ภาพรวมล่องเรือสำราญ Jewel of the Seas 

Jewel of the Seas เป็นเรือสำราญที่ได้รางวัลเรื่องความคุ้มค่า ราคาไม่แพง เส้นทางสวย แวะท่าเรือที่ดึงดูดใจ มีการบริการที่ดีกว่าเรือลำนี้ในเกรดเดียวกัน จนทำให้ผู้โดยสารติดใจ และกลายเป็นลูกค้าประจำ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรือที่ค่อนข้างเก่าแล้ว ออกล่องครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 โดยเพิ่งมีการปรับปรุงใหม่ในปี 2016 Dry Dock และเพิ่มสองร้านอาหารพิเศษ หนึ่งไวน์บาร์ และจอภาพยนตร์กลางแจ้ง อยู่ในตระกูล Radiance Class สายคลาสสิค สามารถจุผู้โดยสาร 2,190 ท่าน 

แม้จะมีกิจกรรมไม่มากเท่าลำอื่น แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผู้โดยสารเอ็นจอยได้ทั้งวัน อาทิ สนุกไปกับการปีนหน้าผาจำลอง เล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ  หรือจะเป็นชิวๆไปกับการไดร์ฟกอล์ฟบนชั้นดาดฟ้า และต่อด้วยการกระโดดลงสระว่ายน้ำให้ชุ่มฉ่ำระหว่างวัน ออกกำลังกายที่ฟิตเนส เพลิดเพลินไปกับการแสดงละครบบรอดเวย์ คาบาเรต์โชว์ มายากล ตลกคอมมาดี้ ยกขบวนกันมาในช่วงเย็น ณ โรงละคร Coral Theater หรือจะเป็นเสี่ยงโชคไปกับ คาสิโน ที่มีพื้นที่กว่า 600 ตร.ม บนเรือสำราญ ดื่มด่ำ และผ่อนคลายไปกับเลาจน์และบาร์ที่มีอยู่ทั่วเรือ พร้อมเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ไม่อั้น จุใจแบบสุดๆ ยังมีอาหารรสชาติอร่อยให้ได้เลือกทาน ไปกันได้ทั้งห้องอาหารหลักและห้องอาหารพิเศษ Windjammer Café บุฟเฟต์ 3 มื้อ แบบอิ่มแน่น ต่อด้วยอาหารอิตาเลี่ยน Giovanni's Table และ Chops Grille เอาใจคนรักการทานสเต็กเนื้ออย่างดี

 

ยินดีต้อนรับสู่เรือสำราญ Jewel of the Seas 

 

ลองมาชมคลิปวิดีโอกันเลยค่า

 

ไฮไลท์

จุดเด่นของเรือลำนี้ คือการมี ​Port of Call ที่ดึงดูดใจ เส้นทางท่องเที่ยวค่อนข้างดี มีไฮไลท์เยอะ และการให้บริการของพนักงานบนเรือ ที่มีความเป็นมืออาชีพและเป็นมิตรอย่างมาก ทำให้ผู้โดยสารประทับใจเป็นพิเศษ ทำให้เป็นเรือคลาสสิค ที่คนล่องเรือสำราญบ่อยๆ ชอบและติดใจ นอกจากนี้ เรือสำราญ Jewel of the Seas ยังมีห้องพักที่หลากหลาย พร้อมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งห้อง มีระเบียง และไม่มีระเบียง รวมถึง ห้องใหญ่สุดหรูอย่าง Royal Suite ไปจนถึงห้อง Grand Suite ค่า อีกทั้งมีกิจกรรมที่ทำให้สนุกและเพลิดเพลินกันได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการปีนหน้าผาจำลอง ท้าทายความสูงของเหล่านักปีนป่าย สนุกไปกับการไดร์ฟกอล์ฟ บนชั้นดาดฟ้าที่เรียกว่า Mini-Golf  ที่ได้เข้าร่วมกับโครงการ Adventure Ocean Youth Program หรือจะเพลิดเพลินไปกับสระว่ายน้ำ อีกหนึ่งศูนย์รวมกิจกรรมความสนุกสนานพร้อมครอบครัว  นอกจากนี้ยังมีอาหารให้เลือกทานมากมาย ไปกันได้ที่ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ อาทิ Windjammer Café บุฟเฟต์ 3 มื้อ แบบอิ่มแน่น ต่อด้วยอาหารอิตาเลียน Giovanni's Table และ Chops Grille เอาใจคนรักการทานสเต็กเนื้ออย่างดี  และ Izumi ร้านอาหารญี่ปุ่นสำหรับคนชอบทาน ซาชิมิและหอยเชลล์  เวลาช่วงเย็น สามารถเข้าชมโชว์การแสดงบรอดเวย์ ที่ยกขบวนกันมา ณ โรงละคร Coral Theater หรือจะเลือกชมภาพยนต์ ที่ Cinema บนเรือ หรือตรงชั้นดาดฟ้าบริเวณสระว่ายน้ำก็มีจอขนาดใหญ่ยักษ์ให้ฟินกันตลอดทั้งคืนค่ะ 

