ล่องเรือสำราญ Symphony of the Seas ของสายเรือ Royal Caribbean International

ล่องเรือสำราญ Symphony of the Seas ของสายเรือ Royal Caribbean International

ภาพรวมเรือ Symphony of the Seas

หากจะพูดถึงเรือสำราญที่มีขนาดใหญ่และใหม่ที่สุดในขณะนี้ เราคงต้องพูดถึงเรือสำราญลำใหม่ล่าสุดของบริษัท Royal Caribbean International ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน ปี 2018 และเรือลำนี้ถูกต่อขึ้นโดยบริษัท STX ของฝรั่งเศส ใช้งบประมาณสูงถึง 1.35 หมื่นล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ
 
เรือลำที่กล่าวถึงนี้คือ Symphony of the Seas ด้วยระวางขับน้ำขนาด 230,000 ตัน ตัวเรือที่มีทั้งหมด 18 ชั้น (14 ชั้นที่เปิดให้บริการ) มีความยาว 1,188 ฟุตและความจุผู้โดยสารสูงสุด 6,870 คน
 
Symphony of the Seas (2018) กำลังตามรอยสามพี่สาวที่ออกมาอวดโฉมให้ cruiser ได้สัมผัสมาก่อนหน้านี้แล้ว คือ Oasis of the Seas (2013) Allure of the Seas (2014) และ Harmony of the Seas (2016) และบอกได้เลยค่ะว่า Symphony of the Seas ได้ทุบสถิติขึ้นเป็นเรือสำราญที่ใหญ่และใหม่ที่สุดในโลกเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่เพียบพร้อมกว่าด้วยความใหม่ และอัดแน่นไปด้วยความล้ำยุคและความรื่นรมย์ที่นำมาเติมเต็มฟีเจอร์ที่เทพกว่าเดิม
 

ข้อมูลทั่วไป

 

ไลฟ์สไตล์บนเรือ Symphony of the Seas

เรือ Symphony of the Seas ลำนี้เหมาะสำหรับผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย ผู้โดยสารส่วนมากจะเดินทางกันเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนๆ คุณจะพบผู้โดยสารที่ยังเป็นเด็กอยู่จำนวนไม่น้อยบนเรือลำนี้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัยทีนที่ชื่นชอบกิจกรรมสนุกสนานเต่นเต้นเร้าใจ เนื่องจากบนเรือจัดให้มีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ สามารถรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ผสมผสานไปกับมุมพักผ่อนแสนสงบ และการแสดงโชว์คุณภาพสำหรับคุณผู้ปกครอง ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะมาจากอเมริกาเหนือ และบางส่วนจากสหราชอาณาจักร และยุโรป โดยสามารถที่จะเลือกเดินทางกับเรือลำนี้ได้ตลอดทั้งปี 
 
นอกจากจะทำหน้าที่นำคุณเดินทางท่องเที่ยวไปตามมหาสมุทรและประเทศต่างๆ เป็นโรงแรมหรูลอยน้ำแล้ว ด้วยไอเทมแปลกใหม่ที่อักแน่นในทุกตารางนิ้ว Symphony of the Seas ยังเป็นเหมือนกับ Entertainment Complex และ Shopping Plaza ขนาดใหญ่กลางมหาสมุทรอีกด้วย
 
 

ไฮไลท์ของเรือ Symphony of the Seas

เนื่องจากเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่โตขนาดห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม Symphony of the Seas จึงสามารถบรรจุสิ่งอำนวยความสะดวก ความบันเทิง และเครื่องเล่นมากมายหลายรูปแบบมาไว้บนเรือ เพื่อรับรองท่านผู้โดยสารหลากสไตล์ นอกเหนือจากโมเดลที่โด่งดังที่มีบริการในเรือรุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนี้มาโดยตลอด เช่น Rock Climbing Wall, FlowRider, Adventure Ocean, Ice Skating Rink, Vitality at Sea Spa ... เรือลำนี้ยังเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ของเครื่องเล่นบนเรือสำราญเข้าไปอีกชนิดจัดเต็ม ที่เด่นๆ ได้แก่ Ultimate Abyss (สไลเดอร์สูงขนาดสิบชั้น) Zip Line, The Perfect Strom (สไลเดอร์น้ำ) Bionic Bar หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ 
 
นอกจากนี้ยังจัดสรรเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนเรือ โดยจัดให้มีสวนสาธารณะขนาดย่อมบนเรือขึ้นในโซน Central Park ที่รวบรวมบรรดาพรรณไม้และดอกไม้กว่า 12,000 ต้น รวมทั้งโซนสวนสนุก Boardwalk Street ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสในยามค่ำคืนเชื่อมต่อกับลานแสดง Aua Theater ในส่วนท้ายเรือที่แสนอลังกาล
 

ขอบคุณภาพจาก https://www.royalcaribbeanpresscenter.com/fact-sheet/31/symphony-of-the-seas/
 
 

เส้นทางล่องเรือ Symphony of the Seas

หลังจากย้ายไปล่องในโซนอเมริกาตั้งแต่ปี 2019 ... เรือสำราญ Symphony of the Seas ยังคงล่องในเส้นทางแคริบเบียน และบาฮามาส โดยจะเริ่มจากท่าเรือไมอามี่ ที่อเมริกา และสิ้นสุดทริปที่ไมอามี่นั่นเองค่ะ จะเป็นรายการทริป 7 คืน ซึ่งจะออกเดินทางทุกวันเสาร์ แยกเป็นสองเส้นทางสลับกันคือ Western Caribbean และ Eastern Caribbean แต่ทั้งสองเส้นทางจะพาคุณๆ เข้าไปสนุกสุดเหวี่ยงที่สวนสนุกบนเกาะส่วนตัว Cococay ที่หมู่เกาะบาฮามาสเหมือนกันค่า  ตัวอย่างเส้นทางแนะนำดังนี้
 
7 Nights Western Caribbean Cruise
เส้นทางแคริบเบียนตะวันตก เริ่มจากเมือง Miami (USA) เข้าจอดที่เมือง Cozumel (Mexico) - เมือง Roatan (Honduras) - เมือง Puerto Costa Maya (Mexico) และเร้าใจเต็มวันที่สวนสนุกสุดฟินบนเกาะส่วนตัวของ Royal Caribbean Cruise ที่ Cococay (Bahamas) และจบทริปที่ Miami (USA)
 

 
7 Nights Eastern Caribbean Cruise
เส้นทางแคริบเบียนตะวันออก เริ่มจาก Miami (USA) แล้วเข้ารีสอร์ทส่วนตัวที่เมือง Labadee (Haiti) - เมือง San Juan (Puerto Rico) - เมืองท่า Charlotte Amali ของหมู่เกาะ St. Thomas ปิดท้ายด้วยสวนสนุกบนเกาะส่วนตัว Cococay (Bahamas) ก่อนจะจบทริปที่เมือง Miami (USA)

 
 

นอกจากนี้ยังมีทริปพิเศษอีกสามเส้นทาง คือ

 
8 Nights Southern Caribbean Cruise
ออกจากท่าเรือไมอามี เข้าเมือง Labadee (ประเทศไฮติ) เข้าสองเมืองท่าอดีตอาณานิคมของประเทศเนเธอร์แลนด์ คือเมือง Ornajestad (ประเทศอรูบ้า) Willemstad (ประเทศคูราเซา) จบทริปที่ไมอามี่
 
 

 
5 Nights Bahamas Cruise 
ออกจากไมอามี เข้าเมืองคอซูเมล (เม็กซิโก) และสนุกสนานเต็มวันที่สวนสนุกบนเกาะส่วนตัว Cococay ที่บาฮามาส แล้วจบทริปที่ไมอามี่
 
  
 


6 Nights Bahamas Cruise
ออกจากไมอามี เข้าเมืองฟลาเมาท์ (จาไมก้า) เข้ารีสอร์ทส่วนตัวที่เมือง Labadee (Haiti) และสนุกสนานเต็มวันที่สวนสนุกบนเกาะส่วนตัว Cococay ที่บาฮามาส แล้วจบทริปที่ไมอามี่

