เรือสำราญ Celebrity Apex ของสายเรือ Celebrity Cruises

 

เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเรือสำราญของสายเรือ Celebrity Cruises นั่นก็คือ Celebrity Apex เรียกได้ว่าเป็นเรือน้องสาวลำล่าสุดของ Celebrity edge นั่นเองค่า รับรองได้ว่าเหล่านักเดินทางล่องเรือสำราญได้เตรียมตัวกันเฮลั่น สนั่นเรืออย่างแน่นอน เพราะ Celebrity Apex ของเราจะได้ฤกษ์เปิดตัวในปี 2020 อันใกล้จะถึงนี้แล้ว โดยเปิดตัวเส้นทางแรก เดือนเมษายนจะล่องในทะเลแถบเมดิเตอร์เรเนียน ออกจากท่าเรือ Southampton และ เดือนพฤศจิกายน ล่องในแถบแคริบเบียน ออกจากท่าเรือ Ft. Lauderdale เป็นต้นค่า

 

เรือสำราญ Celebrity Apex  มีขนาดน้ำหนัก 129,500 ตัน รองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,918-3,373 ท่าน เป็นเรือที่มีความล้ำสมัย ออกแบบให้เห็นในรูปแบบสามมิติทั้งลำ ทำให้เราสามารถสัมผัสประสบการณ์ และเห็นภาพได้อย่างเสมือนจริง สร้างความตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด ถือเป็นการออกแบบที่ล้ำสมัยที่สุด ภายในมีห้องพักหรูหรา เราสามารถควบคุมระบบทุกอย่าง ทั้งปรับแสง ม่านกันแดด และอุณหภูมิห้อง ด้วยฝีมือการออกแบบของ เคลลี่ ฮอบเพน เปิดตัวด้วยห้องแบบมีระเบียง "อินฟินิต เวรันดา" เพียงกดปุ่มผนังด้านในและด้านนอกจะเปิดออก โซนพักผ่อนทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยนเป็นระเบียงได้ทุกเมื่ออย่างไร้ขอบเขตค่า

 

ไฮไลท์

 

เรือสำราญ Celebrity Apex ยังเพิ่มห้องสวีทมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า และมีห้องดีไซด์พิเศษอีก 2 แบบ นั่นก็คือ ห้อง "ไอโคนิค สวีท" ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก เพราะห้องพิเศษนี้อยู่เหนือห้องบังคับการเดินเรือนั่นเองค่ะ ห้องไอโคนิค สวีท ที่ว่านี้มาพร้อมวิวแบบพาโนรามิก มีมุมกว้างที่เห็นวิวแบบสุดสบายตา ฟินเฟอร์ กันแบบสุดๆไปเลย

 

และ มีห้องพิเศษแบบสองชั้น เรียกว่า "เอดจ์ วิลล่า" ที่ออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยมและลงตัว เป็นห้องแบบมีระเบียงและมีสระว่ายน้ำแบบส่วนตัว ภายในห้องพัก สามารถเดินทะลุออกไปยังลานอาบแดด ที่ให้บริการเฉพาะผู้เข้าพักห้องสวีทเท่านั้นค่ะ และอีกหนึ่งโซนพักผ่อนเดอะรีทรีท (The Retreat)  ที่นำเสนอความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง โซนนี้มีทั้ง ลานอาบแดด สระว่ายน้ำ และบาร์เครื่องดื่ม มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนพิเศษอีกมากมาย มาพร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามของท้องทะเล  อีกด้านหนึ่งของ เดอะรีทรีท เป็นโซนด้านในจะมีบริการอาหาร และเครื่องดื่ม ที่ทางเรือมีไว้ให้บริการ รวมถึงห้องอาหารพิเศษที่มีบริการสำหรับแขกที่พักห้องสวีทโดยเฉพาะอีกด้วยค่า 

 

บนเรือ Celebrity Apex ยังมีไฮไลท์เด็ดอีกหลายโซน อาทิเช่น  Resort Deck มีทั้งสระว่ายน้ำ ลานอาบแดด และสวนลอยฟ้า สนุกไปกับกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึง จุดชมวิว "Magic Carpet"  เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวเรือ สามารถเลื่นขึ้นและลงจากชั้น 2 ขึ้นไปสูงสุดถึงชั้น 16 ค่า แน่นอนว่าทุกท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงาม และบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ได้สูดกลิ่นอายของท้องทะเล แค่คิดก็ฟินเฟอร์ซะแล้ววว

 

  • เรือสำราญ Celebrity Apex จะล่องในแถบ ยุโรป เมดิเตอร์เรเนียน แคริบเบียน เป็นหลักค่า
  • ระยะเวลาล่องเรือสำราญตั้งแต่ 4 คืน ขึ้นไปค่ะ
  • ในเส้นทางแถบยุโรป จะออกจากท่าเรือ Southampton เป็นหลัก ในเส้นทางแถบเมดิเตอร์เรเนียน จะออกจากท่าเรือ Rome/Civitavecchia และ Barcelona เป็นหลัก และในเส้นทางแถบแคริบเบียน จะออกจากท่าเรือ Fort Lauderdale เป็นหลักค่า

