ภาพรวมเรือสำราญ MS Nieuw Statendam ลำใหม่ล่าสุด ปลายปี 2018

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเรือสำราญลำใหม่ล่าสุดของสายเรือ Holland America Line นั่นก็คือ Nieuw Statendam เรือที่มีสถาปัตยกรรมการตกแต่งอันงดงาม ภายในเรือเต็มไปด้วยแสงสว่างสุดตระการตา สื่อถึงความคลาสสิคที่หรูหราและสวยงาม เรือลำนี้พร้อมเปิดตัวในเดือนธันวาคม ปี 2018 โดยมีมีน้ำหนัก 99,500 ตัน สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 2,666-3,218 คน เรือ Nieuw Statendam มีเส้นทางล่องเรือที่น่าสนใจ จะเลือกล่องในแถบแคริบเบียน สแกนดิเนเวีย ยุโรป ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Fort Lauderdale, Rome/ Civitavecchia และ Amsterdam เป็นหลักค่า บรรยากาศภายในเรือลำนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งคาสิโน ร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง สปา พื้นที่สาธารณะอย่าง สระว่ายน้ำ บาร์ เลานจ์ และโชว์ ความบันเทิงสุดคับคั่งอย่าง Lincoln Center Stage และ Billboard Onboard รวมไปถึงเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีบรรเลงบทเพลงเป็นจังหวะ สลับกับเสียงเพลงเพราะๆ จากนักร้องที่ B.B. King's Blues Club  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Music Walk" นั่นเองค่า

 

เส้นทางล่องเรือสำราญ MS Nieuw Statendam

- เรือสำราญ MS Nieuw Statendam จะล่องในแถบแคริบเบียน สแกนดิเนเวีย ยุโรป เป็นหลักค่า

- ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 7 ถึง 24 วัน

- เรือสำราญ MS Nieuw Statendam ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Fort Lauderdale, Rome/ Civitavecchia และ Amsterdam เป็นต้น

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ MS Nieuw Statendam

 

 

 

ไฮไลท์

เรือสำราญ MS Nieuw Statendam เป็นเรือสำราญขนาดกลาง ภายในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มีห้องพักกว้างขวางและมีหลากหลายประเภทให้เลือก มีร้านอาหารพิเศษให้เลือกมากมาย อาทิเช่น Pinnacle Grill เมนูสเต็กสุดอร่อยรวมไปถึง Canaletto ห้องอาหารพิเศษสไตล์อิตาเลี่ยนสุดละมุนลิ้น เรือลำนี้ยังมีไฮไลท์ตรงที่เส้นทางการล่องเรือค่ะ ส่วนใหญ่จะล่องในแถบแคริบเบียน สแกนดิเนเวีย ยุโรป เน้นออกจากท่าเรือหลักอย่าง Rome/ Civitavecchia, Amsterdam และ Fort Lauderdale เป็นต้นค่ะ 

 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

 

ข้อมูลตัวเลข

 

ไลฟสไตล์บนเรือ

หากพูดถึงกลุ่มผู้โดยสารของเรือสำราญ MS Nieuw Statendam นั้นจะค่อนข้างหลากหลาย และจะขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เรือล่องด้วยค่ะ หากเรือออกจากท่าเรือที่อัมสเตอร์ดัม กลุ่มผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรเปียน แต่ถ้าหากเรือออกจากท่าเรือที่ Fort Lauderdale แน่นอนว่ากลุ่มผู้โดยสารส่วนใหญ่ จะเป็นชาวอเมริกันค่า กลุ่มหลักๆ เลยก็มาจากอเมริกาเหนือที่นิยมล่องเรือสำราญกันมากที่สุด 

นอกจากนี้สายเรือ Holland America Line ยังดึงดูดกลุ่มนักเดินทาง ที่อยู่ในช่วงวัยเกษียณอายุโดยเฉลี่ย 60 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มที่เดินทางมาพร้อมครอบครัว เวลาที่เหมาะสมจะเป็นช่วงฤดูร้อน หรือช่วงปิดเทอมของน้องๆ หนูๆ และเรือลำนี้ จะมีการประกาศเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาดัตช์เป็นหลักค่ะ

 

