เรือ Odyssey of the Seas ของสายเรือ Royal Caribbean International จะมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2020 นี้ ถือว่าเป็นเรือสำราญที่ใหม่ที่สุดในโลกในปี 2020

 

Odyssey of the Seas เป็นเรือขนาดกลางในกลุ่มเดียวกับเรือ Quantum of the Seas ที่เป็นเรือ Generation ใหม่ล่าสุดของสายเรือ Royal Caribbean International ที่อัดแน่นไปด้วยความทันสมัย Hi-Tech รับรองได้ว่าคุณจะได้รับทั้งความสนุกสนานในวันพักผ่อนและไม่มีตกเทรน ด้วยระวางขับน้ำ 169,000 ตัน ตัวเรือมีความสูงทั้งหมด 16 ชั้น มีความยาวที่ 1,138 ฟุต สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 5,498 คน และจำนวนลูกเรือนานาชาติที่ให้บริการบนเรือทั้งหมด 1,550 คน ทำให้มีความคล่องตัวและเหมาะสำหรับเส้นทางเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกเป็นอย่างยิ่ง

 

แนะนำเรือสำราญ Odyssey of the Seas

 

และในฤดูร้อนปี 2021 Odyssey of the Seas จะมาให้บริการในเส้นทางทะเลกรีซ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก อาจจะถือว่าเป็นเรือที่ ‘ใหม่’ ที่สุดในโซนยุโรป

 

 

เส้นทางล่องเรือของเรือสำราญ Odyssey of the Seas ในปี 2021-2022

 

Odyssey of the Seas จะให้บริการในโซนอเมริกาและยุโรปเมดิเตอร์เรเนียนสลับกัน โดยหลังจากเปิดตัวในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2020 นี้แล้ว เรือจะประจำการในโซนอเมริกาจนถึงเดือนเมษายน ปี 2021 ก็จะย้ายมาให้บริกรในโซนยุโรป เริ่มต้นในฤดูร้อนเดือนพฤษถาคม จนย่างเข้าฤดูหนาวในเดือนตุลาคม 2021 จึงจะย้ายไปให้บริการในโซนอเมริกาจนถึงเดือนเมษายน 2022

 

 

  • มกราคม – เมษายน 2021 เปิดตัว และประจำการอยู่ในโซนอเมริกา ที่เมือง ฟอร์ต ลอเดอร์เดล (Fort Lauderdale) รัฐฟลอริดา ในรายการล่องทะเลคาริบเบียนและบาฮามาส
  • วันที่ 17-30 เมษายน 2021 เดินทางในรายการ 13 คืน จากเมือง ฟอร์ต ลอเดอร์เดล ไปที่เมืองชิวิตาเวคเกีย (โรม) ประเทศอิตาลี ในโซนยุโรป
  • พฤษภาคม - ตุลาคม 2021 ประจำการอยู่โซนยุโรป ที่เมืองชิวิตาเวคเกีย สำหรับฤดูกาลล่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
  • วันที่ 28 ตุลาคม - 11 พฤศจิกายน 2021 เดินทางในรายการ 14 คืน จากเมืองชิวิตาเวคเกีย กลับไปที่ ฟอร์ต ลอเดอร์เดล สหรัฐอเมริกา
  • ตุลาคม 2021 - เมษายน 2022 ประจำการอยู่โซนอเมริกา ที่เมือง ฟอร์ต ลอเดอร์เดล สำหรับรายการล่องทะเลคาริบเบียนและบาฮามาส

 

โซนอเมริกา แคริบเบียน - บาฮามาส

เส้นทางล่องทะเลคาริบเบียนของ Odyssey of the Seas จะเริ่มต้นเดินทางที่เมือง ฟอร์ต ลอเดอร์เดล (Fort Lauderdale) ที่รัฐฟลอริดา (อยู่ห่างจากเมืองไมอามีประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) นำเสนอรายการหลากหลาย โดยจะแยกโซนแคริบเบียนตะวันตก ตะวันออก และทางใต้ ส่วนเมืองท่าที่เรือเข้าจอดนั้น ในแต่ละโซนจะเหมือนกัน แต่อาจสลับวันในการเข้าจอดบ้างในแต่ละรอบเดินทาง

 

ตรวจสอบเส้นทางและวันที่ออกเดินทาง:

เส้นทางล่องเรือ Odyssey of the Seas 2021-2022: America, Caribbean, Bahamas

 

โซนยุโรป - เมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก และทะเลกรีซ

สำหรับท่านที่ชื่นชอบบรรยากาศฟ้าสีสวย น้ำทะเลใสปิ๊งของทะเลกรีซ (Greek Isles) และบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนนั้น Odyssey of the Seas นำเสนอเส้นทาง Eastern Mediterranean ที่สมบูรณ์และลงตัวที่สุด ด้วยเวลาล่องเรือที่ไม่นานจนเกินไป 7-12 คืน เก็บเมืองและเกาะที่สำคัญของโซนนี้ได้ครบถ้วน เช่นเกาะซานโตรินี่ เกาะมิโครนอส เกาะโรดส์ เมืองหลวงเอเธนส์ของกรีซ Ephesus เมืองโบราณก่อนอารยะธรรมของตุรกี ชมอ่าวอิสตันบูลยามค่ำที่แสนโรแมนติก และบางรายการเรือจะเข้าถึงประเทศอิสราเอล ที่ท่านสามารถเข้าชมเมืองศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม นาซาเร็ธ และเมืองหลวงเทล อาวีฟ

 

ตรวจสอบเส้นทางและวันที่ออกเดินทาง:

ส้นทางล่องเรือ Odyssey of the Seas 2021-2022: Europe: Eastern Mediterranean

 

 

การเตรียมตัวเดินทางล่องเรือสำราญ Odyssey of the Seas 

 

 

เนื่องจากรายการล่องทะเลแคริบเบียนในโซนอเมริกาของ Odyssey of the Seas นั้นมีหลากหลายและจะซ้ำกับเรือลำอื่นหลายรายการ เช่น รายการของ Symphony of the Seas และ Harmony of the Seas จึงขอแนะนำแต่พอสังเขป และจะเน้นไปที่รายการยุโรปในเส้นทางล่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก และทะเลกรีซ ซึ่งเดิมมีรายการเดินทางและสายเรือให้เลือกไม่มากนัก

 

การท่องเที่ยวทางเรือสำราญนั้น มีเอกสารสำคัญที่ท่านต้องจัดเตรียมให้เรียบร้อย และมีข้อมูลเบื้องต้นที่ท่านควรศึกษาก่อนเดินทางอยู่พอสมควร รายการที่สำคัญที่ทีมงาน 2morrow Explorer มองเห็นว่ามีความสำคัญและขอแนะนำเป็นข้อๆ 5 รายการ คือ

 

  1. ตรวจสอบเอกสารการเดินทางที่สำคัญ*
  2. รู้จักสนามบินและท่าเรือ*
  3. การเช็คอินขึ้นเรือ
  4. ก่อนจะลงจากเรือ
  5. วันสุดท้ายของการเดินทาง > ลงจากเรือ

 

และเนื่องจากในปีเรือ Odyssey of the Seas จะให้บริการทั้งในยุโรปและอเมริกา จึงขอแยกอธิบายข้อ 1 และข้อ 2 แบ่งออกเป็นของสองโซน ดังนี้ 

 

 

เส้นทางยุโรป ล่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เส้นทางยุโรปนั้น เรือ Odyssey of the Seas จะเดินทางออกจากท่าเรือเมืองชิวิตาเวคเกีย (Civitavecchia) ที่อยู่ใกล้กรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นหลัก

ส้นทางล่องเรือ Odyssey of the Seas 2021-2022: Europe / Eastern Mediterranean

 

1. ตรวจสอบเอกสารการเดินทางที่สำคัญ (ยุโรป)

เอกสารชุดที่ 1. เอกสารการเดินทางส่วนตัวที่ท่านต้องจัดเตรียม

  1. * หนังสือเดินทาง หรือ Passport: จะต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย
  2. * วีซ่า: สำหรับทริปล่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น ท่านจะต้องมีวีซ่าท่องเที่ยวกลุ่มประเทศเชงเก้นแบบเข้าออกหลายครั้ง (Multiple Schengen Visa) 
  3. * ตั๋วเครื่องบิน: ท่านควรจองตั๋วเครื่องบินที่เดินทางไปถึงท่าเรือเริ่มต้นก่อนวันที่เรือออกเดินทางสัก 1 วัน เพื่อป้องกันกรณีเครื่องบินล่าช้า ซึ่งหากท่านไปที่เช็คอินขึ้นเรือไม่ทันตามวันและเวลาที่เรือออกเดินทาง ทางเรือจะไม่รอผู้โดยสารที่ล่าช้า ท่านต้องเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือต่อไปที่เรือจอด และเสียค่าใช้จ่ายนั้นเอง

 

เอกสารชุดที่ 2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับทริปเรือที่ออกให้โดยสายเรือ โดยตัวแทนผู้รับจองทริปเรือจะเป็นผู้ส่งมอบให้ท่าน ได้แก่

  1. * ตั๋วเรือ: คือรายละเอียดการจองทริปเรือของท่าน ทางสายเรือจะส่งเป็นไฟล์ให้ประมาณ 30 วันก่อนการเดินทาง
  2. * เอกสาร Pre Check-In: เป็นการทำเช็คอินล่วงหน้าโดยใส่ข้อมูลลงในเว็บไซต์ของสายเรือเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเช็คอินขึ้นเรือที่เมืองท่าต้นทาง
  3. * ป้ายชื่อติดกระเป๋า หรือ Luggage Tag: สำหรับติดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่จะโหลดขึ้นเรือ

 

หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบว่ามีเอกสารส่วนตัวอื่นๆ ที่ต้องเตรียมอีกหรือไม่ เช่น ใบประกันการเดินทาง ใบจองโรงแรม ใบจองสถานที่เข้าชม บัตรเข้าสวนสนุก เป็นต้น 

 

 

2. รู้จักสนามบินและท่าเรือ (ยุโรป) : โรม


สนามบินนานาชาติโรม - ฟูมิชิโน (FCO)

