ภาพรวม Passion of the Seas  ของสายเรือ Royal Caribbean International

 

วันนี้เราจะพูดถึงเรือสำราญลำใหม่ล่าสุด ที่พร้อมจะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2019 นั่นก็คือ Passion of the Seas ของสายเรือ Royal Caribbean International ค่า เรือสำราญ Passion of the Seas มีขนาดน้ำหนัก 168,666 ตัน และเป็นเรือสำราญลำที่ 4 ที่อยู่ในตระกูลควอนตัมคลาสค่ะ เรียกรุ่นนี้ว่า Quantum-Plus Class เรือลำนี้มีการออกแบบทั้งภายใน และภายนอกที่คล้ายคลึงกับเรือสำราญ Pulse of the Seas (เรือน้องสาวที่รอเปิดตัวในปี 2020) เรือ  Quantum of the Seas, เรือ Anthem of the Seas, เรือ Ovation of the Seas  และ เรือ Spectrum Of The Seas นั่นเองค่า 

เรือแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว Passion of the Seas จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ เรือลำนี้สามารถใช้พลังงานขับเคลื่อนโดย LNG (Liquefied natural gas) และยังรวมเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cells) ที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ดีเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็น "Smart ships" ที่พร้อมบุกเบิกเทคโนโลยีอันทันสมัยในอุตสหกรรมเรือสำราญ รับรองได้ว่าจะไม่ทำให้เหล่านักเดินทางล่องเรือสำราญจากทั่วทุกมุมโลกผิดหวังอย่างแน่นอนค่า 

 

รออัพเดทเส้นทางล่องเรือสำราญ 

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Passion of the Seas 

   

   

รออัพเดทคลิปบรรยากาศในเรือ

 

  

ข้อมูลตัวเลข

 

 

 

ห้องพักบนเรือสำราญ

บนเรือสำราญ Passion of the Seas ภายในมีห้องพักที่กว้างขวาง มีทั้งแบบห้อง Studio สำหรับนักล่องเรือที่เดินทางเดี่ยว ห้อง Interior Virtual Balcony ห้องไม่มีหน้าต่าง มาพร้อมกับวิวระเบียงเสมือนจริง, ห้องมีหน้าต่าง Oceanview มาพร้อมกับบรรยากาศสบายๆ  หรือจะเลือกเป็นห้องมีระเบียงรับลมเย็นๆ พร้อมวิวสวยๆ ก็สามารถเลือกจองเป็นห้อง Balcony ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้สำหรับท่านใดที่จองห้องสวีทอย่าง Royal Suite Class หรือสูงกว่า หรือห้อง Ultimate Family Suite ท่านจะได้รับประสบการณ์อันเยี่ยมยอดที่มาในรูปแบบ All-inclusive จากสายเรือ Royal Caribbean อาทิเช่น มีบริการบัทเลอร์ส่วนตัว บริการรูมเซอร์วิทตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีเครื่องดื่มแบบ All-inclusive ฟรีค่าทิป ฟรีค่าอินเตอร์เน็ต เป็นต้นค่า

 

 

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ

สำหรับเรือสำราญ Passion of the Seas มีกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The North Star  กระเช้าลอยฟ้าชมวิวได้ 360 องศา ความสูงก็ราวๆ 300 ฟุต หรือ 91 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลนั่นเองค่า จุดนี้เป็นจุดไฮไลท์ที่ใครๆ ก็อยากขึ้นมาชมวิวมุมสูง เพื่อชมความงดงามของน่านน้ำมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่ มองเพลินไปไกล จนสุดลูกหูลูกตา แนะนำว่ารีบทำการจองล่วงหน้านะคะ เพราะจะมีคนต่อคิวกันเยอะทีเดียวในจุดนี้ หรือจะสนุกไปกับ RipCord by iFly เครื่องเล่นดิ่งผสุธาจำลองเอาให้มันส์กันสุดเหวี่ยง ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ควรค่าแก่การรอคอยค่า บอกได้คำเดียวว่าสนุกสุดๆ ไปเล๊ยยยนอกจากนี้บนเรือสำราญ Pulse of the Seas ยังมี Bionic Bar หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ที่คอยชงเครื่องดื่มให้เราได้ดื่มกันทั้งวันทั้งคืน ถือเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำบนเรือสำราญ รวมไปถึง เลานจ์ คลับ และสถานบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายบนเรือ เอาใจแขกทุกท่านให้มีความสุข และเพลิดเพลินไปตลอดทริปการเดินทางค่า

