สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยว ในเกาหลี ตามรอยซีรีย์ดัง อันยองฮาเซโย แฟนๆ K-Pop ทุกคนนน ขอแปลงร่างเป็นสาว Korea หนึ่งวันนะคะ เพราะวันนี้เราจะไปตะลุยดินแดนเกาหลีเพื่อตามล่าหาโอปป้า ต่อด้วยตะลุยกินของอร่อย แต่งชุดฮันบกเดินเที่ยวในวัง และช้อปปิ้งให้สุดเหวี่ยงกันค่าา เอ้า! ใครพร้อมแล้ว ลุยกันเลยย

 

*******************

SMTOWN STUDIO

ใครเป็นแฟนคลับศิลปินค่าย SM ไม่ว่าจะเป็นวง Super Junior, TVXQ, Girls’ Generation, f(x), SHINee, EXO, Red Velvet และ NCT ขอบอกเลยว่าอย่าพลาดเที่ยว SMTOWN STUDIO ตั้งอยู่ที่ COEX Artium ตรงห้าง COEX MALL ย่านชองดัมดง ตึกนี้มีด้วยกันทั้งหมด 6 ชั้น โดยจะเริ่มที่ชั้น 2 ซึ่งใครมาชั้นนี้ต้องกำเงินไว้แน่นๆ หน่อยนะคะ เพราะมีร้าน SUM ที่รวมสินค้า Official ของศิลปินค่าย SM ไว้มากมาย นอกจากนี้ยังมีกระเป๋า หมวก เสื้อ แว่นตา หมอน แก้วน้ำ พวงกุญแจ ฯลฯ เรียกว่าเป็นแหล่งละลายทรัพย์ชั้นดีของติ่งอย่างเราๆ เลยล่ะค่ะ

ขอบคุณภาพจาก www.seoulnavi.com

ชั้น 3 เป็นส่วนของ SMTOWN STUDIO เราจะได้สัมผัสชีวิตการเป็นนักร้อง K-Pop เสมือนจริง เช่น การฝึกเต้น ร้องเพลง การบันทึกเสียง การถ่ายภาพ การถ่ายวิดีโอ และการแต่งหน้าทำผม เป็นต้น ซึ่งแต่ละคอร์สก็จะมีราคาแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ชั้นนี้ยังเต็มไปด้วยแกลลอรีของศิลปินมากมายอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก www.koreaboo.com

ชั้น 4 SMTOWN LIVErary เป็นที่ตั้งของคาเฟ่สุดฮิตอย่าง SUM POP-UP CAFE ภายในมีขนมน่ารักๆ แสนน่ากินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เค้ก คัพเค้ก มาการอง และไอศกรีม เป็นต้น

ตามโต๊ะนั่งมีลายเซ็นต์ของเหล่าศิลปินอยู่ด้วย

ถ้วยรางวัลเรียงรายมากมาย การันตีถึงความฮอตฮิตของศิลปินค่ายนี้

ขอบคุณภาพจาก http://paulalogy.com

ชั้น 5 และ 6 คือ SMTOWN Theatre เป็นโรงภาพยนตร์ ภายในมีการฉาย Hologram Musical สุดอลังการ นอกจากนี้ยังมี Hand Printing ของศิลปิน SM และ Photo Box ไว้ถ่ายรูปคู่กับศิลปินที่เราชื่นชอบอีกด้วย

ยังไม่หมดแค่นี้ ไปฟินกันต่อที่โซน SMTOWN GALLERY และ 3D PRINTING

 

*******************

เที่ยวพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) 

พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ถูกสร้างขึ้นในปี 1395 ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน แฟนซีรีย์เกาหลีจะต้องคุ้นตากับพระราชวังเคียงบกกุงนี้แน่นอน เพราะมักจะถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์แนวพีเรียดอยู่บ่อยๆ ไฮไลท์สำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดชม คือ พิธีการผลัดเปลี่ยนเวรยาม ซึ่งจะมีจัดแสดงเป็นรอบๆ ได้แก่รอบ 10:00 น. 13:00 น. และ 15:00 น. ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีต่อรอบ หากใครอยากลองสวมชุดทหารในวังของเกาหลีดูสักครั้ง ก็สามารถลองสวมใส่ได้ เพราะเค้ามีบริการให้ฟรี!! แต่จะจำกัดคนในแต่ละวันจ้าา