ชื่อเต็มคือ Rome Leonardo da Vinci - Fiumicino Airport โค้ดย่อของสนามบินที่ใช้ในการจองตั๋วเครื่องบินคือ FCO หรือรู้จักกันในอีกชื่อคือสนามบินโรม ลีโอนาโด ดาวินชี่ ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามชื่อศิลปินและนักคิดคนสำคัญของโลกผู้คิดภาพร่างเครื่องจักรบินได้เป็นคนแรกของโลก

 

สนามบินตั้งอยู่เขตเมือง Fiumicino ห่างจากใจกลางกรุงโรมไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนั่นเอง 

 

อาคารผู้โดยสาร (Terminal) มีทั้งหมด 4 อาคาร อาคารที่ 1 และ 3 จะเป็นอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่มีทางเดินเชื่อมกัน รองรับสายการบินหลักๆ จากทั่วโลก อาคารที่ 2 เป็นอาคารขนาดเล็กให้บริการสายการบิน Low Cost บินต่อไปทั่วยุโรป และอาคารที่ 5 สำหรับเที่ยวบินที่มาจากอเมริกาและอิสราเอลเป็นหลัก

 

 

ข้อมูลสนามบิน Rome Leonado da Vinci – Fiumicino Airport

 

แนะนำสายการบินจากกรุงเทพฯ ไปกรุงโรม                    

  • ปัจจุบันยังไม่มีสายการบินใดที่บินตรง กรุงเทพฯ – โรม จะต้องต่อเครื่องอย่างน้อย 1 จุด

       สายการบินที่สะดวก ได้แก่

  1. สายการบินไทย บินตรงเข้าเมืองมิลาน (Milan Malpensa Airport: MXP) ท่านอาจต่อสายการบินภายในต่อมาที่โรม แต่หากเดินทางด้วยทางรถยนต์จากเมืองมิลานมาที่โรมจะใช้เวลาเวลาถึง 7 ชั่วโมง จากระยะทาง 570 กม.
  2. สายการบิน Lufthansa: แวะเปลี่ยนเครื่องทั้งไปและกลับที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ท หรือเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน
  3. สายการบิน Swiss Air: แวะเปลี่ยนเครื่องทั้งไปและกลับที่เมืองซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
  4. สายการบิน Emirates Airline: แวะเปลี่ยนเครื่องทั้งไปและกลับที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรสต์

  • กรณีจองเรือที่ออกเดินทางจากโรม ประเทศอิตาลีนั้น แนะนำท่านให้ไปถึงโรมก่อนวันที่เรือออกอย่างน้อย 1 วัน เพราะท่าเรือจะอยู่ที่เมืองชิวิตาเวคเกียที่ห่างจากโรมประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

 

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

การท่องเที่ยวทางเรือสำราญนั้น ท่านควรจองตั๋วเครื่องบินที่เดินทางไปถึงท่าเรือเริ่มต้นก่อนวันที่เรือออกเดินทางสัก 1 วัน เพื่อป้องกันกรณีเครื่องบินล่าช้า หรือถูกยกเลิก ซึ่งหากท่านไปที่เช็คอินขึ้นเรือไม่ทันตามวันและเวลาที่เรือออกเดินทาง ทางเรือจะไม่รอผู้โดยสารที่ล่าช้า ท่านต้องเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือต่อไปที่เรือจอด และเสียค่าใช้จ่ายนั้นเอง

 

ท่านสามารถเช็คราคาตั๋วเครื่องบินได้จากเว็บไซต์ทางการของสายการบิน หรือเปรียบเทียบราคาจากเว็บไซต์อื่นๆ ได้ เช่น Skayscanner

 

ที่อยู่สนามบินโรม 

Address: Via dell’Aeroporto di Fiumicino 320 – 00054 Fiumicino (RM), ITALY
Phone
: +390665951
First Aid: +39 0665953133/4

 

การเดินทางจากสนามบินโรมฟูมิชิโนเข้าตัวเมืองกรุงโรม

การใช้บริการรถแท็กซี่ระบบมิเตอร์นั้นไม่ขอแนะนำ เนื่องจากท่านอาจประสบปัญหาหยุมหยิมมากมาย เช่น จุดที่รถจอดรับส่ง และการส่งเข้าที่พัก เพราะที่พักหลายๆ ที่ที่กรุงโรมอาจอยู่บนถนนเส้นขนาดเล็กที่ปูพื้นแบบหินโบราณ (Cobblestones) รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้ และท่านอาจมีปัญหาเรื่องภาษาและการสื่อสาร การเดินทางที่สะดวกที่ขอแนะนำคือการใช้บริการรถรับส่ง (Private Transfer) และบริการรถไฟ

 

1. บริการรถรับส่งแบบ Private Transfer

บริการรถรับส่งแบบ Private Transfer นั้น ท่านจะทราบราคาและข้อมูลการรับส่งที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น

  • การเดินทางทางรถยนต์จากสนามบินไปตัวเมืองระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 45-70 Euro ต่อเที่ยว ตามขนาดรถและจำนวนคน และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น

    • บริการระหว่างเวลา 00.00 – 06.00 น. + 5 Euro
    • Baby Seat + 10 Euro
    • รับ-ส่ง ระหว่างทาง + 10 Euro
    • กรณีใช้บัตรเครดิตเมื่อจบบริการ + 10%

 

ท่านสามารถเช็คข้อมูลได้จากผู้ให้บริการที่สนามบินโดยทั่วไป หรือตัวอย่างจาก link ด้านล่าง

ข้อมูล Private Transfer to Rome

 

2. เดินทางเข้าโรมโดยบริการรถไฟ

การเดินทางที่สะดวกและประหยัดที่สุดคือใช้บริการรถไฟ ซึ่งขอแนะนำ Leonardo Express หรือรถไฟด่วนสายสนามบิน

  • ให้บริการระหว่างสนามบิน Fiumicino Airport และ Termini Train Station หรือสถานีรถไฟใหญ่ใจกลางเมืองโดยมีสถานีขนาดใหญ่ระหว่างทางที่จอดคือ สถานี Ostiense ซึ่งสามารถต่อรถไฟสายด่วน Civitaveccchia Express ไปท่าเรือที่เมืองชิวิตาเวคเกียได้
  • ให้บริการตั้งแต่เวลา 06:39 น. – 23.30 น. ทุกวัน
  • จะมีรถไฟออกทุกๆ 15 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 32 นาที
  • ค่าโดยสารคนละ 14 ยูโรต่อเที่ยว

 

ข้อมูลรถไฟ Leonardo-Express

 

  • รถบัส: รถบัสท้องถิ่นและรถบัสด่วนสายสนามบินก็มีบริการ (ไม่สามารถหาข้อมูลและค่าใช้จ่ายที่แน่นอน)

 

 

ท่าเรือชิวิตาเวคเกีย (Port of Civitavecchia)

 

ท่าเรือหลักสำหรับการท่องเที่ยวทางเรือของกรุงโรมนั้นตั้งอยู่ที่เมืองชิวิตาเวคเกีย (Civitavecchia) อยู่ห่างจากกรุงโรมมาทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียง 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางทางรถยนต์ประมาณ 1 ชั่วโมง และ 77 กิโลเมตร กับเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีจากสนามบิน Fiumicino

 

ในฐานะที่เป็นเมืองท่าหลักของกรุงโรม ท่าเรือชิวิตาเวคเกีย หรือ Port of Civitavecchia ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารเรือสำราญทั้งสิ้น 8 แห่ง โดยมีท่าจอดเรือ (Pier) ทั้งหมด 15 แห่ง ให้บริการเรือสำราญและเรือโดยสารข้ามฟาก (Ferry) กว่า 2,000 เที่ยวสำหรับผู้โดยสารเกือบ 2 ล้านคนต่อปี และถูกจัดอันดับให้เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน รองจากท่าเรือบาร์เซโลนาของประเทศสเปนเท่านั้น

 

 

ข้อมูลท่าเรือ Civitavecchia

 

ที่อยู่ท่าเรือชิวิตาเวคเกีย  

Civitavecchia Port (Rome), Italy Cruise Port

  • Molo Vespucci (+39) 0766.191.6106

Rome Office

  • Via dei Baglioni, 19 00164 Roma Rm (+39) 33.88.117.116

Civitavecchia Office

  • Piazza Vittorio Emanuele 19 00053 Civitavecchia, RM
  • (+39) 33.88.117.116

 

 

การเดินทางจากสนามบิน Fiumicino และจากตัวเมืองโรมไปท่าเรือชิวิตาเวคเกีย

เนื่องจากท่าเรือชิวิตาเวคเกียนั้นอยู่ห่างจากสนามบินฟูมิชิโนและใจกลางกรุงโรมพอสมควร รวมทั้งปัญหาทางด้านภาษา ทีมงานขอแนะนำวิธีที่สะดวกที่สุดสามแบบคือบริการรถรับส่งที่จัดโดยสายเรือ บริการรับส่งแบบ Private Transfer และโดยทางรถไฟ

 

1. บริการรถรับส่งที่จัดโดยสายเรือ Royal Caribbean International

บริการรถรับส่งที่จัดโดยสารเรือจะมีเฉพาะแบบ Join Coach และจะมีบริการเฉพาะวันที่เรือออกเดินทางและวันที่เรือจบการเดินทางเท่านั้น ค่าบริการคนละ US $71.95 ต่อเที่ยว มีบริการดังนี้

  1. รับ จากสนามบินไปท่าเรือ 
  2. รับ จากจุดนัดพบในตัวเมืองโรมไปท่าเรือ
  3. ส่ง จากท่าเรือไปสนามบิน
  4. ส่ง จากท่าเรือไปจุดส่งในกรุงโรม (สถานีรถไฟ Ostiense)

  • สายเรือจะไม่มีบริการรับที่สนามบินส่งที่โรงแรมในตัวเมือง
  • วันรับ: ต้องจองล่วงหน้าตอนที่ทำจองเรือ ไม่สามารถไปซื้อที่สนามบินได้
  • วันส่ง: บริการส่งสนามบินหรือเข้าเมืองวันสุดท้ายของการเดินทางสามารถไปซื้อบนเรือได้

 