เรือสำราญ Pulse of the Seas เหมาะแก่การล่องเรือมาพักผ่อนกันทั้งครอบครัว เพราะบนเรือมีกิจกรรมที่เอาใจแขกทุกเพศทุกวัย ทั้ง น้องๆ นู๋ๆ วัยเด็ก วัยรุ่น และ ผู้ใหญ่ วันนี้เราเลยขอแนะนำกิจกรรมบนเรือที่หากใครได้มีโอกาศมาสัมผัสกับประสบการณ์อันสุดพิเศษต้องห้ามพลาดค่า

 

Royal Theater

ชมภาพยนตร์ 3D แบบสามมิติ หรือชมโชว์การแสดงสุดตระการตาไปกับกายกรรมผาดโผนสุดหวาดเสียวก็ตื่นเต้นจนต้องหลุดกรี๊ดออกมาดังๆ หรือหากใครที่ชื่มชอบการแสดงละครบอร์ดเวย์สนุกๆ ก็สามารถมากันได้ที่ Royal Theater เช่นกันค่า 


Music Hall

ฮอลล์สำหรับโชว์การแสดง พร้อมดนตรีสด ให้เหล่าแขกทุกท่านได้มาผ่อนคลาย และได้ปลดปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่ สถานที่แห่งนี้ในช่วงกลางวันจะมีกิจกรรมสนุกๆ ต่างๆ ให้เลือกทำไม่ว่าจะเป็น คลาสสอนเต้นรำ และกิจกรรมเวิร์คช้อปอีกมากมาย ส่วนในยามค่ำคืน เหล่าแขกที่รักในเสียงเพลง และงานปาร์ตี้ในยามค่ำคืนต้องห้ามพลาด มาร้องเล่นเต้นรำไปกับจังหวะดนตรีสนุกๆ สำหรับ Music Hall จะเป็นฮอลล์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 2 ชั้นค่า เป็นสถานบันเทิงแบบจัดเต็ม รับรองว่าไม่มีเบื่ออย่างแน่นอนค่า 

 

Two70° 

สำหรับ Two70° นั้นมีความสูงถึง 3 ชั้น ตั้งอยู่บนชั้น 5, 6 และ 7  ภายในห้องโอ่อ่า กว้างขวาง ผนังเป็นกระจกใสสูงโปร่ง ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ภายในโซนนี้เต็มไปด้วย เก้าอี้เรียงราย บาร์ เลาจน์ และคาเฟ่ เป็นจุดที่บรรยากาศดีที่สุดพร้อมกับวิวทิวทัศน์พาโนราม่า 270 องศา ที่สวยงามจับใจ ในยามค่ำคืนยังมีโชว์การแสดงต่างๆ อาทิเช่น โชว์กายกรรมสุดตื่นเต้นและหวาดเสียว การแสดงละครเวที รวมถึงการแสดงดนตรีสดต่างๆ ให้แขกผู้เข้าพักได้มีความสุข เรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกันกระหึ่มไปทั่วทั้งเรือค่า ที่สำคัญในช่วงยามเย็นที่นี่เปรียบเสมือนไนท์คลับของผู้ใหญ่ ที่มีทั้งฟลอร์เต้นรำสุดอลังการ พร้อมเครื่องดื่ม และความบันเทิงมากมายสุดคับคั่งตระการตา นัดผองเพื่อนมารวมตัวกันได้เลยค่า

 

Vitality Spa 

สปาแบบครบครัน ทุกท่านสามารถมาใช้บริการสปา ทั้งนวดตัว และขัดตัว บำรุงผิวพรรณ บำรุงและดูแลเล็บมือ เล็บเท้า เรียกได้ว่าดูแลความสวยความงามตั้งแต่หัวจรดเท้าค่า ยังมีห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ ห้องตัดผม ห้องเสริมสวย เรียกได้ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมี Fitness Center ที่มีอุปกรณ์การออกกำลังกายมากมาย ทั้งลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยาน และอุปกรณ์การออกกำลังกายอื่นๆ บอกได้คำเดียวว่าเอาใจคนรักสุขภาพเป็นที่ซู๊ดดด

 

Casino Royale

กิจกรรมสำหรับนักเสี่ยงโชค สามารถมาสนุกกันได้ที่คาสิโน ตั้งอยู่บนเรือสำราญ ภายในมีทั้ง สล็อต รูเล็ต และแบล็คแจ็ค และตู้เกมส์ ครบครันเป็นที่สุดค่า

 

Royal Esplanade

อีกหนึ่งโซนที่ได้รับความนิยม นั่นก็คือ Royal Esplanade เอาใจขานักช็อป ด้วยการเนรมิตถนนสายช็อปปิ้งถึงสองชั้น มีสินค้าปลอดภาษี และสินค้าแบรนด์เนมที่มีให้เลือกหลากหลาย หากใครที่กำลังมองหา น้ำหอม เครื่องประดับ แว่นตา นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และของที่ระลึกต่างๆ มากันได้ที่  Royal Esplanade ได้เลยจ้า

 

Bionic Bar 

หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ที่คอยชงเครื่องดื่มให้เราได้ดื่มกันทั้งวันทั้งคืน ถือเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำบนเรือสำราญ ตั้งอยู่บนชั้น 5 นะคะ 

 

Rock Climbing Wall

กิจกรรมสำหรับผู้ที่รักการปีนหน้าผา บนเรือสำราญ Spectrum of the Seas  หน้าผาจำลองบนชั้นดาดฟ้า ด้วยความสูง  30 ฟุต  เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่ธรรมดาจริงๆ "ปีนจนเหนื่อย ทำเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียวคร๊า"  ที่นี่เขามีอุปกรณ์รองเท้าปีนเขา และหมวกกันน็อคไว้ให้ค่า และเด็กอายุตั้งแต่ 6-12 ปี ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองด้วยนะคะ

 

RipCord by iFly 

เครื่องเล่นดิ่งผสุธาจำลองเอาให้มันส์กันสุดเหวี่ยง ตั้งอยู่บนชั้น 16 อีกหนึ่งกิจกรรมที่ควรค่าแก่การมาลองเล่นค่า บอกได้คำเดียวว่าสนุกสุดๆ ไปเล๊ยยย อิอิ

 

FlowRider 

เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเซิร์ฟบอร์ดโต้คลื่น มันส์ๆ อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ที่ใครได้ขึ้นเรือสำราญของสายเรือ Royal Caribbean ต้องห้ามพลาด 

 

SeaPlex

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมี SeaPlex  ที่นี่เปรียบเสมือนลานกีฬาในร่ม เหมาะสำหรับทำกิจกรรมสนุกๆ ไปพร้อมๆ กันทั้งครอบครัว ลานนี้สามารถเล่นได้ทั้งบาสเก็ตบอล ฟุตบอล ปิงปอง หรือเปลี่ยนเป็นลานสเก็ตก็สนุกไม่แพ้กัน รวมถึงกิจกรรมยอดนิยมอย่าง รถบั๊ม ที่มีรถทั้งหมด 18 คัน เรียกเสียงกรี๊ดกันแบบรัวๆ ลานแห่งนี้ยังสามารถเปลี่ยนเป็นฟลอร์เต้นรำในยามค่ำคืนได้อีกด้วยค่า

ขอบคุณเครดิตภาพจาก https://www.cruisemapper.com/ships/Passion-Of-The-Seas-1818

 

Adventure Ocean 

โซนสำหรับน้องๆ นู๋ๆ ตั้งอยู่บนชั้น 16 ค่า ซึ่งพื้นที่ภายในจะถูกแบ่งเป็นตามโซน เหมาะแก่เด็กที่มีพัฒนาการไปตามวัย ตั้งแต่ห้อง Aquanauts (อายุ 3-5 ปี) ห้อง Explorers (อายุ 6-8 ปี) และ ห้อง Voyagers (อายุ 9 -11 ปี) เป็นต้นค่า กิจกรรมมีทั้งเกมส์สนุกๆ ฝึกวาดภาพ ระบายสี ฝึกทำผลงานศิลปะต่างๆ ด้วยตนเอง และกิจกรรมพัฒนาทักษะอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสำหรับเด็กทารกเบบี๋ ที่เรียกว่า Royal Babies สำหรับทารกอายุต่ำกว่า 6-18 เดือนอีกด้วย นอกจากนี้ภายในยังมีสถานรับเลี้ยงเด็กบนเรือ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนั่นเองค่า ติดตามได้เพิ่มเติมจาก สายเรือสำราญ Royal Caribbean ที่เด็กๆ รักมากที่สุด สนุกจนไม่อยากกลับบ้าน

 

 