ห้องพักบนเรือสำราญ

ห้องไม่มีหน้าต่าง Interior มีขนาดตั้งแต่ 13 ตางรางเมตร - 20 ตารางเมตร

 

ห้องมีหน้าต่าง Oceanview มีขนาดตั้งแต่ 16 ตารางเมตร - 26 ตารางเมตร

   

ห้องมีระเบียง Verandah มีขนาดตั้งแต่ 21 ตารางเมตร - 37 ตารางเมตร

 

ห้องสวีทแบบ Vista Suites มีขนาดตั้งแต่ 24 ตารางเมตร - 33 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 

 

ห้องสวีทแบบ Signature Suites มีขนาดตั้งแต่ 36.5 ตารางเมตร - 37 ตารางเมตร (รวมระเบียง)

  

ห้องสวีทแบบ Neptune Suites มีขนาดตั้งแต่ 43 ตารางเมตร - 47 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 

  

ห้องสวีทแบบ Pinnacle Suites มีขนาดประมาณ 119 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 

 

   

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ 

The Dining Room

เป็นห้องอาหารหลักที่เปิดให้บริการตั้งแต่ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ มีเมนูอาหารให้เลือกทานมากมาย เปิดให้บริการตลอดทั้งวันตามรอบเวลามื้ออาหารค่า ต้องทำการจองสำหรับมื้อดินเนอร์ ได้รับการตกแต่งภายในที่ทันสมัย อร่ามตา โอ่อ่า กว้างขวาง รวมถึงประติมากรรมสองชั้น ที่มีลักษณะคล้ายกรงซี่โครงของปลาวาฬโดดเด่นเป็นอักลักษณ์ ภายในห้องเน้นโทนสีสว่าง สะท้อนถึงความงาม ร่วมกับการประดับดอกไม้สดบนโต๊ะอาหารเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหารเป็นที่สุด ห้องอาหารหลักนี้ตั้งอยู่ชั้น 2 และ 3 บนเรือสำราญค่า

 

Pinnacle Grill

ใครที่ชอบทานสเต็ก ต้องมาที่ชั้น 2 ตรงห้องอาหารพิเศษ ที่เรียกว่า "Pinnacle Grill" ต้องจองที่นั่งล่วงหน้า เปิดให้บริการในมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ ราคา $10 ต่อท่านสำหรับมื้อกลางวัน และ $35 ต่อท่านสำหรับมื้อดินเนอร์ บรรยากาศสุดโรแมนติก ท่านสามารถสั่งไวน์มาดื่มคู่กับการทานอาหารรสเลิศ ก็ดีไม่น้อยค่า เมนูมีทั้งสเต็กเนื้ออย่างดี แซลมอน พร้อมมีของหวานตบท้ายอีกมากมาย และที่สำคัญหากใครที่ชื่นชอบไวน์ ห้องนี้เขามีไวน์ชั้นดีที่มาจากไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกค่า

 

Sel de Mer 

ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 บนเรือสำราญ เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส และมีเมนูซีฟู้ดให้เลือกทานมากมาย ทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ ปู หอยนางรมสดๆ พร้อมมีรายการไวน์ชั้นดีจากฝรั่งเศสให้ลองสั่งมาจิบคู่กับอาหารจานโปรด ยังมีอาหารทานเล่นและของหวานให้ฟินกันปิดท้ายด้วยค่า ห้องอาหารพิเศษแห่งนี้จะเปิดให้บริการในช่วงมื้อค่ำตั้งแต่เวลา 17.00 - 23.00 น. ค่า

  

Canaletto Restaurant

ห้องอาหารพิเศษสไตล์อิตาเลียน สำหรับห้องนี้จะมีค่าใช้จ่าย 15 เหรียญต่อท่าน จะเปิดให้บริการสำหรับอาหารมื้อค่ำทุกวันค่า เมนูอาหารที่นี่จะหลากหลายมาก ส่วนใหญ่จะมาเป็นจานเล็กๆ เมนูแนะนำ เช่น Antipasto, Zuppa di pesce, Canaletto Salad และ Beef Carpaccio ยังมีจานใหญ่อย่างพาสต้า สปาเก็ตตี้ซีฟู้ด เมนูกุ้งล็อบสเตอร์ เมนูไก่ตุ๋นอบเครื่องเทศสไตล์อิตาเลี่ยน รวมไปถึงเนื้อลูกวัว นุ่มๆ อิอิ พูดเสร็จท้องถึงกับร้องจ๊อกๆ กันเลยแหละค่า

