เที่ยวกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (EU) มีประชากรมากกว่า 2,000,000 คน และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย นอกจากนี้ยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลตและเบียร์ที่ดีที่สุดในโลก แฟนพันธุ์แท้เรื่องช็อคโกแลตกับคอเบียร์พลาดไม่ได้เลยนะคะ

 

เที่ยวจัตุรัสกรองด์ ปลาซ (Grand Place)


กรุงบรัสเซลส์เป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เพราะฉะนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนมักจะไปเที่ยวอันดับแรกๆ คือ จัตุรัสกรองด์ ปลาซ (Grand Place) ภายในประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมมากมาย เป็นสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะที่โดดเด่น ซึ่งบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและสังคมที่หลากหลายของกรุงบรัสเซลส์ในประเทศเบลเยี่ยม ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้นับหมื่นคนในแต่ละปี ด้วยความสวยงามและเก่าแก่ทำให้ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ว้าวว ไม่ธรรมดาจริงๆ

ภายในจัตุรัสกรองด์ ปลาซ มีสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเเวะมาเที่ยวชมอยู่ไม่ขาดสาย นั่นก็คือ ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) เป็นอาคารสไตล์โกธิค มียอดแหลมสูง ด้านบนยอดจะเป็นหอระฆัง มองเห็นได้ง่ายไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนของเมืองนี้ จัตุรัสกรองด์ ปลาซ เปิดให้บริการทุกวัน และไม่มีค่าเข้าชม





ในปี 2017 นี้ จะมีงาน Winter Wonders และ Christmas Market ซึ่งเริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค. เป็นงานเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูหนาว ในช่วงระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่จัดงาน พื้นที่จัตุรัสกรองด์ ปลาซ จะถูกตกแต่งด้วยไฟประดับชวนฝันมากมาย ภายในจะมีการจัดแสดงแสงสีเสียงสุดอลังการ ต้นคริสต์มาสอันงดงาม ชิงช้าสวรรค์ และลานสเก็ตน้ำแข็งกลางจัตุรัส นอกจากนี้ยังมี Christmas Market เป็นตลาดคริสต์มาสที่มีร้านค้าสีสันสดใสมากกว่า 200 ร้าน มีอาหารและสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ช่วงเวลาอันแสนพิเศษเหล่านี้ อย่าลืมไปสัมผัสกันนะคะ













เครดิต https://visit.brussels/en

 

นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากก็คือ เทศกาลพรมดอกไม้ (Flower carpet) ซึ่งจะจัดกลางกรุงบรัสเซลส์เลยค่ะ เป็นการนำดอกเบโกเนียจำนวนมากมาจัดแสดงจนกลายเป็นพรมดอกไม้ขนาดยาว 77 เมตร กว้าง 24 เมตร บนพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร โดยจะมีอาสาสมัครช่วยกันเนรมิตพรมดอกไม้ภายในเวลา 4 ชั่วโมง เทศกาลพรมดอกไม้ที่เมืองแห่งนี้มีมาตั้งแต่เมื่อปีค. ศ. 1971 แต่งานนี้ไม่ได้มีให้ชมตลอดนะคะ เพราะที่นี่เค้าจัดแสดงแค่ 2 ปีครั้งเท่านั้น ซึ่งครั้งถัดไปจะมีจัดแสดงในวันที่ 16 - 19 สิงหาคม ค.ศ. 2018 ใครที่ตั้งใจจะมาเที่ยวชมเทศกาลพรมดอกไม้โดยเฉพาะ วางแผนเรื่องเวลากันดีๆ ด้วยน้าา









 

เที่ยวอะตอมเมียม (Atomium, Brussel)


อะตอมเมียม (Atomium) คือ สิ่งก่อสร้างรูปทรงอะตอมขนาดใหญ่ยักษ์ ได้รับการออกแบบโดย André Waterkeyn วิศวกรชาวเบลเยี่ยม ประกอบไปด้วยวัตถุทรงกลมจำนวน 9 ลูก แต่ละลูกมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 18 เมตร ถูกเชื่อมต่อด้วยท่อขนาดใหญ่ ซึ่งภายในท่อถูกสร้างเป็นลิฟท์และบันได ส่วนลูกกลมๆ ด้านบนจะมีร้านอาหารที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง Antwerps ได้เกือบทั้งหมด