ก่อนเข้าไปชมภายในพระราชวัง อย่าลืมแวะถ่ายรูปที่หน้าประตูฮึงแนมุน (Heungnyemun Gate) สักหน่อย ที่นี่ถือว่าเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตเลยก็ว่าได้คร้าา

อ้อ ลืมบอกไปอีกอย่างคือ ถ้าเราสวมชุดฮันบก แล้วจะได้เข้าวังฟรีจ้าา โอ้โห ขอบอกว่าต้องถูกใจสาวๆ แน่นอน อีกทั้งยังทำให้การชมวังได้บรรยากาศมากขึ้นอีกด้วย

เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามา เราได้พบกับลานท้องพระโรงขนาดใหญ่ เรียกว่า กึงจองจอน (Geunjeongjeon) มักจะถูกใช้สำหรับออกว่าราชการที่เป็นทางการของกษัตริย์ ใช้รับรองทูตจากต่างประเทศ และที่เห็นบ่อยๆ เลยจากในซีรี่ย์ คือ ใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีราชาภิเษกสมรสของเจ้าแผ่นดินด้วยจ้าา

ถ้าเดินเข้าไปอีก ก็จะไปเจอบริเวณที่เรียกว่า ซาจองจอน (Sajeongjeon) เป็นสถานที่ที่กษัตริย์ใช้ในการประชุมกับคณะราชสำนัก

และต่อมา เราจะเจอ คังนยองจอน (Gangnyeongjeon) ในสมัยก่อนเคยถูกใช้เป็นที่ประทับและที่บรรทมของกษัตริย์และพระราชินี

จุดแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของพระราชวังเคียงบกกุง คือ คยองเฮรุ (Gyeonghoeru) เป็นศาลากลางน้ำ ในสมัยก่อนมักจะถูกใช้จัดงานเลี้ยง และพระราชพิธีพิเศษต่างๆ ขอบอกว่าบริเวณนี้สวยมากๆ เหมาะสำหรับถ่ายรูปสุดๆ คร้าา

และสุดของเขตพระราชวังนี้นั้น จะมีศาลาหกเหลี่ยมขนาดสองชั้น ถูกสร้างขึ้นบนเกาะเล็กๆ เรียกว่า ฮางวอนจอง (Hyangwonjeong) สวยงามขึ้นไปอีกกับสะพานที่ทอดยาว เป็นอีกหนึ่งจุดน่ามาถ่ายรูปมากๆ ค่ะ

อัตราค่าเข้าชม

  1. ผู้ใหญ่ อายุ 19 -64 ปี 3,000 วอน (มากกว่า 10 คนขึ้นไป 2,400 วอน)
  2. เด็ก อายุ 7-18 ปี 1,500 วอน (มากกว่า 10 คนขึ้นไป 1,200 วอน)

* เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมฟรี

**ปิดทุกวันอังคาร**

การเดินทาง

  1. ใช้รถไฟใต้ดินสายที่ 3 มาลงสถานี Gyeongbokgung และออกทางออกที่ 5
  2. ใช้รถไฟใต้ดินสายที่ 5 มาลงสถานี Ganghwamun และออกทางออกที่ 1 เดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร

 

*******************

เที่ยวเกาะนามิ (Namiseom Island)

เกาะนามิ (Namiseom Island) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมาจากซีรี่ย์เกาหลียอดฮิตเรื่อง Winter Love Song หรือ เพลงรักในสายลมหนาว และกวนมึนโฮ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นเลยที่ทำให้เกาะนามิเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมมาเที่ยวกันมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะเป็นช่วงที่เราจะได้เห็นความสวยงามของต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองสด และต้นเมเปิ้ลที่เปลี่ยนเป็นใบสีแดงกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งเกาะ ขอบอกว่าบรรยากาศโรแมนติกมากกก จนอยากจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน

ใครเดินจนเมื่อยแล้ว ก็สามารถเลือกนั่งรถบัสไฟฟ้า รถไฟ หรือจะเช่าจักรยานมาปั่นชิวๆ รอบๆ เกาะก็ได้

บนเกาะมีที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย

และสุดท้าย อย่าพลาดเซลฟี่กับรูปปั้นพระเอกและนางเอกจากซีรีย์เรื่องนี้นั่นเองค่ะ

การเดินทาง

ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Gyeongchun ลงที่สถานี Gapyeong และนั่งรถบัสที่ด้านหน้าสถานีรถไฟมาลงที่ท่าเรือเกาะนามิได้เลย หรือจะใช้บริการแท๊กซี่ไปที่ท่าเรือเลยก็ได้ จากนั้นมาต่อเรือข้ามฟากไปยังเกาะ โดยเรือข้ามฟากเที่ยวแรกออกเวลา 07.30 น. เรือเที่ยวสุดท้าย ออกจากเกาะนามิเวลา 21.40 น. ซึ่งเรือจะออกทุก ๆ 30 นาที

 

*******************

เที่ยวโซลทาวเวอร์ หรือ นัมซาน ทาวเวอร์ (N Seoul Tower)

โซลทาวเวอร์ หรือ นัมซาน ทาวเวอร์ (N Seoul Tower) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกที่คู่รักหลายๆ คู่จะต้องมาคล้องกุญแจกันในที่แห่งนี้ค่ะ คนเกาหลีเชื่อกันว่า ถ้าเราได้มาคล้องกุญแจกับคนรัก จะทำให้มีความรักที่ยืนยาวไปตลอดกาล เมื่อคล้องกุญแจเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะชมวิวสวยๆ รอบกรุงโซลบนโซลทาวเวอร์ ที่มีความสูงถึง 236 เมตร ขอบอกว่าสวยจนทุกคนต้องตะลึงแน่นอนจ้าา คอนเฟิร์ม!!

การเดินทาง

  1. นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 สีฟ้า ลงสถานีมยองดง (Myeongdong) ทางออกที่ 3 และเดินเข้าซอยทางขวามือไปทางโรงแรม Pacific Hotel ขึ้นเนินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงสถานีเคเบิ้ลคาร์ หรือถ้าใครไม่อยากเหนื่อย ก็สามารถเรียกแท็กซี่ไปก็ได้ค่ะ ค่ารถประมาณ 3000 วอน
  2. นั่งรถบัส Namsan Shuttle Bus สาย 02, 03 หรือ 05 ได้ค่ะ ค่ารถบัสราคาคนละ 1,200 วอน

 

*******************

เที่ยวหมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)

หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) เป็นย่านหมู่บ้านเกาหลีโบราณนับร้อยหลังที่ยังคงอนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบัน ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมเกาหลีในยุคเก่าแก่อย่างแท้จริง เล่ากันว่า ในสมัยก่อนหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของเหล่าขุนนางชนชั้นสูงในสมัยโชซอน บ้านส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะหลังใหญ่ๆ เก่าแก่แต่เรียบหรู ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่น่าสนใจหลายจุด เพื่อความกลมกลืน แนะนำให้เช่าชุดฮันบกด้วยค่ะ จากนั้นก็เดินหามุมถ่ายรูปกันได้ตามใจชอบเล้ยย รับรองได้ภาพสวยๆ กลับมามากมายแน่นอน และข้อควรระวังสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเดินได้ย่านนี้ คือ ห้ามส่งเสียงดังค่ะ เพราะว่าหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีคนเกาหลีอาศัยอยู่จริงๆ นั่นเอง

