ภาพรวมเรือสำราญ Nieuw Amsterdam 

 

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเรือสำราญที่มีชื่อเสียงของสายเรือ Holland America Line นั่นก็คือ Nieuw Amsterdam เป็นเรือสำราญสุดคลาสสิค ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เจ้าเรือสำราญลำนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2010 และมีการปรับปรุงล่าสุดในปี 2013 สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 2,104 คน เรือลำนี้มีเส้นทางล่องเรือที่น่าสนใจ จะเลือกล่องในแถบ อเมริกา แคนาดา อลาสก้า เป็นต้นค่ะ ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Fort Lauderdale, San Diego และ Vancouver เป็นหลัก บรรยากาศภายในเรือลำนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งคาสิโน ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง สปา พื้นที่สาธารณะอย่าง สระว่ายน้ำ บาร์ เลานจ์ และโชว์ ดนตรีบรรเลงบทเพลงเป็นจังหว่ะ สลับกับเสียงเพลงเพราะๆ จากนักร้องที่ B.B. King's Blues Club รับรองว่าสนุกสนานจนไม่อยากกลับบ้านแน่นอน อิอิ 

 

 

เส้นทางล่องเรือสำราญ Nieuw Amsterdam 

- เรือสำราญ Nieuw Amsterdam จะล่องในแถบ อเมริกา แคนาดา อลาสก้า เป็นต้น

- ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป 

- เรือสำราญ Nieuw Amsterdam ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Fort Lauderdale, San Diego และ Vancouver  เป็นต้น

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ

 

 

ไฮไลท์

 

เรือสำราญ  Nieuw Amsterdam เป็นเรือสำราญขนาดกลาง ภายในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มีห้องพักกว้างขวาง หลากหลายประเภทให้เลือก และยังมีร้านอาหารพิเศษให้เลือกมากมาย อาทิเช่น Pinnacle Grill เมนูสเต็กสุดอร่อย รวมไปถึง Canaletto ห้องอาหารพิเศษ สไตล์อิตาเลี่ยน สุดละมุนลิ้น เรือลำนี้ยังมีไฮไลท์ตรงที่เส้นทางการล่องเรือค่ะ  ส่วนใหญ่จะล่องในแถบ อเมริกา แคนาดา อลาสก้า เน้นออกจากท่าเรือหลักอย่าง Fort Lauderdale, San Diego และ Vancouver นั่นเองค่ะ ว่าแล้วลองไปชมคลิปวิดีโอในเส้นทางอลาสก้ากันก่อนเล๊ยยยย

 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

 

ข้อมูลตัวเลข

 

 

ไลฟสไตล์บนเรือ

เรือสำราญ Nieuw Amsterdam ดูงดูดกลุ่มผู้โดยสารที่มาจากประเทศ อเมริกา และแคนาดา โดยผู้โดยสารจะมากันเป็นคู่รัก ไปจนถึงวัยเกษียรอายุ กิจกรรมและความบันเทิงต่างๆ จะจัดขึ้นเพื่อเอาใจกลุ่มคนผู้มีอายุมากกว่า เป็นหลัก และอีกหนึ่งกลุ่มที่พบได้ไม่มากบนเรือลำนี้ ก็จะเป็นกลุ่มครอบครัว ที่มีเด็กๆ ติดตามมาในทริปการเดินทางด้วย ฉะนั้นกลุ่มผู้โดยสารเด็กจะพบได้น้อยมากบนเรือลำนี้ค่ะ

 

ห้องพักบนเรือสำราญ

ห้องพักบนเรือสำราญ Nieuw Amsterdam สำหรับห้องมาตรฐานเริ่มต้น

  • ห้องไม่มีหน้าต่าง Interior มีขนาดตั้งแต่ 13 ตางรางเมตร - 26 ตารางเมตร
  • ห้องมีหน้าต่าง Oceanview มีขนาดตั้งแต่ 15 ตารางเมตร - 24 ตารางเมตร
  • ห้องมีระเบียง Balcony มีขนาดตั้งแต่ 19 ตารางเมตร - 35 ตารางเมตร
  • ห้องพักแบบ Signature Suites มีขนาดตั้งแต่ 25 ตารางเมตร - 42 ตารางเมตร (รวมระเบียง)
  • ห้องพักแบบ Neptune Suites มีขนาดตั้งแต่ 43 ตารางเมตร - 79 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 
  • ห้องพักแบบ Pinnacle Suites มีขนาดประมาณ 119 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 

 

รูปแบบห้องพัก

 

Interior 

 

Ocean View

 

Verandah

 

Signature Suite

 

Neptune Suite

 

Pinnacle Suite

 

 

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ

 

Explorer's Lounge เลานจ์แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 2 บนเรือสำราญ บรรยากาศสบายๆ เหมาะแก่การมาพบปะพูดคุยกับเพื่อนฝูง ภายในห้องมีจิตรกรรมภาพฝาผนังที่สวยงาม และน่าทึ่งจากนครนิวยอร์ก  มีเพลงคลาสสิคเพราะๆ ฟังคลอเคลีย อิอิ 

 

Dive-In ตั้งอยู่ชั้น 9 บนเรือสำราญค่า อยู่ตรงบริเวณสระว่ายน้ำ เราจะเรียกว่าเป็นร้านอาหารริมสระ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา  11.30 น. ไปจนถึง 17.30 น. เมนูมีทั้ง เบอร์เกอร์ และ ฮอทดอกร้อนๆ เบคอนหอมตลบอบอวล มาพร้อมมันฝรั่งอบที่เข้ากันอย่างลงตัว หากใครเหนื่อยจากการเล่นน้ำ ก็มารับประทานอาหารกันต่อได้ที่นี่ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ตามใจฉันได้เลยค่า 

 

Explorations Cafe ร้านกาแฟที่มีบรรยากาศน่านั่ง นำเสนอโดยหนังสือพิมพ์ The New York Times แน่นอนว่าที่นี่เขามีกาแฟรสชาติเยี่ยม มาพร้อมกับคุ๊กกี้ และขนมอบกรอบ วางไว้ให้ทานเล่นๆ กรุบกริบๆ ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 11 บนเรือสำราญค่า 

 

Gallery Bar บาร์ที่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสาร สถานที่สุดหรู และผ่อนคลายแห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 2 บนเรือสำราญ  มีรายการเครื่องดื่มให้เลือกสั่งมากมาย บรรยากาศโล่ง ปลอดโปร่ง สบายๆ หรือใครชอบความเงียบสงบก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือ ทำให้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง มาชิวๆที่ Gallery Bar เป็นเวลาที่คุ้มค่าที่ซู๊ดดดดดดดดด

  

Lido Bar บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 9 อยู่ตรงบริเวณสระว่ายน้ำค่ะ ผู้โดยสารสามารถนั่งที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบ หรือจะนอนเล่นริมสระแล้วให้บริกรมาเสิร์ฟค็อกเทลเย็นๆ ถึงที่ก็ทำได้ สบายใจเฉิบ อิอิ 

 

Neptune Lounge เลานจ์สุดหรูบนเรือสำราญลำนี้ เป็นสถานที่ๆ โล่งปลอดโปร่ง เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน พร้อมได้รับการบริการจากพนักงานที่เป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ภายในมีจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ไว้รับชมข่าวสาร เพลิดเพลินกับอินเตอร์เน็ตไร้สาย สบายไปกับเก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่ ที่นี่ยังมีอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัล และกาแฟในยามเช้า เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11.00 น. ไปจนถึง 2 ทุ่มค่า ว่าแล้วก็อยากจะหยิบหนังสือมาอ่านสักเล่ม พร้อมสั่งคาปูชิโน่ร้อนๆ มาดื่ม ฟินเฟอร์ๆๆ

 

Ocean Bar บาร์สุดหรู พิกัดมากันได้ที่ชั้น 3 บาร์แห่งนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับ Pinnacle Grill เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพบปะเพื่อนฝูง พร้อมสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลมาจิบ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ พร้อมฟังเสียงเปียโน คลอเคลียที่จะมีการเล่นในทุกๆ ช่วงเย็น ในตลอดทริปการล่องเรือสำราญค่า 

 