2. บริการรถรับส่งแบบ Private Transfer

เหมาะสำหรับการเดินทางเป็นครอบครัวหลายท่าน มีสัมภาระมากชิ้น ถือว่าเป็นบริการที่คุ้มค่าที่สุด ลดปัญหาการหาสถานที่และการล่าช้า ประหยัดเวลาและพลังงานในการขนย้ายกระเป๋าเดินทาง ค่าใช้จ่ายอยู่ที่เริ่มต้น 119 – 171 ยูโรต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับขนาดของรถและจำนวนผู้โดยสาร

ข้อมูล Private Transfer จากสนามบินฟูมิชิโน ไปท่าเรือชิวิตาเวคเกีย FiumicinoShuttleExpres

ข้อมูล Private Transfer จากสนามบินฟูมิชิโน ไปท่าเรือชิวิตาเวคเกีย CivitavecchiaPort

 

3. ใช้บริการรถไฟสาย Civitavecchia Express

เหมาะกับผู้ที่มีสัมภาระไม่มากชิ้น มีความคล่องตัว มีเวลาในการหาข้อมูลตารางเวลารถไฟและเข้าใจวีธีการต่อรถไฟในยุโรปอยู่บ้าง Chivitavecchia Express ให้บริการเดินทางไป-กลับ ระหว่างกรุงโรมกับเมืองชิวิตาเวคเกีย ในราคาคนละเพียง 15 ยูโรต่อเที่ยว 

 

Civitavecchia Express จะมีสองเส้นทางคือ 

  1. เส้นสถานีรถไฟกลาง (Termini) เริ่มต้นที่สถานี Rome - Termini Central Station > ผ่านจอดสถานีต่างๆ จนถึงสถานี San Pietro > จากนั้นวิ่งยาวไปเมือง Civitavecchia
  2. เส้นสนามบิน (Ostiense) เริ่มต้นที่สถานี Rome - Ostiense > ผ่านจอดสถานีต่างๆ จนถึงสถานี San Pietro > จากนั้นวิ่งยาวไปเมือง Civitavecchia

  • จากจุดเริ่มต้นที่สถานี Termini หรือ Ostiense รถจะจอดรับส่งผู้โดยสารทุกสถานีทั่วไปในกรุงโรม และจะจอดรับส่งผู้โดยสารทั่วไปที่สถานี San Pietro เป็นสถานีสุดท้ายในเขตใจกลางเมือง ก่อนจะวิ่งตรงไปที่เมือง Civitavecchia  
  • หากท่านเดินทางจากสนามบิน Fiumicino โดยทางรถไฟ Leonardo Express ท่านสามารถมาต่อรถไฟสาย Civitavecchia Express ได้ที่ สถานี Ostiense

 

 

 

 

การเดินทางจากสถานีรถไฟชิวิตาเวคเกีย ไปท่าเรือหรืออาคารผู้โดยสาร

 

  • สถานีรถไฟชิวิตาเวคเกียไม่ได้อยู่ติดกับอาคารผู้โดยสารที่ท่าเรือ จะอยู่คนละพื้นที่ ห่างกันพอสมควร การเดินทางจากสถานีรถไฟไปท่าเรือหรืออาคารผู้โดยสารนั้น หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที
  • หรือท่านอาจใช้บริการรถแท็กซี่ หรือรถบัสท้องถิ่น CSP (Civitavecchia Servizi Pubblici) ใช้เวลาประมาณ 6-10 นาที ไม่รวมเวลารอรถ / เรียกรถ
  • หรือใช้บริการ Shuttle Bus ของสายเรือ ซึ่งมีบริการในวันแรกและวันสุดท้ายของการล่องเรือ จะมีเวลาเข้าออกเป็นรอบๆ สัมพันธ์กับเวลาเรือเข้าออกจากท่า

 

สำคัญมาก

ในวันที่เรือเริ่มต้นและจบทริปการเดินทาง บริการรถสาธารณะ และ Shuttle Bus ของสายเรือนั้นจะใช้เวลาในการรอรถนานพอสมควร เพราะวันนั้นจะมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้โดยสารที่เพิ่งจบทริปและที่กำลังจะเริ่มต้นทริป ท่านควรเผื่อเวลาในการรอไว้ตามสมควร

 

Civitavecchia Express กับ Rome City Tour

เนื่องจากกรุงโรมเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่สำคัญในหลายๆ รูปแบบ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่ใกล้บริเวณสถานีรถไฟไต้ดินหลักๆ เช่น

  • สถานี Ostiense: เที่ยวชม Pyramid, Colosseum, Constantine Gate, Roman Forum
  • สถานี Termini: เที่ยวชม Piazza di Spagna (บันไดสเปน), Trevi Fountain (น้ำพุเทรวี) และมหาวิหารเซนต์จอห์นใน Lateran
  • สถานี Trastevere: เที่ยวชมย่าน Trastevere, Campo de Fiori, Piazza Navona และ The Pantheon
  • สถานี San Pietro: ชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พิพิธภัณฑ์วาติกัน และปราสาท Sant' Angelo

อย่างไรก็ตาม กรุณาตรวจสอบเวลารถไฟ และเวลาเรือเข้าออกจากท่าเรือให้ดี และเตรียมเผื่อเวลาไว้สำหรับกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจทำให้เสียเวลาในการเดินทาง

 

เว็บไซต์ข้อมูลท่าเรือ > รถรับส่ง > ทัวร์ > และการเดินทาง

Cruise Terminal Transfer: Civitavecchia Express

Train to Rome and City Tour

 

ข้อแนะนำการวางแผนการเดินทางล่องเรือที่เริ่มต้นที่ประเทศอิตาลีที่เหมาะสมคือ

  • เดินทางไปถึงก่อนวันเรือออกเดินทาง 1 คืน และสามารถนั่งรถไฟจากสนามบิน Fiumicino มาค้างคืนที่เมือง Civitavecchia ก่อน 1 คืน ตอนเช้านั่งรถ Taxi เข้าท่าเรือเพื่อเช็คอิน
  • กรณีต้องการนอนค้างที่โรม ท่านอาจต้องตื่นแต่เช้า และแนะนำให้ใช้บริการ Private Transfer หรือซื้อบริการรถรับ-ส่ง ของสายเรือ เพื่อเดินทางมาท่าเรือที่ Civitavecchia
  • เมื่อจบทริปแล้วสามารถใช้บริการรถไฟเข้ากรุงโรมได้ แต่หากจะไปสนามบินควรตรวจสอบเวลาเครื่องบินให้ดี และแนะนำให้ใช้บริการ Private Transfer หรือบริการรถรับส่งที่สายเรือจัดจะดีที่สุด
  • หรือเลือกนอนค้างที่โรมสัก 1 คืนก่อนบินกลับประเทศไทย

 

 

เส้นทางอเมริกา ล่องทะเลแคริบเบียนและบาฮามาส

ในทริปล่องเรือแคริบเบียนของเรือ Odyssey of the Seas นั้น เรือจะเริ่มต้นและจบทริปการเดินทางที่ท่าเรือฟอร์ต ลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

เส้นทางล่องเรือ Odyssey of the Seas 2021-2022: America, Caribbean, Bahamas

 

1. ตรวจสอบเอกสารการเดินทางที่สำคัญ (อเมริกา) : ล่องทะเลแคริบเบียนและบาฮามาส

เอกสารชุดที่ 1. เอกสารการเดินทางส่วนตัวที่ท่านต้องจัดเตรียม

  1. * หนังสือเดินทาง หรือ Passport: จะต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย
  2. * วีซ่า: สำหรับทริปล่องทะเลแคริบเบียนนั้น ท่านจะต้องมีวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอเมริกาเป็นหลัก และสามารถใช้ครอบคลุมการลงเที่ยวท่าเรือในประเทศในโซนแคริบเบียน บาฮามาส เม็กซิโก และฮอนดูรัส โดยผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยสามารถใช้วีซ่าอเมริกาท่องเที่ยวได้เลย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเริ่มเดินทางและจบทริปที่ท่าเรือของประเทศอเมริกาเท่านั้น กรณีต้องการจะเช็คเอาท์ลงจากเรือที่ท่าเรือใดท่าหนึ่ง หรือจะบินกลับ ต้องยื่นขอวีซ่าเข้าทุกประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยต้องขอ  
  3. * ตั๋วเครื่องบิน: ท่านควรจองตั๋วเครื่องบินที่เดินทางไปถึงท่าเรือเริ่มต้นก่อนวันที่เรือออกเดินทางสัก 1 วัน เพื่อป้องกันกรณีเครื่องบินล่าช้า ซึ่งหากท่านไปที่เช็คอินขึ้นเรือไม่ทันตามวันและเวลาที่เรือออกเดินทาง ทางเรือจะไม่รอผู้โดยสารที่ล่าช้า ท่านต้องเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือต่อไปที่เรือจอด และเสียค่าใช้จ่ายนั้นเอง

 

เอกสารชุดที่ 2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับทริปเรือที่ออกให้โดยสายเรือ โดยตัวแทนผู้รับจองทริปเรือจะเป็นผู้ส่งมอบให้ท่าน ได้แก่

  1. * ตั๋วเรือ: คือรายละเอียดการจองทริปเรือของท่าน ทางสายเรือจะส่งเป็นไฟล์ให้ประมาณ 30 วันก่อนการเดินทาง
  2. * เอกสาร Pre Check-In: เป็นการทำเช็คอินล่วงหน้าโดยใส่ข้อมูลลงในเว็บไซต์ของสายเรือเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเช็คอินขึ้นเรือที่เมืองท่าต้นทาง
  3. * ป้ายชื่อติดกระเป๋า หรือ Luggage Tag: สำหรับติดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่จะโหลดขึ้นเรือ

 

หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบว่ามีเอกสารส่วนตัวอื่นๆ ที่ต้องเตรียมอีกหรือไม่ เช่นใบประกันการเดินทาง ใบจองโรงแรม ใบจองสถานที่เข้าชม บัตรเข้าสวนสนุก เป็นต้น 

 

 

