ภาพรวมเรือสำราญ Majestic Princess 

 
วันนี้เราจะขอพูดถึงเรือสำราญ Majestic Princess เรือลำนี้ถูกเปิดตัวในช่วงฤดูร้อน ในปี 2017 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ โดยจะล่องในแถบเซี่ยงไฮ้ประเทศจีนตลอดทั้งปี รวมไปถึงล่องในโซนญี่ปุ่น และเกาหลีอีกด้วย เรือสำราญ Majestic Princess เรือสำราญครอบครัวลำนี้มีน้ำหนักถึง 142,229 ตัน สามารถจุผู้โดยสารได้ 3,560 คน ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก มีห้องโถงหลายชั้นที่มีขนาดใหญ่ มีสถานที่สำหรับการจัดแสดงโชว์และแสดงดนตรีสด ไปจนถึงห้องอาหารหลักและห้องอาหารพิเศษมากมาย นอกจากนี้ยังมีโซน SeaWalk ซึ่งเป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกมาจากขอบเรือ โดยมีความยาว 60 ฟุต และ สูง 128 ฟุต เหนือคลื่นทะเล และยื่นออกไปไกลกว่าขอบเรือ 28 ฟุต เพิ่มประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น และทำให้ผู้โดยสารได้สัมผัส เห็นทัศนียภาพอันสวยสดงดงามของท้องทะเลนั่นเองค่า เอาเป็นว่าอย่ารอช้าไปชมคลิปวิดีโอ และ ไฮไลท์ ห้องพัก ร้านอาหาร และ สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมกิจกรรมความบันเทิงบนเรือกันได้เล๊ยยยย
 
 
 

เส้นทางล่องเรือสำราญ Majestic Princess 

 
- เรือสำราญ Majestic Princess จะล่องในแถบ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชีย เป็นต้น
 
- ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 2 คืนขึ้นไป



    • เรือสำราญ Majestic Princess ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Sydney/Australia, Auckland, Brisbane, Keelung  และ Shanghai เป็นต้น



 

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Majestic Princess 

 

 

 

ไฮไลท์ 

 
เรือสำราญลำนี้เป็นเรือสำราญที่เหมาะสำหรับมากันเป็นแบบครอบครัว โดยจะล่องในแถบ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ เอเชีย นอกจากนี้ยังเป็นเรือที่มีเส้นทางล่องเรืออันโดดเด่น โดยจะเน้นออกจากท่าเรือ Sydney/Australia, Auckland, Brisbane, Keelung  และ Shanghai เป็นหลักค่ะ
 
เรือสำราญ Majestic Princess มีไฮไลท์อยู่ที่ SeaWalk สำหรับใครที่อยากจะชมทัศนยภาพอันงดงามของท้องทะเล แนะนำให้มาเดินที่ SeaWalk ซึ่งเป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกมาจากขอบเรือนั่นเองค่า Seawalk บนเรือลำนี้ถือเป็นที่แรกของโลก โดยมีความยาว 60 ฟุต และ สูง 128 ฟุต เหนือคลื่นทะเล และยื่นออกไปไกลกว่าขอบเรือ 28 ฟุต สัมผัสช่วงเวลา และ ประสบการณ์อันสุดพิเศษนี้ได้ด้วยตัวท่านเอง รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างน่นอนค่า
 
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารมากมายให้เลือก อาทิเช่น La Mer ร้านอาหารฝรั่งเศส รสชาติอาหารถูกปรุงแต่ง และใช้วัตถุดิบอย่างดีเยี่ยม ถูกรังสรรค์โดยเชฟ Emmanuel Renaut ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "Meilleur Ouvrier de France" เชฟที่มีฝีมือดีที่สุดจากประเทศฝรั่งเศส การันตรีด้วยรางวัลมิชลินระดับสามดาวจากร้านอาหาร Flocons de Sel และอีกหนึ่งห้องอาหารแนะนำ นั่นก็คือ Crown Grill ร้านอาหารพิเศษสำหรับผุ้ที่ชอบทานสเต็กที่มีทั้งเมนูเนื้ออย่างดี รวมถึงอาหารทะเลสดใหม่อย่าง กุ้ง และหอย หากใครที่ขึ้นเรือลำนี้ ต้องอย่าพลาดมาที่นี่ให้ได้ค่า 
 