  

Tamarind

ห้องอาหารพิเศษ Tamarind เน้นรสชาติอาหารสไตล์เอเชีย มีทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และญี่ปุ่น เป็นห้องอาหารที่ได้รับควาสนใจเป็นอย่างมากค่ะ เพราะมีเมนูที่หลากหลายทั้งหมูสะเต๊ะ ซุปเรียกน้ำย่อย ซูชิ ซาชิมิ รวมถึงไก่อบเครื่องเทศ ต้มยำกุ้ง เมนูก๋วยเตี๋ยวอื่นๆ อีกมากมาย ขอแนะนำให้มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า สำหรับมื้อดินเนอร์ มีต่าใช้จ่าย $25 เหรียญต่อท่านค่ะ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 17.30 น. - 21.00 น. ค่า 

  

Lido Market 

ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ ภายในถูกออกแบบให้สถานที่เป็นเหมือนตลาดที่เปิดให้บริการทั้งวัน แขกสามารถเลือกทานอาหารตามสั่งได้แบบบุฟเฟ่ต์ มีทั้งขนมปังอบกรอบหอมกรุ่น แซนวิช สลัดผัก ไก่ย่าง แฮม ชีส และเมนูของหวานให้เลือกทานอีกมากมาย ห้องอาหารแห่งนี้รองรับผู้โดยสารได้ 386 ที่นั่ง ที่นี่เปิดให้บริการช่วงเช้าตั้งแต่ 6.00 น.-11.00 น. ช่วงกลางวัน 11:30 น.-14.00 น. และมื้อค่ำ 17.30 น .-20.00 น. ค่า

 

Culinary Arts Center 

บรรยากาศภายในห้องกว้างขวาง โต๊ะจะถูกจัดไว้สำหรับกลุ่ม บรรยากาศเป็นกันเองสบายๆ สนุกไปกับการทำอาหาร และการให้ความรู้ไปในตัวโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ พร้อมได้รู้ถึงวัตถุดิบ ประโยชน์ของเครื่องปรุง และเครื่องเทศต่างๆ ที่มีมากมายหลากหลายชนิด เมนูอาหารจะมีทั้งหมด 5 จาน ได้แก่อาหารเลือกน้ำย่อย 2 จาน และอาหารจานหลัก 3 จาน เมนูจะถูกปรับเปลี่ยนทุก 1 อาทิตย์  Culinary Arts Center เปิดให้บริการอาหารค่ำเวลา 19.00 น. ค่ะ 

  

Dive-In 

ตั้งอยู่ชั้น 9 บนเรือสำราญค่า อยู่ตรงบริเวณสระว่ายน้ำ เราจะเรียกว่าเป็นร้านอาหารริมสระ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา  11.30 น. ไปจนถึง 20.00 น. เมนูมีทั้ง เบอร์เกอร์ และ ฮอทดอกร้อนๆ เบคอนหอมตลบอบอวล มาพร้อมมันฝรั่งอบที่เข้ากันอย่างลงตัว หากใครเหนื่อยจากการเล่นน้ำก็มารับประทานอาหารกันต่อได้ที่นี่ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ตามใจฉันได้เลยค่า 

 

Explorations Cafe 

ร้านกาแฟที่มีบรรยากาศน่านั่ง ตั้งอยู่ภายในโซน Crow's Nest lounge แน่นอนว่าที่นี่เขามีกาแฟรสชาติเยี่ยมมาพร้อมกับคุ้กกี้ แซนวิช และขนมอบกรอบ วางไว้ให้ทานเล่นๆ กรุบกริบๆ สามารถมานั่งอ่านหนังสือ ดูข่าวสารออนไลน์ได้ที่นี่ค่า พิกัดตามมากันได้ที่ชั้น 12 บนเรือสำราญค่า 

 