 

ตัวอย่างเส้นทาง

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Celebrity Apex

 

เชิญชมคริปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

ข้อมูลตัวเลข

 

ห้องพัก

 

Inside Staterooms หรือที่เรียกว่า ห้องไม่มีหน้าต่าง สำหรับห้องนี้พักได้สูงสุด 2-4 ท่าน มีความกว้าง ตั้งแต่  17-21 ตร.ม  ห้องพักไม่มีหน้าต่างจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 6-12 บนเรือสำราญค่า ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เตียงขนาดคิงไซส์, มินิบาร์, ตู้เซฟอิเล็กทรอนิกส์, ทีวีจอแบน, อินเทอร์เน็ต, บริการรูมเซอร์วิส เครื่องเป่าผมผลิตภัณฑ์อาบน้ำแบบครบเซ็ต เป็นต้นค่า

 

Ocean View Staterooms หรือที่เรียกว่า ห้องมีหน้าต่าง สำหรับห้องนี้พักได้สูงสุด 4 ท่าน มีความกว้าง ตั้งแต่  19-32 ตร.ม  ห้องพักมีหน้าต่างจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 3,8,9 และ 6 บนเรือสำราญค่า ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เตียงขนาดคิงไซส์, มินิบาร์, ตู้เซฟอิเล็กทรอนิกส์, ทีวีจอแบน, อินเทอร์เน็ต, บริการรูมเซอร์วิส เครื่องเป่าผมผลิตภัณฑ์อาบน้ำแบบครบเซ็ต เป็นต้นค่า

 

Veranda Staterooms หรือที่เรียกว่า ห้องมีระเบียง สำหรับห้องนี้พักได้สูงสุด 4 ท่าน มีความกว้าง ตั้งแต่  18-21 ตร.ม ความกว้างของพื้นที่ระเบียงตั้งแต่ 4-8 ตร.ม ห้องพักจะตั้งอยู่ชั้น 6-12 บนเรือสำราญค่า ท่านสามารถเดินออกไปนั่งนอกระเบียง พร้อมจิบกาแฟยามเช้าเบาๆ และรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ได้แบบสบายใจเป็นที่สุด ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เตียงขนาดคิงไซส์, มินิบาร์, ตู้เซฟอิเล็กทรอนิกส์, ทีวีจอแบน, อินเทอร์เน็ต, บริการรูมเซอร์วิส เครื่องเป่าผมผลิตภัณฑ์อาบน้ำแบบครบเซ็ต เป็นต้นค่า

 

Sky Suites ห้องนี้พักได้สูงสุด 4 ท่าน ภายในมีความกว้างตั้งแต่ 28-39 ตร.ม และความกว้างของระเบียงประมาณ 8-15 ตร.ม  ตั้งอยู่ชั้น 6-12 ค่ะ  ภายในห้องกว้างขวาง มองเห็นวิวทิวทิศน์ที่สวยงามผ่านระเบียง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิท ฟรีอินเตอร์เน็ต พร้อมมินิบาร์ที่คอยเติมเต็มตลอด และรับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Luminae Restaurant (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น) และ Michael's Club Lounge ที่มีบริการ เครื่องดื่ม ค็อกเทล แบบไม่จำกัดอีกด้วยค่า

 

Celebrity Suite ห้องนี้พักได้สูงสุด 4 ท่าน ภายในมีความกว้างตั้งแต่ 43-47 ตร.ม และความกว้างของระเบียงประมาณ 5 ตร.ม  ตั้งอยู่ชั้น 12 ค่ะ อยู่ติดกับห้อง Sky suite ค่า ภายในห้องกว้างขวาง มองเห็นวิวทิวทิศน์ที่สวยงามผ่านระเบียง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิท ฟรีอินเตอร์เน็ต พร้อมมินิบาร์ที่คอยเติมเต็มตลอด และรับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Luminae Restaurant (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น) และ Michael's Club Lounge ที่มีบริการ เครื่องดื่ม ค็อกเทล แบบไม่จำกัดอีกด้วยค่า

 

Royal Suites ห้องนี้พักได้สูงสุด 4 ท่าน ภายในมีความกว้างตั้งแต่ 64-71 ตร.ม และความกว้างของระเบียงประมาณ 7 ตร.ม  ตั้งอยู่ชั้น 12 ค่ะ ห้องสวีทนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทิศน์ที่สวยงามผ่านระเบียง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิท ฟรีอินเตอร์เน็ต พร้อมมินิบาร์ที่คอยเติมเต็มตลอด และรับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Luminae Restaurant (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น) และ Michael's Club Lounge ที่มีบริการ เครื่องดื่ม ค็อกเทล แบบไม่จำกัดอีกด้วยค่า