 
 
 
 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

 
 
 
 
 

ข้อมูลตัวเลข

 

 

 
 
 

ไลฟ์สไตล์ บนเรือ

 
เรือสำราญ Majestic Princess กลุ่มผู้โดยสารหลักจะเป็นชาวจีน เนื่องจากเรือจะวิ่งเส้นทางจีนเซี่ยงไฮ้ตลอดทั้งปี รวมไปถึงกลุ่มผู้โดยสารชาวไต้หวัน ที่มักเลือกล่องเรือสำราญในทริประยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักเดินทางที่เป็นชาวออสเตรเลียที่เลือกท่องเที่ยวตามฤดูกาล โดยจะออกจากท่าเรือซิดนีย์เป็นหลักค่ะ กลุ่มนักเดินทางจะเลือกไปกันทั้งแบบครอบครัว และจะมีผู้โดยสารเด็กล่องเรือไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ โดยจะเลือกช่วงปิดเทอมซึ่งเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวนั่นเองค่า เรือลำนี้ยังดึงดูดกลุ่มคนเกษียณอายุ โดยส่วนใหญ่เลือกล่องเรือทริปสั้นๆ ระยะเวลา 1 สัปดาห์ หรือน้อยกว่า เป็นต้นค่ะ
 
  
 

ห้องพักบนเรือสำราญ

 
ห้องพักบนเรือสำราญมีตั้งแต่ห้อง Interior (ห้องไม่มีหน้าต่าง) ห้อง Balcony (ห้องมีระเบียง) และห้องสวีท ภายในห้องพักมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโทรทัศน์ ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ชุดคลุมอาบน้ำ และห้องสวีทสุดหรูบางห้องจะมีอ่างอาบน้ำภายในตัว ขนาดของห้องพักจะมีความกว้างตั้งแต่ 15 ตารางเมตร ไปจนถึง 63 ตารางเมตร เป็นต้นค่ะ
 
 
 

รูปแบบห้องพัก

 
Interior ห้องไม่มีหน้าต่าง
 

 
 
 
Balcony ห้องมีระเบียง
 

 
 
 
Deluxe Balcony ห้องมีระเบียงแบบดีลักซ์
 

 
 
 
Mini-Suite ห้องมินิสวีท
 

 
 
 
Suites ห้องสวีท
 

 
 
 

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือสำราญ

 
SeaWalk สำหรับใครที่อยากจะชมทัศนยภาพอันงดงามของท้องทะเล แนะนำให้มาเดินที่ SeaWalk ซึ่งเป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกมาจากขอบเรือนั่นเองค่า Seawalk บนเรือลำนี้ถือเป็นที่แรกของโลก โดยมีความยาว 60 ฟุต และ สูง 128 ฟุต เหนือคลื่นทะเล และยื่นออกไปไกลกว่าขอบเรือ 28 ฟุต สัมผัสช่วงเวลา และ ประสบการณ์อันสุดพิเศษนี้ได้ด้วยตัวท่านเอง รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างน่นอนค่า
 

 
 
 
Princess Theatre โรงละครขนาดใหญ่แห่งนี้ ตั้งอยู่ชั้น 6 และ 7 บนเรือค่ะ บนเวทีแห่งนี้เต็มไปด้วยโชว์การแสดงต่างๆ มากมาย มีทั้งละครบรอดเวย์ โชว์มายากล การแสดงตลก และ การแสดงดนตรีสด พร้อมแสง สี เสียง และเอฟเฟต์พิเศษสุดยิ่งใหญ่ตระการตา รวมทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของนักแสดง ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่แขกทุกท่านจะเข้ามาเพลิดเพลินกับโชว์การแสดง ที่ทำให้ตลอดทั้งวันแห่งการล่องเรือไม่เป็นวันที่น่าเบื่ออย่างแน่นอนค่ะ
 