New York Deli & Pizza 

สำหรับคนที่ชอบทานพิซซ่าต้องมากันที่โซนนี้เท่านั้น ตั้งอยู่บนชั้น 10 ค่ะ เปิดให้บริการอาหารเช้าเวลา 6:30 โมงเช้า - 10:30 โมงเช้า สำหรับมื้อกลางวันจนถึงมื้อค่ำเปิดให้บริการเวลา 11:30-20.30 น. หากใครหิวในรอบดึกก็มากันได้ที่ New York Pizza เปิดให้บริการตั้งแต่ 21.00 น.จนถึง ตี 1 กันเลยทีเดียวค่า เหมาะมากที่จะมากับแก๊งค์เพื่อนๆ สั่งพิซซ่าต้องถาดใหญ่และแบ่งปันกันทานได้หลายๆ คน อิอิ 

  

Grand Dutch Cafe 

อีกหนึ่งสถานที่สุดหรู แขกสามารถมานั่งดื่มเบียร์หรือกาแฟได้ที่นี่ ที่สำคัญที่นี่ยังให้บริการอาหารของชาวดัตซ์อีกด้วยค่า หากใครไม่เคยลองทานอาจจะรู้สึกรสชาติแปลกๆ เมนูอย่างเช่น ปลากระพงดอง เป็นต้น หากใครอยากรู้ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง แนะนำให้มาที่ Grand Dutch Cafe พิกัดตั้งอยู่ที่ชั้น 3 บนเรือสำราญ เปิดให้บริการตั้งแต่ 7:30 โมงเช้าไปจนถึง 22.00 น.

 

Gelato

หากใครชอบกินไอศกรีมเจลาโต้แนะนำให้มาที่ Gelato ตั้งอยู่บนชั้น 9 เปิดให้บริการในเวลาตั้งแต่ 11:30 น. ถึง 23:00 น. ค่า ราคาจะอยู่ที่ 2 เหรียญ เป็นโซนสุดโปรดของน้องๆ หนูๆ ที่เลิฟไอศกรีมนั่นเองจ้า

 

 

 

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ

 

Atrium 

Atrium ตั้งอยู่บนชั้น 3 ค่า โซนนี้เรียกว่า เอเทรี่ยม มีทั้งหมดสามชั้น การออกแบบสวยงาม กว้างขวาง ดูมีความทันสมัย มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ มีพื้นที่สำหรับการแสดงดนตรีสด และความบันเทิงต่างๆ อีกด้วยค่ะ 

 

Billboard Onboard

สถานที่ที่น่าหลงใหล เคลิ้มไปด้วยเสียงเปียโนคลอเคลีย เรียกโซนนี้ว่า Billboard Onboard เป็นเลานจ์ที่ทันสมัยและสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่รักในเสียงเปียโน เพลงที่เลือกบรรเลงจะมีตั้งแต่ในยุค 50 ไปจนถึงยุคปัจจุบัน เหมาะสำหรับมานั่งจิบไวน์เบาๆ และปล่อยใจให้ลอยไป อิอิ 

 

Explorer's Bar 

ตั้งอยู่บนชั้น 2 บนเรือสำราญ อยู่ด้านหลังเวที Lincoln Center Stage แขกสามารถสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ หรือค็อกเทลมาจิบ พร้อมเพลิดเพลินไปกับรายการแสดงต่างๆ บนเวที รับรองว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่จะทำให้แขกมีความสุขจนไม่อยากกลับไปที่ห้องพักกันเลยค่า

  

Blend 

บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 3 ค่ะ ห้องนี้จะมีไวน์ รสชาติเยี่ยมและมีไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐวอชิงตันค่า ใครเป็นนักดื่มไวน์ต้องห้ามพลาดมากันได้ที่ห้องนี้ นัดเพื่อนๆ มาเป็นแก๊งค์ ก็ได้นะคะ 

 

Casino 

สำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชคต้องห้ามพลาด มากันได้ที่คาสิโนแห่งนี้ค่า มีทั้ง แบล็คแจ็ค สล็อต และแครปส์  รับรองว่าอยู่บนเรือทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอนค่า พิกัดตั้งอยู่ชั้น 3 บนเรือสำราญค่า

  

Digital Workshop 

เวิร์คช้อปแห่งนี้ เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่อยู่บนเรือทุกท่านที่รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่นี่จะมีการเรียนการสอน ทั้งในเรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ เป็นประโยชน์อย่างมากค่ะ ในการก้าวทันเทคโนโลยีในปัจจุบัน 

 

Lincoln Center Stage

หากใครที่รักในเสียงดนตรีสุดคลาสสิคอย่างเสียงไวโอลินเพราะๆ แนะนำให้มาดูโชว์การแสดงดนตรีสดได้ที่ Lincoln Center Stage อิอิ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม ทำให้วันทั้งวันที่ล่องเรือเป็นวันที่สดใส เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อย่างที่บอกว่าเสียงดนตรีบำบัดคน เห็นจะจริงก็คราวนี้แหละค่า ล่องเรือสำราญมีหลายอย่างที่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ Lincoln Center Stage ก็เป็นหนึ่งกิจกรรมระหว่างวันที่จะทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมไปเลยจ้า

 

 

Music Walk 

ตั้งอยู่บนชั้น 2 บนเรือสำราญ หากใครกำลังมองหาความบันเทิงแบบครบรส และเสียงเพลงเพราะๆ แนะนำให้มากันที่นี่ โชว์แบบจัดเต็ม มารวมพลรอแขกทุกท่านให้มาสนุกสนานกันในยามค่ำคืนค่า  

 

 

Lido Pool 

เป็นสระน้ำหลักที่ใครๆ ก็มาว่ายกันได้ที่นี่ค่า ภายในจะมีสระว่ายน้ำหลัก 1 แห่ง และอ่างน้ำวนอีก 3 แห่ง กลางคืนจะมีรายการภาพยนตร์สนุกๆ สารคดีชื่อดังต่างๆ ฉายผ่านจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ที่เราเห็นในรูปคือโซน Poolside Movie แขกสามารถเพลิดเพลินกับอาหารว่างฟรี หรือจะมานอนเล่นอาบแดดที่มีเก้าอี้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียงรายให้ได้เลือกเอนตัว ฟินไปอีกแบบนะคะ อยากจะวาร์ปแล้วหายตัวไปที่ Lido Pool ซะแล้วสิ นอกจากนี้ยังมี Sea View Pool  สระนี้เป็นสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นค่า บรรยากาศผ่อนคลาย เรียงรายไปด้วยเก้าอี้นอนอาบแดด บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัว ภายในมีสระใหญ่ 1 สระ และมีอ่างน้ำวนอีก 2 แห่ง ไว้แช่ตัวคลายร้อนระหว่างวัน ถือเป็นอีกหนึ่งโซนยอดนิยมสำหรับแขกผู้เข้าพักได้มาเล่นน้ำให้หายร้อนกันที่นี่ค่า

 

The Retreat 

ถือเป็นสถานที่ที่อยากมามากที่สุด พิกัดจะอยู่ที่ชั้น 12 บนเรือสำราญค่า สำหรับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว ที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายรายวันที่ต้องจ่ายเพิ่ม สามารถสั่งอาหารกลางวันและแชมเปญมาดื่มได้ พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หากใครที่ไม่ชอบความวุ่นวายและรักความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เลือกมาที่นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดค่ะ 

 

Club HAL 

คลับสำหรับเด็กๆ โดยส่วนใหญ่เด็กๆ มักจะมาล่องเรือกันในช่วงปิดเทอมพร้อมผู้ปกครอง เรือสำราญลำนี้จึงจัดโซน Club HAL เพื่อต้อนรับน้องๆ หนูๆ ได้มาสนุกและร่วมทำกิจกรรมในห้องนี้ โดยมีโปรแกรมสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 3 - 17 ปี เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึง 4 โมงเย็น ที่นี่ยังมีบริการอาหารกลางวันสำหรับน้องๆ หนูๆ แต่หากใครที่ต้องการพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่า สถานที่จะมีการแบ่งโซนอย่างชัดเจนสำหรับเด็กอายุ 3-6  ปี และ 7-12 ปี ตามแต่พัฒนาการการเรียนรู้ระหว่างวัย กิจกรรมประจำวันสำหรับเด็ก ได้แก่ เกม "Funky Freeze Dance" และ Candyland "Ships Ahoy Pirate Treasure Hunt" รวมถึง "Tweens at Club HAL สนุกกับการแข่งขัน Nukeball และ Xbox เช่นเดียวกับงานศิลปะและงานฝีมือมากมาย เช่น การวาดภาพ ระบายสี ตามจิตนาการที่สร้างได้ของเด็กๆ ค่า

 

 