 

Penthouse Suites ห้องนี้พักได้สูงสุด 6 ท่าน ภายในมีความกว้างตั้งแต่ 130-146 ตร.ม และความกว้างของระเบียงประมาณ 19 ตร.ม  ตั้งอยู่ชั้น 12 ค่ะ ห้องเพ้นท์เฮ้าส์สวีท มีสองห้องนอน ภายในห้องกว้างขวาง และสามารถมองเห็นวิวทิวทิศน์ที่สวยงามผ่านระเบียง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิท ฟรีอินเตอร์เน็ต พร้อมมินิบาร์ที่คอยเติมเต็มตลอด นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการใช้สระว่ายน้ำได้ที่ "The Retreat Sundeck"  และรับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Luminae Restaurant (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น) และ Michael's Club Lounge ที่มีบริการ เครื่องดื่ม ค็อกเทล แบบไม่จำกัดอีกด้วยค่า

 

Edge Villa ห้องนี้พักได้สูงสุด 4 ท่าน ภายในมีความกว้างตั้งแต่ 69-88 ตร.ม และความกว้างของระเบียงประมาณ 20 ตร.ม  ตั้งอยู่ชั้น 15-16 ค่ะ ห้องสวีทนี้จะเป็นแบบสองชั้นนะคะ มี 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และสามารถมองเห็นวิวทิวทิศน์ที่สวยงามผ่านระเบียง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิท ฟรีอินเตอร์เน็ต พร้อมมินิบาร์ที่คอยเติมเต็มตลอด  และรับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Luminae Restaurant (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น) และ Michael's Club Lounge ที่มีบริการ เครื่องดื่ม ค็อกเทล แบบไม่จำกัดอีกด้วยค่า

 

Iconic Suites หรือเรียกว่า เป็นห้อง ไอโคนิค สวีท ห้องนี้พักได้สูงสุด 6 ท่าน ภายในมีความกว้างตั้งแต่ 176-240 ตร.ม และความกว้างของระเบียงประมาณ 64 ตร.ม ตั้งอยู่ทางหัวเรือชั้น 12 ค่ะ ความพิเศษของห้องนี้ คือให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก เพราะเป็นห้องพิเศษนี้อยู่เหนือห้องบังคับการเดินเรือนั่นเองค่ะ ห้องไอโคนิค สวีท ที่ว่านี้มาพร้อมวิวแบบพาโนรามิก มีมุมกว้างที่เห็นวิวแบบสุดสบายตา ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิท ฟรีอินเตอร์เน็ต พร้อมมินิบาร์ที่คอยเติมเต็มตลอด นอกจากนี้ยังยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการใช้สระว่ายน้ำได้ที่ "The Retreat Sundeck"  และได้รับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Luminae Restaurant (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น) และ Michael's Club Lounge ที่มีบริการ เครื่องดื่ม ค็อกเทล แบบไม่จำกัดอีกด้วยค่า 

 

 

ห้องอาหารหลัก และ ห้องอาหารพิเศษ

 

เรามาเริ่มกันที่ห้องอาหารหลักบนเรือกันก่อนเลยค่า ต้องบอกว่าเรือลำนี้มีห้องอาหารหลักถึง 4 ห้อง ได้แก่ Cosmopolitan, Normandie, Tuscan และ Cyprus ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 3-4 บนเรือ แต่ละห้องจะมีการตกแต่งที่สวยงาม โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และมีบรรยากาศที่ดีเยี่ยม แขกทุกท่านจะได้รับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารค่ำที่นี่ เมนูมีทั้ง ซีซาร์สลัด, ค๊อกเทลกุ้ง, ไก่ย่าง, เนื้อสันนอกนิวยอร์ก และเมนูสุดคลาสสิคอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ อ้ออย่าลืมมาตบท้ายด้วยเมนูของหวานนะคะ มีทั้ง เค้ก เชอร์เบท โยเกิร์ตไขมันต่ำ และไอศครีม และ ที่สำคัญ ห้องอาหารหลักทุกห้องจะมีเมนูสำหรับน้องๆ หนูๆ อีกด้วยค่า 

 

Cosmopolitan Restaurant ตั้งอยู่บนชั้น 4 บนเรือค่ะ

 

Normandie Restaurant ตั้งอยู่บนชั้น 3 บนเรือค่า (รอภาพห้องอาหารจากทางสายเรือ จะรีบมาอัพเดทอีกทีนะคะ อิอิ )

 

Tuscan Restaurant ตั้งอยู่บนชั้น 3 บนเรือค่ะ 

 

Cyprus ตั้งอยู่บนชั้น 4 บนเรือค่ะ

 

 

