Majestic Princess Cruise

 

สวัสดีครับ หลังจากที่บทความก่อนหน้านี้ผมได้พาทุกคนไปรู้จักกับจุดเด่นและเรื่องราวต่างๆ ที่น่ารู้เกี่ยวกับการเที่ยวด้วยเรือสำราญแล้ว วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับเรือ Majestic Princess (มาเจ็สติค ปริ้นเซส) เรือสำราญลำแรกในชีวิตการล่องเรือสำราญเที่ยวของผมกับต๋ง และยังเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ที่มีทุกอย่างครบครัน แถมราคาต่อคนยังไม่แพงอีกด้วยครับ
อันดับแรกสุดเลยเรามาทำความรู้จักกับภาพรวมพื้นฐานของเรือสำราญที่ชื่อ ว่า Majestic Princess กันก่อนนะครับ เรือสำราญ Majestic Princess นั้นเป็นหนึ่งในเรือของบริษัท Princess Cruise บริษัทเดินเรือสำราญที่มีชื่อเสียงและมีขนาดใหญ่แห่งนึงของโลก โดยเรือสำราญ Majestic Princess นั้นเป็นเรือสำราญที่สามารถพูดได้ว่าใหม่เอี่ยมลำนึงเลยครับ เนื่องจากเรือลำนี้พึ่งจะเปิดตัวในเดือนเมษายน 2560 นี้เอง
 
Disclosure : บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ความเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกจริงของผมครับ
 

 

 
เรือสำราญ Majestic Princess นั้นเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ที่ภายในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งร้านอาหาร, สปา, คาสิโน, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สนามบาส, คาราโอเกะ, โรงละคร, ร้านค้าปลอดภาษี และอื่นๆ อีกมากมาย โดยโครงสร้างของเรือลำนี้มีมากถึง 18 ชั้น สามารถจุผู้โดยสารได้ประมาณ 3,560 คน และมีน้ำหนักของเรือมากถึง 142,229 ตัน ซึ่งด้วยขนาดของเรือระดับนี้ทำให้เรือสำราญ Majestic Princess นั้นเป็นเรือสำราญที่มีขนาดใหญ่กว่าเรือไททานิคที่เราเคยเห็นในภาพยนต์ถึง 4 เท่าเลยทีเดียวครับ
 

หมายเหตุ : จำนวนชั้นของเรือ Majestic Princess นั้นจะมีทั้งหมด 18 ชั้น แต่ด้วยความที่เรือลำนี้จะไม่มีชั้นที่ 13 ดังนั้นเวลาที่เราดูผังเรือเราจึงเห็นว่าเรือลำนี้มีถึงชั้นที่ 19 นะครับ
 

 

สำหรับภาพด้านล่างนี้จะเป็นภาพหน้าตาเรือ Majestic Princess แบบเต็มๆ และผมได้มีการใส่ข้อมูลที่เป็นภาพรวมของเรือลำนี้ไว้ให้ทุกคนดูด้วยครับ ใครที่อยากดูข้อมูลแบบเจาะลึกก็สามารถไล่อ่านตามภาพได้เลย
 

 

ส่วนใครที่อยากจะดูในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ก็กดดูวีดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ
 

 
เอาล่ะครับ หลังจากที่เรารู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเรือสำราญลำนี้แล้ว คราวนี้เรามาก้าวขึ้นเรือ Majestic Princess ไปพร้อมๆ กันดีกว่า โดยกระบวนการง่ายๆ สำหรับการขึ้นเรือสำราญในแต่ละครั้งก็มีดังนี้เลยครับ
 

1. ทำการจองทริปเรือสำราญที่เราต้องการไปให้เรียบร้อย โดยจะจองผ่านสายเรือโดยตรงหรือผ่านบริษัททัวร์ก็ได้ อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลย ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าการจองแบบไหนมีข้อดีข้อเสียยังไงก็กดไปอ่านที่ลิงก์นี้ ได้เลยครับ https://bit.ly/2J2ac7E
 

2. ทำการ Check in online และปริ้นท์เอกสารต่างๆ ที่ทางเรือแจ้งให้เรียบร้อย โดยเมื่อเราทำการจองทริปเสร็จแล้ว เราจะสามารถเข้าไปเช็คสถานะของเราและปริ้นท์เอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ได้ผ่านทางเวบไซต์ของสายเรือนั้นๆ ซึ่งในส่วนนี้หากใครที่ทำการจองผ่านบริษัททัวร์ก็จะสะดวกหน่อย เพราะบริษัททัวร์ส่วนมากจะทำเรื่องพวกนี้ให้เราหมดเลยครับ
 

3. นำพาสปอร์ตและเอกสารในข้อ 2 เดินทางไปยังท่าเรือสำราญที่เราต้องขึ้นให้ถูกวัน, ถูกที่ และถูกเวลา ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเราจะสามารถขึ้นเรือสำราญได้ก่อนที่เรือจะออกจากท่า ประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยเวลาที่ผมแนะนำให้ทุกคนควรไปเช็คอินและขึ้นเรือให้เรียบร้อยก็คืออย่าง น้อย 3 ชั่วโมงก่อนที่เรือจะออกนะครับ ผมไม่แนะนำให้เผื่อเวลาน้อยกว่านี้เพราะบางทีเราอาจจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือเจอผู้โดยสารมารอต่อคิวจำนวนมากก็ได้
4. เริ่มต้นกระบวนการเช็คอินขึ้นเรือ โดยในกระบวนการนี้หลักๆ จะมีอยู่ 4 ขั้นตอนดังนี้ครับ




    • นำกระเป๋าสัมภาระไปโหลด โดยกระบวนการนี้จะง่ายๆ เพียงแค่เรานำสติกเกอร์ Tag ติดกระเป๋าที่เราปริ้นท์มาจากในเวบไซต์ไปติดไว้ที่กระเป๋าสัมภาระเรา และเดี๋ยวก็จะมีเจ้าหน้าที่มานำไปดำเนินการต่อให้เองครับ
 
    • นำพาสปอร์ตไปทำการเช็คอินที่เคาน์เตอร์ ซึ่งหลังจากที่เราทำการเช็คอินเสร็จเราจะได้บัตรหรืออุปกรณ์ที่จะใช้แทนเงิน สดในการขึ้นเรือสำราญครั้งนั้นๆ โดยบัตรหรืออุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกผูกวงเงินกับบัตรเครดิตของเราที่ได้ทำการลง ทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้
 
    • ทำการแสกนสัมภาระต่างๆ ที่เราถือขึ้นเรือด้วยตัวเอง
 
    • ผ่านกระบวนการ Immigration กับทางเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นๆ เพราะหลังจากนี้เราจะเดินทางออกจากประเทศเค้าแล้ว โดยเมื่อเราเสร็จกระบวนการ Immigration ก็ให้เราเดินไปตามทางเรื่อยๆ จากนั้นก็ก้าวขึ้นเรือสวยๆ ได้เลยครับ



สำหรับภาพด้านล่างนี้จะเป็นภาพรายละเอียดการเดินทางของผมในทริปนี้ครับ โดยผมจะเริ่มเดินทางจากเมืองจี้หลง ประเทศไต้หวัน จากนั้นก็เดินทางไปเมืองฟุกุโอกะ (ฮากาตะ) ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 วันนิดๆ และเดินทางต่อไปยังเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ในวันถัดมา จากนั้นก็กลับมาที่เมืองจี้หลง ประเทศไต้หวันอีกครั้ง โดยใช้เวลาเดินทางจากเกาหลีใต้อีก 1 วันนิดๆ รวมทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ได้เที่ยวทั้งหมด 3 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนเวลาที่เราจะได้อยู่บนเรือแบบเต็มๆ หรือที่เรียกว่า At Sea นั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 2 วันครับ
 

 
ผมให้ดูภาพประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเช็คอินขึ้นเรือดังนี้นะครับ ภาพแรกคือภาพของเอกสารที่เราจะต้องใช้ในการขึ้นเรือ โดยผมกับต๋งได้ทำการจองทริปนี้ผ่านบริษัท 2morrow Explorer ซึ่งทาง 2morrow Explorer ก็ได้ทำการปริ้นท์เอกสารต่างๆ เหล่านี้ให้ผมเรียบร้อยเลย แถมส่งไปรษณีย์มาให้ถึงบ้านด้วย
 

 

ในเอกสารต่างๆ ที่เค้าปริ้นท์มาให้นั้น มันจะมีแทกสำหรับติดกระเป๋าเดินทางของเราอยู่ เราก็แค่ทำการแกะออกมาติดกระเป๋าของเราให้เรียบร้อย จากนั้นเมื่อเราเดินผ่านโซนโหลดกระเป๋าขึ้นเรือ เราก็เข็นกระเป๋าเดินทางให้ทางเจ้าหน้าที่ได้เลย รับรองว่ากระเป๋าไม่หายแน่นอน เพราะมันมีชื่อของเรากับชื่อห้องระบุไว้หมดแล้ว
 

 


ภาพ ด้านล่างนี้เป็นภาพของคนที่มารอต่อคิวเช็คอินครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโดยปกติแล้วคนมันเยอะขนาดนี้มั้ย แต่วันที่ผมไปนั้นคิวยาวมาก ยาวจนเราใช้เวลาต่อแถวไปเกือบ 2 ชั่วโมงได้ครับ ยืนต่อแถวจนเพลีย @_@
 

 

 

 

เมื่อเราทำการเช็คอินกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์เสร็จเรียบร้อย เราก็จะได้รับบัตรแทนเงินสดที่จะใช้บนเรือ Majestic Princess แบบนี้มาครับ โดยบัตรนี้เราต้องเก็บให้ดีๆ เพราะมันเป็นทั้งคีย์การ์ดเข้าห้อง และเป็นบัตรที่สามารถใช้ซื้อของต่างๆ บนเรือได้ทั้งหมด โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้ผ่านบัตรนี้จะถูกนำมาชาร์จในบัตรเครดิตของเราเมื่อเราลงเรือจากครับ และหากว่าบัตรของใครเกิดหล่นหายก็ต้องรีบติดต่อกับทางเคาน์เตอร์ Guest Service บนเรือเพื่อทำการยกเลิกบัตรใบเดิม และออกบัตรใบใหม่แทนทันที
 


ส่วนนี่เป็นภาพของกระบวนการ Immigration ก่อนขึ้นเรือครับ ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรมาก ขอแค่ทุกคนมีพาสปอร์ตกับบัตรขึ้นเรือก็ผ่าน 100% แล้ว ^^
 

 

และเมื่อเราผ่านกระบวนการ Immigration เรียบร้อย คราวนี้ก็ได้เวลาที่เราจะไปโลดแล่นลัลล้าบนเรือกันแล้วครับ โดยสิ่งแรกที่ผมอยากจะบอกทุกคนว่าควรต้องทำเป็นอันดับแรกเมื่อเราขึ้นเรือ ได้นั่นก็คือการขึ้นลิฟท์เพื่อไปที่ห้องของเราครับ และสำหรับใครที่มีอาการสับสนงงๆ ไม่รู้ว่าห้องเราต้องไปทางไหน หรือไปยังไงต่อ ผมขอแนะนำง่ายๆ ว่าให้เราดูในเอกสารที่เราปริ้นท์มาว่าห้องเราอยู่ชั้นไหน จากนั้นก็หาลิฟท์ที่ใกล้ที่สุดแล้วกดไปที่ชั้นนั้น และเดี๋ยวเราก็จะเจอป้ายบอกทางไปต่อ หรือมีพนักงานคอยบอกทางให้เองครับ และเมื่อเรามาถึงที่หน้าห้องพักของเราแล้วเราก็จะเจอกับชื่อของเราที่หน้า ห้อง รวมทั้งบางครั้งก็จะเจอกระเป๋าเดินทางของเรามารออยู่เรียบร้อยแล้ว ส่วนถ้าใครไปถึงห้องเร็วแล้วกระเป๋ายังไม่มาก็รอหน่อยนะครับ ให้เวลาเค้าทำงานนิดนึง

