ะ

หนูยักษ์คาปีบารา เป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลและแดงเข้ม โตเต็มที่ยาวถึงเมตรกว่า ตอนยืนขึ้นยืดตัวสูงถึง 2 ฟุต และหนักเกือบ 80 กิโล หนูหรือหมูคะเอาดีๆ >,< 55555 ชอบอยู่เป็นฝูงราว 20 ตัว กินหญ้าและพืชนํ้าเป็นอาหาร

โลมาสีชมพู เป็นหนึ่งในโลมาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวถึง 2.5 เมตร ผิวหนังสีขาวอมชมพูนมๆ น่าตาน่ารักมุ้งมิ้งไปอีกกกก

ใครชอบเดินป่า อยากได้ฟีลลิ่งตื่นเต้นๆ แบบในหนัง ต้องห้ามพลาด!! แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะคะ เพราะมีนายพรานหรือไกด์คอยแนะนำข้อมูลต่างๆ ตลอดทาง หรือจะล่องเรือชมบรรยากาศก็ได้ ที่นี่อากาศดี ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รู้สึกหายใจได้โล่งปอดมากๆ สดชื่นนนน

เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าอเมซอนจนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เพราะเป็นไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี ไหม้ไปกว่าแสนจุด ได้รับความเสียหายหลายล้านตารางกิโลเมตรเลยค่ะ กลุ่มควันไฟสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ส่งผลกระทบทั้งป่าไม้ สัตว์ต่างๆ คน ระบบนิเวศทั้งทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และสภาพภูมิอากาศของโลก แหล่งผลิตออกซิเจนที่เปรียบเสมือนปอดของโลกได้สูญหายไป ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยในอากาศจะสูงขึ้น ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและสภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้นแบบไม่มีจุดสิ้นสุด

วิกฤตไฟป่าอเมซอนครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการเผาป่าโดยฝีมือมนุษย์เพื่อสร้างพื้นที่ทำกิน และทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เพื่อประโยชน์ส่วนตัว จนทำให้เกิดเป็นปัญหาของคนทั้งโลก ตอนนี้ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องของเราทุกคนนะคะ อยากให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ งดการใช้ถุงพลาสติก แยกขยะ บริโภคและใช้ทรัพยากรให้น้อยลง เพื่อช่วยโลกของเราให้อยู่ไปนานๆ นะค้าา

เครดิจรูปภาพจาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1096948, https://pbs.twimg.com/media/EClzKa0XoAApzXk?format=jpg&name=small, https://pbs.twimg.com/media/ECmM_hbXsAEq21w?format=jpg&name=small