การเดินทาง

นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 จากสถานี Anguk Station ออกทางออก 2 และเดินตรงไปอีก 300 เมตร ก็จะถึงหมู่บ้านบุคชอนฮันอกค่ะ

 

*******************

เที่ยวสวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ Lotte World

สวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ (Lotte World) เป็นสวนสนุกชื่อดังของประเทศเกาหลี รวบรวมเครื่องเล่นสนุกๆ ไว้มากมาย ที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นโซน Indoor และ Outdoor ทุกคนสามารถสนุกได้ตลอดเวลา แม้ว่าสภาพอากาศจะไม่เป็นใจก็ตาม ใครที่มาเที่ยวในสวนสนุกแห่งนี้จะเห็นตัวการ์ตูนแรคคูนอยู่ทุกแห่งในสวนสนุกล็อตเต้ เพราะว่าตัวแรคคูนเป็นสัญลักษณ์ของที่นี้นั่นเอง มีชื่อว่า Lotty และ Lorry น่ารักสุดๆ ไปเลยค่าา

มาเริ่มทัวร์กันที่โซนของ Indoor ก่อน โซนนี้จะถูกจัดอยู่ในธีมผจญภัย (Adventure) บรรยากาศภายในก็จะให้อารมณ์เหมือนอยู่ในหมู่บ้านยุโรป มีเครื่องเล่นสนุกๆ ให้เลือกมากกว่า 22 ชนิด จุดไฮไลท์ของโซนนี้คือม้าหมุน Camelot Carousel ค่ะ ขอบอกว่าคิวยาวมากกก หลายคนอาจสงสัยว่าแค่ม้าหนุนธรรมดา ทำไมถึงได้ฮอตฮิตขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะว่าที่นี่เคยถูกใช้เป็นที่ถ่ายทำรายการเรียลลิตี้ ซี่รี่ย์ และ MV ต่างๆ มาแล้วมากมาย เช่น Running Man, We Got Married, Wanna One Go เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งขนาดใหญ่ให้ทุกคนได้สนุกกันด้วย

และมีการแสดงขบวนพาเหรดสุดอลังการให้ได้ชมทุกวันอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก www.klook.com

ในโซน outdoor จะถูกจัดในธีมเกาะเวทมนต์ (Magic Island) เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยเครี่องเล่นสุดหวาดเสียวมากมาย เช่น Flume Ride, Atlantis, Gyro Drop, Gyro Swing เป็นต้น ขอบอกว่าเจ้าเครื่องเล่นพวกนี้จะทำให้คุณสนุกสุดเหวี่ยงแบบไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อนแน่นอน

อัตราค่าเข้าชม

** เปิดทุกวัน จ.- พฤ. เวลา 9.30-22.00 น. ส่วนวัน ศ.- อา. เปิดถึง 23.00 น.

การเดินทาง

นั่งรถไฟใต้ดินมายังสถานี Jamsil (สาย 2,8) ออกที่ทางออก 4 สวนสนุก Lotte world จะอยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน

 

*******************

เที่ยวสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ Everland

มาเที่ยวกันต่อที่สวนสนุกระดับโลกอย่าง เอเวอร์แลนด์ (Everland) ที่นี่ถือว่าเป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี โดยผู้ก่อตั้งสวนสนุกแห่งนี้ คือ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุงนั่นเอง ภายในทุกคนจะสัมผัสทั้งเครื่องเล่นสุดสนุกมากมาย สวนดอกไม้นานาชาติที่มีให้ชมตลอดทั้งปี และสวนสัตว์ซาฟารีขนาดใหญ่ สัตว์ที่ถือว่าเป็นดาวเด่นในซาฟารีแห่งนี้ คือ ไลเกอร์ (Liger) เป็นลูกผสมระหว่างสิงโตกับเสือคู่แรกที่สามารถหาดูได้ในสวนสนุกเอเวอร์แลนด์เท่านั้น นอกจากเจ้าไลเกอร์แล้ว ยังมีสัตว์น่ารักๆ อีกมากมายให้ได้ชมอีกด้วย