 
 
 
Vista Gaming Lounge ห้องนี้ตั้งอยู่บนชั้น 7 บริเวณท้ายลำเรือค่า มีพนักงานคอยให้บริการแขกทุกท่านที่มาใช้บริการห้องนี้ ภายในมีทั้งการแสดงตลก มายากล และเสียงเพลงเพาะๆ จากนักดนตรีคอยบรรเลงเพลงให้ฟังกันสดๆ บรรยากาศเหมาะมากันเป็นก๊วนเพื่อนฝูง นั่งเล่นไพ่ หรือเกมส์ต่างๆ บนโต๊ะกระดานสี่เหลี่ยม นอกจากนี้ภายในเลานจ์แห่งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญในการฝึกสอนเต้นรำอีกด้วยค่า 
 

 
 
 
Sing on the Sea Karaoke สำหรับใครที่ชื่นชอบร้องเพลงคาราโอเกะเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้เข้าพักห้องสวีทที่มีทั้งหมด 6 ห้อง ภายในมีห้องคาราโอเกะแบบส่วนตัว และสามารถรองรับแขกผู้เข้าพักได้สูงสุด 6 คนต่อห้อง แนะนำว่าชวนเดอะแก้งค์มาร่วมร้องเพลงด้วยกัน หรือจะใช้เวลาร้องเพลงเพลินๆ ไปกับครอบความก็สนุกไปอีกแบบค่า 
 

 
 
 
The Shops สำหรับขาช้อปปิ้งมากันได้ที่ชั้น 5 และ ชั้น 7 ค่า มีสินค้าปลอดภาษี และสินค้าแบรนด์เนม ทั้งกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับ และของที่ระลึกต่างๆ แบรนด์เนมชื่อดัง อาทิเช่น Prada, Gucci,Chanel, Ferragamo, Coach, Swarovski, Cartier, Bvlgari และ Chopard รวมถึงนาฬิกาสุดหรูจาก Omega และ Blancpain และอื่นๆ อีกมากมาย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเรือ Princess ถึงได้รับรางวัล "Best Onboard Shopping" จากนิตยสาร Porthole ปีแล้วปีเล่านั่นเองค่า
 

 
  
 
Casino สำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชค ภายในมีทั้ง สล็อต แบล็คแจ็ค รูเล็ต ตู้เกมส์ และ อื่นๆ อีกมากมาย ขอให้ท่านแน่ใจว่า เตรียมงบติดตัวไว้มากพอสมควร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนแห่งการล่องเรือที่แสนยาวนาน สนุกสนานให้เต็มที่ในค่ำคืนแห่งวันเสี่ยงโชคอันตื่นเต้น และน่าลุ้น ไปพร้อมๆ กัน
 

 
 
 
Ocean Terrace Juice Bar บาร์แห่งนี้ตั้งอยุ่บนชั้น 7 ค่ะ สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ และชอบดื่มน้ำผลไม้ปั่นแบบไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ให้มาที่ Ocean Terrace Juice Bar มีผลไม้หลากหลายนานาชนิด เช่น ส้ม สับปะรด แตงโม และแอปเปิ้ล เป็นต้น
 


 
 
 
Vines ตั้งอยู่บนชั้น 5 ค่ะ โซนนี้เหมาะสำหรับผุ้ที่ชื่นชอบไวน์ ภายในห้องตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยโต๊ะไม้สีทอง หน้าต่างเปิดรับแสงจากธรรมชาติ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและสบายๆ ที่ Vines แห่งนี้มีไวน์นานาชนิดจากทั่วทุกมุมโลกที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ในช่วงก่อนมื้ออาหารค่ำที่นี่จะมี Tapas อาหารว่างสไตล์สเปน และ Sushi ซูชิสไตล์ญี่ปุ่น ให้ทานเล่นๆ พร้อมจิบไวน์เรียกน้ำย่อยไปพรางๆ ค่า
 

