เส้นทางการล่องเรือสำราญในอลาสก้า สหรัฐอเมริกา มีเพียงไม่กี่สถานที่บนโลก ที่สามารถเทียบเคียงความสวยงามอันน่าตื่นตาตื่นใจของดินแดนอลาสก้า ความงามบริสุทธิ์แบบธรรมชาติแท้ๆ ช่องแคบอันเก่าแก่ การเล่นสกีแบบไร้มลภาวะ ธารน้ำแข็งสีขาว ทิวเขายอดแหลมที่หาชมได้ยาก และเมืองที่สงบเป็นส่วนตัว สิ่งเหล่านี้นำพาให้อลาสก้าเป็นจุดหมายปลายทางของการล่องเรือสำราญที่เติบโตสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก

 

ลักษณะการท่องเที่ยวในอลาสก้า

ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ชื่นชอบการศึกษาระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อม ผู้ที่ชื่นชอบทิวทัศน์อันสวยงาม และสะอาดบริสุทธิ์ สำหรับผู้ที่เดินทางเป็นครอบครัวและมีเด็ก ควรเลือกล่องเรือสำราญในช่วงฤดูร้อน ส่วนผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถเลือกล่องเรือสำราญที่อลาสก้า ได้ทั้งช่วงเริ่มต้นและช่วงปลายฤดูกาล 
 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด

ฤดูกาลที่เหมาะสมต่อการล่องเรือสำราญที่อลาสก้าคือเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนตุลาคม เพราะช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุด และอุณหภูมิไม่หนาวเย็นมากนัก
 

สายเรือสำราญที่ให้บริการ

สายเรือสำราญหลักๆ ต่างก็ล่องเรือในเส้นทางอลาสก้า ได้แก่ Princess เจ้าถิ่นของอลาสก้า Holland America เจ้าถิ่นของอลาสก้า, Royal Caribbean, Celebrity, Disney, Regent Seven Seas, Oceania Cruises, Crystal Cruises, Silversea and Seabourn 
 

เส้นทางล่องเรือสำราญ

เส้นทางการเดินทางในอลาสก้าที่ได้รับความนิยม มักจะมีระยะเวลาอยู่ที่ 7 วัน หรืออาจต่อเนื่องไปถึง 14 วัน โดยมีอยู่ 2 แผนด้วยกัน ได้แก่


เครดิตรูปภาพ: The CLIA Guide to the Cruise Industry, 1e 

 

แผนแรก คือเส้นทางไปกลับ Round Trip

แผนการเดินทางนี้ มักจะเริ่มต้นที่ แวนคูเวอร์ (Vancouver), บริทิชโคลัมเบีย (British Columbia) หรือซีแอตเทิล (Seattle), วอร์ชิงตัน (Washington) แล้วมุ่งหน้าทางเหนือผ่านช่องแคบ ผ่านเกาะต่างๆ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ เพื่อไปยังจุดวนกลับ (ส่วนใหญ่จะเป็นเมือง Skagway หรือบริเวณใกล้เคียง) จากนั้นเรือจะมุ่งหน้าทางใต้ เพื่อล่องกลับไปยังจุดเริ่มต้น เรือสำราญจะเข้าจอดเทียบท่าประมาณ 3-4 ท่าเรือตลอดการเดินทาง 

 

แผนที่สอง คือขึ้นเหนือหรือลงใต้อย่างใดอย่างนึง One Way (Northbound และ Southbound)

เส้นทางแบบนี้ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน การล่องเรือเที่ยวเดียวจากเมือง Vancouver หรือเมือง Seattle ไปยังเมือง Anchorage (หรือเส้นทางกลับกัน)  เรือสำราญจะเทียบท่า ณ จุดเดียวกันกับเส้นทาง Inside Passage จากนั้นเรือจะล่องขึ้นเหนือไปเยี่ยมชมธารน้ำแข็ง Hubbard Glacier, College Fjord, Prince William Sound และ Kenai Peninsula