ห้องอาหารหลัก และ ห้องอาหารพิเศษ 

บนเรือสำราญ Passion of the Seas มีร้านอาหารให้เลือกใช้บริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารหลัก เปิดให้ทานฟรี และมีให้บริการทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ The Grande, Chic Restaurant, American Icon Grill และ The Silk ห้องอาหารทั้งสี่เต็มไปด้วยเมนูอาหารที่หลากหลาย อร่อยเลิศ รวมทั้งการนำเสนออาหารในรูปแบบต่างๆ จะใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และสดใหม่ ถือเป็นประสบการณ์ล่องเรือสำหรับผู้ที่รักการกิน ให้ได้ประทับใจแบบไม่รู้ลืมไปเลยค่า ห้องอาหารทั้งสี่ที่ว่านี้แนะนำให้ทำการจองล่วงหน้านะคะ  เราลองมาดูกันเลยค่ะว่า บนเรือสำราญลำใหม่ลำนี้ จะมีร้านอาหารอะไรที่น่าสนใจบ้าง

 

The Grande

หนึ่งในสี่ของห้องอาหารหลัก Main dining rooms บนเรือสำราญ นำเสนออาหารในรูปแบบนานาชาติ ที่หลากหลาย รวมไปถึงเมนูอาหารตามสั่งอื่นๆ อีกมากมาย

 

Chic Restaurant

หนึ่งในสี่ของห้องอาหารหลัก อาหารสไตล์ร่วมสมัย รสชาติอาหารอร่อยถูกปากอย่าบอกใครไปเลยค่า

 

American Icon Grill

ห้องอาหารสไตล์อเมริกัน ต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้า มีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย อาทิเช่น กุ้งล็อบสเตอร์รสชาติเยี่ยม แซลมอน สำหรับคนรักอาหารประเภทย่าง มีทั้ง อกไก่ เนื้อแกะ และ เนื้อวัวย่างอย่างดี รวมไปถึง ลาซานญ่า สลัด และ อื่นๆ อีกมากมาย ตบท้ายกันด้วยเมนูของหวานกอย่างช็อกโกแลตเค้ก บอกได้คำเดียวว่า ฟินที่ซู๊ดดดดด

 

The Silk  

ห้องอาหารที่ได้รับการตกแต่งสไตล์เอเชีย มีเมนูที่หลากหลาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในรสชาติอาหารเอเชียต้องห้ามพลาดนะคะ

 

Windjammer Marketplace

ห้องอาหารสไตล์บุฟเฟต์ เปิดให้บริการในช่วงมื้อเช้าเวลา  6:30-11:30 น. มื้อกลางวันเวลา 11:30-15:30 น. และมื้อค่ำเวลา 6:30-21:00 น. ภายในกว้างขวางเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ มีไลน์บุฟเฟต์แบ่งเป็นสถานี มีทั้งอาหารจีน และ อาหารนานาชาติทั่วไป ได้แก่ สลัด เนื้อ ไส้กรอก แฮม แซนวิช ขนมปัง คุกกี้ และผลไม้ เป็นต้นค่า

 

Johnny Rockets 

รับประทานฟรี เมนูมีทั้ง เบอร์เกอร์ เฟรนฟราย ขนมปังปื้ง พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งทานกันได้ด้วยบรรยากาศเพลินๆ สบายๆ เต็มไปด้วยผู้คนที่มีชีวิตชีวา ทั้งช่วงเช้าสายๆ กลางวัน และ ช่วงเย็นๆ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักเดินทางล่องเรือเลยก็ว่าได้ค่ะ

 

La Patisserie

เป็นร้านกาแฟ และร้านช็อกโกแลตค่า ภายในมีทั้ง เค็ก ขนมปัง คุ๊กกี้ เหมาะเป็นสถานที่นั่งสุดชิว นัดพบปะเพื่อนฝูงและพูดคุยกันได้เพลินๆ ในตลอดทั้งวันค่า

 

Wonderland Imaginative Cuisine

เป็นห้องอาหารแห่งโลกจินตนาการ ด้วยการตกแต่งที่เปรียบเสมือนอยู่ในเทพนิยาย วิธีการดูเมนูอาหารก็เก๋ไก๋ ด้วยการใช้พู่กันระบายที่กระดานขาว และเมนูก็จะปรากฎขึ้นมาทันทีค่า การนำเสนออาหารก็ครีเอทีพ รังสรรค์ และปรุงแต่งอย่างพิถีพิถัน หากใครได้ขึ้นเรือลำนี้ ต้องห้ามพลาดมากันได้ที่นี่นะคะ

 

