กลัวเมาเรือ

สำหรับท่านที่กลัวเมาเรือ ขอตอบในฐานะคนเคยเมาเรือมาก่อนนะคะ 55555
เรื่องการเมาเรือนี้ ขึ้นอยู่กับว่า เรือที่เราล่อง เจอกับคลื่นลมมรสุมหรือพายุหรือเปล่า
อย่างที่หญิงปุ๊กไปทริปนี้ เรียกได้ว่า เรือนิ่งสนิท รู้สึกเหมือนเรืออยู่เฉยๆ ไม่รู้ตัวเลยว่า เรือกำลังเคลื่อนอยู่
น้ำในแก้วแทบไม่กระดิกอ่ะ เพราะวิ่งใกล้ๆแค่สิงคโปร์ มาเลเซีย ไปแค่ 3 คืนด้วย

แต่หากเส้นทางที่เราล่อง คือ ข้ามมหาสมุทร หรือ ข้ามทะเลไปเกาะกลางมหาสมุทร
ย่อมมีโอกาสที่เราจะเจอคลื่นแรง อาจจะทำให้เรือแกว่งได้ และถ้าเราไปทริป 10 คืน
ก็มีโอกาสจะเจอได้มากกว่า 3 คืน

และยังขึ้นอยู่กับฤดูด้วยค่ะ ถ้าเราเที่ยวหน้าลมสงบ คลื่นก็สมูท เรือก็ลอยชิว
แต่ถ้าเที่ยวหน้ามรสุม คลื่นย่อมแรง และเรือย่อมโยก เหมือนเล่นเรือไวกิ้งในสวนสนุก 555

และสุดท้าย เรือลำใหญ่ และใหม่ๆ โอกาสที่จะแกว่งก็น้อยกว่าเรือลำเล็กและเก่า
เรือที่ไฮเทค เทคโนโลยีการทรงตัวก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอนค่ะ
คล้ายๆ เครื่องบินอ่ะค่ะ ลำเล็ก ลงทีวูบๆ ถ้าลำใหญ่ ก็นิ่มกว่า

ถ้ากลัว แต่อยากไป หญิงปุ๊กขอแนะนำให้ เดินทางแบบ 3-5 คืนก่อน
ถ้าเส้นทางวิ่งเลาะตามแนวชายฝั่งก็ไม่ค่อยมีปัญหา แล้วก็เลือกฤดูที่ไม่มีฝนจ้า
ต้องถามก่อนว่า อยากไปเที่ยวที่ไหน

เวลาจองบอกบริษัททัวร์ไปเลย กลัวฝน กลัวคลื่น หนูเมารัก เมาเรือง่าย ขอไปลำใหญ่ และใหม่ค่ะ
แต่อย่าใหญ่เกินไปนะ ถ้าไม่ชอบคนเยอะ วุ่นวาย เพราะมันหนาแน่นจริงๆ

สุดท้าย ถ้าสมมติว่า ขึ้นไปละกลัวเมา แอร่ก.. กินยาแก้เมารถไปก่อนเลยวันแรก
และถ้าคิดว่าไหว ก็หยุดกิน แต่ถ้าไม่ได้กินไปก่อน เวลารู้สึกเวียนหัว ให้หลับตาและนอนลงค่ะ
นอนหลับไปเลยก็ได้ พอคลื่นสงบแล้วค่อยตื่น

แต่ถ้าเมาไปแล้ว ไม่ต้องกินยาละนะคะ เพราะแป๊บนึง เราจะอาเจียนอยู่ดี แนะนำให้นั่งกอดชักโครก
เห็นเป็นเพื่อนยามยากที่ดีที่สุดในเวลานั้น ตอนนั้นหญิงปุ๊กเมา เพราะเรือมันมีคลื่นแรง ควรจะนอนพัก
แต่ดันต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เพราะเป็นวันสุดท้ายที่จะขึ้นเรือแล้ว
เลยก้มๆ เกยๆ เดินไป เดินมา อนาจใจยิ่งนัก ผู้ร่วมเดินทางคนอื่นสบายดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดจ้ะ

สุดท้ายจะบอกว่า เรือสำราญในภาวะปกติ วิ่งเบากว่าแมวย่องอีกค่า

 