เมื่อถึงเมือง Anchorage ท่านสามารถเพิ่มสีสันในการท่องเที่ยวได้ด้วยการเดินทาง โดยรถไฟสาย Anchorage-Fairbanks ที่มีความยาวถึง 356 ไมล์ ระหว่างเส้นทาง ท่านสามารถแวะพักที่อุทยานแห่งชาติ Denali (Denali National Park) (อุทยานอันเป็นที่ตั้งของภูเขา McKinley จุดสูงสุดของอเมริกาเหนือ) อีกทางเลือกหนึ่งของผู้ชื่นชอบการเดินทางโดยทางบก คือการขึ้นฝั่งที่เมือง Skagway แล้วเดินทางต่อไปยังดินแดนยูคอน (Yucon) ของประเทศแคนาดา และต่อด้วยการไปเยือนเมือง Fairbanks (หรือเส้นทางกลับกัน)

 

ท่าเรือไฮไลท์ 

Vancouver, Canada
หากคุณชื่นชอบความร่มรื่นหรือพันธุ์ไม้หลากสีของฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี ต้องนี่เลย Stanley Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแวนคูเวอร์ที่มีพื้นใหญ่กว่า Central Park ที่นิวยอร์กถึง 10 เท่า! อีกทั้งยังมี China Town ขนาดใหญ่ที่ติดอันดับ 2 ของอเมริกาเหนือ เนื่องจากมีพลเมืองชาวจีนอาศัยอยู่ถึง 25% เชิญเยี่ยมชมย่านประวัติศาสตร์ Gastown District และที่ขาดไม่ได้เลย คือสะพานแขวนคาปิลาโน สะพานไม้ยาว 137 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันตระการตา มีความสวยงามของป่าไม้ริมชายฝั่ง และยังสามารถผจญภัยเดินเลาะผาที่โซน Cliffwalk เหนือแม่น้ำ Capilano อีกด้วย



 

Hubbard Glacier

เป็นแนวภูเขาน้ำแข็งก้อนมหึมาอายุนับพันปี มีลักษณะคล้ายหน้าผาสูงชัน ที่นี่จะไม่มีทัวร์ชายฝั่งให้เลือก เรือสำราญจะบริการทุกคนโดยจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงวนรอบ ๆ ประมาณ 2-3 รอบ ให้คุณดื่มด่ำและชื่นชมกับภาพและบรรยากาศของภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะขึ้นไปอยู่กันที่ชั้นดาดฟ้าเรือ ถ่ายรูป ดูบรรยากาศทั่วไป รอคอยจับภาพน้ำแข็งถล่มลงทะเลส่งเสียงดังกังวาลไปทั่ว และท่านจะได้เห็นภาพชีวิตสัตว์ เช่น แมวน้ำ นอนเล่นบนก้อนน้ำแข็งที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นมหาสมุทร ทำอย่างกับนั่งเล่นในสนามหน้าบ้าน จะไม่มีพื้นที่หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นใดให้ภาพเช่นนี้ได้ นอกจากความยิ่งใหญ่ของภูเขาน้ำแข็งยักษ์ Hubbard Glacier เท่านั้น
 
Hubbard_Glacier_-_shutterstock_657492742
 
Hubbard_Glacier_-_shutterstock_208353511



Icy Strait Point

สำหรับคนรักสัตว์และธรรมชาติต้องนี่เลย! Icy Strait Point จะโดดเด่นในเรื่องของป่าไม้และธรรมชาติอันร่มรื่น อากาศดีเยี่ยม กิจกรรมหลักๆ ของที่นี่จะเป็นการเดินป่า อ้อยอิ่งกับการชมธรรมชาติ Highlight คือการเดินทางไปชมพฤติกรรมทางธรรมชาติของหมี Grizzly ที่ Spasski River Valley เช่น การดักจับปลาเทร้าส์ในลำธาร สุดตื่นเต้นกับกิจกรรมดูวาฬ รวมถึงเหล่าสิงโตทะเล แมวน้ำ นกอินทรี และสัตว์ป่าอื่นๆ อีกมากมาย กิจกรรม Extreme ที่จะพาคุณหวาดเสียวไปด้วยกันนั่นก็คือ Zip Rider โหนเชือกข้ามฝั่งอยู่กลางภูเขาที่รอบด้านเต็มไปด้วยต้นไม้ อีกทั้งระดับความสูงเหนือพื้นดิน บอกเลยว่าเสียวแน่นอน