ห้องอาหารหลักสำหรับแขกผู้เข้าพักในห้อง Suite Class และ AquaClass

 

Luminae at the Retreat เป็นห้องอาหารที่ให้บริการเฉพาะผู้ที่เข้าพักห้องสวีทเท่านั้นค่า ที่นี่จะให้บริการอาหารครบทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน และมื้อเย็นค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้าให้เสียเวลา อิอิ หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เมนูอาหารมีทั้ง สลัด กุ้งล็อบสเตอร์ราดครีมซอส  เนื้อวัว เนื้อกวาง และเนื้อไก่ย่างอย่างดี เบอร์เกอร์ สเต็ก และ ซุปอาติโช๊คเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ว่าแล้วก็หิวเลยนะคะ เชิญมากันได้ที่ห้องอาหาร Luminae  ตั้งอยู่ชั้น  12 ถัดจาก The Retreat  บนเรือค่า

 

Blu เป็นห้องอาหารที่เปิดสำหรับแขกผู้เข้าพักในห้องประเภท AquaClass หรือห้องสวีทเท่านั้นค่า ตั้งอยู่บนชั้น 5 สไตล์การตกแต่งภายในสวยงาม เน้นโทนสีฟ้า และสีขาว ให้บรรยากาศที่สดชื่น และมีชีวิตชีวา ห้องอาหาร Blu เปิดให้บริการเฉพาะมื้อเช้า และมื้อเย็น เมนูอาหารจะเปลี่ยนแปลงในทุกค่ำคืน รสชาติอาหารไม่ต้องพูดถึง การันตรีความอร่อยอย่างแน่นอนค่า

 

 

ห้องอาหารพิเศษบนเรือ

 

เรามาเริ่มกันที่ห้องอาหาร Fine Cut Steakhouse ค่า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทานสเต็กต้องห้ามพลาด เพราะที่นี่เขามีเนื้อที่คัดสรรมาอย่างดีคุณภาพพรีเมี่ยมเป็นที่ซู๊ดด นอกจากเนื้อแล้ว ยังมีอาหารทะเลที่สดใหม่ให้ได้เลือกทานทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา เมนูอาหารในแต่ละเมนูมีให้เลือกทานกันในแบบที่หลากหลาย บรรยากาศภายในทุกท่านจะได้ยินเสียงดังผัดฉ่าของกะทะร้อนๆ และกลิ่มหอมๆ ตลบอบอวล ชวนให้ท้องร้องกันไปตามๆ กัน อิอิ Fine Cut Steakhouse มีราคาเริ่มต้นที่ 55 เหรียญ และมีเมนูสำหรับเด็กๆ เช่นกัน พิกัดตั้งอยู่บนชั้น 5 บนเรือ มากันได้เล๊ยยย

 

มาต่อกันด้วยร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสสุดคลาสสิค Le Grand Bistro ตั้งอยู่บนชั้น 4 ห้องนี้มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 39 เหรียญ สำหรับมื้อเที่ยง และ 55 เหรียญสำหรับมื้อค่ำ ค่า มีรายการอาหาร และเมนูเครื่องดื่มประเภทไวท์ให้เลือกมากมาย หากใครหิวละก็ สามารถสั่งเมนู เครป แพนเค้ก มัฟฟินครัวซองต์ หรือเป็นมื้อหนัก เช่น กุ้งล็อสเตอร์ หรือปู  สุดแสนอร่อยมาทานรองท้องก่อนได้ค่า สำหรับมื้อเย็นจะถูกเปลี่ยนเมนูอาหารเป็น Le Petit Chef ที่จะนำเสนอเรื่องราวอาหารในรูปแบบอนิเมชั่น 4D นำแสดงโดยตัวละครตัวเล็ก ๆ ที่จะเตรียมจานของคุณบนโต๊ะอาหาร ลักษณะเป็นภาพเคลื่อนไหว ช่างน่าตื่นเต้นเป็นที่สุด อิอิ 

 

Le Petit Chef  นำเสนอเรื่องราวอาหารในรูปแบบอนิเมชั่น 4D นำแสดงโดยตัวละครตัวเล็ก ๆ จัดเตรียมจานของคุณบนโต๊ะอาหาร ลักษณะเป็นภาพเคลื่อนไหว ช่างน่าตื่นเต้นเป็นที่สุด อิอิ ว่าแล้วลองไปชมคลิปวิดีโอด้านล่างได้เลยค่า 

 