เจ้าอะตอมขนาดยักษ์นี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1958 เพื่อเข้าร่วมงาน Brussels World's Fair เป็นโครงสร้างเพียงอย่างเดียวที่ยังเหลืออยู่หลังจากจบการแข่งขันไปแล้ว ปัจจุบันอะตอมเมียม กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 10:00 น. - 18:00 น. แนะนำให้มาช่วง 12:00 น. - 14:00 น. และ 16:00 น. - 18:00 น. เพราะคนจะไม่มากเท่าไหร่





 



เครดิต http://www.atlasobscura.com



เครดิต http://mzelle-fraise.fr



เครดิต http://www.venues.be

 

เที่ยวมินิยุโรป (Mini Europe)


ใครกำลังอยากทัวร์ยุโรป อยากไปทุกที่เลย ตัดสินใจยังไม่ได้ หรือเวลาไม่พอ แต่อยากเก็บให้ครบทุกที่ วันนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาแนะนำ ที่ประเทศเบลเยียมเค้ามีเมืองจำลอง ซึ่งจะจำลองสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรป เช่น Melk Abbey, Grand Place, St. Mark's Church, Eiffel Tower เป็นต้น ซึ่งรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวจากเมืองมากกว่า 80 เมือง ใช้เงินลงทุนสร้างนับล้านดอลลาร์

ภายในเมืองจำลองทุกอย่างเคลื่อนไหวได้ เช่น เรือ รถ และรถไฟ ขอบอกว่าเหมือนได้บรรยากาศจากสถานที่จริงสุดๆ ส่วนใครสนใจอยากไปสัมผัสสักครั้ง มินิยุโรป อยู่ใกล้ๆ กับอะตอมเมียม (Atomium) เลยค่ะ เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 9.30 น. - 18.00 น. ส่วนในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม สวนสาธารณะจะปิดทำการในเวลา 20.00 น. สามารถแวะเวียนไปชมกันได้ คุณจะได้ทัวร์ทั่วยุโรปภายในวันเดียว ฟินกันไปเลยค่า









 

ร้านอาหารลอยฟ้าในกรุงบรัสเซลส์ (Dinner in the Sky)


ร้านอาหารลอยฟ้าสุดแหวกแนว เหมาะสำหรับคนชอบความท้าทาย เบื่อการดินเนอร์แบบเดิมๆ อยากลองขึ้นไปที่สูงๆ ตากลมเย็นๆ ดูบ้าง ร้านอาหารที่นี่ตอบโจทย์คุณเลยค่ะ เพราะเค้าจะให้คุณกินข้าวกันบนฟ้าเลยจ้าา

โดยร้านอาหารที่นี่จะใช้เครนขนาดใหญ่ ยกโต๊ะอาหารที่นั่งได้แค่ครั้งละ 22 คน ขึ้นจากพื้นด้วยความสูงถึง 165 ฟุต มีเชฟระดับมิชลินสตาร์ คอยเนรมิตอาหารสุดหรูให้ดูกันสดๆ กันบนฟ้าเลยค่าา ระหว่างรับประทานอาหาร คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศ อันสุดแสนโรแมนติกของพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ดื่มด่ำความสวยงามของเมืองบรัสเซลส์ยามค่ำคืน ชมความใหญ่ยักษ์ของอะตอมเมียม พร้อมทั้งจิบไวน์รสเลิศไปด้วย ใครที่สนใจอยากลองเป็นประสบการณ์ชีวิตสักครั้ง ต้องไปจองคิวล่วงหน้ามาจากเว็บไซต์ http://www.dinnerinthesky.be/ ก่อนนะคะ จะเข้าไปนั่งกินเลยไม่ได้น้าา บอกเลยว่าคิวยาวสุดๆ ร้านอาหารลอยฟ้าแห่งนี้อยู่ใกล้กับ อะตอมเมียม (Atomium) สามารถไปชมหรือไปลองกันได้เล้ยย







เครดิต http://dinnerinthesky.com

 

รูปปั้นแมเนเกนพิส (Manneken Pis)