 
 
 
Crown Grill Bar บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 7 ค่ะ เป็นบาร์ขนาดใหญ่ที่มีบรรยากาศน่านั่งเป็นที่สุด ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา ด้วยเก้าอี้ไม้ และ โคมไฟที่มาพร้อมกับแสงสีทองนวล สวยงาม และอบอุ่นเป็นที่สุด เป็นอีกหนึ่งโซนที่เหมาะมากันกับเพื่อนฝูง เพื่อจิบค็อกเทลเย็นๆ พร้อมพบปะพูดคุยสบายๆ ก่อนได้เวลาอาหารมื้อค่ำนั่นเองค่า
 

 
 
 
SeaView Bar ตั้งอยูบนชั้น 16 ค่ะ อยู่ใกล้กับทางเดินกราบขวาของเรือฝั่งตรงข้ามกับ SeaWalk เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าผู้โดยสาร บรรยากาศสบายๆ จิบเครื่องดื่ม และรับลมเย็นๆ พร้อมกับการบริการของเหล่าบาร์เทนเดอร์ที่คอยให้ความบันเทิงอยุ่ตลอดเวลานั่นเองค่า
 

 
 
 
Pool สระว่ายน้ำหลักบนเรือจะตั้งอยู่บนชั้น 16 ค่ะ แขกทุกท่านสามารถมากระโดดน้ำคลายร้อนกันได้ที่โซนนี้ ผ่อนคลายสบายทั้งวัน พร้อมกับเก้าอี้นอนอาบแดดเรียงรายเพียงพอต่อจำนวนแขกผู้เข้าพักอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ยังมีสระในร่ม ที่เรียกว่า Hollywood Pool Club ตั้งอยู่บนชั้น 17 เป็นสระสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น บรรยากาศแบบเป็นส่วนตัวพร้อมกับมีบาร์เครื่องดื่มคอยให้บริการอีกด้วย
 

 

 
 
 
Lotus Spa วันแรกแห่งการล่องเรือสำราญ เราขอแนะนำให้มาที่สปาแห่งนี้ เพื่อผ่อนคลายสบายทั้งกายและใจเป็นที่ซู๊ดดด Lotus Spa ตั้งอยู่บนชั้น 5 บนเรือค่ะ แขกสามารถเลือกการนวดบำบัด หรือทำทรีทเม้นท์ รวมถึงดูแลผิวพรรณ ผิวน้ำ อีกทั้งยังมีบริการตัดผม ทำเล็บ ภายในยังมีทั้งห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ และห้องน้ำส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ แบบครบครัน รับรองว่าให้อารมณ์ที่ผ่อนคลาย และเป็นวันพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งวันอย่างแน่นอน
 

 
 
 
Fitness ศูนย์ออกกำลังกายฟิตเนสแห่งนี้จะตั้งอยู่ชั้น 17 บนเรือค่ะ ภายในมีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน ทั้งลู่วิ่งไฟฟ้า เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยาน พร้อมบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลที่สวยงาม นอกจากนี้ภายในยังมีสตูดิโอ สำหรับเต้นแอโรบิค ห้องพิลาทิส ห้องเรียนเต้น Zumba และอื่นๆ ทั้งนี้หากทำกิจกรรมที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการฝึกสอน หรือเทรนเนอร์ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ ศูนย์ฟิตเนสจะเปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นต้นไปค่า 
 

 
 
 
Sports Courts สนามกีฬาขนาดใหญ่บนเรือ ตั้งอยู่ชั้น 18 นั่นเองค่า เอาใจสำหรับผู้ที่รักกีฬา แนะนำว่าให้ชวนเพื่อนๆ มากันได้ที่ชั้นดาดฟ้า กิจกรรมกีฬาในโซนนี้มีทั้งบาสเกตบอล เทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน ฟุตบอล มินิกอล์ฟ และ ปิงปอง เป็นต้นค่า
 

 
 
 

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ

 
Allegro Dining Room ห้องอาหารหลักแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 6 บนเรือค่ะ เปิดให้บริการทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน และมื้อค่ำ ภายในมีพนักงานเสิร์ฟที่คอยให้บริการอย่างดีเยี่ยม มื้อเช้าจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา  7.00 น. ถึง 9.00 น. มื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 13.00 น.และสำหรับมื้อค่ำเปิดให้บริการสองรอบ รอบแรก 17.30 น. และ รอบสองเวลา 19.45 น. เมนูมีให้เลือกมากมายหลากหลายค่ะ มีทั้ง ซุป สลัด อาหารจานหลัก จำพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล อาหารตามสั่ง รวมทั้งมีเมนูของหวานตบท้ายอีกมากมาย 
 

 
 
 
Concerto Dining Room ห้องอาหารแห่งนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นค่า ตั้งแต่เวลา 17.30 - 22.00 น. ให้บริการสองรอบ รอบแรกเวลา 17.30 และรอบสองเวลา 19.45 น. สำหรับเมนูอาหารจะเหมือนกับห้องอาหารหลักอย่าง Allegro Dining Room ค่ะ พิกัดมากันได้เลยที่ชั้น 6 บนเรือ
 

 
 
 
Alfredo's Pizzeria เอาใจสำหรับคนรักพิซซ่าโดยเฉพาะ อิอิ ห้องนี้จะเปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวัน และมื้อค่ำค่ะ เมนูที่โดนใจก็คงหนีไม่พ้น พิซซ่าชีสหนานุ่ม ตามมาด้วยพาสต้าสุดแสนอร่อย และสลัดทานตบท้าย แขกสามารถเพลิดเพลินไปกับการดูวิธีการทำพิซซ่าของเหล่าเชฟได้ค่า Alfredo's Pizzeria เปิดให้บริการเวลา 11.00 น. ถึง 23.00 น. บรรยากาศสบายๆ มากันได้ที่ชั้น 6 บนเรือสำราญค่า
 

 
  
 
World Fresh Marketplace Buffet and Bistro ห้องอาหารนี้เรียกได้ว่าเป็น Horizon Court บนเรือเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นห้องอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์ มีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลาย ทั้ง ข้าวโอ๊ต, ซีเรียล, ขนมปังปิ้ง, ไข่ต้มสุก, แซนวิช, พาสต้า,  ปลาแซลมอนรมควัน, ชีส, ผลไม้ และโยเกิร์ต ไข่ทอดและไข่เจียวสามารถสั่งทำได้ นอกจากนี้ยังมีอาหารเอเชียที่มีทั้งแกงจืด ซุปร้อนๆ และติ๋มซำอีกด้วย พิกัดมากันได้ที่ชั้น 16 บนเรือสำราญ เปิดให้บริการสำหรับมื้อเช้าตั้งแต่เวลา 5.30 น. ถึง 11.30 น. มื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 12.00 น.- 14.00 น.และมื้อค่ำเวลา 17.30 น. ถึง 23:00 น.
 

 
 
 
Lobster Bar ห้องอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้า ชั้น 16 ค่ะ ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ริมสระน้ำนั่นเองค่า เป็นห้องอาหารกลางแจ้ง เอาใจคนชอบทางกุ้งล็อบสเตอร์ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเมนูเนื้อแสนอร่อย นอกจากนี้ท่านยังสามารถเลือกทานติ๋มซำเป็นอาหารว่างยามบ่าย หรือมื้อค่ำอันสุดพิเศษก็ทำได้ ห้องอาหารพิเศษแห่งนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่า เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 13:30 น. และ 17:30 น. ถึง 22.00 น.
 