Eden Restaurant ห้องอาหารแห่งนี้คะแนนความพิเศษนอกจากจะมีเมนูอาหารที่หลากหลาย และที่สุดของความอร่อยแล้ว ยังมีบรรยากาศที่แสนสบาย น่านั่ง การตกแต่งภายในกว้างขวาง ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติด้วยสีเขียวขจีของพรรณไม้ประดับตกแต่งต่างๆ ที่พิเศษไปกว่านั้น ยังมีเหล่าศิลปินชื่อดังคอยแวะเวียนกันมา สร้างเสียงหัวเราะ และชวนให้เต้นรำกันถึงโต๊ะอาหาร รายการอาหารจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 65 เหรียญ สำหรับช่วงมื้อเย็นจะมีให้บริการในทุก 15 ถึง 30 นาทีระหว่างเวลา 18.00 น.-22.00 น. ค่า พิกัดมากันได้ที่ชั้น 4 บนเรือสำราญค่า

 

ความอร่อยยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มาต่อกันที่ห้องอาหาร Raw on 5 ตั้งอยู่บนชั้น 5 บนเรือสำราญ และยังให้บริการแขกที่ขึ้นมาถึงชั้น 5 โดย Magic Carpet เมนูอาหารมีทั้ง หอยนางรมสดๆ ปู กุ้งล็อบสเตอร์ คาเวียร์ ซูชิ และซาซิมิที่ผ่านการปรุงแต่งโดยสุดยอดเชฟฝีมือนั่นเองค่า เมนูอาหารเป็นแบบอลาคาส มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 8-75 เหรียญ เปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวัน และมื้อค่ำค่า

 

 

เพลิดเพลินกับอาหารกลางวัน หรือเลือกรับประทานอาหารมื้อค่ำใต้แสงดาวได้ที่ Rooftop Garden Grill บนชั้น 15 สุดยอดร้านอาหารกลางแจ้งที่ที่มีวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลล้อมรอบ บรรยากาศดีเป็นที่ซู๊ดดดด เมนูแนะนำมีทั้ง เบอร์เกอร์ และ บาร์บีคิว รสชาติชวนให้น่าลอง ราคาเริ่มต้น 25 เหรียญ สำหรับมื้อกลางวัน และ 45 เหรียญ สำหรับอาหารค่ำค่า 

 

ขึ้นมาต่อกันที่ Dinner on the Edge ตั้งอยู่ชั้น 16 บนเรือ สำหรับห้องอาหารนี้ต้องทำการจองล่วงหน้าค่า โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 65 เหรียญต่อท่าน ให้บริการเฉพาะช่วงเวลาอาหารค่ำเท่านั้น เมนูจะถูกกำหนดโดยเชฟผู้รังสรรค์ รับรองว่าอาหารที่เสิร์ฟบนโต๊ะทุกจานนั้น การันตรีความอร่อยอย่างแน่นอนค่ะ 

 

มาในโซนที่หลายๆ คนต่างพูดถึง นั่นก็คือ Magic Carpet ให้บริการชั้น 2, 5 และช้ัน 14 การบริการจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปค่า เช่น ในช่วงเวลากลางวันจะเป็นช่วงเวลาของอาหาร Magic  carpet จะให้บริการในชั้น 5 และ ในช่วงยามบ่าย Magic Carpet จะปลี่ยนไปให้บริการในชั้น 14 ทุกท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศของท้องทะเล มาพร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ให้อารมณ์ที่ผ่อนคลายเป็นที่สุด มาพร้อมกับเครื่องดื่มค็อกเทลสุดพิเศษ และดนตรีสนุกสนาน อื่นๆ อีกมากมาย อิอิ ว่าแล้ว แนะนำให้ลองไปชมคลิปวิดีโอตามด้านล่างได้เลยค่า 

 

 

ห้องอาหารบนเรือ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย มีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่า 

 

Oceanivew Cafe ตั้งอยู่ชั้น 14 จุดเด่นของที่นี่คือการตกแต่งที่สร้างบรรยากาศให้น่านั่งได้ตลอดท้ังวัน นั่นคือการติดตั้งกระจกสูงสองชั้นจากพื้นจรดเพดาน เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสุดลูกหูลูกตา รายการอาหารก็น่าลิ้มลองเพราะที่นี่เขามีทั้ง อาหารเอเชียรสจัดจ้าน หอมตลบอบอวลไปด้วนกลิ่นของเครื่องเทศ ตบท้ายด้วยเบเกอรี่หอมกรุ่นละมุนละไม เสิร์ฟจากเตาอบร้อนๆ ตามด้วยชาหรือกาแฟปิดท้าย ช่างเป็นวันล่องเรือที่น่าอิจฉาเป็นที่ซู๊ดดด

 

Mast Grill เอาใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานเบอร์เกอร์เป็นที่สุด เพราะที่นี่เขามีทั้ง เบอร์เกอร์ เนื้อ ไก่ ฮ็อทด็อก รวมไปถึงเบอร์เกอร์ชีสเน้นๆ และ เฟรนช์ฟรายส์สุดอร่อย Mast Grill แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 14 บนเรือค่า หาได้ไม่ยากเพราะร้านจะตั้งอยู่มุมด้านหลังโซนสระว่ายน้ำหลักค่า หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา อิอิ Mast Grill....

 

Spa Cafe and Juice Bar เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ตั้งอยู่ชั้น 14 ฝั่งทางด้านนอกโซนโซลาเรียม เป็นร้านกาแฟที่เอาใจสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เปิดให้บริการในช่วงเช้า และ ช่วงกลางวันค่า มีบริการอาหารฟรี แต่ไม่รวมน้ำดื่ม พวกผลไม้ปั่นนะคะ อาจจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5-6 เหรียญค่ะ

 

Eden Café เอาใจคนรักสุขภาพ เพราะมื้อเช้านั้นสำคัญ อิอิ ที่นี่มีบริการอาหารมื้อเช้า และ มื้อกลางวันที่หลากหลายค่ะ บรรยากาศภายในโปร่งสบาย รับแสงแดดอุ่นๆ ที่ตกกระทบของผิวน้ำ สะท้อนกับหน้าต่างระยิบระยับ เหมาะแก่การมานั่งทานมื้อเช้า พร้อมจิบกาแฟเบาๆ หรือจะพกหนังสือมานั่งอ่านเงียบๆ คนเดียวสักเล่ม รับรองได้ว่าจะเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใสอย่างแน่นอนค่า

 

 

บาร์ และ เลาจน์

 

The Retreat Lounge  สำหรับเลาจน์แห่งนี้ ถือเป็น สิทธิพิเศษสำหรับแขกผู้เข้าพักระดับ Suite ขึ้นไปค่า เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันค่ะ ภายในมีอาหาร เครื่องดื่ม บรรยากาศสบายๆ มีดนตรีเพราะๆ คลอเคลียตลอดทั้งวันค่า 

 

The Retreat Pool Bar ตั้งอยู่บนชั้น 16 ค่า เดอะรีทรีทพูลบาร์แห่งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแขกผู้เข้าพักในห้องสวีทเท่านั้นค่ะ เป็นพื้นที่สุดไพรเวทที่ให้ความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด ภายในมีบริการเครื่องดื่มค็อกเทล ไวน์หลากหลายชนิด ท่านสามารถนอนอาบแดด พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ให้สบายใจ หรือจะแช่ตัวในสระคลายร้อนได้ในช่วงระหว่างวันค่า  

 

Pool Bar  เพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มที่แสนสดชื่นริมสระ และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสุดชิวในระหว่างล่องเรือในยามบ่ายๆ พร้อมผ่อนคลายไปกับการเล่มน้ำให้ชื่นฉ่ำ บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 14 บนเรือค่า มากันได้เล๊ยย

 

The Club เป็นสถานที่แห่งความบันเทิง ในยามค่ำคืนที่นี่จะเปลี่ยนเป็นไนท์คลับดิสโก้ที่เรียกว่า  "Undercover at The Club" กับดนตรีสนุกสนาน รวมไปถึงใครที่ชื่นชอบแนวดนตรีแจ๊สในยุค 1920 ต้องห้ามพลาดมาร่วมสนุกสนาน เต้นรำให้ชื่นฉ่ำหัวใจ  และ สำหรับ The Club ในตอนกลางวันที่นี่ก็จะจัดกิจกรรมเป็นคลาสสอนเต้นสนุกสนานอีกด้วยค่า

 

Martini Bar เรียกได้ว่า เป็นบาร์หลักที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่บนชั้น 3 ค่า ภายในสวยงาม โอ่อ่า มีโคมแชนเดอร์เรียสุดหรูหรามาพร้อมกับความใหญ่โต อลังการ และงดงามอย่าบอกใคร บาร์แห่งนี้มีเครื่องดื่มที่หลากหลาย ให้ท่านได้เลือกดื่มมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มาร์ตินี่ หรือ ค็อกเทลเย็นๆ เสิร์ฟโดยบาร์เทนเดอร์ที่มีทักษะการชงอันยอดเยี่ยม ภายในยังมีดนตรีเพราะ ๆ ท่านจะได้ยินเสียงของเปียโน แซ็กโซโฟน และกีตาร์ คลอเคลียระหว่างวัน จากวงดนตรีชื่อดัง  รับรองได้ว่าเหมาะแก่การมานั่งชิวๆ กับเพื่อนฝูงเป็นที่สุดค่า Martini Bar ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากบนเรือสำราญแห่งนี้ค่า

 

Casino bars คาสิโนบาร์แห่งนี้สวยงามมากค่า ไม่เหมือนคาร์สิโนบาร์ทั่วไป ซึ่งบาร์แห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่กลางวงคาสิโนนะคะ แต่ตั้งอยู่ในจุดที่แขกทุกท่านสามารถเข้าถึงได้ โดยสามารถเดินผ่านตรงแกรนด์พลาซ่าเพื่อมายังบาร์ได้เลยค่า  แขกสามารถเลือกดื่มเครื่องดื่มตามใจชอบ บนผนังติดจอโทรทัศน์ ไว้ให้แขกได้ชมเกมส์กีฬาสนุกสนาน ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดูเกมส์กีฬาสุดมันส์ที่บ้านพร้อมเพื่อนฝูงอิอิ หากใครชื่นชอบบรรยากาศคาสิโนบาร์แบบนี้แวะมากันได้ที่ชั้น 4 บนเรือค่า