รูปปั้นแมเนเกนพิส (Manneken Pis) หรือรูปปั้นเด็กยืนฉี่ เป็นรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของหนูน้อย Petit Julien ที่ปกป้องเมืองบรัสเซลส์ไว้ได้ มีเรื่องเล่ากันว่า ในปี 1695 ที่เมืองบรัสเซลส์ได้เกิดสงครามครั้งใหญ่ มีการวางระเบิดเพื่อทำลายเมืองแห่งนี้ลง แต่เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น ระหว่างที่ชนวนระเบิดกำลังทำงาน ได้มีเด็กน้อยคนหนึ่งบังเอิญเดินผ่าน เห็นชนวนระเบิดกำลังลุกไหม้ จึงฉี่เพื่อดับไฟ ทำให้เมืองนี้รอดพ้นจากการถูกระเบิดมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นจึงมีการสร้างรูปปั้นเด็กน้อยยืนฉี่ เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญขึ้นมา เมื่อมีเทศกาลสำคัญ รูปปั้นนี้จะถูกสวมเสื้อผ้าตามเทศกาลนั้นๆ หรือแม้แต่เทศกาลของต่างชาติก็มีนะคะ เช่น ประเพณีสงกรานต์ของไทย และวันตรุษจีน เป็นต้น





 

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต (Chocolate Museum)


Chocolate Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเบลเยียม ถือว่าเป็นสวรรค์ของผู้ที่หลงใหลในความหวานของช็อกโกแลตก็ว่าได้ สิ่งแรกที่เจอเลย เมื่อคุณเดินเข้าไป คือ หมู่บ้านช็อกโกแลต (Chocolate Village) ภายในจะมีร้านค้ามากมาย นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของช็อกโกแลต และมีห้องสาธิตการทำช็อกโกแลตอีกด้วย ที่นี่เค้าให้คุณสามารถกินช็อกโกแลตได้เท่าที่คุณต้องการเลยค่ะ อื้อหือ แค่คิดก็ฟินแล้วว

สำหรับคนที่สนใจ ที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 10.00 น. - 16.30 น. ปิดทุกๆ วันจันทร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ

ค่าเข้าชม

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีมากับครอบครัว ฟรี

ผู้สูงอายุและนักเรียน 4.50 ยูโร

ผู้ใหญ่ 5.50 ยูโร

บรัสเซลส์การ์ด ฟรี





ภาพ http://www.golflink.com.au

 

เที่ยวพิพิธภัณฑ์การ์ตูนของเบลเยียม (Belgian Comic Strip Center)


ถ้าใครกำลังอยากย้อนวัยเด็ก แนะนำไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์การ์ตูนของเบลเยียม (Belgian Comic Strip Center) เลยค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมการ์ตูนยุโรปชื่อดังมากมาย เช่น Tintin, the Smurfs และ Asterix เป็นต้น ถูกจัดแสดงในอาคารสไตล์อาร์ตนูโว ออกแบบโดย Victor Horta มีพื้นที่มากถึง 4,000 ตารางเมตร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 ภายในมีจัดแสดงประวัติความเป็นมาของการ์ตูนในยุโรป เช่น นิทรรศการของ Herge ซึ่งเป็นผู้แต่งเรื่อง Tintin คุณจะได้เห็นวิวัฒนาการของตัวการ์ตูน Tintin ตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจจุบันเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดที่สามารถนั่งอ่านการ์ตูนที่ชื่นชอบได้ตามสบาย และยังมีรูปปั้นตัวการ์ตูนดังๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเก็บภาพสวยๆ กลับบ้านด้วยค่ะ

พิพิธภัณฑ์การ์ตูนของเบลเยียมตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของเมืองบรัสเซลส์ สามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถยนต์ ที่มีจอดรถบริการบริเวณ Boulevard Pacheco ซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ประมาณ 150 เมตร ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 18.00 น.