 
 
 
Chopsticks Noodle Bar ตั้งอยู่บนชั้น 16 บริเวณริมสระเช่นกันค่า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทานอาหารประเภทเส้นๆ ต้องไม่พลาดมากันที่นี่ ก๋วยเตี๋ยวรสชาติเยี่ยม ตามสไตล์อาหารเอเชีย เมนูแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ เกี๊ยวน้ำ ลูกชิ้นปลา รวมถึงไก่ ผัก และ เต้าหู้ ผสมผสานในถ้วยพร้อมสดน้ำซุปร้อนๆ เข้ากันเป็นที่ซู๊ดดด เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 13:30 น. และ 17:30 น. ถึง 23:00 น. ค่ะ
 

 
 
 
Harmony ห้องอาหารนี้ตั้งอยู่กลางลำเรือชั้น 5 ค่ะ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ $29 ต่อท่าน อาหารระดับมิชลินสตาร์ที่อร่อยเลื่องชื่อ การตกแต่งภายในหรูหรา ด้วยโทนสีทองสวยงาม รสชาติอาหารมีทั้งแบบสไตล์จีนกวางตุ้ง ทั้งเมนู เป็ด รวมถึงกุ้งผัดซอสยอดนิยมที่ใครมาก็ต้องสั่ง อาหารเหล่านี้ได้ถูกรังสรรค์โดยเชฟชื่อดัง ริชาร์ด เฉิน นั่นเองค่ะ สำหรับเมนู มื้อกลางวัน และ มื้อค่ำ ท่านสามารถสั่ง หอยเป๋าฮื้อ พร้อมสลัดมะละกอ มาทานเล่นๆ หรือจะเป็นอาหารจานหลักอย่าง ซี่โครงหมูรสชาติเยี่ยม และ เป็ดปักกิ่ง ไก่ย่าง หรือจะเป็นปลากระพงนึ่ง ก็อร่อยเป็นที่สุด ตบท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง ขนมถั่วแดง เค้กชาเขียว หรือไอศกรีมมะพร้าวก็ยังได้ ห้องอาหาร Harmony เปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นจ้า
 

 
 
 
Chef's Table Lumiere ห้องอาหารพิเศษที่ตั้งอยู่บนชั้น 6 ค่ะ มีค่าใช้จ่ายประมาณ $115 ต่อท่าน ห้องอาหารแห่งนี้ต้องทำการจองล่วงหน้า และจำกัดแขกได้เพียง 12 ท่านต่อคืนเท่านั้น โดยมีเมนูอาหารค่ำที่ถูกรังสรรค์โดยสุดยอดเชฟ พร้อมจับคู่กับไวน์ หรือแชมเปญที่เข้ากันเป็นที่สุด บรรยากาศภายในหรูหรา ด้วยโต๊ะรูปวงรี พร้อมกับโคมแชนเดอเลียร์สีทองสวยงาม หากใครที่ชื่นชอบบรรยากาศการรับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัวแบบนี้แนะนำให้มาที่ Chef's Table Lumiere จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า
 

 
 
 
La Mer ร้านอาหารฝรั่งเศส ตั้งอยุ่บนชั้น 7 ค่ะ หากใครที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ต้องมากันที่ La Mer เท่านั้น รสชาติอาหารถูกปรุงแต่ง และใช้วัตถุดิบอย่างดีเยี่ยม ถูกรังสรรค์โดยเชฟ Emmanuel Renaut ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "Meilleur Ouvrier de France" เชฟที่มีฝีมือดีที่สุดจากประเทศฝรั่งเศส การันตีด้วยรางวัลมิชลินระดับสามดาวจากร้านอาหาร Flocons de Sel อีกด้วยค่า
 

 
 
 
Crown Grill ร้านอาหารพิเศษสำหรับผุ้ที่ชอบทานสเต็กต้องมาที่ Crown Grill ตั้งอยู่บนชั้น 7 ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสเต็กที่ดีที่สุดในท้องทะเล มีทั้งเมนูเนื้ออย่างดี รวมถึงอาหารทะเลสดใหม่อย่าง กุ้ง และหอย บรรยากาศภายในห้องอาหารให้อารมณ์สุดคลาสสิค และอบอุ่น ที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 17.30 ถึง 21.30 น. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้นค่ะ
 

 
 
 
 
 
Beth: 2018-10-18