การขอวีซ่า

ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหน ต้องศึกษาข้อมูลเรื่องวีซ่าให้ดีๆ นะจ๊ะ
เราต้องตรวจสอบว่าประเทศที่เรากำลังจะไปเยือนนั้น ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศหรือไม่
สามารถเช็คข้อมูลได้จากสถานกงสุล หรือจากสถานทูตประเทศนั้นๆ ค่ะ
เน้นย้ำว่า ตรวจสอบดีๆ พลาดแล้วจะอดไป เสียเวลา เสียเงินและเสียใจนะจ๊ะ

สำหรับทริปของหญิงปุ๊กที่ไปเยือนยุโรป จำเป็นต้องมีวีซ่าเชงเก้น แบบเข้าออกหลายครั้ง
ปุ๊กก็เตรียมเอกสารรายละเอียด และหลักฐานต่างๆ ของผู้ที่จะเดินทางให้เรียบร้อย
แล้วก็ไปยื่นขอวีซ่าที่สถานทูต เพื่อรอพิจารณา และรับเล่มคืนค่ะ
เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ออกไปเฟี้ยวได้ แต่อย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ไม่ต้องใช้วีซ่า ก็สบายจ้า
ไม่ต้องทำอะไร จองแล้วลุยโลด ฮิฮ่า..!!

 

อยากล่องเรือ Quantum of the Seas เรือลำนี้จะพาเราไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

ช่วงปี 2015-2016 เรือลำนี้จะเดินเรืออยู่แถวเอเชีย คือแวะจอดที่ท่าเรือประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้จ้ะ
มีทริปช่วงเวลา 4-8 วัน ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.cruiseshipschedule.com/royal-caribbean/quantum-of-the-seas-schedule/
หรือ https://secure.royalcaribbean.com/cruises price_max=1000000.0 cyCode=USD&shipCode_QN=true tPage=0&action=update

 

อยากล่องเรือสำราญ ควรเริ่มต้นยังไงดี

ควรตั้งเป้าหมายการเดินทางก่อนจ้ะ 555 ถามตัวเองก่อนว่าต้องการอะไรจริงๆ
จะไปทริปในฝันทั้งที ต้องคิดให้ดี ไม่ใช่ว่า ไปที่ไหนก็ได้ เรือลำไหนก็ได้
เจาะจงเลือกที่ชอบ แบบว่าโดนใจมว๊ากกกกด้วย

1. เลือกตามเรือสำราญที่ชอบ อยากไปลำนี้ ต้องขึ้นเรือลำนี้เท่านั้น ก็ให้เลือกเฉพาะเจาะจงเรือ
แล้วดูว่ามันวิ่งไปทางไหน ผ่านประเทศอะไรบ้าง แล้วเราค่อยตัดสินใจเลือกว่าจะจองที่มันแวะท่าเรือไหนดี
ลองเข้าไปดูข้อมูลก่อนว่า ชอบเรือแบบไหน ใหญ่ กลาง เล็ก เรือใหญ่ คนเยอะหนาแน่น บรรยากาศคึกคัก
เรือขนาดกลางก็จะเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย เรือขนาดเล็กส่วนใหญ่จะวิ่งได้ระยะทางไม่ไกลค่ะ
ถ้าเราไปไกลๆ ก็ควรเลือกเรือไซส์ขนาดกลางๆ ใหญ่ๆ หน่อย เรือจะได้ไม่โคลง เมื่อเจอคลื่นลมแรงๆค่ะ
อันนี้แล้วแต่ช่วงเวลา และมรสุมในแต่ละมหาสมุทรด้วยจ้า และดูว่าในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง
ห้องอาหาร บาร์ เวทีการแสดง ร้านค้า คาสิโน และดูว่า คนส่วนใหญ่บนเรือ เป็นสไตล์แบบไหน
บางลำเป็นคนสูงอายุ วัยหลังเกษียณ บางลำเป็นเด็กเยอะ

นอกจากนี้ก็เลือกห้องพักตามงบและความชอบ เลือกห้องแบบธรรมดา ถ้าต้องการความคุ้มค่า
ห้องมีหน้าต่างไว้มองวิวและบรรยากาศภายนอก โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็นที่เรือเทียบท่า
และออกจากท่า ห้องมีระเบียง ทำให้ออกไปถ่ายรูปได้ หรือห้องสวีท ห้องกว้างขวางสะดวกสบาย แต่ราคาสูง
บางคนที่ไม่ซีเรียส ไม่ค่อยได้อยู่ในห้องนอน อยู่แต่พื้นที่ส่วนกลางบนเรือ จองห้องเล็กก็โอเคแล้วค่า

ส่วนตำแหน่งของห้องบนเรือ ดูได้จากผังเรือ ในเว็บสายเรือค่ะ
ดูว่าห้องแบบที่เลือกอยู่ชั้นไหน เราต้องการห้องใกล้ลิฟท์ ใกล้ร้านอาหาร หรือห้องที่รถเข็นเข้าได้
และในความเห็นส่วนตัวของปุ๊ก ห้องที่อยู่ชั้นบนๆ ของเรือจะมีราคาแพง เพราะเห็นวิวสูง
และความสั่นสะเทือน กับเสียงของเครื่องขณะเดินเรือ จะน้อยกว่าชั้นที่อยู่ล่างๆ และห้องที่อยู่ตรงกลางๆ
เรือก็จะโคลงน้อยกว่าห้องที่อยู่หัวเรือ หรือท้ายเรือ แต่ห้องที่อยู่หัวเรือและท้ายเรือ จะได้วิวหน้าต่าง
หรือระเบียงที่กว้างกว่าห้องตรงกลาง การเลือกห้องขึ้นอยู่กับความชอบของผู้เดินทาง และงบประมาณที่มีจ้า

2. เลือกตามจุดหมายปลายทาง ให้ความสำคัญกับที่ๆต้องการจะไป เช่น อยากไปเวนิส โรม ประเทศอิตาลี
ไปซานโตรินี่ ประเทศกรีซ หรืออยากไปอลาสก้า ใจจะขาด ก็ดูเลยค่ะว่า ท่าเรือนั้น มีสายเรือไหนบ้างที่ให้บริการ
และมีเรือลำไหน วิ่งช่วงเวลาใดบ้าง แล้วก็เลือกตามเวลาที่เราสะดวก

ข้อดีคือ เรือสำราญสามารถพาเราไปเที่ยวได้ทุกที่ในโลกที่มีท่าเรือ
พูดง่ายๆก็คือ ไปเที่ยวเมืองที่อยู่ติดทะเลรอบโลกนั่นเอง
เราสามารถเช็คแผนที่โลก และโปรแกรมการเดินทางได้จากเว็บไซด์เรือสำราญ
แต่ถ้าให้แนะนำ เส้นทางสวยๆ เริ่มต้น ก็น่าจะเป็นแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอลาสก้า
แต่เมืองสวยๆ รอบโลกก็เยอะมากๆ เลือกไม่ถูกเลย ฉะนั้น อยากไปไหน ก็ตามแต่โอกาสจะอำนวยค่า

นอกจากนี้ เราสามารถเช็คเส้นทางที่เรือไปจอดเทียบท่าได้ว่า แต่ละท่าเรือที่จอด มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
มีทัวร์อะไรบ้าง ทั้งแบบฟรี และเสียเงินเพิ่ม
อย่างอิตาลี ท่าเรือที่ต้องจอดเลย ก็คือ เวนิส ไปนั่งเรือกอนโดล่า โรม ดูโคลอสเซียม ไปปิซ่า ดูหอเอน

3. เลือกตามราคา ขอทริปที่ถูกที่สุด คุ้มค่าที่สุด หรือมีโปรโมชั่นดีที่สุด ไปเที่ยวก็ไหนก็ได้ไม่ว่ากัน
แบบนี้ก็ต้องคอยติดตามราคาอย่างใกล้ชิดจากบริษัททัวร์ว่า ตอนนี้มีโปรอะไรดีๆบ้าง
ลดเยอะปุ๊บ จองปั๊บ แล้วค่อยเคลียร์คิว จัดไป

4. เลือกตามแบรนด์และเกรดของสายเรือ ตอนนี้มี 20 กว่าสายเรือ
แต่ละสายเรือก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมือนโรงแรมค่ะ
คือเราต้องเลือกว่า อยากได้สายเรือแบบหรูหรา (ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ วัยหลังเกษียณ) แบบสวีท (เป็นคู่รัก)
แบบคุ้มค่า (เป็นเพื่อน) หรือแบบครอบครัว (เป็นครอบครัวมีเด็ก)
ถ้าเลือกหรูหรา การตกแต่งในเรือ ห้องนอน ห้องอาหารก็จะเป็นแบบหรูหราทั้งหมด
ถ้าเลือกเรือของดิสนีย์ การตกแต่งก็จะเป็นการ์ตูน ห้องนอนการ์ตูน มีสวนน้ำการ์ตูนๆค่ะ
ถ้าเลือกแบบกิจกรรมเยอะ ก็จะมีเครื่องเล่นมากมายให้เลือกทำ บางลำมีสวนน้ำ บางลำมีโหนสลิง ปีนเขา
เล่นเสิร์ฟ แล้วแต่ลำ ค่อยๆ มาดูรายละเอียดปลีกย่อยว่าแต่ละลำมีอะไรเด่น

5. เลือกตามจำนวนวันที่สะดวกเดินทาง
มีตั้งแต่ 1-2 คืน 3-5 คืน 6-8 คืน 9-11 คืน หรือ 12 คืนขึ้นไปค่ะ
หรือจะแบบสองอาทิตย์ เป็นเดือนๆก็มี ดูด้วยว่าอยากเดินทางจากเมืองไหนไปเมืองไหนค่ะ ไ
ม่กี่วันก็ไปได้แค่ใกล้ๆ ถ้าอยากแวะหลายเมืองที่อยู่ไกลกัน ก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์
หรือมีเวลาว่างแค่ช่วงวันปีใหม่ กับวันสงกรานต์ ก็ระบุเวลา แล้วหาว่ามีเรือลำไหนล่องอยู่ตรงไหนบ้าง

อย่าลืมเช็คจำนวนวันที่ไม่ได้จอดเทียบท่าด้วยนะคะ คือวันที่ล่องเรือทั้งวัน ล่องเรือฟรี
เราจะต้องอยู่บนเรือทั้งวัน ไม่ได้เที่ยวบนฝั่ง แต่ว่าเค้าก็จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำ เช่น
มีปาร์ตี้อาหารบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ด มีแสดงโชว์พิเศษ หรือจะนอนชิลริมสระว่ายน้ำ
มันมีกิจกรรมให้ทำมากมายอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเบื่อ
ยังไงก็ตาม ควรเลือกวันที่ต้องอยู่บนเรือทั้งวันให้น้อยๆหน่อย จะได้คุ้มๆค่ะ
ไหนๆก็ได้ไปเที่ยวแล้ว ไปชมเมืองบนฝั่งที่น่าสนใจในแต่ละประเทศดีกว่าจ้า

6. เลือกตามฤดูกาล ให้ได้ช่วงเวลาที่ชอบมากที่สุด
อลาสก้า ช่วงเวลาที่เหมาะสม สามารถเริ่มได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปถึงกันยายน
โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงพีค
เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นที่สุด อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนก็ชื่นชอบที่จะเดินทางในฤดูใบไม้ผลิ
กับฤดูใบไม้ร่วง ดูสีสันของต้นไม้ ในราคาที่ประหยัดกว่า

ยุโรป ฤดูท่องเที่ยวคือ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่มีแสงอาทิตย์มาก
ท้องฟ้าแจ่มใส มีเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน มีดอกไม้บาน ทะเลสวย
ร้านค้าและร้านอาหารคึกคัก มีหลายเทศกาลและงานแสดงศิลปะจัดขึ้นในช่วงซัมเมอร์
ฤดูที่สามารถเที่ยวได้อย่างคุ้มค่า คือ ต้นฤดูใบไม้ผลิ และปลายใบไม้ร่วง
ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ทำให้การเดินทางสะดวก ผู้คนไม่หนาแน่น
และมีโปรโมชั่นส่วนลดมากมาย

-แคริบเบียน สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
-เอเชีย สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
-เบอร์มิวด้า เที่ยวได้เฉพาะเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ช่วงพีคจะอยู่ช่วงมิถุนายนถึงสิงหาคม

 

ค่าใช้จ่ายบนเรือสำราญมีอะไรบ้าง

ค่าใช้จ่ายบนเรือ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละลำเลยค่ะ
แบบปกติ ส่วนใหญ่ค่าห้องพัก ค่าอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆบนเรือ
จะรวมอยู่ในค่าห้องพักแล้ว ได้แก่ สระว่ายน้ำ หน้าผาจำลอง สนามไอซ์สเกท เครื่องเล่นสวนน้ำ
หอดูดาว สนามโต้คลื่นจำลอง ลานโบว์ลิ่ง โหนสลิง สนามกอล์ฟขนาดเล็ก พวกนี้รวม
แต่พวกบาร์ต่างๆ ร้านอาหารแบบพิเศษ และค่าทัวร์ท่องเที่ยว เป็นแบบเสียเงิน หรือจ่ายเงินเพิ่ม

ยังไงก็ตาม มีบางสายเรือที่เป็นแบบ All inclusive แปลว่ารวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างบนเรือ
และบนฝั่งไว้แล้ว แปลว่ากินดื่มทุกอย่างไม่อั้น และเลือกทัวร์ไปเที่ยวได้หมด
ไม่ต้องกังวลเลย คือจ่ายเน็ทไปหมดแล้วจ้า

และที่เหมือนๆ กันคือ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เป็น extra เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า
ค่าเดินทางไปกลับท่าเรือ ค่าสปา ค่าคาสิโน ค่าช้อปปิ้ง และค่าบริการดูแลเด็ก

 

คิดราคายังไง มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง

รายละเอียดเรื่องราคาและโปรโมชั่น มีค่อนข้างมาก มีเป็นร้อยอย่างเลย
เงื่อนไขโปรโมชั่นก็แล้วแต่เส้นทางเลยค่ะ ราคาขึ้นลงอีก ทั้งส่วนลด % ตั๋วเครื่องบิน อัพเกรดห้อง เครดิตใช้บนเรือ
ค่าทัวร์เที่ยว ค่าอาหาร เครื่องดื่ม แพคเกจ 2 แถม 1 หรือ ล่องเรือคนเดียว และอีกมากมาย
ปกติพักได้สองท่าน สองท่านนี้จ่ายราคาปกติ แต่ถ้ามีท่านที่สาม จะจ่ายถูกลงเกือบครึ่ง
ใครอยากให้คุ้ม นอนสามคนนะจ๊ะ ถ้าจะศึกษาเอง ก็ต้องอ่านทุกรายละเอียด ลองเข้าไปจอง กดดูเงื่อนไขทีละอันๆ
ซึ่งเค้าจะมีอธิบายไว้ค่ะ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็เอาชื่อเงื่อนไขนั้น ลองไปหาในกูเกิ้ลอีกที มีคนเคยสงสัยเหมือนเรา
และก็จะมีคนมาตอบและอธิบาย รีวิวจากคนที่เคยไปมาแล้ว สำคัญมากค่ะ เราจะเห็นภาพ พอนึกออกคร่าวๆ นะคะ

ถ้าไม่อยากปวดหัว ซื้อทัวร์แบบเหมา ที่บริษัททัวร์ขายเลยค่ะ มีแบบซื้อแค่ตั๋วเรือ
กับมีแบบรวมไกด์คนไทยไปช่วยอำนวยความสะดวกให้ด้วย

ลักษณะการคิดราคา ถ้าแบบหรู ก็มีแถมตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรมก่อนขึ้นเรือ และหลังลงเรือ
หรือให้บริการรับส่งมาที่ท่าเรือ เป็นต้นค่ะ ถ้าเราจะเน้นความคุ้มค่า ก็ต้องศึกษาให้ละเอียด เพราะบางทีค่าห้องถูก
แต่พอรวมค่าจิปาถะนั่นนี่ แพงกว่าแบบเหมาอีก เราต้องดูว่า เราอยากใช้
หรืออยากประหยัดกับอะไรอ่ะค่ะ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์