New York Pizza  สำหรับคนที่ชอบทานพิซซ่าต้องมากันที่โซนนี้เท่านั้น ตั้งอยู่บนชั้น 9 ค่ะ เปิดให้บริการตั้งแต่ 11:30 โมงเช้า ไปจนถึง 23.30 น. หากใครหิวในตอนดึกก็มากันได้ที่ New York Pizza ใกล้ๆกับบริเวณสระว่ายน้ำ เหมาะมากที่จะมากับแก้งค์เพื่อนๆ สั่งพิซซ่าต้องถาดใหญ่และแบ่งปันกันทานได้หลายๆ คน อิอิ 

 

Pinnacle Bar สำหรับใครที่เป็นคอไวน์ต้องห้ามพลาด ในแต่ละวันจะมีไวน์สุดพิเศษมาคอยเสิร์ฟ พร้อมจับคู่กับอาหารรสเลิศเข้ากันเป็นที่สุด เป็นสถานที่ที่มาแล้วจะมีเรื่องเล่ามากมาย เหมาะสำหรับมาเป็นคู่รัก สวีทหวาน หรือมาเพื่อพบปะเพื่อนใหม่ก็เป็นไปได้ อิอิ ในการเลือกเทสไวน์รสชาติดี อาจจะมีค่าธรรมเนียมที่ 5 เหรียญ นะคะ ลืมแจ้งพิกัดว่าอยู่ชั้น 2 บนเรือสำราญนะคะ

 

Sea View Bar พิกัดมากันได้เลยที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ บาร์แห่งนี้จะอยู่ส่วนท้ายเรือ เพียงแค่ผู้โดยสารหาที่นั่งดีดี ไม่ว่าจะเลือกที่ร่ม หรือกลางแจ้ง จะมีพนักงานรออยู่แล้วเพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ให้จิบได้ทั้งวัน อิอิ แค่คิดก็ฟินเฟอร์ อยากจะว๊าบไปที่ Sea View Bar แล้วสิ

 

Tamarind Bar มากันได้ที่ชั้น 11 บนเรือสำราญ บาร์แห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเอเชีย และอยู่ติดกับร้านอาหาร Tamarind  คุณจะรู้สึกถึงความพิเศษทุกครั้งเมื่อได้มาที่บาร์แห่งนี้ นั่งชิวๆ สั่งมาร์ตินี่ หรือค็อกเทลเย็นๆ พบปะพูดคุย สนุกเฮฮากับเพื่อนฝูง ถือเป็นอีกหนึ่งโซนที่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้โดยสารไม่น้อยค่า

 

สำหรับผู้ที่รักการทำอาหาร สามารถมาเรียนรู้ได้ที่ America's Test Kitchen ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2  บนเรือสำราญ มาเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารง่ายๆ และเรียนรู้วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารที่หลากหลาย จดสูตรของเคล็ดลับความอร่อย และไปหัดทำกันที่บ้าน ให้คนที่รักได้รับประทาน อิอิ รับรองต้องอึ้ง และทึ่งในรสชาติฝีมือที่เปลี่ยนไป จนต้องยกนิ้วโป้งให้อย่างแน่นอน 

 

B.B. King's Blues Club สำหรับผู้ที่รักในเสียงเพลง บีบีคิงบลูคลับจะจัดคอนเสิร์ตบนเวทีเล็กๆ แต่คุณภาพของโชว์คับจอมาก ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์บนเรือสำราญที่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสารมากที่สุด มาสนุกกันได้ในช่วงเย็นใครมาแล้วต้องทั้งร้อง และเต้น เอาให้มันส์สุดเหวี่ยงกันไปเลย 

 

สถานที่ที่น่าหลังไหล เคลิ้มไปด้วยเสียงเปียโนคลอเคลีย เรียกโซนนี้ว่า Billboard Onboard เป็นเลานจ์ที่ทันสมัย และสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่รักในเสียงเปียโน เพลงที่เลือกบรรเลงจะมีตั้งแต่ในยุค 50 ไปจนถึงยุคปัจจุบัน เหมาะสำหรับมานั่งจิบไวน์เบาๆ และปล่อยใจให้ลอยไป อิอิ 

 

สนุกสนานไปกับเกมส์ยอดฮิตบนเรือ นั่นก็คือ Bingo เกมส์ที่เล่นกี่รอบๆ ก็ไม่เคยเบื่อ อิอิ จับตาตัวเลขกันให้ดีดีนะคะ หากใครเรียงแถวได้ก่อนกัน อาจจะมีรางวัลใหญ่จากทางสายเรือรออยู่ค่า

 

Casino สำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชคต้องห้ามพลาด มากันได้ที่คาสิโนแห่งนี้ค่า มีทั้ง แบล็คแจ็ค สล็อต และแครปส์  รับรองว่าอยู่บนเรือทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอนค่า 

 

 

Digital Workshop แห่งนี้เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่อยู่บนเรือทุกท่าน ที่รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่นี่จะมีการเรียนการสอน ทั้งในเรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ เป็นประโยชน์อย่างมากค่ะ ในการก้าวทันเทคโนโลยีในปัจจุบัน 

 

Library สำหรับหนอนหนังสือ ผู้ที่รักการอ่าน ห้องสมุดบนเรือแห่งนี้ เหมาะมากในการเลือกหามุมสงบส่วนตัว และหยิบหนังสือที่โดนใจสักเล่ม มานั่งอ่าน รับรองว่าอยู่บนเรือได้ตลอดทั้งวัน จนไม่อยากไปไหนกันเลยทีเดียว ภายในมีทั้งนิตยสาร วรรณคดี ข่าวสารที่น่าสนใจ ให้เลือกอ่านกันมากมาย  เรือลำนี้ยังมีห้อง Lecture Room เป็นอีกหนึ่งห้องสำหรับการเรียนรู้ โปรแกรมการเรียนการสอนอาจะมีหัวข้อที่หลากหลาย หากใครที่สนใจเข้ามาใช้บริการในห้องนี้ สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่บนเรือสำราญ ได้เลยค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบพัฒนาทักษะตัวเอง และต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่รอบตัวตลอดเวลา บนเรือลำนี้จึงตอบโจทย์แก่ผู้โดยสารหลายๆ ท่าน นั่นเอง รวมถึงห้อง Conference Center ตั้งอยู่บนชั้น 3 บนเรือสำราญ ห้องนี้สามารถทำกิจกรรมทางศาสนา ห้องประชุม หรือจัดงานปาร์ตี้ได้ ตามแต่ช่วงเวลาพิเศษค่า ภายในกว้างขวาง โล่ง บรรยากาศไม่อึดอัดค่า

 

EXC Explorations Central ตั้งอยู่บนชั้น 11 บนเรือสำราญ สำหรับใครที่สนใจโปรแกรมทัวร์ชายฝั่ง สามารถมากันได้ที่นี่ ผู้โดยสารสามารถฟังบรรยายสดต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ และสามารถทำการจองทัวร์ชายฝั่งได้ สนุกไปกับแผนที่แบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่เราสามารถรู้พิกัดตัวเองว่าอยู่จุดในของโลก อิอิ มีอะไรหลายอย่างมากค่ะที่น่าสนใจในเลานจ์แห่งนี้ ต้องมาสัมผัสกันให้ได้นะคะ

  

Guest Services ศูนย์บริการลูกค้าบนเรือสำราญลำนี้จะอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ หากใครต้องการความช่วยเหลือ หรือคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่บนเรือ สามารถสอบถามได้ที่ Guest Services ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ท่านจะได้รับบริการจากเจ้าหน้าที่ที่มีความเชียวชาญ และใส่ใจในความต้องการของผู้โดยสารเป็นอันดับสำคัญค่า

Guest Services

 

Medical Center บนเรือแห่งนี้ยังมีศูนย์การแพทย์ไว้บริการในยามฉุกเฉิน มียาควบคุมโรค และอุปกรณ์การแพทย์ที่ครบครัน เห็นแบบนี้แล้วอุ่นใจ สบายหายห่วงนะคะ หากใครที่รู้สึกว่า ตัวเองป่วยและเหมือนจะไม่สบายก็สามารถแจ้งพนักงานบนเรือได้เลยค่า

 

Shop สถานที่ช้อปปิ้งบนเรือสำราญ ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนให้หน่อยค่ะ มากันได้ที่ช้ัน 3 ภายในมีร้านค้าแบรนด์ดัง หลากหลาย มากมายให้เลือก มีทั้งน้ำหอม เสื้อผ้า แว่นตา ของที่ระลึก มากมาย ช้อปกันให้กระจุยกระจาย กระเป๋าสะตุ้ง สตางค์หลุดลุ่ยไปตามๆ กัน อิอิ เลิศศศศศ