 

Sunset Bar ตั้งอยู่บนชั้น 15 บนเรือค่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การจิบเครื่องดื่มเบาๆ ก่อนจะถึงเวลาในการรับประทานอาหารค่ำ จุดนี้ถือเป็นจุดชมวิวอันยอดเยี่ยมบนเรือสำราญก็ว่าได้ค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ยามเย็นที่แขกจะมาชิวเอาท์กับเพื่อนฝูง รับลองว่า Sunset Bar แห่งนี้ อาจจะเป็นโซนสุดโปรดอีกหนึ่งโซนของท่านแน่นอนค่า 

 

Eden Bar เรียกได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของ Eden คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่บนชั้น 5 บนเรือค่า เป็นอีกหนึ่งบาร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากแขกทุกท่าน ภายในกว้างขวาง มาพร้อมกับบรรยากาศสุดชิว การตกแต่งถูกเนรมิตให้เป็นสวนสีเขียว สบายตา ในช่วงกลางวันที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่แห่งความเงียบสงบ ท่านสามารถจิบกาแฟยามบ่ายได้อย่างสบายใจ แต่ในช่วงยามค่ำคืนจะมีผู้คนมากมาย ท่านสามารถชวนเพื่อนๆ มาจิบค็อกเทลเย็นๆ พร้อมกับฟังเพลงเพราะๆ กันได้ที่บาร์แห่งนี้ค่า 

 

Café Al Bacio สถานที่ในยามว่าง มุมสงบ เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือ และจิบกาแฟยามสายๆ ให้สบายใจเล่นค่า บรรยากาศตกแต่งภายในห้อง Café Al Bacio สวยงาม หรูหรา และน่านั่ง เต็มไปด้วยงานศิลปะรายรอบที่สวยงาม หาใครเป็นคอกาแฟต้องห้ามพลาดค่า เพราะที่นี่เขามีกาแฟชนิดพิเศษ หลากหลายมากมายให้เลือก อิอิ 

 

มาต่อกันด้วยที่ Il Secondo Bacio ร้านกาแฟสุดชิค ตั้งอยู่บนชั้น 14 ค่า ท่านสามารถมานั่งจิบชา กาแฟ ในช่วงยามเช้า ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ และผ่อนคลาย พร้อมกับชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มาพร้อมกับแสงแดดอุ่นๆ ในเช้าวันใหม่ รับรองว่า ท่านจะพบกับความสุขใจที่หาได้ง่ายในตลอดทริปล่องเรือสำราญค่า

 

 

สิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือสำราญ 

 

Pool Deck โซนสระว่ายน้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ชั้น 14 บนเรือสำราญค่า ภายในมีเก้าอี้สำหรับนอนอาบแดดเรียงรายอย่างสวยงาม สามารถเลือกเก้าอี้ที่หันหน้าไปทางทะเล รับรองว่าเราจะมองเห็นทัศนียภาพของท้องทะเลที่สวยงามทะลุแว่นตากันแดดกันไปเล๊ยยย

โซนถัดไปเรียกว่า Resort Deck  เป็นสระว่ายน้ำหลัก แขกทุกท่านสามารถมากระโดดเล่นน้ำคลายร้อนในระหว่างวัน สระแห่งนี้มีความสวยงามทั้งกลางวัน และกลางคืน ถือเป็นจุด เช็คอินหลักๆ ของเหล่านักล่องเรือที่ชอบถ่ายรูปสวยๆ ลงใน Instagram เลยก็ว่าได้ ถัดไปชั้นบนก็จะมีลู่วิ่งรอบๆ ตัวเรือ สำหรับ วิ่งจ๊อกกิ้งในยามเช้า หรือยามสาย ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น หรือ ตกดิน ขอการันตีความชิวที่จะไม่มีวันน่าเบื่อในตลอดทุกทริปการเดินทางค่า

 

นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำสำหรับผุ้ใหญ่เท่านั้น มีอายุ 18 ปีขึ้นไปนะคะ เรียกว่า Solarium สระแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย Tom Wright ภายในกว้างขวาง ล้อมรอบไปด้วยกระจก รับแสง สวยงาม เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ว่าแล้วก็อยากจะพาตัวเองลงไปแช่อ่างกับเขาแล้วค่า

 