Icy_Strait_Point_-_shutterstock_1154386810
Junaue_-_shutterstock_379515556 
Junaue_-_shutterstock_1455192461
 
 
 

Juneau 

มากันที่เมือง Juneau ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอลาสก้า ด้วยความที่เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาและทะเลทำให้เช้าถึงได้ยาก ดังนั้นภายในเมืองจะอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามซึ่งเป็นเสน่ห์ชั้นเยี่ยมของเมือง รวมถึงความเก่าและใหม่ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ส่วนทัวร์ชายฝั่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนเมืองจูโนคือการขี้นเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปบนพื้นผิวของธารน้ำแข็ง Mendenhall Glacier อันยิ่งใหญ่ พร้อมเดินชมถ้ำน้ำแข็งด้านบนที่ประกอบด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ประมาณ 38 ก้อน และขนาดเล็กมากกว่า 100 ก้อน และที่ด้านล่างคุณอาจสนุกสนานไปกับการเยี่ยมชมเหล่าสุนัขฮัสกี ไซบิเรียนที่แสนน่ารัก ตลอดการท่องเที่ยวในพื้นราบ ไม่าว่าคุณจะเลือกซื้อหากิจกรรมรายการใดๆ ก็ตาม บรรยากาศและที่ได้รับชมจะเป็นภาพวิวที่สุดแสนจะ Unique และหาไม่ได้จากเมืองอื่นๆ นั่นก็คือจะมีวิวของธารน้ำแข็ง Mendenhall Glacier อยู่เสมอนั่นเอง
 
Junaue_-_shutterstock_1638579376
Junaue_-_shutterstock_1840654522
 
 


Ketchikan

Ketchikan เป็นจุดชุมนุมของนักเดินเรือและเหล่านักแสวงโชคในยุคตื่นทอง มีสถานที่ประวัติศาสตร์นั่นก็คือ บ้านดอลลี่ เฮ้าส์ บาร์คาวบอยซึ่งเป็นแหล่งเริงรมย์ของคาวบอยและนักแสวงโชคในยุคนั้น เป็นเมืองที่รวบรวมเสา Totem Poles เอาไว้มากที่สุดในโลก ซึ่งเสาแต่ละเสานั้นจะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป โดยแต่ละลายนั้นจะมีความหมายแฝงไว้ ท่านจะได้เรียนรู้ศิลปะและค้นหาความหมายของรูปสลักบนเสา Totem ที่ Potlach Park's Museums ก่อนที่จะเข้าชมการแสดงเลื่อยไม้ซึ่งเป็นการแข่งขันพื้นบ้านที่สืบเนื่องมาจากกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการชิมแซลมอน ที่นี่ถือเป็นเมืองหลวงแห่งแซลมอนเลยทีเดียว ที่จริงก็คือ Ketchikan จะต้อนรับคุณอย่างสนุกสนาน ร้านอาหารพื้นเมืองมากมาย ของที่ระลึกหลายชนิดหลากสไตล์ที่ทำให้คุณต้องนึกถึงอลาสก้าอยู่เสมอ มีความเป็นเมืองที่คึกคัก ถือเป็นเมืองแห่งการช้อปปิ้งของอลาสก้าที่คุณไม่อาจลืมเลือน

Ketchikan_-_shutterstock_133839440
Ketchikan_-_shutterstock_1401821837 
 
 

Tracy Arm

Tracy Arm คือธารน้ำแข็งที่มีลักษณะคล้ายๆ กับ Mendenhall Glacier ของเมืองจูโน ชึ่งความสวยงามนั้นก็ไม่แพ้กันเลย และหากคุณชื่นชอบการชมวิวฟยอร์ด หรือการเดินทางผ่านหุบเขา Tracy Arm Fjord จะมีความสวยงามที่จะทำให้ท่านประทับใจไม่รู้ลืม ก้อนน้ำแข็งสีฟ้าน้อยใหญ่ลอยกระจัดกระจายอยู่บนผิวน้ำ ขณะที่ล่องเรือผ่านฟยอร์ดไปนั้น ท่านจะรู้สึกถึงความสงบ และความสวยงามอย่างลงตัวของธรรมชาติที่ไม่อาจปั้นแต่งขึ้นมาได้