2. รู้จักสนามบินและท่าเรือ (อเมริกา): ฟอร์ต ลอเดอร์เดล

ฟอร์ต ลอเดอร์เดล (Fort Lauderdale) เป็นเมืองในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่เขตโบวาร์ด (Boward County) บนชายฝั่งแอตแลนติก ห่างจากเมืองไมอามีไปทางเหนือ  37 กิโลเมตร เป็นเมืองใหญ่ในตอนใต้ของฟลอริดา ซึ่งเป็นที่อาศัยของประชากรกว่า 5,564,000 คน (2019) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมสำหรับบรรยากาศกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ของฟลอริดา ภาพของสนามกอลฟ์ ชายหาดสวยทอดยาว มีแนวปะการังที่เป็นสวรรค์ของการดำน้ำ และเหนืออื่นใด ที่นี่เป็นเมืองแห่งการล่องเรือยอร์ช หากคุณนึกถึงภาพบ้านที่อยู่ติดคลองที่สร้างอย่างเป็นระเบียบเป็นบล็อกยาวหลายร้อยไมล์ แต่ละบ้านมีที่จอดเรือยอร์ชส่วนตัว และทั้งชายหาดเต็มไปด้วยยอร์ชคลับ นั่นคือ ฟอร์ต ลอเดอร์เดล โดยที่อ่าวเอเวอร์เกลดส์ (Everglades) นั้นมีที่จอดพักเรือนับร้อยแห่งสำหรับเรือยอช์ตมากกว่า 45,000 ลำ

 

 

สนามบินนานาชาติฟอร์ต ลอเดอร์เดล (FLL)

ชื่อเต็มคือสนามบินนานาชาติ ฟอร์ต ลอเดอร์เดล - ฮอลลีวูด (Fort Lauderdale- Hollywood International Airport) หรือโค้ดชื่อย่อที่ใช้ในการจองตั๋วเครื่องบินคือ 'FLL' ตั้งอยู่ที่โบรว์ เคาน์ตี (The Broward County) ในรัฐฟลอริดา ห่างจากตัวเมืองไมอามีไปทางเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือ ฟอร์ต ลอเดอร์เดล ประมาณ 8 กิโลเมตร

 

 

ข้อมูลสนามบิน ฟอร์ต ลอเดอร์เดล (FLL)

 

สายการบินที่บินจากประเทศไทย

  • ปัจจุบันยังไม่มีสายการบินใดที่บินตรง กรุงเทพฯ – ฟอร์ต ลอเดอร์เดล ท่านอาจต้องบินต่อเครื่อง 1 จุด ก่อนเข้าอเมริกาไปต่อเครื่องอีกครั้งที่สนามบินหลักในเมืองใหญ่ๆ เช่น เมืองนิวยอร์ก ลอสแองเจลิส หรือซีแอตเทิล เป็นต้น
  • กรณีที่ท่านเดินทางไปถึงฟอร์ต ลอเดอร์เดลในวันเดียวกับวันที่เรือออกเดินทาง กรุณาเลือกไฟล์ที่ไปถึงในช่วงเช้าไม่ควรสายกว่า 12.00 น.
  • และหากท่านต้องการบินกลับในวันเดียวกับวันที่เรือจบทริปเดินทาง แนะนำให้เลือกไฟล์ที่บินออกจากฟอร์ต ลอเดอร์เดลในช่วงบ่าย หลังเวลา 13.00 น. ไปแล้ว

 

ท่านสามารถเช็คราคาตั๋วเครื่องบินได้จากเว็บไซต์ทางการของสายการบิน หรือเปรียบเทียบราคาจากเว็บไซต์อื่นๆ ได้ เช่น Skyscanner

 

ท่าเรือฟอร์ต ลอเดอร์เดล (Port Everglade Cruise Port) 

ชื่อของท่าจอดเรือสำราญที่เมืองฟอร์ต ลอเดอร์เดลคือ พอร์ท เอเวอร์เกลดส์ (Port Everglade Cruise Port) อยู่ห่างจากสนามบิน ฟอร์ต ลอเดอร์เดล - ฮออลิวูด ไปทางตะวันออกเพียง 8 กิโลเมตร สายเรือ Royal Caribbean International จะมีที่จอดเรือประจำอยู่ที่อาคารที่ 25 (Terminal 25) 

 

 

ที่อยู่ท่าเรือ Port Everglade

Port Everglades Department
1850 Eller Drive
Fort Lauderdale, FL  33316
954-523-3404

 

ข้อมูลท่าเรือ Port Everglade

 

การเดินทางระหว่างสนามบิน - ท่าเรือ

การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถรับส่งของสายเรือ ซึ่งจะมีบริการรับส่งทั้งจากสนามบิน ฟอร์ต ลอเดอร์เดล และสนามบินไมอามี

 

บริการรับส่ง สนามบินของสายเรือ Royal Caribbean International

  • รับ-ส่งที่สนามบิน ฟอร์ต ลอเดอร์เดล-ฮอลลีวูด ราคาคนละ US 15.95 ต่อคนต่อเที่ยว
  • รับ-ส่งที่สนามบินไมอามี่ ราคาคนละ US 29.95 ต่อคนต่อเที่ยว

ข้อจำกัดคือจะมีบริการระหว่างสนามบินกับท่าเรือ เฉพาะวันที่มีเรือออกเดินทาง และวันที่จบทริปเรือเท่านั้น

 

บริการรถแท็กซี่ (สนามบิน ฟอร์ต ลอเดอร์เดล-ฮออลีวูด)

  • ค่าบริการแท็กซี่ทั่วไป = US $15 - 20 ต่อคันต่อเที่ยว
  • Uber / Lyft = US $ 10-15 ต่อคันต่อเที่ยว

 

รถประจำทาง

  • การใช้บริการรถประจำทางอาจเป็นการเดินทางที่ประหยัด แต่จะไม่สะดวกและต้องต่อรถหลายต่อ 

 

ข้อมูลการเดินทางจากสนามบินไปท่าเรือ พอร์ท เอเวอร์เกลดส์

 

การเดินทางระหว่างตัวเมือง - ท่าเรือ - สนามบิน

  • ที่สะดวกสุดจะเป็นการใช้บริการแท็กซี่ ค่าใช้จ่ายจะไม่ต่างจากการเดินทางระหว่างสนามบินไปท่าเรือเท่าไหร่นัก
  • แต่จะมีทางเลือกเพิ่มคือโรงแรมในเมืองหลายแห่งจะมีบริการรถ Shuttle ไปส่งที่อาคารผู้โดยสารเรือสำราญหรือสนามบิน มีทั้งแบบบริการฟรีและเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อย แต่ท่านอาจต้องตรวจสอบให้ดีว่าโรงแรมไหนมีบริการ ไปส่งที่อาคารผู้โดยสารไหนบ้าง และมีบริการในเวลาใดบ้าง

 

ข้อมูล โรงแรมที่พัก รถ Shuttle และ Limousine ท่าเรือพอร์ท เอเวอร์เกลดส์

 

ที่จอดรถสำหรับผู้ใช้บริการเช่ารถขับเองแบบจอดค้างหลายคืน

ที่จอดรถในอาคารผู้โดยสารจะมีราคาอยู่ที่ US $15 ต่อวัน สำหรับยานพาหนะทั่วไป และ US $19 สำหรับยานพาหนะขนาดใหญ่ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าโดย) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อจำกัดด้านขนาดยานพาหนะโปรดติดต่อ USA Parking ที่ (954) 468-3680

 

นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถของผู้ให้บริการรายอื่นๆ ที่ราคาอาจถูกกว่า แต่ก็อยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารออกไป

 

ตารางเปรียบเทียบราคาค่าจอดรถที่ท่าเรือ พอร์ท เอเวอร์เกลดส์

ตรวจสอบ: June 2020

 

 

ข้อมูลที่จอดรถที่ท่าเรือ Port Everglades (Fort Lauderdale)

 

จุดรับรถ - ส่งรถ สำหรับผู้ใช้บริการรถเช่าขับเองแบบรับรถหรือส่งรถที่ท่าเรือ Port Everglades

กรณีนี้อาจจะกล่าวถึงจุดรับส่งรถของบริษัทให้เช่ารถขับเองชั้นนำอย่าง Avis และ Hertz / กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนการเดินทาง

 

ขอขอบคุณข้อมูลการเดินทางไปท่าเรือ Port Canaveral จาก Cruzely

 

 

3. การเช็คอินขึ้นเรือ

เวลาที่ควรไปเช็คอิน

  • สายเรือจะเปิดให้เช็คอินขึ้นเรือได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 – 15.00 น.
  • ท่านจะต้องไปเช็คอินที่อาคารไหนนั้น Royal Caribbean Cruise จะระบุอาคารที่จะไปเช็คอินไว้ในเอกสาร Pre Check-In
  • ท่านควรไปถึงท่าเรือเพื่อเช็คอินก่อนเวลาเรือออกไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง เพราะจะต้องมีกระบวนการผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออกจากประเทศต้นทาง

 

เอกสารที่ใช้สำหรับเช็คอินขึ้นเรือ จะมีสองรายการ คือ

  1. หนังสือเดินทาง
  2. เอกสารPre Check-In 

 

 

ขั้นตอนการเช็คอินขึ้นเรือ

  • โหลดกระเป๋าใบใหญ่
    • นำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ต้องการโหลดขึ้นเรือให้เจ้าหน้าที่ที่จุดรับกระเป๋า (Luggage Drop) บริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร พร้อมติด Tag กระเป๋าให้เรียบร้อย

 

  • เคาน์เตอร์เช็คอินและบัตรขึ้นเรือ
    • ให้ท่านถือเอกสาร Pre Check-In ไว้กับตัว ถือโชว์ผ่านเข้าไปพื้นที่ด้านใน และจะมีการสแกนสัมภาระทุกใบที่ท่านถือขึ้นเรือ
    • เมื่อถึงเคานท์เตอร์เช็คอิน ให้ท่านโชว์เอกสาร Pre Check-In พร้อมหนังสือเดินทางยื่นให้เจ้าหน้าที่รับเช็คอิน โดยที่ให้ท่านเข้าไปเช็คอินพร้อมกันทีละห้องตามรายชื่อที่ใส่ไว้ในการจองห้องพัก
    • เจ้าหน้าที่จะออกบัตรขึ้นเรือ (SeaPass) ให้ทุกท่าน ท่านละ 1 ใบ