และที่สำคัญที่สุดคือ ภาษาอังกฤษ ต้องใช้สื่อสารได้ดีหน่อยนะคะ เพราะเดี๋ยวอ่านหรือฟังแล้ว
แปลผิดๆ ถูกๆ ทำให้เข้าใจผิด และเกิดเซอร์ไพรส์แบบหงายเงิบ ระหว่างไปเที่ยวนะจ๊ะ
เนื่องจากลูกเรือ แขก และไกด์ท้องถิ่น ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก
และก็มาจากประเทศต่างๆทั่วโลก สำเนียงภาษาอังกฤษก็ตามสัญชาติค่ะ อาจจะฟังยากสักหน่อย
ถ้าเราพาคนที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดีไปด้วย ทุกปัญหาจะมีทางออก แต่ถ้าไม่ได้ภาษา
ทุกทางออกจะมีแต่ปัญหาค่ะ 555 แต่ถ้ามั่นใจในตัวเอง ก็ลุยโลดเลยค่า คนไทยเอาตัวรอดเก่ง ไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แว้วววว

 

เลือกยังไงให้ได้ราคาคุ้มที่สุด และดีที่สุด

หญิงปุ๊กแนะนำให้ติดต่อกับบริษัททัวร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายล่องเรือสำราญในไทย หรือบริษัททัวร์
เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ให้ชัดเจนนะคะ ยังไงก็ตาม เราก็ควรจะศึกษาข้อมูลเองบ้างระดับนึง รายละเอียดมันเยอะ
คือมันต้องผ่านการคิดการตัดสินใจมาเป็นร้อยตลบ กว่าจะเลือกได้ 555
เพราะเราต้องอยู่และนอนบนเรือ เป็นระยะเวลาหลายๆคืน ควรหาที่ชอบ และคุ้มค่าถูกใจเราที่สุด
แล้วอย่าลืมทานพาราครั้งละ 2 เม็ด ก่อนศึกษาข้อมูลนะคะ 555 ด้วยความเป็นห่วง
ค่อยๆหาข้อมูลสักสองอาทิตย์ แล้วจะค่อยๆคุ้นเคยว่า อะไรคืออะไร

การล่องเรือก็เหมือนกันการท่องเที่ยวรูปแบบอื่นๆ ที่จะมีช่วงไฮซีซั่น กับโลว์ซีซั่น
และส่งผลกระทบกับราคา ตามดีมานและซัพพลาย ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ห้องพักก็จะถูกจองมาก ถูกจองเร็ว และมีราคาสูง
แต่หากอยากได้ช่วงที่คุ้มค่าที่สุด ก็ไปล่องเรือช่วงโลว์ซีซั่นค่ะ
จริงๆ ก็เหมือนระบบโรงแรมเลย บางสายเรือจะมีจัดโปรโมชั่นเป็นระยะๆ ลดราคาเป็นพิเศษ คือต้องเข้าไปเช็คเรื่อยๆเอง
บางทีการจองก่อนนานๆๆ ก็ได้ราคาดี บางทีจองแบบนาทีสุดท้าย เราก็จะได้ราคาดีค่ะ

แล้วก็ดูของแถมด้วย เช่น ฟรีอัพเกรด ได้เครดิตมาใช้บนเรือไหม เป็นค่าใช้จ่ายบนเรือ ค่าอาหาร
ค่าเครื่องดื่มทั้งแบบทั่วไป และแอลกอฮอล์ ได้ฟรี wifiไหม เพราะถ้าไม่ฟรี จะชาร์ทแพงมาก
บนเรือต้องใช้เน็ตจากดาวเทียมนะคะ ในทะเลคลื่นมือถือไม่ครอบคลุม
ค่าทัวร์ท่องเที่ยวในแต่ละเมืองที่แวะรวมอยู่ด้วยไหม ค่าทิปลูกเรือ
ส่วนลดสปาและค่าอื่นๆ ต้องเช็คและเปรียบเทียบเองค่ะ มันแล้วแต่สายเรือเลยจริงๆ

แล้วก็อย่าลืมอ่านรีวิว ดูความคิดเห็นจากท่านอื่น ว่าสายเรือนี้ดีไม่ดีอย่างไร เส้นทางโอเคไหม เป็นแบบที่เราชอบไหม
ดูยูทูบ จะมีคลิปโฆษณา และก็คลิปที่คนไปเที่ยวที่ถ่ายมาจริงๆ และเมื่อเราเจอตัวเลือกที่ใช่ ก็ทำการจองเรือเลยจ้า