Tracy_Arm_-_shutterstock_416402137
Tracy_Arm_-_Sawyer_Glacier_-_shutterstock_1016410033 

 
 
Skagway

Skagway เป็นเมืองแห่งขุมทองในอดีต เป็นเมืองเล็กๆ ที่ให้อารมณ์แบบในหนังคาวบอย โดยที่เมืองนี้ยังรักษาสภาพความเป็นอยู่ไว้เหมือนในยุคตื่นทอง Skagway เป็นเมืองท่าที่เปรียบเสมือนด่านประตูแรกเข้าของนักแสวงโชค เพื่อที่จะเดินทางไปแสวงหาความร่ำรวยที่ Klondike Gold Fields ไม่ควรพลาดการนั่งชมธรรมชาติอันสวยงามพร้อมย้อยอดีตเส้นทางแห่งความมานะของนักแสวงโชค ไปกับกิจกรรมการนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ของอลาสก้าอันเก่าแก่ White Pass and Yukon Railway

Highlight อย่างอื่นที่อาจเลือกชม เช่นการการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมทัศนียภาพอย่างกว้างไกล หรือนั่งล้อเลื่อนโดยสุนัขฮัสกี้ ไซบีเรียน ลากเลื่อนนำท่านสู่ลานหิมะขาวโพลนอย่างสนุกสนาน

Skagway_-_shutterstock_528790861
 
dog_-_shutterstock_143665591
 
dog_-_shutterstock_1738064540 
 


Sitka 

จุดเด่นของ Sitka คือความเป็นรัสเซียในแผ่นดินอเมริกา Sitka เคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศรัสเซีย และเป็นเมืองหลวงของ Russian America (พื้นที่ภายใต้อาณานิคมของประเทศรัสเซียในเขตประเทศสหรัฐอเมริกา) ก่อนที่รัสเซียจะขายดินแดนอลาสก้าให้เอมริกาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด Sitka จึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร่องรอยอิทธิพลของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอาคารบ้านเรือ โบสถ์แบบออโธดอกซ์ อาหารการกิน และภาษาท้องถิ่นที่ใช้ และยังเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวอินเดียนเผ่าทลิงกิตที่ใหญ่ที่สุดในอลาสก้า

Sitka เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมอ่าวที่อุดมไปด้วยอาหารเลิศรสจากท้องทะเล รวมถึงมีสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือวาฬ กิจกรรมชมวาฬของที่นี่ ทางสายเรือแทบจะการันตีเลยว่าคุณจะเห็นวาฬแน่นอน เพราะบ้านมันอยู่ที่นี่นั่นเอง 
 
Sitka_-_shutterstock_790927708

Junaue_-_shutterstock_390054463

Whittier

วิทเทียร์ เป็นเมืองที่อยู่ไม่ห่างจากเมือง Anchorage (ที่ตั้งสนามบินนานาชาติ) เท่าไหร่นัก ทางเข้าท่าเรือของเมืองจะผ่านแนวฟยอร์ดสวยงาม เป็นประตูสู่แผ่นดินของอลาสก้าทางตอนเหนือ จากที่นี่คุณจะเดินทางเข้า Denali National Park สู่เมืองในฝันของผู้ที่นิยมธรรมชาติที่ Denali Resort และท้ายสุดที่ Fairbanks ที่ดูจะพิเศษกว่านิดหน่อยคือเป็นเมืองที่อยู่ในอันดับท้ายๆ ของอลาสก้าที่มีชุมชนอาศัยอยู่อย่างถาวร เพราะหากเลยขึ้นไปกว่านี้แล้ว หนาวสุดๆ ค่ะ แต่กับสายการเดินเรือ Princess Cruise แล้ว จากการที่ได้รับสัมปทานในการนำเรือสำราญของบริษัทฯ เข้าจอดเทียบที่ Whittier ได้แต่เพียงรายเดียว ที่นี่คือบ้าน และเป็นบ้านที่ใช้เป็นพื้นที่ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ถูกใช้งานอย่างทะนุถนอมที่สุด Whittier จึงมีบรรยากาศของความบริสุทธิ์มากกว่าที่คุณจะคันพบได้จากที่ไหนๆ ในดินแดนอลาสก้า



 
 

P: 2017-11-20
Update: 2020-11-11