 

  • ผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
    • จากนั้นเข้าพื้นที่ ตม. (Immigration Control) เพื่อตรวจตราออกจากประเทศท่าเรือเริ่มต้น (Port of Departure)

 

  • ขึ้นเรือ
    • หลังจากผ่านการตรวจตราจาก ตม. แล้ว จากนั้นเดินผ่านทางเดินขึ้นตัวเรือ (Gangway)
    • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนเรือตรวจเช็คบัตรขึ้นเรือของท่าน พร้อมถ่ายรูป
    • นำสัมภาระติดตัวผ่านเครื่องสแกนในตัวเรือเพื่อหาวัตถุต้องห้ามอีกครั้ง
    • จากนั้นท่านจะเข้าตัวเรือโดยสมบูรณ์ เชิญเข้าตรวจตราห้องพัก หรืออิสระตามอัธยาศัยกับกิจกรรมบนเรือ 

 

สิ่งของต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเรือสำราญ

เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารทุกคน เรือสำราญได้ประกาศไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำสิ่งของดังต่อไปนี้ขึ้นบนเรือ หากท่านมีสัมภาระเหล่านี้ติดตัวไปเจ้าหน้าที่เรืออาจขอเก็บรักษาไว้ให้ท่าน และจะคืนในวันที่สิ้นสุดการล่องเรือ

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนสูงและอาจเกิดไฟปะทุได้ เช่น เตารีด หรือเครื่องหนีบผมไฟฟ้า
  • ไดร์เป่าผม (ส่วนมากจะมีบริการในห้องพักทุกสายเรือ)
  • เครื่องทำกาแฟ
  • ปลั๊กรางขนาดใหญ่
  • ของเหลวติดไฟได้หรือระเบิดได้ เช่น เทียน พลุ ดอกไม้ไฟ
  • อาวุธและยาเสพติด

 

ข้อแนะนำเมื่อแรกเช็คอินขึ้นเรือ

สำรวจเรือกันก่อน

เมื่อขึ้นไปบนเรือสำราญแล้ว ขอแนะนำให้ท่านเดินสำรวจส่วนบริการต่างๆ บนเรือ เพื่อสร้างความคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นส่วนรับประทานอาหารเช้า กลางวัน (Windjammer Marketplace) ที่ชั้น 14 ท้ายลำเรือ ห้องอาหารค่ำ (Main Dining Restaurant) ซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 3 และ 4 ด้านท้ายเรือ หรือจะเป็นมุมนั่งเล่น คลับ บาร์ เลาจน์ ส่วนสันทนาการ เช่น ห้องแสดงโชว์ (The Royal Theater) ที่ชั้น 4 ด้านหัวเรือ ส่วนบริการและกิจกรรม เช่น ห้องออกกำลังกาย สระน้ำ สวนน้ำ พื้นที่เครื่องเล่นชั้นดาดฟ้า เป็นต้น

 

หิวเมื่อไหร่ ทานได้ทันที

ทันทีที่ท่านเช็คอินขึ้นเรือสามารถใช้บริการห้องอาหารได้ทันที โดยท่านสามารถตรงไปยัง Windjammer Marketplace (ชั้น14 ท้ายเรือ) หรือที่ห้องอาหาร Café’ Promenade และห้องอาหาร Sorrento (ที่ชั้น 5 กลางเรือ) ที่นั่นมีอาหารกลางวัน อาหารรองท้อง อาหารทานเล่น ผลไม้และเครื่องดื่มเย็นๆ รอต้อนรับผู้โดยสารทุกท่าน

 

สกุลเงินที่ใช้บนเรือ

บนเรือสำราญจะใช้สกุลเงินเป็น US Dollars

 

การใช้จ่ายบนเรือ 

การใช้จ่ายบนเรือเป็นสิ่งสำคัญมาก จึงควรเข้าใจระบบการซื้อสินค้าบริการและการชำระเงินบนเรือ

 

ในกรณีที่ท่านต้องการชำระค่าสินค้าและบริการบนเรือสำราญด้วยเงินสด

  • เมื่อมีการใช้จ่ายเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ผู้ขายจะขอบัตรขึ้นเรือ (SeaPass Card) ของท่านเพื่อลงบันทึกการซื้อของท่านไว้
  • ทางเรือจะมีการส่งใบสรุปรายการใช้จ่ายของท่านมาให้ที่ห้องพัก และท่านยังสามารถตรวจสอบรายการใช้จ่ายได้จากจอ TV ในห้องพักของท่าน หรือสอบถามเช็คยอดการใช้จ่ายได้ตลอดเวลาที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
  • ท่านจะต้องติดต่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ให้เรียบร้อยก่อนลงจากเรือในวันสุดท้าย

 

กรณีที่ท่านต้องการชำระค่าสินค้าและบริการบนเรือสำราญด้วยบัตรเครดิต

  • หากท่านลงทะเบียนให้ตัดยอดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตใบใดใบหนึ่งไว้ ทางเรือจะตัดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ท่านลงทะเบียนไว้โดยอัตโนมัติ
  • หรือหากท่านต้องการชำระด้วยบัตรเครดิตใบอื่นที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ก็สามารถชำระได้ทันที ณ จุดที่ซื้อสินค้าหรือบริการ
  • การใช้จ่ายบนเรือจะคิดเป็นสกุลเงิน USD ซึ่งจะเป็นเงินบาทเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารเจ้าของบัตรกำหนด 

 

ตรวจสอบบัญชีรายจ่าย และดูหลักฐานการเรียกเก็บเงิน (สำคัญมาก)

  • ก่อนการชำระเงิน กรุณาตรวจสอบความถูกต้องให้ครบถ้วนเสียก่อน ในกรณีท่านพบหรือสงสัยว่าอาจจะมีการเรียกเก็บเงินที่ไม่ถูกต้องกรุณาท้วงติงกับทางเจ้าหน้าที่โดยทันที และหลังจากเคลียร์ยอดใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าท่านจะชำระค่าใช้จ่ายโดยวิธีใด ท่านจะได้รับใบเสร็จรับเงิน และกรุณาขอหลักฐานการใช้จ่ายบนเรือของท่าน (Folio) และการชำระเงิน (Receipt) ไว้เก็บไว้ให้ครบถ้วน ซึ่งภายหลังหากเกิดกรณีที่ท่านสงสัยหรือพบว่ามีการเรียกเก็บเงินที่ไม่ถูกต้องและทำให้ท่านเสียประโยชน์ ทางเรือจะพิจารณาเฉพาะการท้วงติงที่มีหลักฐานเป็นเอกสารยืนยันชัดเจนเท่านั้น

 

การแจ้งข้อมูลบัตรเครดิตของท่านให้กับเรือสำราญ 

  • ท่านสามารถให้ข้อมูลบัตรเครดิตที่จะใช้กับพนักงานรับเช็คอินที่ท่าเรือ หรือแจ้งกับเจ้าหน้าที่แคชเชียร์บนเรือก็ได้
  • กรุณาแจ้งธนาคารเจ้าของบัตรว่าท่านจะนำบัตรเครดิตไปใช้ที่ต่างประเทศและให้ธนาคารอนุมัติวงเงินที่ท่านมีการใช้จ่ายจริงระหว่างเดินทาง 

  • จะไม่มีการใช้เงินสดซื้อสินค้าบนเรือสำราญในทุกกรณี นอกจากใช้เพื่อชำระเคลียร์ยอดการใช้จ่ายที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์เท่านั้น

 

SeaPass Card

SeaPass Card จะมีขนาดและรูปแบบเหมือนบัตรเครดิตทั่วไป จะเป็นเหมือนบัตรประจำตัวของท่านตลอดเวลาในทริปเรือ โดยเจ้าหน้าที่จะขอดูเพื่อใช้ตรวจสอบขณะที่ท่านขึ้นเรือและลงจากเรือ ใช้สำหรับเปิดประตูห้องพัก และยังเป็นบัตรที่ใช้เก็บข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการซื้อสินค้าและบริการบนเรือของท่านอีกด้วย ซึ่งบัตรนี้จะเก็บข้อมูลส่วนนี้ไว้และท่านจะต้องไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายนั้นให้เรียบร้อยก่อนจะเช็คเอาท์ลงจากเรือในวันสุดท้าย หากบัตรนี้สูญหายให้ท่านรีบแจ้งพนักงานที่ Guest Relation Service ที่ชั้น 5 ได้ทันที โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลและออกบัตรใบใหม่ให้ท่านโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

 

Cruise Compass

บนเรือสำราญจะมีหนังสือพิมพ์ข่าวสารรายวันขนาดเล็ก ซึ่งจะแจ้งข่าวสารและกิจกรรมของเรือในแต่ละวัน เช่น วันนี้จะมีรายการแสดงอะไรบ้าง ที่ไหน เวลาเท่าไหร่ มีการแสดงพิเศษอะไรบ้าง มีรายการเกมส์ชิงรางวัล รายการลดราคาที่ไหน อย่างไร พร้อมมีข้อมูลของเมืองท่าที่เรือจะเข้าไปจอดให้ท่านทราบ เช่น สภาพอากาศ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ เป็นต้น  

Cruise Compass นี้จะส่งให้ท่านทุกวันล่วงหน้า โดยเจ้าหน้าที่จะนำมาวางไว้ในห้องพักของท่านทุกวันในตอนเย็น และ Cruise Compass ยังสามารถหาได้ตามจุดทั่วๆ ไปบนเรือ รวมทั้งบนจอ LCD หน้าลิฟท์ และในแอพลิเคชั่น ‘Royal Caribbean International’ ที่ใช้บนเรือของ Royal Caribbean Cruise ทุกลำ

 

Application: 'Royal Caribbean International': Apple App Store and Google Play Store

'Royal Caribbean International' เป็นแอพลิเคชั่นสำหรับ Smartphone ใช้เชื่อมต่อท่านกับกิจกรรมและทุกสิ่งอย่างบนเรือ Royal Caribbean Cruise ลำที่ท่านเดินทางโดยไม่ต้องใช้สัญญาณโทรศัพท์หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตใดๆ สัญญาณจะต่อให้โดยอัตโนมัติเมื่ออยู่บนเรือ ผู้โดยสารสามารถใช้แอพลิเคชั่นนี้ตรวจสอบกิจกรรมบนเรือได้เกือบทุกรายการ เช่น

  • เช็คดูรายการ และกิจกรรมต่างๆบนเรือ รวมทั้งดู Cruise Compass
  • ซื้อบริการ เช่น ซื้อทัวร์ชายฝั่ง ซื้อแพ็คเก็จเครื่องดื่ม หรือจองที่นั่งในห้องอาหารพิเศษ เป็นต้น
  • ดูรายละเอียดค่าใช้จ่าย

และอีกมากมายหลายอย่าง โดยท่านสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ‘Royal Caribbean International’ นี้ได้จาก App Store สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ iPhone หรือ iPad และดาวน์โหลดจาก Google Play สำหรับผู้ใช้ระบบระบบ Android ซึ่งสามารถดาวน์โหลเตรียมไว้ได้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง

 

 

*ตัวอย่าง SeaPass Card, Cruise Compass จากทริปเรือ Harmony of the Seas

 

Muster Drill

คือการฝึกซ้อมเพื่อความปลอดภับกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เมื่อผู้โดยสารเช็คอินขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เรือจะเริ่มต้นเดินทาง จะมีการซ้อมเตรียมการในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เป็นกฎของการเดินเรือสากลที่ผู้โดยสารทุกท่านจะต้องเข้าร่วม ให้ผู้โดยสารแต่ละท่านกรุณาไปประจำตำแหน่งตามจุดรวมพล (Assembly Station) ตามหมายเลขที่ปรากฏอยู่บน SeaPass ของท่าน (ตามตัวอย่างคือโซน F3) สำหรับแผนผังจุดรวมพล ท่านสามารถดูได้ที่ด้านหลังของประตูห้อง หรือสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่บนเรือได้ทุกคน

 

การแต่งกายบนเรือ

  • การแต่งกายสำหรับชีวิตประจำวัน หรือกิจกรรมทั่วไป ท่านสามารถสวมใส่ชุดลำลอง กางเกงขาสั้น เสื้อยืด หรือเสื้อผ้าแฟชั่น และรองเท้าแตะ
  • กรณีเล่นน้ำในสระว่ายน้ำของเรือ แนะนำให้เตรียมชุดว่ายน้ำไป 2 ชุดเผื่อสำรองเปียก สามารถใส่คู่กับรองเท้าแตะแบบหนีบหรือแบบสวมก็ได้
  • กรณีออกกำลังกายที่ฟิตเนส แนะนำให้เตรียมชุดและรองเท้าผ้าใบ สำหรับออกกำลังกายไปด้วย
  • เนื่องจากการท่องเที่ยวทางเรือสำราญจะเน้นการพักผ่อนแบบสบายๆ จึงแนะนำให้ท่านเตรียมชุดและรองเท้าที่สวมใส่สบาย พกหมวกกันลม หรือร่มขนาดเล็กพกติดตัวไปด้วย และไม่ควรลืมโลชั่นกันแดด

 

อุณหภูมิบนเรือ

  • ภายในตัวเรือสำราญนั้นจะถูกปรับอุณหภูมิให้พอดีกับร่างกายของเรา การแต่งกายในชุดลำลองภายในตัวเรืออาจเพียงพอ แต่หากท่านเดินออกไปยังบริเวณด้านนอกตัวเรือ เช่น บริเวณที่เดินเล่นตรงกาบเรือด้านข้าง หรือบริเวณดาดฟ้าเรือ อุณหภูมิก็จะเป็นไปตามสภาวะอากาศของสถานที่นั้นๆ โดยทั่วไป ดังนั้นจึงควรเช็คอุณหภูมิของแต่ละเมืองที่จะไป และเตรียมชุดให้เหมาะสม รวมทั้งควรเตรียมหมวกกันลม ร่มขนาดเล็ก และโลชั่นกันแดดติดตัวไปด้วย

 

เวลาบนเรือ

  • บนเรือสำราญจะใช้เวลาท้องถิ่น ขณะที่เรือล่องเข้าสู่เขตน่านน้ำประเทศนั้นๆ อาจมีการปรับเวลาเร็วขึ้น หรือช้าลง ในบางวัน

 

สิ่งที่ควรรู้ทั่วไป         

  • หากต้องการเล่นคาสิโน กรุณารอเรือออกจากท่าเข้าเขตน่านน้ำสากล จึงสามารถเข้าไปเล่นได้ที่ห้อง Casino Royale (ชั้น 3)
  • ห้ามสูบบุหรี่ในห้องพักหรือที่ระเบียงห้องพัก ทางเรือมีจัดสถานที่ไว้สำหรับท่านที่ต้องการสูบบุหรี่ โดยท่านสามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ของเรือ
  • ปลั๊กไฟบนเรือ จะมีการออกแบบให้มีขนาดและแบบเดียวกันกับที่ใช้ในประเทศไทย กระแสไฟบนเรือจะเป็นขนาด 220 โวลท์
  • สำหรับ Power Bank Charger จะต้องพกพาโดยการถือขึ้นเครื่องเท่านั้น ไม่ควรโหลดไปกับสัมภาระที่จะโหลดขึ้นเรือ โดย Power Bank Charger จะต้องมีค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 100-160 Wh หรือ 20,000 – 32,000 mAh และถือได้ท่านละไม่เกิน 2 ชิ้น

 

 

4. ก่อนจะลงจากเรือ

รับหนังสือเดินทางคืน 

  • ก่อนวันสุดท้ายของการเดินทาง ทางเรือจะมีประกาศให้ไปรับหนังสือเดินทางคืนในสถานที่ และเวลาที่กำหนดไว้ แต่หากท่านไม่พร้อมรับในเวลาที่เรือนัด ก็สามารถขอรับหนังสือเดินทางได้ที่ Guest Service Counter

 

เคลียร์บัญชีรายจ่าย

  • ในคืนสุดท้ายของการเดินทาง กรุณาตรวจสอบการใช้จ่ายของท่าน โดยเจ้าหน้าที่จะนำบัญชีสรุปการใช้จ่ายของท่านมาวางไว้ในห้องพักเพื่อให้ท่านตรวจสอบ
  • หรือท่านสามารถตรวจเช็คบัญชีการใช้จ่ายของท่านได้ตลอดเวลาจากโปรแกรมที่หน้าจอโทรทัศน์ในห้องพักของท่าน
  • หรือท่านอาจขอบัญชีการใช้จ่าย (Folio) จากแคชเชียร์มาตรวจสอบก็สามารถทำได้ตลอดเวลา
  • หากท่านชำระด้วยบัตรเครดิต บัตรจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ หากท่านต้องการชำระด้วยเงินสด และยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ยังค้างชำระ เมื่อตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว ท่านจะต้องไปชำระค่าใช้จ่ายนั้นให้เรียบร้อยเสียก่อน

 

ตรวจสอบบัญชีรายจ่าย และดูหลักฐานการเรียกเก็บเงิน (สำคัญมาก)

  • ก่อนการชำระเงิน กรุณาตรวจสอบความถูกต้องให้ครบถ้วนเสียก่อน ในกรณีท่านพบหรือสงสัยว่าอาจจะมีการเรียกเก็บเงินที่ไม่ถูกต้อง กรุณาท้วงติงกับทางเจ้าหน้าที่โดยทันที
  • หลังจากเคลียร์ยอดใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว กรุณาขอบัญชีการใช้จ่ายบนเรือ (Folio) ของท่าน และหลักฐานการการชำระเงิน (Receipt) ไว้เก็บไว้ให้ครบถ้วน ซึ่งภายหลัง หากเกิดกรณีที่ท่านสงสัยหรือพบว่ามีการเรียกเก็บเงินที่ไม่ถูกต้องและทำให้ท่านเสียประโยชน์ ทางเรือจะพิจารณาเฉพาะการท้วงติงที่มีหลักฐานเป็นเอกสารยืนยันชัดเจนเท่านั้น

 

จัดเตรียมกระเป๋าเดินทาง กรณีที่ท่านต้องการให้พนักงานยกกระเป๋าลงจากเรือ

  • ในคืนสุดท้ายของการเดินทาง เจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลขั้นตอนการลงจากเรือมาวางไว้ให้ท่านที่ห้อง พร้อมสติ๊กเกอร์แถบสีติดกระเป๋า
  • หากท่านต้องการให้เจ้าหน้าที่มายกกระเป๋าใบใหญ่ลงจากเรือให้ท่าน ท่านต้องจัดเตรียมกระเป๋าใบใหญ่และติดสติ๊กเกอร์แถบสีให้เรียบร้อย ก่อนนำมาวางไว้หน้าประตูห้องภายในเวลาที่กำหนดไว้ในขั้นตอนการลงจากเรือ (ปกติจะนัดให้วางประมาณ 22.00 - 23.00 น.)
  • แถบสีนี้จะมีหมายเลขระบุไว้ นั่นคือหมายเลขแถวหรือโซนที่ท่านจะไปรับกระเป๋าของท่านได้ที่อาคารผู้โดยสาร แนะนำให้ถ่ายรูปกระเป๋าและแถบสีไว้ กรณีท่านจำแถบสีหรือหมายเลขไม่ได้
  • กรุณาจัดเตรียมชุดที่จะใช้ในวันรุ่งขึ้น พร้อมของใช้ส่วนตัวไว้ในกระเป๋าใบเล็ก ที่ท่านจะสามารถถือลงจากเรือได้โดยสะดวก

 

กรณีที่ท่านต้องการจะถือกระเป๋าและสัมภาระลงจากเรือด้วยตัวเอง 

  • ท่านไม่ต้องทำตามขั้นตอนด้านบน เพียงแต่เก็บแถบสติกเกอร์สีไว้ติดกระเป๋าท่านในตอนรุ่งเช้า เพราะแถบสีนั้นจะเป็นลำดับในการลงจากเรือของท่าน
  • ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น กรุณาทำธุระส่วนตัว เก็บสัมภาระ และคืนห้องพักให้เจ้าหน้าที่ในเวลาไม่ควรจะสายไปกว่า 08.00 น. เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องทำความสะอาดและจัดเตรียมห้องพักสำหรับผู้โดยสารชุดต่อไปที่กำลังเช็คอินขึ้นมา