หมายเหตุ : หมายเลขห้องทุกห้องจะมีตัวอักษรเบลกำกับไว้ด้วยนะครับ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผมชอบมาก เพราะมันทำให้ผู้ที่มีความพิการด้านต่างๆ ก็สามารถมาใช้บริการได้


 

และไหนๆ เราก็มาถึงหน้าห้องพักของผมกันแล้ว ผมก็ขอแนะนำห้องพักผมให้ทุกคนรู้จักกันก่อนเลยนะครับ และเดี๋ยวหลังจากนี้ผมค่อยพาทุกคนไปสำรวจส่วนต่างๆ ของเรือ Majestic Princess กันต่อ โดยห้องพักที่ผมกับต๋งพักบนเรือ Majestic Princess ในทริปนี้นั้นเป็นห้องพักแบบมีระเบียงหรือที่เรียกว่า Balcony นะครับ ขนาดของห้องพักนั้นใหญ่กว่าที่เราคิดมาก เรียกว่าเข้าไปอยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลย พื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพียงพอต่อการใช้ชีวิตของสองคน สามารถเดินหรือเคลื่อนที่ทำอะไรต่างๆ ได้สะดวก ไม่เกิดอาการชนหรือขวางกันแต่อย่างใด
 

 

 

ห้องพักในเรือ Majestic Princess Cruiseโดย ในส่วนที่ผมชอบมากๆ ภายในห้องนี้ก็คือพื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำครับ มันเป็นโซนแต่งตัวที่กว้างมาก สามารถวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ สองใบได้อย่างสบาย แถมมีไม้แขวนเสื้อให้เยอะ และมีตู้เซฟให้ใช้บริการฟรีด้วย
 

 

 

 

ในส่วนของเตียงนอนนั้นผมว่าเตียงเค้าใหญ่ดีครับ สามารถนอนสองคนได้อย่างสบาย เตียงและหมอนนุ่มดี โดยผมกับต๋งนั้นนอนหลับสบายทุกคืนเลยครับ ^^
 

 

อันนี้เป็นภาพของโต๊ะทำงานข้างเตียงครับ ขนาดมาตรฐาน มีปลั๊กต่างๆ ให้ครบดี รวมทั้งมีช่องเสียบไฟแบบ USB ด้วย ดีงามมาก
 

 

 

ส่วนนี่จะเป็นรูปแบบปลั๊กไฟภายในห้องนะครับ ใครที่จะเอาอะไรไปชาร์จเยอะๆ ก็ดูเรื่องของหัวปลั๊กไฟให้ดีๆ หรือถ้าจะให้ปลอดภัยก็พก Universal Adapter ไปด้วยทุกครั้งครับ
 

 

อ้อ ภายในลิ้นชักโต๊ะ เค้าจะมีไดร์เป่าผมให้ด้วยนะครับ สาวๆ น่าจะถูกใจกันอย่างแน่นอน
 

 

ส่วนตู้นี้จะเป็นตู้ที่ใส่ตู้เย็นไว้ภายในครับ ภายในตู้เย็นไม่มีเครื่องดื่มอะไรให้ ด้านบนตู้จะมีน้ำดื่มให้สองขวด หากหมดแล้วคือหมดเลยไม่มีเติม ถ้าใครต้องการทานน้ำเปล่าเพิ่มก็ต้องสั่งเองแต่จะมีค่าใช้จ่ายนะครับ หรือไม่ก็มีอีกวิธีหนึ่งคือการไปทานน้ำเปล่าที่ห้องอาหารต่างๆ ไม่ก็เอากระติกน้ำไปกรอกที่ห้องอาหาร World Fresh Marketplace ครับ ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีหลังนี่แหละ ดังนั้นใครที่จะไปขึ้นเรือลำนี้ก็หาอุปกรณ์สำหรับการกรอกน้ำไปด้วยนะครับ
 

 

นี่เป็นโทรทัศน์ภายในห้องครับ เป็นโทรทัศน์ที่ผมว่าดีนะ เพราะมันมีอะไรให้เราดูเยอะมากทั้งรายการข่าว, หนัง, ซีรีย์, เพลง รวมไปถึงอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ครั้งแรกสุดที่เราทำการเปิดโทรทัศน์ภายในห้องนั้นเค้าจะบังคับให้ เราดู VTR เรื่องความปลอดภัยบนเรือลำนี้ก่อนนะครับ โดยเราจะไม่สามารถกดข้ามได้ แต่หลังจากที่ดูครั้งแรกจบแล้วครั้งต่อไปเราจะสามารถใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ของโทรทัศน์ได้ทันทีครับ
 

หมายเหตุ : เนื่องจากว่าการเดินทางด้วยเรือสำราญนั้นมักจะต้องเดินทางผ่านหลายประเทศ ผ่านหลาย Time Zone ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถเช็คเวลาที่ถูกต้อง ณ ตอนนั้นได้ ก็คือการเปิดโทรทัศน์เพื่อดูเวลาครับ เพราะเวลาที่แสดงในโทรทัศน์จะเป็นเวลามาตรฐานที่เรือของเรากำลังใช้อยู่ใน ตอนนั้น
 

 

 

เรามาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ขนาดของห้องน้ำใหญ่กว่าที่ผมคิดนะครับ แยกโซนเปียกแห้งชัดเจน มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ครบครันทั้งครีมอาบน้ำ, ยาสระผม, โลชั่นทาผิว,และผ้าเช็ดตัว ส่วนพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำนั้นก็มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถอาบน้ำและยืดแขนไปมาได้พอควร
 

หมายเหตุ : ในส่วนของชักโครกจะไม่มีสายฉีดชำระนะครับ ส่วนน้ำภายในห้องน้ำนั้นจะมีให้บริการทั้งน้ำอุ่นและน้ำเย็นเลย
 

 

 

 

 

และนี่คือส่วนที่เป็นไฮไลท์ของห้องนี้ครับ ระเบียงห้อง!! เนื่องจากว่าต๋งนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอยู่ในที่แคบๆ หรือสถานที่ปิดทึบ รวมทั้งเป็นคนที่เมาเรือค่อนข้างง่าย ดังนั้นพวกเราก็เลยเลือกจองห้องแบบมีระเบียงครับ ขนาดของระเบียงกว้างดีนะ สามารถนั่งหรือยืมชมวิวได้ชิลๆ เลย แถมเป็นส่วนตัวไม่มีใครมายุ่งด้วย
 

ใครที่เป็นคนชอบดูวิวทะเลกว้างๆ และอยากจะนั่งชมวิวเป็นส่วนตัวไม่มีใครมาวุ่นวาย ก็เลือกจองเป็นห้องประเภทนี้ก็ได้ครับ แต่ถ้าใครยังงง ไม่รู้ว่าห้องพักบนเรือนั้นมีประเภทไหนบ้างก็ลองกดไปอ่านที่ลิงก์นี้ได้ เค้าเขียนไว้ชัดเจนดี https://bit.ly/2Y6pkr1
 

 

 

 

 

สำหรับภาพด้านล่างนี้ผมถ่ายจากระเบียงห้องผมของผมทั้งหมดเลยนะครับ ตื่นมาตอนเช้าหรือก่อนนอนวันไหนเจอท้องฟ้าสวยๆ วิวดีๆ ก็หยิบกล้องออกมาถ่ายภาพได้เลยทันที ดีงามมาก
 