B.B. King's Blues Club 

สำหรับผู้ที่รักในเสียงเพลง บีบีคิงส์บลูส์คลับจะจัดคอนเสิร์ตบนเวทีเล็กๆ แต่คุณภาพของโชว์คับจอมาก ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์บนเรือสำราญที่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสารมากที่สุด มาสนุกกันได้ในช่วงเย็นใครมาแล้วต้องทั้งร้องและเต้น เอาให้มันส์สุดเหวี่ยงกันไปเลย 

 

World Stage

โรงละครขนาดใหญ่บนเรือสำราญ เรียกว่า World Stage แขกจะได้พบกับความบันเทิง โชว์การแสดงต่างๆ ทั้งร้องเล่น เต้นรำกันแบบจุใจและเต็มอิ่ม ณ โรงละครแห่งนี้ ตั้งอยู่ชั้น 1 และ 2 บนเรือสำราญภายในกว้างขวาง ไม่ว่าจะนั่งโซนไหนก็สามารถเห็นการแสดงบนเวทีได้อย่างชัดเจน บนเวทียังติดตั้งจอ LED ความละเอียดสูงถึง 270 กันเลยทีเดียว ที่นี่จะเปิดให้บริการทุกวันค่า สามารถติดตามโปรแกรมการแสดงได้ในแต่ละวัน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถรับความบันเทิงได้พร้อมกันทั้งครอบครัวค่า

 

Crow's Nest 

ตั้งอยู่บนชั้น 12 เป็นจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยที่สุดก็ว่าได้ค่า มุมผ่อนคลาย มานั่งพักผ่อน หยิบหนังสือสักเล่มมาอ่านหรือจะนัดพบปะเพื่อนใหม่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นที่สุดค่า ภายในโล่ง ปลอดโปร่ง มีเก้าอี้ตัวใหญ่ให้นั่งสบายๆ ชิลๆ ได้ตลอดทั้งวัน

 

  

Notes

เอาใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มวิสกี้เป็นที่สุด สถานที่นี้เรียกว่า "Notes" ภายในมีวิสกี้หลากหลายถึง 129 ชนิด คอวิสกี้ต้องห้ามพลาด ที่นี่ยังมีวิสกี้ที่หายากและมีราคาแพง บางขวดราคาสูงถึง 6,000 เหรียญ เลยก็ว่าได้ อิอิ

 

Ocean Bar 

พิกัดมากันได้ที่ชั้น 2 บนเรือสำราญค่า เป็นบาร์ที่เงียบสงบ สามารถมาหาเครื่องดื่มเย็นๆ จิบได้ หลังจากเสร็จสิ้นจากการรับประทานอาหารค่ำ อีกหนึ่งสถานที่แห่งการพักผ่อน เติมเต็มให้อีกหนึ่งวันเป็นวันที่พิเศษสุดในตลอดทริปการล่องเรือสำราญ

 

Neptune Lounge 

เลานจ์สุดหรูบนเรือสำราญลำนี้ เป็นสถานที่โล่งและปลอดโปร่ง เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน พร้อมได้รับการบริการจากพนักงานที่เป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ภายในมีจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ไว้รับชมข่าวสาร เพลิดเพลินกับอินเตอร์เน็ตไร้สาย สบายไปกับเก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่ ที่นี่ยังมีอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัลและกาแฟในยามเช้า เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11.00 น. ไปจนถึง 2 ทุ่มค่า ว่าแล้วก็อยากจะหยิบหนังสือมาอ่านสักเล่ม พร้อมสั่งคาปูชิโน่ร้อนๆ มาดื่ม ฟินเฟ่อรรร์

 

Sea View Bar 

ตั้งอยู่บนชั้น 9 ค่า เพลิดเพลินไปกับการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ และชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ สถานที่แห่งนี้หากนั่งอยู่บริเวณด้านนอกจะสามารถสูบบุหรี่ได้นะคะ 

 

 