Chops Grille

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งห้องอาหารยอดนิยม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทานสเต็ก และซีฟู๊ด ต้องมากันที่นี่ค่ะ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เมนูมีมากมายหลากหลาย เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง ซุปเห็ดร้อนๆ ตามมาด้วยสลัด ไปจนถึงเมนูอาหารจานหลักอย่าง สเต็กเนื้อวัวอย่างดี เมนูซีฟู๊ด กุ้งล็อบสเตอร์ หอยเชลล์ย่าง ทูน่าย่างหอมกรุ่น และที่สุดของความอร่อยคงต้องยกนิ้วโป้งให้กับซี่โครงย่าง อร่อยอย่าบอกใครเลยหล่ะค่า

 

Prime 

เป็นห้องอาหารพิเศษที่มีค่าใช้จ่ายต่อท่านเพิ่มเติมค่ะ ห้องอาหารแห่งนี้ให้บรรยากาศแบบเป็นส่วนตัวที่สุด รองรับแขกได้เพียง 14 ท่านเท่านั้นค่า

 

Sorrento’s

อาหารอิตาเลี่ยน เอาใจคนชอบทานพิซซ่า เปิดให้บริการสำหรับมื้อเที่ยงจนถึงตีสาม ระหว่างเวลา 11:30-03:00 น. Sorrento’s เป็นร้านพิซซ่าหอมกรุ่น อุ่นจากเตา ทำมาจากแป้งสดใหม่ หอมละมุน โรยหน้าด้วยชีสนุ่มๆ ยังมีเมนู ไก่บาร์บีคิว และเมนูของหวานตบท้ายทั้งไอศกรีม และช็อกโกแล็ต ที่นี่ยังมีบริการเครื่องดื่มอีกมากมาย (สำหรับเครื่องดื่มต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่า)

 

Izumi

เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแท้ รสชาติอาหารแบบต้นตำหรับแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ร้านนี้ถือเป็นร้านยอดนิยมที่สุดก็ว่าได้ เมนูมีทั้ง ชูชิ ซาซิมิ สุกิยากิ โรลแซลมอนกับเนื้อปู อุด้งกุ้งกับไก่ และข้าวปั้นหน้าต่างๆ เมนูย่างอื่นๆ ทั้งไก่ เนื้อ และยังมี สลัดวาซาเมะ รวมไปถึงอาหารทะเลระดับพรีเมียม กุ้ง ปลาไหล ปลาทูน่า และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับห้องอาหารพิเศษนี้ต้องทำการจองล่วงหน้า และ รองรับแขกได้เพียง 73 ที่นั่งเท่านั้นค่า 

 

The Cafe @ Two70°  

เปิดให้บริการสำหรับมื้อเช้า 7:30-11:00 มื้อกลางวัน/มื้อค่ำ เวลา 11:30-17:30 ร้านคาเฟ่นี้ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องโถงใหญ่ Two70 มีโต๊ะและโซฟาให้นั่งชิลมากมาย อาหารมีตั้งแต่สลัด ซุปร้อน แซนวิสเย็น และร้อน ขนมปัง โยเกิร์ต และผลไม้ มีกาแฟอุ่นๆ และชาร้อนไว้จิบไป นั่งชมวิวทะเลไปค่ะ แถมตรงบริเวณนี้มีโชว์ดีๆ ให้ดูตลอด 

 

Coastal Kitchen

ห้องอาหารแห่งนี้เปิดให้บริการเฉพาะแขกที่เข้าพักห้องสวีทเท่านั้นค่า บรรยากาศภายในเงียบสงบ อาหารเน้นเพื่อสุขภาพ เปิดให้บริการทั้งสามมื้อ เช้า กลางวัน และมื้อค่ำ ค่า

 

Solarium Bistro

มีเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เปิดให้บริการสำหรับ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และ สำหรับมื้อค่ำที่นี่จะกลายเป็นร้านอาหารและจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ (เฉพาะมื้อค่ำ) เมนูมีทั้ง ใส้กรอก เบคอน ไก่งวง สลัดบาร์ ปลากระพงนึ่ง ปลาแซลมอนและทูน่า อื่นๆ อีกมายมาย

 

SeaPlex Dog House

รับประทานฟรี สำหรับใครที่ชอบทานฮอทดอกร้อนๆ แนะนำให้มาที่ SeaPlex Dog House เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.30 น. - 19.00 น. เมนูอาหารจานด่วน หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เมนู มีทั้ง ฮอทดอกให้ทานเล่น พร้อมขนมปัง และส่วนผสมมากมาย และมีชอสหลากหลายชนิดให้เลือกอีกด้วยค่า

 

ขอบคุณเครดิตภาพจาก https://www.cruisemapper.com/ships/Passion-Of-The-Seas-1818