The Glamorous Grand Plaza โซนนี้มีทั้งหมด 3 ชั้นค่า ให้บรรยากาศที่สวยงาม ทรงพลัง และ หรูหราแบบมีระดับ แขกทุกท่านสามารถมาสนุกสนาน เฮฮา ปาร์ตี้ และนัดพบปะเพื่อนฝูงกับการใช้ชีวิตได้ที่นี่ เพราะ The Glamorous Grand Plaza นั้นเป็นที่ตั้งของ Martini Bar  บาร์ยอดนิยม รวมถึง Café al Bacio และ Grand Plaza Café ค่า เรียกได้ว่าเป็นจุดพบปะสังสรรค์ที่ดีที่สุดบนเรือก็ว่าได้ 

 

Rooftop Garden ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งที่ 3 บนเรือสำราญ สวนลอยฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 15 ค่า เป็นสวนกลางแจ้งขนาดใหญ่ มีซุ้มที่นั่งสุดชิวมากมาย การตกแต่งสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่า เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนเป็นที่ซู๊ดดด ในตอนกลางคืนสวนแห่งนี้จะถูกเนรมิตเป็นการแสดงดนตรีสดที่สนุกสนานอย่าบอกใคร รวมไปถึงท่านสามารถมานั่งชมภาพยนต์กลางแจ้งได้ที่นี่อีกด้วยค่า

 

The Theatre โรงละครสุดไฮเทค ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ จอโปรเจคเตอร์เลเซอร์ขนาดยักษ์ การวางรูปแบบเวที การจัดแสง สี และเสียง โชว์ต่างๆ อาทิ มายากล การแสดงสุดผาดโผน และอื่นๆ อีกคับคั่ง  พร้อมแล้วที่จะนำเสนอความบันเทิงแบบไร้ขีดจำกัด ที่จะสร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ และจะเป็นโชว์ที่น่าจดจำไปตลอดทริปการเดินทางค่า

 

The Shop เอาใจสำหรับผู้ที่รักการช้อปปิ้ง บนเรือมีสินค้าระดับไฮเอด์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังอย่าง Cartier, Bulgari และ Tiffany ช็อปกันให้กระเป๋าเบาหวิวๆ เพราะมีทั้ง เสื้อผ้า น้ำหอม แว่นตา กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับอื่นๆ อีกมากมาย มาให้ได้เสียตังค์กันแบบจุใจ อิอิ  พิกัดมากันได้ที่ชั้น 5 บนเรือสำราญค่า 

 

Spa & Salon สำหรับผู้ที่รักความสวยความงาม และชอบทำสปา เหมาะมากสำหรับวันแรกแห่งการล่องเรือสำราญ โปรแกรมมีทั้งการนวดบำบัด ทำทรีทเมนท์ อบซาวน่า ขัดตัว ขัดผิว บำรุงผิวพรรณ ใบหน้า และเส้นผม เล็บ ดูแลตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า โปรแกรมมีให้เลือกทำหลากหลาย สปาแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้า ไปจนถึง 22.00 น. ค่า เชิญชมบรรยากาศภายในห้องสปาในคลิปด้านล่างได้เลยค่ะ

 

Fitness Center ตั้งอยู่บนชั้น 15 ค่า เหมาะสำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ภายในมีอุกปรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยาน มาพร้อมกับเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมโยคะ มวย และอื่นๆ อีกมากมาย หากใครต้องการเทรนเนอร์ส่วนตัวจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่า ฟิตเนสแห่งนี้เปิดให้บริการในตลอด 24 ชั่วโมง และ บริเวณชั้น 15-16 จะเป็นลู่วิ่งยาวรอบเรือ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิ่งออกกำลังกายในช่วงเช้า และช่วงเย็นๆ ค่า 

 

Camp at Sea บนเรือยังเอาใจน้องๆ หนูๆ เหล่านักเดินทางตัวน้อยๆ ด้วยการนำเสนอรายการความบันเทิงสำหรับเด็ก ๆ กิจกรรมมีให้เลือกกว่า 500 กิจกรรม โดยสายเรือได้จับมือกับบริษัทที่มีชื่อเสียง อาทิ Anturus, Xbox, Fat Brain Toys และ Lonely Planet  ถูกยกเอาทั้งหมดให้มาอยู่บนเรือสำราญลำนี้โดยแต่ละกิจกรรมจะถูกแบ่งออกเป็น ศิลปะ สันทนาการ กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ เป็นต้นค่า อิอิ ความสนุกเริ่มตั้งแต่ เวลา 9 โมงเช้าทุกวัน ไปจนถึง 22.00 น. ค่า 

 

The Destination Gateway ตั้งอยูบนชั้น 2  บนเรือค่า เป็นจุดแรกสำหรับผู้โดยสารที่รอจะขึ้นไปสนุกสนานบนเรือสำราญ ภายในกว้างขวาง และมีการให้บริการข้อมูล รวมไปถึงมีเครื่องดื่มเย็นๆ รองรับอีกด้วยค่า