ค่าเข้าชม

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 3.50 ยูโร

นักเรียนและนักศึกษา 12-25 ปี 7.00 ยูโร

ผู้ใหญ่ 10.00 ยูโร

ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 8.00 ยูโร

บรัสเซลส์การ์ด ฟรี









ภาพ https://www.expedia.co.th/en

 

เที่ยว Galeries Royales Saint-Hubert


Galeries Royales Saint-Hubert เป็นศูนย์การค้าสุดหรูหรา รวมแหล่งช็อปปิ้งสินค้าแฟชั่น ร้านอาหาร และงานดีไซน์ชั้นยอดของเบลเยียม

ก่อตั้งเมื่อ ค. ศ. 1847 สมัยก่อนที่นี่ถูกสร้างไว้สำหรับกลุ่มคนมีฐานะหรือเศรษฐีใหม่ แต่ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งและพักผ่อนสำหรับคนทั่วไป ภายใน Galeries Royales Saint-Hubert ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ King’s Gallery, Queen’s Gallery และ Gallery of the Princess

โดยในโซนของ King’s Gallery คุณจะได้พบกับสินค้าเครื่องหนังทำมือแบบดั้งเดิม ร้านช็อกโกแลตที่เป็นของขึ้นชื่อในประเทศเบลเยียม ซื้อหาเครื่องประดับและเครื่องแก้วจากช่างศิลป์ ส่วน Queen’s Gallery เป็นที่รู้จักว่าเต็มไปด้วยรองเท้าและสินค้าตกแต่งภายในสุดครีเอทีฟ และในโซนสุดท้าย คือ Gallery of the Princess เป็นโซนที่มีขนาดเล็กที่สุด เต็มไปด้วยร้านหนังสือ ร้านกิฟท์ช็อป และร้านบูติคที่ขายเสื้อผ้าผู้หญิงสไตล์เก๋ๆ

ในยามค่ำคืนที่แห่งนี้ก็ยังคึกคักไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหารกับบาร์ และอีกปัจจัย คือ อยู่ใกล้กับโรงละครถึง 2 แห่ง ได้แก่ Vaudeville Theatre และ Royal Theatre อีกด้วยค่ะ

สำหรับคนที่สนใจอยากมาสัมผัสความหรูหราของที่นี่ ศูนย์การค้าแห่งนี้เปิดทุกวัน แต่ละร้าน จะมีเวลาเปิด - ปิด ทำการแตกต่างกันไป ไม่ได้เปิดพร้อมกันทุกร้านน้าา





 

เที่ยวบูเลอวาร์ด (Boulevard)


บูเลอวาร์ด (Boulevard) เป็นอีกหนึ่งย่านช็อปปิ้งชั้นนำสุดหรูหรา จะมีผู้คนที่ฐานะดีแวะเวียนมาอยู่บ่อยๆ ภายในจะเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านไอศกรีม ร้านน้ำชาและร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีร้านบูติกและโรงภาพยนตร์สุดหรูอีกด้วย ส่วน สถาปัตยกรรมของที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ตลอดสองข้างทาง คุณจะได้พบสถาปัตยกรรมสไตล์ นีโอ-โรโคโค นีโอ-คลาสสิก และนีโอ-เรอแนซ็องส์ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว



 

ดื่มเบียร์เบลเยียม (Belgium Beer)


เบียร์กับประเทศเบลเยียม เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมานานมาก ชาวเบลเยียมรักการดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจ แทบทุกมื้ออาหารต้องมีเบียร์วางคู่กัน เหมือนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ในปัจจุบันได้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เบียร์เบลเยียมขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ที่ Grand Place โดยภายในจะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและขั้นตอนการทำเบียร์

เท่านั้นยังไม่พอ ที่นี่ยังมีบริการเบียร์เย็นๆ ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติเบียร์แท้ๆ ของประเทศเบลเยียม มีเบียร์ให้เลือกมากกว่า 400 ชนิด นอกจากนี้บริเวณ Grand Place ก็เต็มไปด้วยบาร์และคาเฟ่เบียร์เช่นกัน

ร้านคาเฟ่ที่แนะนำไม่ควรพลาด คือ À la Mort Subite เป็นคาเฟ่เบียร์เบลเยียมที่เก่าแก่ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี ค. ศ. 1928 ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์ Lambic (เบียร์หมักตามธรรมชาติ) มีผู้คนแวะเวียนมาลิ้มลองไม่ขาดสาย คอเบียร์อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะคะ