ภาพรวมของ Seabourn Sojourn

 

เมื่อพูดถึงเรือสำราญที่มีความลักซ์ชัวรีหนึ่งในสายเรือของ Seabourn เราก็อดที่จะพูดถึงเรือลำนี้ไม่ได้ นั่นคือ Seabourn Sojourn เป็นเรือที่เน้นบรรยากาศความเป็นส่วนตัวที่สุดและการบริการที่ยอดเยี่ยมของพนักงานที่สุภาพ เป็นกันเองกับผู้โดยสารทุกๆ ท่าน เรือลำนี้เปรียบเสมือนโรงแรมเคลื่อนที่ ระดับ 5 ดาว ถ้าเทียบก็เปรียบสเมือนโรงแรมในเครือ Four Seasons หรือ Peninsula (ลูกค้า Seabourn มักจะเลือกเป็นที่พักที่นี่ในช่วงก่อนออกเดินทางหรือหลังเดินทางด้วยเรือสำราญ 

พูดถึงก็อยากไปแล้วสิคะ รับรองถ้าหากใครได้สัมผัสประสบการณ์อันสุดพิเศษกับ Seabourn Sojourn จะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ด้วยความเป็น Seabourn Sojourn สิ่งที่พิเศษในเรือลำนี้นอกจากจะเป็นเรื่องความหรูหราแล้ว ยังถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มเรือสำราญที่มีบริการเรื่องอาหารและไวน์เป็นเลิศที่สุด ด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ ยังมีอาหารท้องถิ่นที่ทาง Seabourn Sojourn จัดให้แขกได้รับประทาน 

นอกจากนี้ Seabourn Sojourn ยังได้จัดโปรแกรมทัวร์ชายฝั่งที่เน้นในเรื่องของการรับประทานอาหารท้องถิ่น รับรองได้ถึงความอร่อยและขึ้นชื่อของเมืองนั้นๆ รวมถึงหากโปรแกรมล่องเรือตรงกับช่วงเทศกาลท่องเที่ยวประจำปีเกี่ยวกับอาหารและไวน์ จะมีเชฟผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์สาธิตการทำอาหารให้กับนักชิมจากทั่วทุกมุมโลกค่ะ 

 

เส้นทางล่องเรือทั่วโลก

โปรแกรมเส้นทางท่องเที่ยวของ เรือสำราญ Seabourn Sojourn

  • เส้นทางท่องเที่ยวของเรือสำราญ Seabourn Sojourn เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกภูมิภาค ได้แก่ แอฟริกาใต้ อลาสก้า เอเชีย แถบทะเลแคริบเบียน ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ช่องแคบปานามา และอเมริกากลาง  
  • ระยะเวลาเดินทางส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป 
  • เรือสำราญ Seabourn Sojourn จะออกจากท่าเรือหลักๆ ได้แก่ Vancouver, Papeete/Polynesia, Los Angeles, Auckland เป็นต้น
  • สำหรับผู้ที่รักการเดินทางและหลงใหลในความหรูหราของ Seabourn Sojourn

 

 

Seabourn Ship

 

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Seabourn Sojourn

 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

  

ข้อมูลเทคนิค  

 

ไลฟ์สไตล์และกลุ่มผู้โดยสารของ Seabourn Sojourn

 

เรือสำราญ Seabourn Sojourn จะมีเส้นทางล่องเรือที่สั้นประมาณ 7-10 วัน ซึ่งระยะเวลาล่องเรือจะสั้นกว่าเรือสามลำของ Seabourn จึงดึงดูดนักเดินทางล่องเรือที่มีอายุโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 60 ปี เช่น วัยหนุ่มสาวที่มีเวลาท่องเที่ยวและชอบทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ค่ะ และนักเดินทางส่วนใหญ่จะมาจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอังกฤษ เป็นยังไงบ้างคะ เรือลำนี้เหมาะสำหรับเราสุดๆ (ว่าแล้วก็อยากจะลงเรือซะแล้วสิ) 

 

จุดเด่นของ Seabourn Sojourn

 

  • เรือหรูของ Seabourn Sojourn จะมีห้องสวีทไม่เกิน 229 ห้อง
  • เส้นทางการล่องเรือที่หลากหลาย และสามารถแล่นไปในสถานที่ที่สวยงามอันถูกซ่อนอยู่ในจุดที่เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้
  • บริการที่ยอดเยี่ยมจากพนักงาน ที่ตอบสนองความพึงพอใจแก่แขกที่มาพักและออกเดินทางล่องเรือไปกับ Seabourn Sojourn 
  • ห้องพักที่กว้างขวางพร้อมห้องน้ำในตัว ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเล ห้องส่วนใหญ่จะมีระเบียงส่วนตัว อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในห้องน้ำที่ได้มาตรฐานของ Molton Brown ประกอบด้วยแชมพู ครีมนวด โลชั่นบำรุงผิว สบู่สุดพิเศษจากแบรนด์ Hermes, L'Occitane, Salvatore Ferragamo และ Baudelaire
  • มีบาร์เปิดตลอด และมีไวน์ชั้นดีให้แขกทุกท่าน เสิร์ฟพร้อมกับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ
  • ฟรี อาหารรสเลิศและแชมเปญ (ไม่จำเป็นต้องเสียค่าทิปใดๆ ทั้งสิ้นพนักงานยินดีที่จะให้บริการสำหรับแขกทุกท่าน 

 

 

ความพิเศษของ Seabourn Sojourn

  • มี 4 ร้านอาหาร บาร์ และมีเลานจ์ที่เปิดโล่ง
  • สระน้ำวน และอีก 2 สระสำหรับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง
  • Seabourn Square เลานจ์อเนกประสงค์ที่มีทั้ง ห้องสมุด คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงคอฟฟี่บาร์อีกด้วย
  • มีร้านอาหารพิเศษให้เลือก อาทิ Restaurant, The Colonnade, The Restaurant 2
  • สปาและห้องฟิตเนสแบบเต็มรูปแบบ ร้านเสริมสวย บาร์ และมีห้องรับรองอีกหลายแห่งภายในเรือ

 

ห้องพักสำหรับแขกของ Seabourn Sojourn

  • ทุกห้องจะได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ภายในห้องพักจะมีห้องอาบน้ำที่กว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัว เสื้อคลุมอาบน้ำ ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • โทรทัศน์จอแบน เครื่องเสียงระบบ Bose Wave, บาร์เครื่องดื่มฟรี จะมีพนักงานคอยเติมตลอดทุกวัน
  • เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ในห้องครัวสำหรับห้องสวีท
  • บริการอินเตอร์เน็ต
  • รถรับส่งสนามบินฟรี (ไม่สามารถใช้กับการอัพเกรด)
  • หนังสือพิมพ์รายวันส่งถึงห้องพัก
  • Wellness Bag กระเป๋าสำหรับใส่ชุดและอุปกรณ์การออกกำลังกาย ง่ายต่อการพกพา

 

สถานที่หลัก บนเรือสุดหรู Seabourn Sojourn

1.  Grand Salon เป็นห้องหลักที่สามารถรองรับแขกทุกท่านบนเรือสำราญในระหว่างวันจะเป็นสถานที่สำหรับการบรรยาย ในช่วงเย็นจะมีการแสดงต่างๆ และมีดนตรีสดให้แขกได้เพลิดเพลินกัน

2.  Observation Bar เป็นเลาจน์วงเวียนขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพ และเป็นจุดที่เยี่ยมยอดในการชมทิวทัศน์ที่สวยงาม

3.  Sky Bar จุดนี้สามารถมองเห็นวิวบนดาดฟ้าและเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการนัดพบปะกับเพื่อน

4.  The Club แขกสามารถมาจิบชาในยามบ่ายได้ที่นี่

5.  The Casino กิจกรรมสำหรับนักเสี่ยงโชค

6.  Patio Bar แขกสามารถเพลินเพลินกับบริการเครื่องดื่ม ค็อกเทลและไวน์

7.  The Retreat สำหรับแขกที่ต้องการความเงียบสงบและผ่อนคลาย

8. Seabourn Square ห้องนั่งเล่นที่แสนสบายเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Seabourn

9. The Shops at Seabourn เพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรู อาทิ เครื่องสำอาง นาฬิกา เครื่องประดับ และอื่นๆ 

10. The Spa at Sebourn & Salon ผ่อนคลายไปกับการนวด สปาแห่งนี้ถูกการันตีด้วยรางวัลมากมาย และแขกทุกท่านจะได้รับการบริการที่ดีจากนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญ ที่อยู่ภายใต้คำแนะนำจาก Dr.Andrew Weil

 

ห้องพัก

  • เรือสำราญลำเล็กสุดหรูลำนี้ถูกออกแบบให้มีห้องสวีทไม่เกิน 300 ห้อง ภายในห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • ทุกห้องจะได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ภายในห้องพักจะมีห้องอาบน้ำที่กว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัว เสื้อคลุมอาบน้ำ ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • โทรทัศน์จอแบน เครื่องเสียงระบบ Bose Wave, บาร์เครื่องดื่มฟรี ที่จะมีพนักงานคอยเติมตลอดทุกวัน
  • เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ในห้องครัวสำหรับห้องสวีท
  • รถรับส่งสนามบินฟรี (ไม่สามารถใช้กับการอัพเกรด)
  • หนังสือพิมพ์รายวันส่งถึงห้องพัก
  • Wellness Bag กระเป๋าสำหรับใส่ชุดและอุปกรณ์การออกกำลังกาย ง่ายต่อการพกพา

 

ห้องพักแบบ Wintergarden Suite 

เป็นประเภทห้องที่หรูหราและราคาแพงที่สุด ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 7 มีพื้นที่ภายใน 914 ตารางฟุต และระเบียงส่วนตัวกว้าง 138 ตารางฟุต โดดเด่นด้วยทำเลที่เป็นส่วนตัว ภายในห้องพักมีห้องรับประทานอาหาร 6 ที่นั่ง มี Sofa Bed แบบปรับนอนได้ในห้องนอน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำวนพร้อมน้ำอุ่น มีห้องเตรียมอาหารพร้อมบาร์เครื่องดื่ม ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ และโทรทัศน์จอแบน 2 จอ สิ่งที่ทำให้ห้องสวีทนี้แตกต่างออกไปไม่เพียงแค่เรื่องขนาดและความหรูหรามากว่าห้องประเภทอื่นๆ ของเรือสำราญเท่านั้น แต่ยังมีห้องกระจกเปิดโล่งด้านบนกับอ่างอาบน้ำรูปไข่ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยต้นไม้กระถางที่ทำให้บรรยากาศในการอาบน้ำมีความแปลกใหม่ รวมถึงห้องนั่งเล่นอันแสนอบอุ่นด้วย

ห้องสวีท Wintergarden มีเพียง 2 ห้องเท่านั้น และทั้งสองห้องสามารถคอนเน็กกับห้องสวีท Veranda Suite ในแบบที่เรียกว่า Grand Wintergarden Suite ได้ และจะทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,189 ตารางฟุต พร้อมระเบียงส่วนตัวที่รวม 2 ห้องเข้าด้วยกัน ขนาด 214 ตารางฟุต ตลอดจนห้องอื่นๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน

 

 

ห้องพักแบบ Signature Suite

ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 7 มีขนาดพื้นที่ 859 ตารางฟุต และระเบียงส่วนตัวกว้าง 493 ตารางฟุต ลักษณะเป็นห้องโค้งที่มองเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเลชัดเจน มีห้องรับประทานอาหารสำหรับ 4-6 กับห้องเตรียมอาหารพร้อมบาร์เครื่องดื่ม ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้และทีวีจอแบน 2 จอ ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำวนและฝักบัวอาบน้ำ เรียกว่าเป็นห้องสวีทประเภทที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่นสำหรับการรับลมทะเลและชมวิวมากที่สุดแล้ว

 

ห้องพักแบบ Owners Suite

Owners Suites ตั้งอยู่ด้านหน้าและตรงกลางบนชั้น 6, 7 และ 8 มีขนาดพื้นที่ภายในระหว่าง 526 และ 593 ตารางฟุต ระเบียงส่วนตัวมีขนาดตั้งแต่ 133-354 ตารางฟุต ข้างในห้องพักมีห้องนอนแยกเป็นสัดส่วน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและที่อาบน้ำแบบฝักบัว มีทีวีจอแบน โต๊ะอาหารสำหรับ 4 ท่านและห้องเตรียมอาหารพร้อมบาร์เครื่องดื่ม

 

ห้องพักแบบ Penthouse Suite and Penthouse Spa Suite

ห้องสวีทแบบเพ้นท์เฮ้าส์ ตั้งอยู่บนชั้น 6,9 และ10 ภายในมีขนาดกว้าง 436 ตารางฟุตและระเบียงส่วนตัวความกว้าง 98 ตารางฟุต ห้องนี้เป็นห้องสวีทที่ห้องนอนแยกออกจากพื้นที่ใช้สอยอื่นโดยใช้ฉากกระจกกั้นซึ่งจะเป็นการแบ่งสัดส่วนที่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีก มีผ้าม่านสีช็อคโกแลตที่ดูหรูหราและมีโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ท่าน ทีวีจอแบน 2 จอ

ห้องสวีทแบบเพ้นท์เฮ้าส์ สปา ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 10 และสามารถเข้าถึงได้โดยบันไดวนไปยังพื้นที่บริการสปา ภายในห้องกว้าง 539 ตารางฟุต มีระเบียงส่วนตัวกว้าง 167 ตารางฟุต ห้องเหล่านี้มีมินิบาร์ในตัวพร้อมเครื่องดื่ม น้ำผลไม้และอาหารว่างเพื่อสุขภาพ มีน้ำหอมปรับอากาศของ L'Occitane และซาวด์แทร็กเพลงธรรมชาติที่สามารถเปิดฟังเพื่อผ่อนคลายได้ ที่สำคัญที่สุดคืออยู่ใกล้กับสปาและไปใช้บริการได้อย่างสะดวกสบายเหมือนเป็นสปาส่วนตัว

 

ห้องพักแบบ Varanda Suite 

ห้องสวีทแบบ Veranda Suites ตั้งอยู่บนชั้นที่ 5, 6, 7, 8 และ 9 พื้นที่ภายในห้องมีขนาด 300 ตารางฟุตและมีระเบียงส่วนตัวขนาด 65 ตารางฟุต ที่เพียงพอสำหรับเก้าอี้กลางแจ้งและที่วางเท้า 2 ที่ พร้อมด้วยโต๊ะสำหรับการรับประทานอาหาร ภายในห้องพักมีขนาดกว้างขวางพร้อมพื้นที่เก็บของมากมายในแบบที่สามารถเดินไปรอบๆ ห้องได้โดยไม่อึดอัด มีตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอินโคลเซท ตู้เซฟและลิ้นชักเก็บข้างเตียงด้วย

 

อย่างที่บอกว่าเรือสำราญ Seabourn Sojourn เป็นเรือสำราญขนาดเล็กสุดหรูที่มีความสมบูรณ์แบบ ผู้โดยสารทุกท่านจะได้รับประสบการณ์อันสุดพิเศษที่ไม่น่าเบื่อเพราะบนเรือลำนี้มี สปา ห้องฟิตเนสแบบเต็มรูปแบบ มีร้านเสริมสวย บาร์ และมีห้องรับรองอีก 7 แห่งภายในเรือ เราลองมาดูภาพต่อไปนี้กันเลยค่า

 

1. The Retreat สำหรับแขกที่ต้องการความเงียบสงบและผ่อนคลาย

 

2. The Spa at Sebourn & Salon ผ่อนคลายไปกับการนวด สปาแห่งนี้ถูกการันตีด้วยรางวัลมากมาย และแขกทุกท่านจะได้รับการบริการที่ดีจากนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายใต้คำแนะนำจาก Dr.Andrew Weil

 

 3. Fitness Center แบบเต็มรูปแบบพร้อมอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน

 

4. The Shops at Seabourn เพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรู อาทิ เครื่องสำอาง นาฬิกา เครื่องประดับ และอื่นๆ 

 

5. Seabourn Square เลาจน์ที่มีการตกแต่งที่สวยงามน่านั่งผ่อนคลายพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ เป็นอีกหนึ่งมุมสงบที่สุดแสนจะลงตัว ตอนเช้าทุกท่านจะได้พบกับขนมหวานและครัวซองพร้อมเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ และในตอนบ่ายก็จะมีแซนด์วิช น้ำชา ขนมอบ และไอศกรีม รวมทั้งมีบริการกาแฟและไวน์ตลอดทั้งวัน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00 . ถึง 11:00 . ในช่วงเช้า และช่วงบ่าย เวลา 16.00-18.00 . เท่านั้น ไม่เปิดให้บริการในตอนกลางคืนค่ะ

 

 

6. The Observation Bar เป็นเลาจน์ที่สวยงามพร้อมกับบาร์สี่เหลี่ยมที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพและเป็นจุดที่เยี่ยมยอดในการชมทิวทัศน์ที่สวยงาม มีชาและกาแฟเสิร์ฟในตอนเช้า เห็นแล้วชักจะอยากหายตัวแล้วไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่นี่แล้วสิคะ 

บริเวณ Observation Lounge เริ่มตั้งแต่ เวลา 16.00 อีกทั้งยังมีกาแฟและขนมเป็นมื้อเช้า ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.15 ถึง 08.00 .

 

7. The Casino กิจกรรมสำหรับนักเสี่ยงโชคทั้งหลาย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานท่ีที่ดึงดูดนักแสวงโชคจากทั่วทุกมุมโลกให้มารวมตัวกันที่นี่

 

8. Grand Salon โชว์รูมหลักของเรือสำราญ Seabourn Encore และ Seabourn Ovation ใช้สำหรับการพบปะสังสรรค์ในช่วงเวลากลางวันและยังเป็นห้องชมภาพยนตร์อีกด้วยค่ะ ก่อนการรับประทานอาหารในช่วงค่ำก็จะมีการแสดงโชว์คาบาเร่ต์ตลกต่างๆ รวมถึงดนตรีสดและการเต้นรำอื่นๆ 

 

9. Sky Bar/Grill จุดนี้สามารถมองเห็นวิวบนดาดฟ้าและเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการนัดพบปะกับเพื่อนๆ ในยามค่ำคืนจะเป็นจุดที่สวยมากด้วยแสงไฟที่มีการไล่สีสันที่สวยงาม ส่องกระทบกับแสงดาวบนท้องฟ้า เลิศมากค่า ส่วนในตอนค่ำหากต้องการมารับประมานอาหารที่นี่ก็จะมีสเต็กนุ่มลิ้นและล็อบสเตอร์ด้วยจ้า

 

 10. The Club แขกสามารถมาจิบชาในยามบ่ายได้ที่นี่ 

 

11. The Evening under the stars  สำหรับผู้ที่หลงใหลเสียงดนตรีและการเต้นรำท่ามกลางบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยดวงดาวนับแสนล้านดวงค่ะ ได้อารมณ์ไปอีกแบบนึงไปเลย (อิจฉา อยากไปแล้ว)

 

 

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ

อาหารเลิศรสระดับมิชลินสตาร์ มีมาเสิร์ฟให้ผู้โดยสารถึงที่บนเรือสำราญสุดหรู การใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และเลือกนำเสนออาหารพื้นเมืองตามฤดูกาล ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของเรือสำราญ Seabourn Sojourn

 

1. มี 4 ร้านอาหารพิเศษ ให้เลือก อาทิ Restaurant, The Colonnade, The Restaurant 2 

 

 

2. The Restaurant

 

3. The Colonnade เป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่มีการตกแต่งสไตล์ที่สวยงาม ห้องที่กว้างขวางและเปิดโล่งให้บรรยากาศที่สบายๆ พร้อมกับอาหารเลิศรสที่มีให้แขกได้รับประทาน ในมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำค่ะ

 

4. The Restaurant 2

 

5. The Patio Bar ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับบริการเครื่องดื่ม ค็อกเทล และไวน์ที่ชั้นดาดฟ้า (อยากหายตัวไปที่นี่อีกแล้ว)


6. Seabourn Square ห้องนั่งเล่นที่แสนสบายบวกกับคอฟฟี่บาร์ กาแฟรสชาติดีเยี่ยม แซนด์วิช และสแน็กที่มีให้ทานกันตลอดทั้งวัน

 

7. Shoping with the Chef อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าเรือสำราญ Seabourn Sojourn โดดเด่นในเรื่องอาหารชั้นเลิศ ที่ถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มเรือสำราญที่มีบริการเรื่องอาหารและไวน์เป็นเลิศที่สุดด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ ยังมีอาหารท้องถิ่นที่ทาง Seabourn Sojourn จัดให้แขกได้รับประทาน 

นอกจากนี้ Seabourn Sojourn ยังได้จัดโปรแกรมทัวร์ชายฝั่ง ที่เน้นในเรื่องของการรับประทานอาหารท้องถิ่น เมื่อพูดถึงอาหารและไวน์ต้องบอกเลยว่าเขามีเชฟผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์และสาธิตการทำอาหารให้กับนักชิมที่ชื่นชอบด้วยค่า 

อย่างรูปที่เห็น สามารถเลือกไปช็อปปิ้งชิลๆ กับเชฟได้เลยค่ะ 

 

8. 6 Outdoor Whirlpools สระน้ำวน แช่ตัววนไปค่ะ เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการพักผ่อนและผ่อนคลาย 

 

9. 2 Swiming Pool มี 2 สระสำหรับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมระหว่างวันที่สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง (เห็นแล้วอยากจะกระโดดลงสระให้น้ำกระจายไปเลย)

 

10. Watersports Mariner กิจกรรมสุดพิเศษ เพลิดเพลินไปกับการพายเรือคายักและสนุกกับการนั่งบนเรือใบ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

 

11. 9 Hole-putting course สำหรับผู้หลงใหลกีฬาอย่างการตีกอล์ฟ บนเรือสำราญ Seabourn Sojourn จะมีหลุมกอล์ฟมินิทั้งหมด 9 หลุม ตั้งอยู่ในชั้น 11 ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ 

 

 

เอาล่ะค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากได้ทำความรู้จักกับเรือสำราญ Seabourn Sojourn แล้ว คงต้องมีใครสักคนที่ต้องการแพ็คกระเป๋าเดินทางแน่ๆ

 

 

Beth: 2017-10-15