ไฮไลท์ของสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ที่ใครๆ ก็อยากลองท้าทาย นั่นคือ รถไฟเหาะ T-Express เป็นรถไฟเหาะบนรางไม้เเห่งเเรกในเอเซีย มีความชันถึง 77 องศา และวิ่งด้วยความเร็ว 104 กิโลเมตร/ชั่วโมง โอ้โห เร็วมากก รับรองว่าถ้าใครได้ขึ้นต้องกรี๊ดคอแตกแน่นอน

ในช่วงกลางคืนอย่าพลาดชมการแสดง Moonlight Parade และ Dream of Laciun เป็นการแสดงแสง สี เสียง สุดอลังการ

อัตราค่าเข้าชม

  1. One-day Ticket : ผู้ใหญ่ 54,000 วอน, เด็ก 43,000 วอน
  2. Night Ticket (หลังเวลา 16:00) : ผู้ใหญ่ 45,000 วอน, เด็ก 36,000 วอน
  3. Two-day Ticket : ผู้ใหญ่ 84,000 วอน, เด็ก 67,000 วอน

การเดินทาง

นั่งรถไฟฟ้า Jeondae-Everland Station สาย Yongin EverLine ออกทางออกที่ 3 และต่อรถ shuttle bus เพื่อไปสวนสนุกได้เลย โดยรถจะวิ่งตั้งแต่ 05:30 น. ถึง 23:30 น.

 

*******************

ช้อปปิ้งย่านเมียงดงและย่านทงแดมุน (Myeong-dong & Dongdaemun)

ย่านเมียงดง (Myeong-dong) และย่านทงแดมุน (Dongdaemun) เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่นที่ใครๆ ต่างรู้จักกันดี ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล และเดินทางแสนสะดวกสบาย ภายในตลาดเต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายเครื่องประดับ ห้างสรรพสินค้า และที่ขาดไม่ได้เลย คือ Street Food ที่เรียงรายตลอดแนว มีของกินเล่นให้เลือกมากมาย สามารถกินไปด้วย ช้อปไปด้วยได้เลยจ้าา ถ้าใครเน้นช้อปปิ้งเสื้อผ้าเป็นหลัก แนะนำไปที่ย่านทงแดมุนค่ะ เพราะแถวนี้มีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งปลีกและส่งมากมาย ราคาที่ได้ก็จะถูกกว่าทั่วไปแน่นอน ฮั่นแน่! อยากมาเที่ยวแล้วล่ะสิ งั้นรีบเก็บเงินแล้วไปเที่ยวกันเถอะะ

ย่านเมียงดง

ย่านทงแดมุน

การเดินทาง

  1. ย่านเมียงดง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 ลงสถานี Myeongdong ออกทางออกที่ 6
  2. ย่านทงแดมุน : นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 หรือ สาย 4 ลงสถานี Dongdaemun ออกทางออกที่ 8

 

*******************

เที่ยวเกาะเชจู (Jeju Island)

เกาะเชจู (Jeju Island) เป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮันลา เมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และการระเบิดในครั้งนั้น ทำให้พื้นดินบนเกาะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ส่งผลให้ต้นไม้ ดอกไม้ และพืชพันธุ์นานาชนิดต่างเจริญเติบโตได้อย่างสวยงาม รวมทั้งสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอีกด้วย

เกาะเชจูตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศ ทำให้มีสภาพอากาศที่กำลังสบายตลอดทั้งปี ไม่หนาวหรือไม่ร้อนจัดจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 องศา ด้วยเหตุนี้ เกาะเชจูจึงมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวอย่างไม่ขาดสายในแต่ละปี โดยเฉพาะคู่รักที่เลือกมาฮันนีมูนกันที่นี่ เพราะนอกจากสภาพอากาศที่แสนบริสุทธิ์แล้ว ที่เกาะแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมายหลายแห่งอีกด้วยค่ะ (ข้อมูลเพิ่มเติม.. คลิก)

 

เที่ยวอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan National Park)

อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan National Park) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังในเรื่องความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงนี้ ทั่วทั้งอุทยานจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้หลากสี เหมาะแก่การถ่ายรูปสุดๆ ด้วยความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ที่นี่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์โดย UNESCO ด้วยค่าา กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่ในหมู่ของชาวเกาหลีเองก็เป็นที่นิยมเช่นกัน นั่นคือ การปีนเขาค่ะ ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนนิดนึงว่า อุทยานแห่งชาติซอรัคซานมีพื้นที่ปกคลุมเทือกเขามากกว่า 398 ตารางกิโลเมตร นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมกิจกรรมปีนเขาถึงเป็นที่นิยมมากในอุทยานแห่งนี้ สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วง High Season จริงๆ จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงและช่วงฤดูหนาว ขอบอกว่าวิวสวยมากๆ จ้าา

อุทยานแห่งชาติซอรัคซานประกอบด้วยยอดเขามากมาย ซึ่งยอดเขาที่สูงที่สุดบนนี้ชื่อว่า Daecheongbong มีความสูงถึง 1,708 เมตร แต่ยอดเขาที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวกันมากจะเป็นยอดเขา Gwongeumseong Fortress เพราะว่ามี Cable Car ที่สามารถนั่งขึ้นไปด้านบนได้นั่นเองจ้าา แต่ถ้าใครอยากจะเดินเขาขึ้นไปเอง ก็สามารถเดินได้เช่นกันค่ะ

ห่างจากจุดขึ้น Cable Car มาประมาณ 700 เมตร จะพบวัดชินฮึงซา (Sinheungsa Temple) เป็นวัดที่เก่าแก่มากในเกาหลี มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งมีความสูงถึง 10 เมตรเลยทีเดียว ผู้คนนิยมมากราบไหว้บูชาและขอพร ระหว่างรอคิวขึ้น Cable Car

ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที เท่านั้นในการนั่ง Cable Car ขึ้นไปด้านบน จากนั้นเราต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร เพื่อขึ้นไปยังยอดเขาที่เป็นจุดหมายของเรา อาจจะเหนื่อยหน่อย แค่คุ้มค่ากับวิวสวยๆ แน่นอนจ้า คอนเฟิร์ม

อัตราค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่ 3,500 วอน, นักเรียน (อายุ 14-19 ปี) 1,000 วอน, เด็ก (อายุ 8-13 ปี) 500 วอน

การเดินทาง

นั่งรถบัสจากสถานี Dong Seoul Bus Terminal ไปลงยังสถานี Sokcho Intercity Bus Terminal หลังจากนั้นต่อรถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ไปลงที่ป้ายสุดท้าย คือป้าย Seoraksan Sogongwon

*******************

เที่ยวชายหาดแฮอึนแด (Haeundae Beach)

เที่ยวปูซาน (Busan) เมืองท่าใหญ่ที่สำคัญที่สุดของเกาหลีใต้ มีขนาดใหญ่อันดับสองรองจากโซล ปูซานเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศติดแนวชายฝั่งทะเล และถูกรายล้อมไปด้วยเทือกเขา ทำให้ที่นี่โดดเด่นเรื่องธรรมชาติที่น่าหลงใหล และชาดหาดที่แสนสวยงาม กิจกรรมสุดฮิตของผู้คนที่มาเยือนปูซานคงหนีไม่พ้น การปีนเขาและกีฬาทางน้ำ นอกจากนี้เรื่องอาหารทะเลยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลิ้มลองอีกด้วย ถ้าพูดถึงชายหาดชื่อดังในเมืองปูซาน ทุกคนต้องนึกถึง ชายหาดแฮอึนแด (Haeundae Beach) เป็นชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ มีความยาวถึง 1.5 กิโลเมตร ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ยิ่งในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนสิงหาคม บริเวณชายหาดจะเต็มไปด้วยหนุ่มสาวนอนอาบแดดกันมากมาย นอกจากนี้ยังมีกีฬาทางน้ำสนุกๆ ให้เลือกเล่นอีกด้วย

ในช่วงเย็นๆ ริมชายหาดแฮอึนแดมักจะมีผู้คนออกมาเดินเล่นชิวๆ พร้อมชมบรรยากาศยามพระอาทิตย์กำลังตกดินกันมากมาย ขอบอกเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมากๆ เหมาะสำหรับคู่รักสุดๆ เลยจ้าา 

 

*******************

เที่ยวสะพานกวางอันแดเคียว (Gwangandaegyo Bridge)

สะพานกวางอันแดเคียว (Gwangandaegyo Bridge) เป็นสะพานทอดข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในเกาหลีใต้ มีความยาวถึง 7.4 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมจาก Haeundae-gu ไป Suyeong-gu สะพานแห่งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองปูซานที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของปูซาน ในยามค่ำคืน สะพานกวางอันแดเคียวจะเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับสุดอลังการ เป็นภาพที่สวยงามไม่แพ้กลางวันเลยทีเดียว และในช่วงเดือนตุลาคมของทุกๆ ปี ที่นี่จะมีเทศกาลดอกไม้ไฟนานาชาติ หรือ Busan International Fireworks Festival ซึ่งถ้าใครที่มาเที่ยวช่วงนี้พอดี อย่าพลาดชมการแสดงดอกไม้ไฟสวยๆ กันนะคะ

 

*******************

 เที่ยวตลาดปลาจากัลจิ (Jagalchi Market)

อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าเมืองปูซานเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของเกาหลีใต้ ดังนั้นสิ่งโด่งดังมากๆ ของที่นี่คงหนีไม่พ้นอาหารทะเลแน่นอน ซึ่งตลาดปลาจากัลจิ (Jagalchi Market) เป็นตลาดอาหารทะเลที่โด่งดังและใหญ่ที่สุดในเกาหลี ภายในมีอาหารทะเลสดๆ เป็นๆ ให้เลือกซื้อมากมาย และที่สำคัญไม่แพงด้วยจ้าา ถ้าออกมาด้านนอกก็จะพบร้านอาหารเรียงรายเต็มไปหมด ใครที่อยากลิ้มลองอาหารทะเลสดๆ ของที่นี่ ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวกันนะค้าา

 

*******************

เที่ยววัดแฮดง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)

วัดแฮดง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในปูซาน ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1376 และเป็นหนึ่งในไม่กี่วัดที่สร้างอยู่ริมทะเลเลย ดังนั้นเรื่องวิวกับบรรยากาศของที่นี่ชนะขาดลอยแน่นอน ผู้คนนิยมมาชมพระอาทิตย์แรกของปีในวันขึ้นปีใหม่และไหว้ขอพรกันที่วัดแห่งนี้ ซึ่งชาวเกาหลีเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตพบเจอแต่เรื่องโชคดีไปตลอดทั้งปี และในช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่งสวยงามเต็มพื้นที่บริเวณวัด ซึ่งเป็นอีกช่วงหนึ่งที่สามารถดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเที่ยวที่นี่

 

*******************

เที่ยวหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village)

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) เป็นหมู่บ้านที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขา มีสีสันสดใส สวยงาม และเต็มไปด้วยรูปปั้นมากมาย ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ซานโตรินีแห่งเกาหลี” ซึ่งถูกเนรมิตโดยฝีมือนักศิลปะในเกาหลีกว่าหลายสิบคน จุดไฮไลท์ของหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอนที่ทุกคนไม่ควรพลาด คือ Sky Garden เป็นจุดชมวิวบนสุดของหมู่บ้านที่สามารถมองเห็นอาคารเรือนสีสันสดใสได้แบบพาโนรามาเลยทีเดียว

 

