ถึงแม้ว่าความนิยมในการล่องเรือสำราญท่องเที่ยวในทวีปยุโรป จะเน้นพื้นที่ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมากกว่า แต่ว่าการล่องเรือในทะเลบอลติก ผ่านยุโรปเหนือและสแกนดิเนเวีย ก็เรียกได้ว่ามีเสน่ห์ของตัวเองที่น่าไปเยือนไม่น้อย ภูมิภาคแห่งนี้มีจุดเด่นในเรื่องความงามของธรรมชาติ คุณภาพความเป็นอยู่ของผู้คน และเสน่ห์ของวัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ศิลปะและประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ซึ่งการท่องเที่ยวโดยวิธีล่องเรือสำราญถือว่าอยู่ในราคาที่เหมาะสม และไม่แพงจนเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน
 
ตัวอย่าง เช่น เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับการล่องเรือสำราญในทะเลบอลติก ฟยอร์ดในนอร์เวย์ ทาลลินน์ เมืองหลวงที่มีชื่อเสียงของเอสโตเนีย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักของเส้นทางในขณะนี้เมืองท่าในลัตเวียก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เมืองท่าอื่นๆ ที่น่าสนใจนอกจากนี้ ก็ได้แก่ Gdansk ในโปแลนด์ และ Warnemunde ในเยอรมัน ที่สามารถเดินทางต่อไปยังกรุงเบอร์ลินได้อย่างง่ายดาย

 Peterholf: St. Peterburg

 
 
 

ใครที่เหมาะกับการล่องเรือสำราญในทะเลบอลติก

การล่องเรือสำราญในทะเลบอลติก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีสีสัน อากาศบริสุทธิ์ ชื่นชอบการเดินทางในเมืองไม่ใหญ่มาก สงบ ไม่วุ่นวาย และมีความปลอดภัยสูง ชอบการเดินทางที่สะดวกสบาย ไม่ต้องต่อเครื่องหลายต่อ ผู้ที่ชอบเดินทางชิลๆ ไปกับกลุ่มเพื่อนสนิท หรือแม้แต่คู่ฮันนีมูน รวมถึงผู้ที่สนใจในสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ของประเทศในยุโรป ในรูปแบบที่แตกต่าง เพราะเรือจะล่องผ่านประเทศที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ยุโรปยุคใหม่มากมาย เช่น ประเทศลัตเวีย หรือลิธัวเนีย อดีตรัฐในปกครองของสหภาพรัสเซียเดิม ความสัมพันธ์อันมีนัยยะสำคัญของรัสเซียกับฟินแลนด์
 
 
 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการล่องเรือสำราญในทะเลบอลติก

ฤดูล่องเรือสำราญของบอลติกเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนเหมือนทางยุโรปตอนใต้ ได้รับความนิยมมากคือ ช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม (ยกเว้นช่วงข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ในเดือนกันยายน) แต่ท่องเที่ยวเส้นทางนี้จะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนกันยายน อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในช่วงเวลาเหล่านี้ นอกจากนี้ช่วงฤดูร้อนถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในการท่องเที่ยวประเทศรัสเซีย เนื่องจากที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีงานเทศกาลฉลอง "White Nights" หรือที่เรียกว่าเทศกาลพระอาทิตย์เที่ยงคืน ที่มีบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งตั้งใจมาเที่ยวเทศกาลนี้โดยเฉพาะ
 
 
 

สายเรือสำราญที่ให้บริการเส้นทางท่องเที่ยวแถบทะลบอลติก

ต้องบอกว่า เกือบทั้งหมดของสายเรือหลักมีโปรแกรมล่องเรือในทะเลบอลติก
 
ไม่ว่าจะเป็น Princess, Holland America, Royal Caribbean, Norwegian, Celebrity, Costa, MSC, Fred Olsen และ P&O.
 