 

เส้นทางล่องเรือสำราญ Jewel of the Seas 

  • เรือสำราญ Jewel of the Seas จะล่องในแถบ เมดิเตอร์เรเนียน แคริบเบียน ตะวันออกกลาง เป็นต้น
  • ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 7-16 วัน
  • เรือสำราญ Jewel of the Seas  ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Rome/Civitavecchia, Miami, San Juan และ Dubai  

 

ข้อมูลตัวเลข

ขอบคุณเครดิตภาพจาก: https://www.royalcaribbeanpresscenter.com/fact-sheet/8/jewel-of-the-seas/

 

ไลฟสไตล์บนเรือ

พูดถึงกลุ่มผู้โดยสารของ Jewel of the Seas ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เรือแล่นค่ะ เช่น ล่องในแถบแคริเบียนก็จะมีชาวอเมริกันเป็นผู้โดยสารหลัก ในขณะที่โซนยุโรปก็จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้โดยสารชาวอังกฤษ เรือลำนี้เหมาะกับผู้โดยสารทุกเพศทุกวัยค่ะ 

 

ห้องพักบนเรือสำราญ

ประเภทของห้องพักบนเรือสำราญ รูปแบบห้องพัก มีอยู่ 4 ประเภทหลัก หลาย 10 ประเภทย่อย ได้แก่ Studio Interior,  Interior, Large Oceanview, Deluxe Oceanview Cabin with Balcony, Family Oceanview, Junior Suite, Owner's Suite, Royal Suite และ Grand Suite และขนาดของห้องพักมีความกว้างตั้งแต่ 15 ตร.ม จนถึง 92 ตร.ม ค่า

 

รูปแบบห้องพัก

 

Studio Interior

 

Interior 

 

Large Oceanview

 

 

Deluxe Oceanview Cabin with Balcony

 

Family Oceanview 

 

Junior Suite 

 

 

Royal Suite 

 

 

 Owner's Suite

 

Grand Suite 

 

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ

Main Dining Room ห้องนี้เป็นห้องอาหารหลักบนเรือสำราญค่ะ  มีทั้งหมด 2 ชั้น เรียกว่าห้อง Tides ตั้งอยู่ชั้น 4-5 บนเรือ ภายในโอ่อ่า กว้างขวาง ใหญ่โต โล่งและปลอดโปร่ง ได้บรรยากาศในการรับประทานอาหารที่สุดแสนจะอร่อย เหมาะมากันเป็นแบบครอบครัว หรือมาเป็นกลุ่มเพื่อนฝูงก็เพลินไปอีกแบบ ห้องอาหาร Tides นี้สำหรับคนที่ขอเข้ารับประทานอาหารแบบ My Time Dining ผู้เข้าพักสามารถเลือกช่วงเวลาในการรับประทานอาหาร โดยแบ่งเป็นสองรอบ รอบแรก 18.00 น. และ รอบสอง 20.30 น. เปิดให้บริการตั้งแต่ 18.00 - 21.30 น. นะคะ

 