 

 

5. วันสุดท้ายของการเดินทาง > ลงจากเรือ

  • ปกติแล้วเรือจะเข้าถึงท่าเรือสุดท้ายในเวลาประมาณ 06.00 – 07.00 น. และจะมีอาหารเช้าบริการท่านตามปกติ
  • กรุณาตรวจสอบสิ่งของมีค่าและสัมภาระของท่านว่านำติดตัวกลับครบเรียบร้อยแล้ว
  • เจ้าหน้าจะเริ่มเรียกผู้โดยสารลงจากเรือในเวลาประมาณ 07.30 น. โดยจะเรียกเป็นกลุ่มตามสีของสติกเกอร์ติดกระเป๋าที่แจกไว้ กรุณาฟังประกาศเรียกลงจากเรือตามแถบสีกระเป๋าที่ท่านได้รับ รอบสุดท้ายของการเรียกให้ลงจากเรือจะไม่สายไปกว่าเวลา 10.00 น.
  • เมื่อลงจากเรือแล้วจะผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง จากนั้นรับกระเป๋าเดินทางตามแถวที่ระบุไว้ตามแถบสติ๊กเกอร์สี

 

กรณีสัมภาระชำรุดจากการขนย้าย

  • เมื่อท่านลงจากเรือมาถึงที่ท่าเรือ และได้รับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว กรุณาตรวจสอบดูสภาพและความเรียบร้อยของกระเป๋าเดินทางของท่านว่า มีความเสียหายอย่างไรหรือไม่ หากพบว่ามีความเสียหายที่เกิดจากการขนย้ายของเจ้าหน้าที่ ให้ท่านแจ้งเจ้าหน้าที่ท่าเรือให้ลงหลักฐานไว้ กรณีนี้ ทางเรือจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมให้ แต่จำกัดความรับผิดชอบและจำนวนเงิน โดยจะลงรายละเอียดในใบรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน และชี้แจงวิธีการและขั้นตอนในการชดเชยให้ท่านทราบ

 

กรณีลืมสัมภาระ หรือสูญหาย 

  • กรณีที่ท่านลืมสิ่งของหรือสัมภาระ หรือสัมภาระเกิดการสูญหาย นอกเหนือจากความรับผิดชอบดูแลของเจ้าหน้าที่ หากสิ่งของนั้นถูกพบ จะถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่แผนกของหายประจำท่าเรือ และหากมีการแจ้ง ติดตาม และตรวจสอบความเป็นเจ้าของได้ถูกต้องแล้ว และหากท่านต้องการของนั้นคืน เจ้าหน้าที่จะจัดส่งให้ท่านตามที่อยู่ที่ท่านแจ้ง แต่ท่านจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการส่งคืนนั้นเอง 
  • และหากไม่มีผู้สืบหาหรือแสดงความเป็นเจ้าของ หลังจากพ้น 1 เดือนนับจากวันเดินทางสิ้นสุดแล้ว ของสิ่งนั้นจะถูกลงบัญชีของหายที่ไม่สามารถติดตามได้

 

เที่ยวบินขากลับ

  • กรุณาตรวจสอบเวลาการเข้าออกของสายการบินที่ท่านจองไว้ให้ถูกต้อง เพื่อท่านจะได้ไม่พลาดเที่ยวบิน
  • หากท่านต้องบินออกจากเมืองไมอามี่ในวันที่ลงจากเรือเลย กรุณาเลือกเที่ยวบินที่ออกจากไมอามี่หลังเวลา 13.00 น. เพื่อป้องกันเหตุการณ์กรณีเสียเวลา
  • ท่านควรเผื่อเวลาการเดินทางจากท่าเรือถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องบินออก อย่างน้อย 3 ชั่วโมง รวมทั้งระมัดระวังเวลาที่ใช้ในการเช็คอินสายการบินด้วย

 

จากนั้นเดินทางตามรายการท่องเที่ยวของท่านต่อไป 

 

 

 

ยินดีต้อนรับสู่ Odyssey of the Seas

 

แนะนำเรือสำราญ Odyssey of the Seas

 

ข้อมูลทางเทคนิค

 

บริการของ Odyssey of the Seas

ราคาค่า Cruise Package ที่ท่านจ่ายไปแล้วนั้น จะรวมบริการ ที่เพียงพอแก่ความต้องการของเราในแต่ละวัน ได้แก่ ที่พัก อาหาร การเดินทาง ความสนุกสนาน และการพักผ่อน บริการที่เรือได้จัดเตรียมไว้สำหรับท่านนั้นมีมากมายจนไม่อาจนำมาลงลายละเอียดได้หมด ทีมงานจึงขอแยกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ บริการที่รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปแล้ว และบริการที่คุณจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ถ้าคุณต้องการบริการนั้น

 

บริการที่รวมอยู่ในค่า Cruise Package ที่จ่ายไปแล้ว

  1. รวมห้องพัก (Stateroom & Suites) 

ห้องพักบนเรือมีอยู่ 4 ประเภทหลักและสามารถแยกออกมาได้หลายสิบประเภทย่อย 

  • ห้องแบบไม่มีหน้าต่าง (Interior): ขนาดห้องประมาณ 15 - 18 ตรม. มีให้เลือก 6 ระดับ ต่างกันที่ตำแหน่งของห้องและชั้นที่เลือก ทำให้ราคาต่างกันด้วย 
  • ห้องแบบมีหน้าต่าง (Ocean View): ขนาดห้องประมาณ 15 -18 ตรม. มีให้เลือก 4 ระดับ หน้าต่างใช้ชมวิวอย่างเดียวไม่สามารถเปิดออกได้ 
  • ห้องแบบมีระเบียง (Balcony): ขนาดห้อง 18-20 ตรม. ระเบียง 5-7 ตรม. มีให้เลือก 14 ประเภทย่อย เป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดบนเรือวิวทิวทัศน์และตำแหน่งที่ตั้งของห้องก็แตกต่างกันไปตามความชอบของผู้โดยสาร และก็แน่นอนว่าจะทำให้ราคาค่าห้องนั้นต่างกันด้วย 

ห้องทั้งสามแบบนี้จะมีบางห้องที่สามารถพักได้สูงสุด 4 ท่าน แต่มีจำนวนไม่มากนัก แนะนำว่าพักห้องละ 2 ท่านจะกำลังดี ไม่อึดอัดจนเกินไป 

  • ห้องสวีท (Suites): ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัว หรือผู้ที่ต้องการห้องพักที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีทั้งหมด 7 ประเภทย่อย ได้แก่

    • Junior Suite (J1-J3)                   ขนาดห้อง    301 ตร.ม.    ขนาดระเบียง   81 ตร.ม.     พักได้มากสุด 4  ท่าน
    • Grand Suite GS                         ขนาดห้อง    388 ตร.ม.    ขนาดระเบียง 109 ตร.ม.     พักได้มากสุด 4  ท่าน
    • Grand Suite–2 Beedroom GT    ขนาดห้อง    543 ตร.ม.    ขนาดระเบียง 259 ตร.ม.     พักได้มากสุด 8  ท่าน
    • Owner's Suite OS                      ขนาดห้อง    541 ตร.ม.    ขนาดระเบียง 299 ตร.ม.     พักได้มากสุด 4  ท่าน
    • Grand Loft Suite GL                   ขนาดห้อง    696 ตร.ม.    ขนาดระเบียง 361 ตร.ม.     พักได้มากสุด 4  ท่าน
    • Owner Loft Suite  OL                 ขนาดห้อง    975 ตร.ม.    ขนาดระเบียง 501 ตร.ม.     พักได้มากสุด 4  ท่าน
    • Royal Loft Suite RL                    ขนาดห้อง 1,641 ตร.ม.    ขนาดระเบียง 533 ตร.ม.     พักได้มากสุด 6  ท่าน

 

ภายในห้องประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น

    • เตียงนอน ที่สามารถให้จัดเป็นแบบเตียงเดียว 1 Double Bed หรือเตียงแยก 2 Single Beds ก็ได้ ตู้เสื้อผ้าห้องน้ำ พื้นที่นั่งเล่นพร้อมโซฟา โทรศัพท์ ทีวี ไดร์เป่าผม
    • พนักงานทำความสะอาดและจัดที่นอนประจำห้องบริการทุกวัน วันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย

 

หมายเหตุ: เครื่องดื่มที่มีวางอยู่ในตู้เย็น เช่น น้ำอัดลมกระป๋องหรือน้ำขวด จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

 

  1. รวมอาหาร

Odyssey of the Seas จะบริการอาหารท่านอย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน และจะมีมื้อพิเศษ เช่น อาหารว่างและอาหารรองท้องในช่วงบ่าย และรอบดึก

  • อาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารค่ำ บริการที่ห้องอาหาร WINDJAMMER MARKETPALCE บนชั้นที่ 14 บริเวณท้ายเรือ

    • บริการอาหารแบบบุฟเฟต์ ให้บริการเกือบตลอดทั้งวัน และอาหารรองท้องรอบดึกในช่วงเวลาตั้งแต่ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน
    • สำหรับอาหารค่ำ หากท่านไม่อยากทานมื้อค่ำที่ห้อง Main Dining Restaurant ก็สามารถมาทานที่นี่ได้
    • ห้องอาหารนี้จะมีซุ้มเครื่องดื่มชา กาแฟ โอวันติน โกโก้ น้ำร้อน น้ำแข็ง ไว้บริการฟรีตลอดจนถึงเที่ยงคืนของทุกวัน
    • สั่งเครื่องดื่มพิเศษหรือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลส์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
    • การแต่งกายเข้าห้องอาหาร WINDJAMMER MARKETPLACE สามารถแต่งแบบลำลองกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ แต่ไม่ควรเข้าไปในชุดว่ายน้ำ หรือเมื่อตัวเปียกจากการเล่นน้ำ 

 