Panorama Bar 

ตั้งอยู่บนชั้น 10 บนเรือสำราญ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีบรรยากาศในการชมวิมทิวทัศน์ที่สวยงาม พร้อมสั่งเครื่องดื่มอย่าง เบียร์ ไวน์ แชมเปญ ค็อกเทลหลากหลายประเภท บรรยากาศในช่วงค่ำๆ จะมีนักดนตรีมาเล่นเพลงเพราะๆ ให้เราได้ฟังกัน ที่นี่เปิดให้บริการจนถึงเวลา ตี 1 ค่า โซนนี้ยังสามารถมองเห็นวิว Lido Deck จุดที่สามารถชมภาพยนตร์ตรงลานกลางแจ้งนั่นเองค่า

 

Beauty Salon

สำหรับใครที่ต้องการดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก็มากันได้ที่ Beauty Salon บริการตัดผม แต่งหน้า ทำเล็บ ครบครันเป็นที่สุด ก้าวเท้าออกจากห้องนี้ไปอาจจะสวยเลิศจนเพื่อนๆ ต้องตกตะลึง อิอิ พิกัดมากันได้ที่ ชั้น 9 ค่ะ และสำหรับผู้ที่รักการทำสปาเป็นชีวิตจิตใจแนะนำให้มากันได้ที่ The Greenhouse Spa ตั้งอยู่ตรงชั้น 9 บนเรือสำราญใกล้กับโซนฟิตเนสคลับ บริการมีทั้ง ทรีตเม้นท์ พอกตัวด้วยสมุนไพร นวดตัวด้วยหินร้อนจากธรรมชาติ ซาวน่า รวมไปถึงบริการ Spa Hydro Pool ที่จะทำให้ตัวเบาสบาย ในบริการสปาที่กล่าวมาทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ราคาจะอิงตามรายการที่ผู้โดยสารเลือกค่า 

 

Sports Courts 

สนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือจะเพลิดเพลินกันในแบบแพ็คทีมมาเป็นครอบครัว มากันได้ที่ชั้นดาดฟ้าโซน Sports Courts มีกีฬาหลายชนิดให้เลือกเล่นเป็นทีมเวิร์ค ทั้ง ปิงปอง บาสเก็ตบอล เป็นต้น อิอิ แดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น เรื่องเกมส์การแข่งขันถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องท้ากันซักหน่อยว่าทีมไหนจะชนะ ระหว่างทีมคุณพ่อ ทีมคุณแม่ หรือจะเป็นทีมคุณเพื่อน พร้อมแล้วไปเล่นกันเล๊ยยยย พิกัดตั้งอยู่ชั้น 11 บนเรือสำราญจ้า

  

Fitness Center 

ผู้ที่รักการออกกำลังกายต้องห้ามพลาด ภายในมีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน ทั้งลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยานไฟฟ้า และอื่นๆ หากใครที่หลงรักการเล่นโยคะ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้เทรนเนอร์ จะมีค่าธรรมเนียมที่ 12 เหรียญขึ้นไปค่ะ ฟิตเนสเซ็นเตอร์แห่งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 3 ทุ่มค่า พิกัดมากันได้ที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ 

 

 

Art Gallery

หากใครที่เป็นนักสะสมภาพวาด ผลงานด้านศิลปะ และกำลังมองหาภาพผลงานศิลปะที่โดนใจเอากลับไปไว้ที่บ้าน แนะนำให้มาได้ที่ Art Gallery ที่นี่มีผลงานชิ้นเอกของศิลปินชื่อดังมากมายค่า รับรองว่าจะเจอภาพที่ใช่แล้วต้องได้ควักกระเป๋าตังค์เป็นแน่ๆ ค่า อิอิ 

 

Shops 

สถานที่ช็อปปิ้งบนเรือสำราญ ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนให้เหนื่อยค่ะ มากันได้ที่ช้ัน 3 และชั้น 4 ภายในมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายมากมายให้เลือก มีทั้ง นาฬิกา น้ำหอม เสื้อผ้า แว่นตา เครื่องประดับ รวมไปถึงเครื่องดื่มพวกแอลกอฮอล์ ของที่ระลึกต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมายค่า

 

Ship Service 

ศูนย์บริการลูกค้าบนเรือสำราญลำนี้จะอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ หากใครต้องการความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่บนเรือ สามารถสอบถามได้ที่ Guest Services ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ท่านจะได้รับบริการจากเจ้าหน้าที่ที่มีความเชียวชาญและใส่ใจในความต้องการของผู้โดยสารเป็นอันดับสำคัญค่า 

 

Beth: 2018-10-18