Windjammer Cafe หิวเมื่อไหร่ให้นึกถึงห้องอาหารนี้เลยค่ะ เป็นห้องอาหารบุพเฟต์สำหรับ 3 มื้อ จะเปิดให้บริการสำหรับอาหารมื้อเช้า เวลา 7.00-11.00 น. อาหารกลางวันตั้งแต่ 11.30-14.30 น. และมื้อเย็นสุดอลังการจะเปิดตั้งแต่ 18.30-21.30 น. ค่า อาหารมีหลากหลายเป็นอาหารนานาชาติ รับรองว่าอิ่มทั้งวันแน่นอนค่ะ Windjammer Cafe ตั้งอยู่ชั้น 11 บนเรือสำราญนะคะ

 

Chops Grille ไฮไลท์ของที่นี่เขาเลยค่า สำหรับคนที่ชอบอาหารสไตล์กริวๆ ต้องมาที่นี่ Chops Grille พิกัดตั้งอยู่ชั้น 6 บนเรือ มีเมนู อาทิเช่น ซุปหัวหอม สเต็กเนื้อ ซี่โครง หอยเชลล์ กุ้งล็อบสเตอร์ ไปจนถึงเมนูเมนูตบท้ายด้วยของหวาน และไอศกรีม ที่นี่เขาเปิดให้บริการแค่ช่วงเย็นนะคะ เวลา 18.00-21.30 น. ราคาต่อท่านจะประมาณ 35 เหรียญ ค่า 

 

ห้องอาหาร Giovanni's Table ที่นี่จะเป็นอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ทั้งเนื้อลูกวัวตุ๋น กุ้งย่างหอมกรุ่นด้วยเนยและกระเทียม วัตถุดิบปรุงแต่งอย่างดี รสชาติอาหารก็อร่อยเลิศค่า พร้อมเมนูของหวานอีกเพียบ ห้องอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 6 บนเรือ จะเสิร์ฟให้บริการในช่วงตอนเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. อ้อ มีค่าใช้จ่ายต่อท่านประมาณ 29 เหรียญค่ะ 

 

ห้องอาหารพิเศษดูจากการตกแต่งคงเดากันไม่ยากใช่ไหมคะว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ห้องนี้ เรียกว่า Izumi พิกัดอยู่ที่ชั้น 12 บนเรือสำราญ เมนูมีให้เลือกหลากหลาย อาหารสไตล์ต้นตำหรับญี่ปุ่นแท้ๆ ทั้ง ซาชิมิ ซุปมิโซะ พร้อมมีเมนูซีฟู๊ด เสิร์ฟบนกะทะจานร้อน ช่วงกลางเปิดให้บริการตั้งแต่ 12.00 - 14.00 น. และ ช่วงเย็น 18.00-21.30 น. สำหรับห้องอาหารพิเศษจะเสียค่าใช้จ่ายค่ะ 

 

 

Room Service ไม่ว่าผู้โดยสารจะต้องการอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น หรืออาหารว่างยามบ่าย แน่นอนเลยค่ะว่าสามารถรับบริการรูมเซอร์วิสได้ทุกวัน และตลอด 24 ชั่วโมงจ้า

  

  

สิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ 

Main Pool สระว่ายน้ำกลางแจ้งแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 11 ค่ะ หากใครต้องการคลายร้อนให้แนะนำว่ามาที่นี้ กระโดดลงสระ ให้ตัวเย็นฉุ่มฉ่ำ พร้อมกับขึ้นไปแช่งตัวเล่นๆได้ที่อ่างน้ำวน หรือจะผ่อนคลายตรงบริเวณขอบสระก็มีที่นั่งให้เลือกมากมายสบายใจได้ทั้งวัน

 

Solarium สระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่ ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป การตกแต่งภายในคุ้นตาไหมคะ แน่นอนว่าเป็นสไตล์ทรงไทยที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สระว่ายน้ำนี้จะมีความลึกถึง 1.74 เมตร (5 ฟุต 8 นิ้ว) หากใครว่ายน้ำไม่ค่อยเก่งแนะนำว่าให้มากันเป็นครอบครัวดีที่สุดค่ะ  ตั้งอยู่ชั้น 11 บนเรือค่า

 

Rock Climbing Wall หน้าผาจำลองสำหรับนักชอบปีนป่าย และท้าทายความสูง ถือเป็นไฮไลท์และกิจกรรมยอดนิยมบนเรือลำนี้เลยค่า ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าบนเรือสำราญ หากใครชอบการปีนเขาต้องรีบมากันให้ไวนะคะ เนื่องจากจะมีคนต่อคิวค่อนข้างเยอะค่า

 

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งโซนที่เรียกว่า Sports Court เป็นกิจกรรมสำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง มีทั้งบาสเกตบอล และ Mini Golf จะนัดกับเพื่อนๆ มาเล่นเป็นทีม หรือชวนกันมาเล่นทั้งครอบครัวก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ ว่าแต่ใครแพ้อาจจะต้องได้เลี้ยงอาหารมื้อค่ำสัก 1 มื้อ อิอิ 

 

Library ห้องสมุดขนาดเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่รักความสงบ และหามุมอ่านหนังสือในช่วงกลางวันค่ะ ภายในห้องนี้มีท้ังหนังสือวรรณคดียอดนิยม และวรรณกรรมต่างๆ ห้องนี้ตั้งจะอยู่ชั้น 9 บนเรือสำราญค่า 

 

ศูนย์ห้องประชุมที่สะดวกสบาย มีอุปกรณ์การนำเสนอที่ทันสมัย บริเวณด้านในกว้างขวาง ห้องนี้เรียกว่า Conference Center ตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 บนเรือค่า 

 

สำหรับผู้ที่รักงานศิลปะ และเป็นนักสะสมรูปภาพตัวยง แนะนำให้มาที่นี่ค่ะ Art Gallery ภายในมีงานศิลปะที่สวยงามมากมาย Art Gallery จะมีอยู่ 2 แห่งที่จัดแสดงโชว์ คือ บริเวณชั้น 12 ฝั่งซ้ายบนเรือสำราญค่า และอีกที่จะอยู่ชั้น 5 หากผลงานภาพไหนโดนใจ ก็ทำการสั่งซื้อได้เลยค่า อิอิ

 

หากใครต้องการใช้บริการอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ที่  Internet Cafe ตั้งอยู่บนเรือสำราญชั้น 4 บรรยากาศภายในเงียบสงบพร้อมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทำงานไปด้วยชมวิวไปด้วยคงเพลิดเพลินไปอีกแบบ ทั้งนี้อาจมีค่าบริการ ต่อการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ต ที่คิดราคาต่อนาทีด้วยเช่นกันจ้า 

 

Shops of Centrum ตั้งอยู่ช้ัน 5 บนเรือค่ะ มีสินค้าปลอดภาษีหลายประเภท ทั้งสินค้าแฟชั่น แว่นกันแดด กระเป๋าแบรนด์เนม น้ำหอม นาฬิกาสุดหรู เครื่องประดับ สร้อย ต่างหู ของที่ระลึก และอื่นๆ อีกมากมาย

 

พบกับโชว์การแสดงสุดคับคั่งได้ที่โรงละครแห่งนี้ค่ะ Coral Theater มีทั้งละครบรอดเวย์ คาบาเร่ต์โชว์ การแสดงมายากล แนวตลกคอมมาดี้ขำขันก็มีนะคะ โรงละครแห่งนี้จะเปิดในรอบเย็นตั้งแต่ เวลา 19.00 - 21.00 น. พิกัดก็มากันได้ที่ชั้น 3 บนเรือสำราญค่ะ 

 

เอใจนักเสี่ยงโชคทั้งงหลาย มากันได้ที่ Casino พิกัดตั้งอยู่ชั้น 6 บนเรือ ห้องนี้สามารถรองรับแขกได้ประมาณ 258 ท่าน มีโต๊ะสล็อตประมาณ 200 เครื่อง เป็นไงหล่ะค่ะ เตรียมเงินไปกันเท่าไหร่ ต้องให้ได้กลับมามากกว่าเดิมนะค่ะ อิอิ 

 

Safari Club ตั้งอยู่ชั้น 6 บนเรือสำราญ ถือเป็นห้องโช์รูมอีกหนึ่งแห่งบนเรือ มักจะมีการจัดงานประมูลผลงานศิลปะที่ห้องนี้ บรรยากาศภายในกว้างขวาง มีทั้งคาราโอเกะ และเกมส์สนุกสนาน เหมาะสำหรับพบปะเพื่อนฝูง และจับวงสนทนาพูดคุยกันได้ที่ห้องนี้ค่า 

 

Vortex กลางคืนจะเป็นไนท์คลับ สามารถมาจิบค็อกเทล และเต้นรำกันได้ที่ห้องนี้ค่ะ การตกแต่งจะเป็นแนวร่วมสมัย สวยงาม มีเก้าอี้ให้นั่งมากมาย  เพลิดเพลินไปกับวิวทะเล ผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสบายใจ พิกัด ตั้งอยู่บริเวณชั้น 13 บนเรือสำราญจ้า

 

Spa & Beauty Salon ศูนย์สปาแห่งนี้ให้บริการครบวงจร ตั้งอยู่ชั้น 11-12 ให้บริการทั้งนวดตัว ทำเล็บ ขัดผิว พร้อม ทรีทเมนท์บำรุงผิว พร้อมเครื่องกระชับรูขุมขน พูดง่ายๆว่าดูแลตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้านั่นเองค่า 

 

หากใครที่รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้ขึ้นมาชั้น 11-12 ตรง Fitness Center ที่นี่เขามีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน ทั้งลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก และอุปกรณ์อื่นๆ มากมาย ภายในมีทั้งห้องเซาว์น่า แยกเป็นส่วนตัวสำหรับทั้ง ผู้หญิง และ ผู้ชาย แต่หากใครชอบการวิ่งจ๊อกกิ้ง ก็มากันได้ที่ Jogging Track บนชั้นดาดฟ้า แนะนำว่ามาตอนเช้าๆ หรือช่วงเย็นๆ นะคะ เพราะอากาศกำลังดีค่า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเต้นแอโรบิกช่วงเย็น หรือหากใครชอบ พิลาทิศ และ โยคะก็มีครูฝึกสอน แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่า

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บนเรือยังมีกิจกรรมที่เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย นั่นก็คือ Ping Pong ลองพาเพื่อนๆ และเด็กๆมาเล่นกันดูนะคะ เราจะหาแชมเปียนส์ของเกมส์นี้ให้ได้ ฮ่าๆ 

 

Royal Babies & Tots Nursery สำหรับน้องๆ นู๋ๆ วัยเบบี๋ ห้องนี้จะเป็นห้องรับเลี้ยงเด็กค่ะ สำหรับเด็กที่มีอายุ ตั้งแต่ 6-36 เดือนขึ้นไป โดยจะมีค่าบริการสำหรับพี่เลี้ยงที่คอยดูแล ประมาณ 8 เหรียญต่อชั่วโมง ภายในมีทั้งของเล่น และอุปกรณ์การเรียนรู้ ผู้ปกครองท่านไหนที่อยากมีเวลาเป็นส่วนตัว สามารถนำลูกๆ หลานๆ มาฝากไว้ได้ที่ห้องนี้ค่า 

 

Fuel Teen Disco ห้องนี้จัดให้กับน้องๆ วัยใสๆ และวัยรุ่นทุกคน สามารถเข้ามาสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ภายในห้องนี้ มีทั้งคอมพิวเตอร์ เกมส์ โต๊ะฟุตบอล และฟลอร์เต้นรำให้เต้นกันมันส์ๆ จนเหงื่อหยดติ๋งๆ กันไปข้างนึงเลยค่า ห้องนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 12 บนเรือสำราญ 

 

ห้องสำหรับการเรียนรู้ที่ไม่มีวันหยุดสำหรับน้องๆ ยังมีอีกหนึ่งห้องเรียกว่า Adventure Ocean เป็นห้องเด็กเล่นขนาดใหญ่ ภายในมีทั้งของเล่นมากมาย หนังสือ เกมส์สนุกต่างๆ น้องๆ มากันได้ที่ชั้น 12 บนเรือสำราญค่า 

 

Medical Facility บนเรือลำนี้จะมีแพทย์อย่างน้อย 1 คน และพยาบาลอย่างน้อย 2 คน ค่ะ แน่นอนว่าต้องมีใบอนุญาติทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ภายในมีอุปกรณ์ท่ีคอยอำนวยความสะดวกคนไข้ที่ครบครัน ทั้งจอภาพแสดงคลื่นหัวใจ พร้อมอุปกรณ์และศูนย์รักษาโรคแบบเฉียบพลัน และ มียาหลากหลายประเภทที่ได้รับมาตรฐาน รับรองได้ว่าสบายใจหายห่วงแน่นอนค่า

 

Guest Service ตั้งอยู่บนเรือสำราญชั้น 4 ผู้โดยสารสามารถรับโปรแกรมในระหว่างวันเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือหากต้องการความช่วยเหลือและต้องการคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดต่อได้ที่เคาท์เตอร์ Guest Service นี้ได้โดยตรงค่า

 

Cafe Latte-tudes บาร์กาแฟ หอมกลุ่น ละมุนละไม ให้บริการชาและกาแฟของ Starbucks สามารถสั่ง ลาเต้ หรือคาปูชิโน่มานั่งจิบ พร้อมเค็กหรือคุ๊กกี้ และเพลิดเพลินไปกับการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของท้องทะเล แจ้งพิกัด บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 5 ค่า 

 

Concierge Club ห้องนี้สำหรับผู้ที่เข้าพักในห้องประเภท Grand Suite และสูงกว่า รวมถึง Diamond Plus Pinnacle Club Crown & Anchor® Society จะสามารถเข้าใช้ Concierge Club ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 10 นั่นเองค่า ภายในมีการให้บริการอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัลและเครื่องดื่มยามเย็นฟรี นอกจากนี้ยังมีบริการชา และกาแฟ อีกด้วยจ้า

 

Lobby Bar บาร์ที่มีรูปทรงกลม ตั้งอยู่ตรงกลาง ข้อดีคือ บาร์เทนเดอร์สุดหล่อจะสามารถให้บริการนักดื่มได้ 360 องศา มีฟลอร์เต้นรำอยู่ตรงกลาง และมีเก้าอี้สบายๆ ตั้งอยู่รอบๆ บรรยากาศผ่อนคลายพร้อมกับสั่งค็อกเทลหรือมาร์ตินี่ จิบไปพลางๆ ค่า พิกัดมากันได้ที่ชั้น 4 บนเรือสำราญ

 

Schooner Bar ตั้งอยู่บนชั้น 6 สถานที่สุดชิว ที่สามารถรองรับแขกได้ 134 ท่าน สถานที่แห่งนี้ออกแบบเหมือนเรือสุดคลาสสิค ในช่วงตอนเย็นจะมีการเล่นกีตาร์ และเปียโนค่ะ สั่งค็อกเทลมาจิบเล่นๆ ก่อนจะรับประทานอาหารมื้อค่ำก็ยังได้ค่า 

 

Pool Bar บาร์ที่ตั้งริมสระน้ำกลางแจ้งชั้น 11 ที่มีเครื่องดื่มให้จิบแก้กระหายได้ตลอดทั้งวัน เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยม เหมาะสำหรับพบปะ พูดคุยกับแก็งค์เพื่อนฝูงเป็นที่สุดค่ะ หรือจะขึ้นไปที่ Sky Bar ชั้น 12 ก็น่าสนใจค่ะ บาร์เปิดโล่ง รับลมได้ตลอดทั้งวัน 

 Sky Bar

 

Vintages เก้าอี้สีแดง โดดเด่นเป็นสง่า ที่บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 6 บนเรือสำราญค่า สามารถมานั่งจิบไวน์แดงเบาๆ ให้เข้ากับบรรยากาศที่สบายๆ พร้อมกับสั่งอาหารทาปาสมาทานเล่นๆ หรือจะสั่งเป็นอาหารประเทศเนื้อสัตว์มาทานคู่กับไวน์ในตอนเย็นก็ทำได้ค่า อยากจะว๊าบบบบไปอยู่ที่นี่ซะแล้ว อิอิ

 

The Pit Stop สำหรับคนรักการดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจ ห้องนี้ยังเอาใจคนที่ชอบชมรายการสปอร์ตคลับ เพื่อติดตามการแข่งขันกีฬา ทั้งฟุตบอล หรือการแข่งรถ มาห้องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