 

หากใครที่รักในเสียงดนตรีสุดคลาสสิค อย่างเสียงไวโอลีน เพราะๆ แนะนำให้มาดูโชว์การแสดงดนตรีสดได้ที่  Lincoln Center Stage อิอิ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม ทำให้วันทั้งวันที่ล่องเรือเป็นวันที่สดใส เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อย่างที่บอกว่าเสียงดนตรีบำบัดคน เห็นจะจริงก็คราวนี้แหล่ะค่า ล่องเรือสำราญ มีหลายอย่างที่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ Lincoln Center Stage ก็เป็นหนึ่งกิจกรรมระหว่างวันที่จะทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมไปเลยจ้า 

  

Muster Drill ก่อนเรือแล่นออกจากฝั่ง ทุกคนต้องมารวมตัวกันเพื่อทำการซ้อม หรืออบรมการใช้เสื้อชูชีพนั่นเองค่ะ กิจกรรมทุกอย่างบนเรือจะหยุดให้บริการโดยทันที พร้อมกับเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ ให้ทุกคนมาตามจุดนัดหมาย เพื่อทำการซ้อมฉุกเฉิน ทีนี้ก็ตั้งใจฟัง และปฎิบัติตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ อิอิ แปปเดียวก็เสร็จแล้วค่า

 

Queen's Lounge ตั้งอยู่บนชั้น 2 บนเรือสำราญ เป็นเลานจ์ขนาดใหญ่ ที่มีการจัดกิจกรรมตลอด ทั้งคลอสการเรียนทำอาหาร โชว์และกิจกรรมต่างๆ เหมาะเป็นอย่างมากที่จะมารวมตัว และทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกันที่เลานจ์แห่งนี้ 

  

Lido Pool เป็นสระว่ายน้ำหลัก แขกสามารถมากระโดดน้ำคลายร้อนกันได้ที่นี่ ภายในมีทั้งสระน้ำอุ่นไว้สำหรับแช่ตัว เก้าอี้อาบแดดริมสระ ถือเป็นวันผักผ่อนที่แสนอิสระ และผ่อนคลายเป็นที่สุด อิอิ อยากจะว๊าบหายตัวไปดำผลุดดำโผล่ที่นี่แล้วสิคะ 

 

 

Sea View Pool  เป็นสระที่อยู่ด้านท้ายลำเรือ สระ สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ภายในจะมีอ่างน้ำร้อนสองอ่างเอาไว้แช่ตัว บรรยากาศที่นี่จะเงียบสงบมากกว่า Lindo Pool เหมาะสำหรับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว และไม่ชอบความวุ่นวายค่ะ หลบมาคลายร้อนกันได้ที่ท้ายเรือ พร้อมบรรยากาศที่สวยงามของวิวทะเลที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว อิอิ 

 

Panorama Deck เก้าอี้อาบแดดเรียงรายเป็นทาง บรรยากาศ และกลิ่นอายของทะเลที่หอมหวล และวิวทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา  ถือเป็นจุดที่เหมาะสำหรับผู้โดยสารบางท่าน ที่ต้องการหามุมสงบ เพื่อมานั่งพัก และหยิบหนังสือสักเล่มมาอ่าน หรือจะมาพักสายตา แล้วฟังเสียงคลื่น และลม ก็สบายใจไม่น้อยค่ะ หากใครต้องการความเป็นส่วยตัวมากๆ แนะนำให้มาที่ Panorama Deck ได้เลย หรือจะขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้ที่ Observation Deck บนชั้นดาดฟ้าก็ทำได้เช่นกันค่า 

 

The Retreat ถือเป็นสถานที่ที่อยากมามากที่สุด พิกัดจะอยู่ที่ชั้น 11 บนเรือสำราญค่า สำหรับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว ที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายรายวันที่ต้องจ่ายเพิ่ม สามารถสั่งอาหารกลางวัน และแชมเปญมาดื่มได้ พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หากใครที่ไม่ชอบความวุ่นวาย และรักความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เลือกมาที่นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดค่ะ 

 

 

สำหรับใครที่ต้องการดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก็มากันได้ที่ Beauty Salon บริการตัดผม แต่งหน้า ทำเล็บ ครบครันเป็นที่สุด ก้าวเท้าออกจากห้องนี้ไป อาจจะสวยเลิศ จนเพื่อนๆ ต้องตกตะลึง อิอิ พิกัดมากันได้ที่ ชั้น 9 บนเรือสำราญค่า

 

สำหรับผู้ที่รักการทำสปาเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้มากันได้ที่ The Greenhouse Spa ตั้งอยู่ตรงชั้น 9 บนเรือสำราญใกล้กับโซนฟิตเนสคลับ บริการมีทั้ง ทรีทเม้นท์ พอกตัวด้วยสมุนไพร นวดตัวด้วยหินร้อนจากธรรมชาติ ซาวน่า รวมไปถึงบริการ Spa Hydro Pool ที่จะทำให้ตัวเบา สบายๆ ในบริการสปาที่กล่าวมาทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ราคาจะตามรายการที่ผู้โดยสารเบือกค่า 

 

Fitness Center ผู้ที่รักการออกกำลังกายต้องห้ามพลาด ภายในมีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน ทั้งลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยานไฟฟ้า อื่นๆ หากใครที่หลงรักการเล่นโยคะ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้เทรนเนอร์ จะมีค่าธรรมเนียมที่ 12 เหรียญขึ้นไปค่ะ ฟิตเนสเซ็นเตอร์แห่งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 3 ทุ่มค่า พิกัดมากันได้ที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ 

 

สนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือจะเพลิดเพลินกันในแบบแพ็คทีมมาเป็นครอบครัว แนะนำให้ขึ้นมาที่ชั้น 11 ชั้นนี้จะมี Sports Courts มีกีฬาหลายชนิดให้เลือกเล่นเป็นทีมเวิร์ค ทั้ง ปิงปอง บาสเกตบอล และวอลเล่ย์บอล เป็นต้น อิอิ แดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น เรื่องเกมส์การแข่งขันถือเป็นเรื่องใหญ่ อิอิ ต้องท้ากันสะหน่อยว่าทีมไหนจะชนะ ระหว่าง ทีมคุณพ่อ ทีมคุณแม่ หรือจะเป็นทีมคุณเพื่อน พร้อมแล้วไปเล่นกันเล๊ยยยย

 

Club HAL คลับสำหรับเด็กๆ โดยส่วนใหญ่ผู้โดยสารเด็กมักจะมาล่องเรือกันในช่วงปิดเทอมพร้อมผู้ปกครอง เรือสำราญลำนี้จึงจัดโซน Club HAL เพื่อต้อนรับน้องๆ นู๋ๆ ได้มาสนุก และร่วมทำกิจกรรมในห้องนี้ โดยมีโปรแกรมสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 3 - 17 ปี เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึง 4 โมงเย็น ที่นี่ยังมีบริการอาหารกลางวันสำหรับน้องๆ นู๋ๆ แต่หากใครที่ต้องการพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด จะมีค่าธรรมเนียมที่ 5 เหรียญต่อชั่วโมงค่า โซนสำหรับเด็กคั้งอยู่ชั้น 10 บนเรือสำราญ สถานที่จะมีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน สำหรับเด็กอายุ 3-6  ปี และ 7-12 ปี ตามแต่พัฒนาการการเรียนรู้ระหว่างวัย กิจกรรมประจำวันสำหรับเด็ก ได้แก่ เกม "Funky Freeze Dance" และ Candyland "Ships Ahoy Pirate Treasure Hunt" รวมถึง  "Tweens at Club HAL สนุกกับการแข่งขัน Nukeball และ Xbox เช่นเดียวกับงานศิลปะและงานฝีมือมากมายเช่นการวาดภาพ ระบายสี ตามจิตนาการที่สร้างได้ของเด็กๆ ค่า

 

 

The Loft เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 13-17 ปี เป็นคลับสำหรับวัยรุ่น สามารถเข้ามาใช้บริการได้เลยโดยไม่ต้องลงทะเบียน พิกัดมากันได้ที่ชั้น 10 บนเรือสำราญเช่นกันค่า ภายในมีทั้ง วิดีโอเกมส์ โซฟาไว้สำหรับนั่งล่นสบายๆ ดิสโก้ และคาราโอเกะ มันส์ ๆ เอาเป็นว่าไม่เบื่อกันอย่างแน่นอน