*******************

ตะลุยกินอาหารเกาหลี

เรื่องของกินเป็นสิ่งที่ไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ อาหารเกาหลีเป็นที่นิยมมากสำหรับคนไทย ด้วยความหลากหลายของอาหาร และรสชาติที่ถูกปาก ทำให้อาหารเกาหลีกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และวันนี้เรามาทำความรู้จักกับอาหารเกาหลีสุดฮิตที่ใครไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึงประเทศเกาหลีกันค่าา

หมูสามชั้นย่าง (ซัมกยอบซัล) เชื่อว่าทุกคนที่ได้ไปเยือนเกาหลีต้องตรงดิ่งเพื่อไปกินสิ่งนี้เป็นอันดับแรกแน่นอน ซึ่งแต่ละร้านเค้าจะมีสูตรเด็ดที่แตกต่างกันไป ด้วยหมูที่สดและใหม่ ถูกหมักอย่างพิถีพิถัน ถูกนำมาย่างบนเตาร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่วร้าน ยั่วน้ำลายกันสุดๆ คนเกาหลีนิยมห่อกินกับผักกาดหอม ใส่กระเทียม กิมจิ และน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน ม้วนๆ นำเข้าปากแบบเต็มคำ รับรองฟินเกินคำบรรยาย

ไก่ตุ๋นโสม (ซัมเกทัง) เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่คนเกาหลีนิยมทานกันมากมาย จริงๆ แล้วเมนูนี้มีต้นตำรับมาจากในวังตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์โชซอน ไฮไลท์คือตัวไก่ที่ถูกยัดใส้ด้วยข้าวเหนียว โสม พุทราจีน และธัญพืชต่างๆ นำมาต้มกับโสมจนเปื่อย กินคู่กับกิมจิ กลิ่นหอม แต่รสชาติจืดๆ หน่อยค่า

ข้าวยำเกาหลี (บิบิมบับ) เป็นอีกเมนูหนึ่งที่คนเกาหลีชอบทาน และชอบทำกินเองที่บ้าน บิบิมบับ เป็นเมนูทำง่ายแสนง่าย ประกอบด้วยผักต่างๆ ที่ถูกผัดและปรุงรสมาแล้ว วางบนข้าวร้อนๆ ตามด้วยเนื้อสัตว์ และโคชูจัง สุดท้ายตอกไข่ไก่ไว้บนสุด เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยจ้าา หน้าตาอาหารก็จะดู healthy เบาๆ ก่อนกินเราต้องคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันก่อน จากนั้นก็ตักเข้าปากได้เลย ขอการันตีว่ารสชาติกล่อมกล่อมและอร่อยสุดๆ จ้า

แกงกิมจิ (คิมชี ชีเก) กิมจิ เป็นของขึ้นชื่อในประเทศเกาหลี มักจะถูกนำมากินเป็นเครื่องเคียงคู่กับอาหารหลักในทุกๆ มื้อ ซึ่งกิมจิที่เราเห็นบ่อยๆ คือ กิมจิผักกาดขาว นั่นเอง นอกจากมักจะถูกนำมากินเป็นเครื่องเคียงแล้ว คนเกาหลียังนำกิมจิมาประกอบเป็นอาหารต่างๆ อีกด้วย และเมนูยอดฮิตเลยก็คือ แกงกิมจิ หรือ คิมชี ชีเก ซึ่งจะประกอบไปด้วย กิมจิ เนื้อสัตว์ เต้าหู้ และต้นหอม ปรุงรสจนได้รสชาติที่กลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ รับรองรสชาติถูกปากคนไทยแน่นอนค่ะ

บะหมี่ดำเกาหลี (จาจังมยอน) เป็นอาหารจีน แต่กลับฮิตมากในประเทศเกาหลี สามารถหาทานได้ง่ายมากตามร้านอาหารทั่วไป สีดำของซอสมาทำจากถั่วดำหมัก นำมาผัดกับแตงกวา แครอท หัวหอม และเนื้อสัตว์ ปรุงรสให้อร่อย จากนั้นก็เอามาราดบนเส้นบะหมี่ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ใครที่ชอบกินเส้นๆ เมนูนี้ไม่ควรพลาดจ้าา

 

*******************