  • อาหารค่ำ

    • อาหารมื้อค่ำจะบริการที่ห้องอาหารหลัก หรือ Main Dining Restaurant ที่ชั้น 3 และชั้น 4 โดยห้องนี้จะบริการอาหารค่ำแบบเซ็ทเมนู เปิดโอกาสให้ท่านได้สัมผัสรสชาติอาหารในรูปแบบต่างๆ วนเวียนไป ไม่จำเจ
    • การแต่งกายสำหรับอาหารมื้อค่ำในห้องอาหารหลัก แนะนำให้แต่งกายแบบสุภาพ (Smart Casual)

      • สุภาพบุรุษ: ใส่เสื้อเชิ้ตมีปก หรือเสื้อโปโล หากมีสูทหรือ Jacket ทับจะดูดีมาก กางเกงขายาวหรือยีนส์สีเข้มไม่ขาดรองเท้าหุ้มส้น
      • สุภาพสตรี: สามารถสวมใส่เสื้อกับกระโปรงหรือกางเกงขายาวและรองเท้าสุภาพ
      • กรุณาหลีกเลี่ยงกางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลมรองเท้าแตะ กางเกงยีนส์ขาด

 

บริการพิเศษบริการ Room Service ปกติจะบริการส่งอาหารให้ถึงห้องพักของท่านฟรี แต่ถ้าใช้บริการตั้งแต่ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนถึงตีห้าจะมีค่าบริการครั้งละ $5.00

 

  1. รวมเข้าชมการแสดงบนเรือ

เรือ Odyssey of the Seas ได้จัดการแสดงและโชว์ให้ท่านชมทุกวันที่ห้อง The Royal Theater (ชั้น 3, 4, 5) โดยแต่ละวันจะมีเวลาโชว์ 2 ครั้งต่อวัน คือรอบ 17.45 น. และ 20.30 น. และจะเปลี่ยนโชว์และการแสดงไปทุกวันไม่ซ้ำกัน โดยทางเรือจะแจ้งรูปแบบของรายการโชว์ให้ท่านทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ใน Cruise Compass หนังสือพิมพ์รายวันประจำเรือ หรือดูรายการผ่านแอพพลิเคชั่น 'Royal Caribbean International' ของสายเรือ

 

  1. รวมเล่นกิจกรรมความสนุกสนานบนเรือ

กิจกรรมและการแสดงย่อยบนเรือส่วนมาก จะไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น สระว่ายน้ำ ลานกีฬา รวมถึงแหล่งบันเทิงของเด็กและวัยรุ่น ตลอดการเข้าใช้ห้องสมุด และกิจกรรมทางการกีฬาหลากหลายไว้บริการท่าน ห้องออกกำลังกายและกิจกรรมทางด้านสุขภาพ เช่น VITALITY®”Fitness Center หากท่านต้องการเข้าร่วมกิจกรรมบางชนิดที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็อาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เช่น แอโรบิก โยคะ การฝึกศิลปะการต่อสู้เฉพาะอย่าง เป็นต้น

 

 

บริการที่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ถึงแม้เรือ Odyssey of the Seas จะจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้อย่างพอเพียงแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลากหลายความสุขสนุกสนานที่มีไว้ให้บริการสำหรับคุณที่ต้องการสิ่งพิเศษ บางบริการอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาทิเช่น

 

  1. ไม่รวมการใช้บริการห้องอาหารพิเศษ (Specialty Restaurant)

นอกจากห้องอาหารหลักที่บริการฟรีครบทั้ง 3 มื้อหลักแล้ว เรือ Harmony of the Seas จัดให้มีภัตตาคารหรูขนาดเล็ก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกหลายแห่ง นำเสนอเมนูอาหารจากสูตรการปรุงของเชฟมากประสบการณ์และมีชื่อเสียง พร้อมบริการที่ดีเลิศแบบ Exclusive

 

การใช้บริการห้องอาหารพิเศษนั้นต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้า และเสียค่าจองที่นั่งประมาณ US $20 – US $55 บวก Service Charge 18% ต่อคนต่อมื้อ ในแต่ละห้องอาหารจะมีอัตราที่แตกต่างกัน และหากสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มเติมก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มตามราคาในเมนูของทางร้าน

 

  1. ไม่รวมการสั่งเครื่องดื่มในบาร์ ไนท์คลับ เลาจน์

รวมทั้งแพ็คเกจเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ (Beverage Package)

*ตัวอย่างราคา Beverage Package 

  • Classic Soda Package: Non-Alcohol (Coca-Cola) = US $9.99 / Day
  • Deluxe Package (Selected Alcoholic) = US $52.00 / Day
  • Evian Bottled Water Package = US $39.00 / Adult

(*ตัวอย่างจากราคาสำหรับทริป 7 Nights Western Caribbean Cruise ปี 2019 ของเรือ Symphony of the Seas)

 

  1. ไม่รวมการซื้อทัวร์ชายฝั่ง

ที่ท่าเรือแต่ละแห่งนั้น คุณสามารถลงไปเที่ยวชมเมืองนั้นได้ตามที่ต้องการ โดยคุณอาจเดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเอง แต่จะต้องกลับมาให้ทันเวลาเรือออกจากท่า และหากคุณเสียเวลา หรือพลาดกลับมาไม่ทัน ทางเรือจะไม่สามารถจอดรอผู้โดยสารที่กลับมาไม่ทันเวลาได้ เรือจะออกจากท่าตามเวลาที่กำหนด และคุณจะต้องเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือต่อไปให้ทัน โดยที่จะต้องจัดการและออกค่าใช้จ่ายนั้นเอง ซึ่งหากเป็นการเดินทางข้ามประเทศ จะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

ทางเรือจึงจัดบริการทัวร์ชายฝั่งไว้บริการ ในทุกๆ ท่าเรือจะมีหลากหลายทัวร์ หลายราคา ให้คุณเลือกตามความพอใจ ซึ่งการซื้อทัวร์ที่จัดการโดยตัวแทนของเรือนี้ นอกจากจะสามารถทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้ล่วงหน้าแล้ว ยังได้รับความสะดวกอย่างมากเรื่องจุดรับและส่งขึ้นเรือ และตัดปัญหาเรื่องการกลับมาท่าเรือไม่ทันได้อย่างแน่นอน

 

  1. ไม่รวมบริการสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทั้งในส่วนของBusiness Center และอินเตอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi)

ขณะเรือจอดอยู่ที่ฝั่ง คุณอาจสามารถใช้บริการโทรศัพท์หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการปกติ (Roaming / Pocket Wi-Fi) แต่เมื่อเรือออกจากฝั่ง สัญญาณดังกล่าวจะไม่สามารถใช้ได้

การใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตบนเรือในขณะที่เรือออกเดินทางนั้น ทางเรือจะมีหลายแพ็คเกจให้ท่านเลือกใช้บริการในหลากหลายรูปแบบ เช่น

  • SURF: เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป เช็คงาน ส่ง E-mail, Social, Upload / Download
  • SURF & STREAM: กรณีต้องการสัญญาณที่แรงกว่า สำหรับ VDO Call หรือ Live สด

 

ท่านสามารถซื้อ Wi-Fi Package ได้จากรายการ Cruise Planner ในเว็บไซต์ของ Royal Caribbean International ก่อนที่จะเดินทาง หรือสามารถเช็คราคาแพ็คเกจจากผู้ให้บริการ VOOM SYSTEM เมื่ออยู่บนเรือ แต่การซื้อล่วงหน้าจะมีส่วนลด นอกจากนี้ยังมีราคาแพ็คเกจแบบใช้ 1, 2, 3 หรือ 4 เครื่องพร้อมกันซึ่งจะประหยัดขึ้นอีกเล็กน้อย

* ตัวอย่างราคาค่า Wi-Fi บนเรือ Royal Caribbean Cruise โดยประมาณ

  • Surf & Stream 1 Device   = US $13.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
  • Surf & Stream 2 Devices = US $20.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
  • Surf & Stream 3 Devices = US $23.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
  • Surf & Stream 4 Devices = US $26.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ

(*ตัวอย่างจากราคาสำหรับทริป 7 Nights Western Caribbean Cruise ปี 2019 ของเรือ Symphony of the Seas)

 

บริการอื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม อาทิเช่น

  • บริการรถรับ - ส่งระหว่างท่าเรือและสนามบิน
  • การซื้อสินค้าและบริการบนเรือ
  • บริการเสริมความงามและสปา
  • อาหาร ขนม และสิ่งของสั่งพิเศษสำหรับเทศกาลและโอกาสพิเศษ
  • เล่นคาสิโน
  • บริการทางการแพทย์
  • บริการซักรีด
  • บริการเช่าสูท หรือทักซิโด้
  • บริการโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศจากบนเรือจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะต้องต่อสัญญาณผ่านดาวเทียม และต่อเข้าผู้ให้บริการโทรศัพท์ทางไกลที่อเมริกา

 

หมายเหตุ

รายละเอียดแนะนำการเดินทาง และข้อมูลเรือในบทความนี้ ทีมงานนำเสนอข้อมูลบางส่วนจากเว็ปไซต์ทางการ และหนังสือคู่มือผู้เดินทางของสายเรือ Royal Caribbean Cruise ประจำปี 2019-2020  จุดประสงค์เพื่อให้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับท่านที่จะตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวทางเรือสำราญ

 

ค่าบริการต่างๆ ที่นำเสนอเป็นค่าบริการโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในแต่ละรอบการเดินทาง ทางเรืออาจมีการปรับเปลี่ยนค่าบริการบางอย่าง หรืออาจจัดโปรโมชั่นหรือส่วนลด ซึ่งท่านจะได้รับทราบข้อมูล และราคาที่แท้จริงเมื่ออยู่บนเรือในรอบการเดินทางนั้นๆ

 

รายละเอียดปลีกย่อยของขั้นตอนและการดำเนินการที่นำเสนอเป็นตัวอย่างไว้ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงโดยสายเรือสำหรับทริปการเดินทางนั้นๆ รวมถึงระบบการจัดการ ข้อกำหนดและระเบียบการต่างๆ ของการท่าเรือที่กล่าวถึงก็อาจมีการปรับปรุงตามความหมาะสมของสภาพการณ์ ณ วันที่ท่านเดินทาง ผู้เดินทางกรุณาตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งก่อนการเดินทาง จะได้รายละเอียดที่สมบูรณ์สำหรับทริปของท่าน