 

 

 

 

 

 

 

ฟุกุโอกะปูซานฟุกุโอกะทั้ง นี้จำนวนห้องพักบนเรือ Majestic Princess นั้น จะมีทั้งหมด 1,780 ห้อง และมีขนาดห้องตั้งแต่ 15.1 ตร.ม. จนถึง 118.8 ตร.ม. ครับ โดยห้องแบบมีระเบียง (Balcony) ที่ผมกับต๋งพักนั้นจะมีผังห้องพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามภาพด้านล่างนี้เลย ส่วนใครที่อยากจะดูผังของห้องอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูที่ www.princess.com ได้เลยครับ
 

 

ส่วนนี่เป็นของและเอกสารอื่นๆ ที่เราจะเจออยู่ภายในห้องครับ อันดับแรกก็คือเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลเรือ Majestic Princess และชื่อของคนที่ดูแลห้องเรา โดยห้องพักแต่ละโซนจะมีพนักงานคอยดูแลความเรียบร้อยแตกต่างกันออกไป พนักงานเหล่านี้เค้าจะมาช่วยเราทำความสะอาดห้อง รวมถึงดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ให้เราตลอดทั้งทริป หากเราต้องการอะไรก็สามารถแจ้งเค้าได้เลย โดยพนักงานที่ดูแลห้องพักเรานี้โดยปกติแล้วเค้าจะมาแนะนำตัวให้เรารู้จัก ด้วยตัวเองในวันแรกที่เราขึ้นเรือครับ
 

 

 


กิจกรรมบนเรือ Majestic Princess

 

ส่วนนี่เป็นโปรแกรมกิจกรรมต่างๆ บนเรือครับ โปรแกรมนี้เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องดูทุกวันเลย โดยทางพนักงานเค้าจะนำมาให้เราที่ห้องทุกวัน ภายในเอกสารจะมีการบอกรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ของเรือในวันดังกล่าว, อุณหภูมิ, เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก, กิจกรรมเด่น, เวลาเปิดปิดของห้องอาหาร รวมถึงโปรโมชั่นสินค้าลดราคาพิเศษ ยังไงก็อย่าลืมอ่านให้ละเอียดทุกวันนะครับ ไม่อย่างงั้นคุณอาจจะพลาดของดีบนเรือไปโดยไม่รู้ตัว ^^
 

 

กิจกรรมบนเรือ Majestic Princessและ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงในห้องพักของผมครับ เสื้อชูชีพ!! ทุกๆ ห้องพักจะมีเสื้อชูชีพอยู่ภายในห้องพักทั้งหมด และการโดยสารด้วยเรือสำราญนั้นทางบริษัทเรือจะให้ความสำคัญในเรื่องของความ ปลอดภัยเป็นอย่างมาก โดยในวันแรกของการเดินทางนั้นเค้าจะมีการเรียกรวมพลผู้โดยสารทุกคนให้ไปรับ ฟังมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยบนเรือในสถานที่และเวลาที่เค้ากำหนด ยังไงเราต้องจำเวลากับสถานที่ที่เค้าแจ้งไว้ให้ดีๆ นะครับ เพราะเค้าซีเรียสมาก มีการเช็คชื่อด้วย หากใครไม่ไปรับรองว่าเค้ามีการตามหาตัวแน่ๆ
 

 

และตอนนี้ผมก็พูดถึงเรื่องห้องพักของผมกับต๋งไปครบหมดแล้ว ลำดับต่อไปผมจะขอพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือการบริการทั้งหมดที่มีอยู่ในเรือ Princess Majestic นะครับ และเพื่อให้ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจง่าย ผมจะขอแยกสิ่งเหล่านี้ออกเป็นหมวดๆ ต่างตามนี้นะครับ คลิกอ่าน รีวิว Majestic Princess Cruise 2/2 ต่อ