ในส่วนของสายเรือที่ให้บริการเรือสำราญสุดหรูแบบลักส์ชัวรี ได้แก่  Crystal Cruises, Silversea, Cunard, Regent Seven Seas, Seabourn และ Azamara
 
 
 

เส้นทางล่องเรือสำราญในทะเลบอลติก

สำหรับการล่องเรือในทะเลบอลติกส่วนใหญ่นั้น จุดเริ่มต้นที่ สตอกโฮล์มและโคเปนเฮเกน ถือวว่าเป็นท่าเรือที่ได้รับความนิยมในการลงเรือของนักท่องเที่ยวส่วนมาก  อีกทั้งยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมจากท่าเรือในอังกฤษและโดเวอร์ส์ กับเซาแธมป์ตัน ขณะที่บางสายเรือก็เดินทางออกจากอัมสเตอร์ดัม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ การล่องเรือในทะเลบอลติกนั้นจะต้องใช้เวลามากพอสมควร
 
ล่องเรือสำราญแถบทะเลบอลติก: โดยปกติแล้วเส้นทางล่องเรือสำราญแถบทะลบอลติก จะมีตั้งแต่ โปรแกรม 7 คืน 10 คืน และ 14 คืน และจะหยุดแวะในหลายๆ ท่าเรือต่อไปนี้ โดยขึ้นอยู่กับความยาวของการเดินทาง ได้แก่ ออสโล โคเปนเฮเกน สต็อกโฮล์ม เฮลซิงกิ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทาลลินน์ และวาร์เนอมุนเดอ ส่วนเส้นทางที่ยาวขึ้นอาจมีเพิ่มเติมที่ริกา ลัตเวีย ฮัมบูร์ก หรือท่าเรือที่เป็นส่วนหนึ่งของการล่องเรือของนอร์เวย์ ฟยอร์ด เช่น Stavanger
 
 

 

ท่าเรือไฮไลท์ เส้นทางทะเลบอลติก 

 

ออสโล ประเทศนอร์เวย์

สถานที่ท่องเที่ยวในออลโลที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ โอเปร่าเฮ้าส์ และสวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ Vigeland Sculpture Park นอกจากนี้บริเวณท่าเทียบเรือเอเคอร์บรูค Aker Brygge ก็เป็นอีกสถานที่นึงที่มีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพลิดเพลินกับมื้อค่ำในบรรยากาศที่แสนรื่นรมย์ เดินเล่นเพลินๆ พร้อมชมนักดนตรีริมถนนร้องเพลง 
 
Norway_-_Oslo_-_shutterstock_317335589
 
 

สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน

เมืองหลวงของสวีเดนแห่งนี้ เหมาะกับการล่องเรือชมธรรมชาติ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ Nobel ที่น่าสนใจ ย่านเมืองเก่า Gamla Stan ที่เต็มได้ด้วยอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างสวยงาม รวมถึง Royal Palace ซึ่งมีร้านกาแฟขนาดเล็กมากมายรายล้อม มีร้านค้าแบบท้องถิ่นที่ขายหนังสือหายาก สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย
 
Sweden_-_Stockholm
 
 

โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์แห่งศตวรรษที่ 17 และ 18 ตัวเมืองเต็มไปด้วยอาคารรูปทรงสวยงาม สวนสาธารณะสวยๆ หลายแห่ง รวมทั้งสวนสนุกชื่อดัง Tivoli Gardens และทัศนียภาพริมคลอง กับถนนโบราณอันคดเคี้ยว ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อการเดินและขี่จักรยานในวันหยุดพักผ่อนของชาวเมือง อีกทั้งยังมีคาเฟ่นั่งกลางแจ้ง ให้ได้นั่งเล่นสบายๆ และที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ก็คือรูปปั้น The Little Mermaid แลนด์มาร์กของเมือง ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Hans Christian Andersen โดยมีงานฉลองครบรอบ 100 ปี เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา
 
Denmark_-_Copenhagan_-_shutterstock_112358282
 
 

เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์

เฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1550 โดยกษัตริย์สวีเดน Gustavus Vasa มีอนุสรณ์สถาน เช่น มหาวิหารลูเธอรัน  วิหารโดม Uspenski และอาคารเก่าแก่บริเวณรอบๆ จัตุรัส
 
Finland_-_Helsingki_-_shutterstock_154741178
 
 

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย

ช่วงเวลาที่แวะเที่ยวเมืองนี้แค่ 2 วันอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะได้ท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงในเมืองนี้ ซึ่งสร้างขึ้นโดยปีเตอร์มหาราช แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญๆ ได้หลายแห่ง เช่น พระราชวังฤดูหนาว Hermitage ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือจะท่องเที่ยวชื่นชมสถาปัตยกรรมศตวรรษที่ 19 ของสองฝั่งคลอง และเที่ยวชมพระราชวังในสถาปัตยกรรมสไตล์แวร์ซายซึ่งตั้งอยู่รอบๆ เมือง
 

 
 
 
 
 
P: 2017-10-22
Update: 2020-11-11