 

  

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ

 

Manhattan Dining Room เป็นห้องอาหารหลัก ที่เปิดให้บริการ ตั้งแต่ อาหารเช้า กลางวัน พร้อมชายามบ่าย และมื้อค่ำ มีเมนูอาหารให้เลือกทานมากมาย เปิดบริการตลอดทั้งวัน ตามรอบเวลามื้ออาหารค่า ภายในโอ่อ่า กว้างขวาง สวยงาม ทำให้ได้บรรยากาศการกินอาหารที่ลงตัวเป็นที่สุด 

 

ใครที่ชอบทานสเต็ก ต้องมาที่ชั้น 3 ตรงห้องอาหารพิเศษ ที่เรียกว่า "Pinnacle Grill" (สำหรับมื้อพิเศษในช่วงกลางวันจะเสียค่าธรรมเนียม 10 เหรียญต่อท่าน) หรือจะเลือกมาดินเนอร์ในมื้อค่ำ สุดโรแมนติก ก็สามารถสั่งไวน์มาดื่มคู่กับการทานอาหารรสเลิศก็ดีไม่น้อยค่า  เมนูมีทั้ง สเต็กเนื้ออย่างดี กุ้งล็อบสเตอร์ ซีซ่าสลัด ของหวานตบท้ายอีกมากมาย นอกจากนี้ ในหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ห้องอาหารนี้จะถูกแทนที่ด้วยร้านเมนูอาหารจาก Rudi's Sel de Mer เป็นร้านอาหารฝรั่งเศษที่เน้นเมนูซีฟู๊ดเป็นหลัก ค่าธรรมเนียมต่อท่านจะอยู่ที่ 49 เหรียญนั่นเองค่า  อ้อ! เกือบลืมไปเลย หากใครที่มองหา Afternoon Tea ก็มากันได้ที่นี่เปิดให้บริการฟรีในช่วงยามบ่ายตั้งแต่ 3 โมงเย็นไปจนถึง 4 โมงเย็น

 

ห้องอาหารพิเศษ Tamarind เน้นรสชาติอาหารสไตล์เอเชีย มีทั้ง อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และญี่ปุ่น เป็นห้องอาหารที่ได้รับควาสนใจเป็นอย่างมากค่ะ เพราะมีเมนูที่หลากหลายทั้ง สะเต๊ะ ซุปเรียกน้ำย่อย ชูชิ ซาชิมิ รวมถึง ไก่อบเครื่องเทศ ต้มยำกุ้ง เมนูก๋วยเตี๋ยว อื่นๆ อีกมากมาย ขอแนะนำให้มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 25 เหรียญต่อท่าน ตั้งอยู่ชั้น 11 บนเรือค่า 

 

Canaletto ห้องอาหารพิเศษ สไตล์อิตาเลี่ยน พิกัดมากันได้เลยที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ สำหรับห้องนี้จะมีค่าใช้จ่าย 15 เหรียญต่อท่าน จะเปิดให้บริการสำหรับอาหารมื้อค่ำ ทุกวันค่า เมนูอาหารที่นี่จะหลากหลายมากมีทั้ง ส่วนใหญ่จะมาเป็นจานเล็กๆ เมนูแนะนำ เช่น Antipasto, Zuppa di pesce, Canaletto salad และ Beef carpaccio ยังมีจานใหญ่อย่าง พาสต้า สปาเก็ตตี้ซีฟู๊ด เมนูกุ้งล็อบสเตอร์ เมนูไก่ตุ๋นอบเครื่องเทศสไตล์อิตาเลี่ยน รวมไปถึงเนื้อลูกวัว นุ่มๆ อิอิ พูดเสร็จท้องถึงกับร้องจ๊อกกันเลยแหล่ะค่า

 

Lido Restaurant ถือเป็นร้านอาหารที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปจนถึง 23.30 น. ผุ้โดยสารทุกท่านจะได้รับประทานอาหารนานาชาติ เป็นบุพเฟต์ครบทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน และมื้อเย็น มากันได้เลยค่ะ พิกัดตั้งอยู่บริเวณชั้น 9 บนเรือสำราญ

 

 

Beth: 2018-05-23