ตรวจสอบรายการล่องเรือทั้งหมดของเรือ Symphony of the Seas ได้ ที่นี่
 
 
 

‘CocoCay’ เกาะส่วนตัวของสายเรือ Royal Caribbean International


 
CocoCay เกาะที่เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่กลางมหาสมุทร เป็นเกาะส่วนตัวของสายเรือ Royal Caribbean International เรือเกือบทุกลำของบริษัทฯ นี้ ที่ออกเดินทางจากท่าเรือในรัฐฟลอริดาจะมีรายการเข้าจอดที่เกาะส่วนตัวแห่งนี้ Perfect Day at CocoCay โดยจะมีรายการล่องเรือให้เลือกตั้งแต่ล่ 3 คืน ถึง 7 คืน นับร้อยๆ รายการค่ะ ภายในเกาะจะมีสวนน้ำขนาดใหญ่ พร้อมคลื่นจำลอง มีสวนน้ำแสนสนุกให้น้องๆ นู๋ๆ เข้าร่วมผจญความตื่นเต้นหลากหลายด่าน พิ่มความตื่นเต้นกับการชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศาโดยการขึ้นบอลลูนยักษ์ที่ลอยตัวสูงถึง 450 ฟุต เหนือพื้นดิน และเครื่องเล่นอื่นๆ เช่น
  • Adventure Pool ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำแห่งการผจญภัย
  • Splash and Play การผจญภัยไปกับเส้นทางอันตื่นเต้น บนเรือใบโจรสลัด Galleon ที่มีปืนพ่นน้ำถึง 30 หัวรอบตัวเรือ สามารถพ่นได้สูงถึง 82 ฟุต
  • Splashaway Bay โซนสวนน้ำผจญภัย พร้อม Aqua Park สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ให้เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นในบริเวณรอบๆ อย่างสนุกสนานได้ตลอดทั้งวัน
  • Adventure Pool ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำแห่งการผจญภัย
  • สไลเดอร์สำหรับน้องๆ ที่มีถึง 5 ตัว พร้อมถังขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ด้านบนอีกสองถัง ยังมีสระว่ายน้ำ สปริงเกอร์หัวพ่นน้ำ พร้อมน้ำพุ และอ่างน้ำวน เพื่อเพิ่มความท้าทาย
  • Thrill Waterpark สไลเดอร์สำหรับผู้ใหญ่และวัยทีน มีทั้งหมด 13 สไลเดอร์ และมีความสูงถึง 135 ฟุต จัดเป็นสวนน้ำสไลเดอร์ที่สูงชันที่สุดในอเมริกาเหนือก็ว่าได้ค่า
  • Oasis Lagoon  สระน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแคริบเบียน เรียกโซนนี้ว่า Oasis Lagoon พร้อมมีเก้าอี้นอนอาบแดด ให้ผ่อนคลาย สบายใจไปตลอดทั้งวัน ทะเลสวยน้ำใส
  • นอกจากนี้ยังมี Zipline ความยาว 1,600 ฟุต และบอลลูนยักษ์ที่ลอยตัวเหนือพื้นดินถึง 450 ฟุต ถือเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในทะเลแคริบเบียน เราจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพ และวิวรอบๆ เกาะที่สวยงาม
 

โซนอาหาร มุมสบายๆ บนเกาะที่ขาดไม่ได้

  • Captain Jack’s เป็นจุดที่เราสามารถมาพบปะเพื่อนฝูง สังสรรค์ มานั่งพักให้หายเหนื่อยที่
  • Rowboat bar พร้อมสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ นั่งจิบให้สบายใจเฉิบ หรือจะสั่ง ปีกไก่ทอดคู่กับเฟรนช์ฟรายส์มานั่งทานเล่นๆ ก็ได้
  • Skipper’s Grill มีเมนูยอดนิยมที่ทานกันง่ายๆ เช่น เบอร์เกอร์ แซนวิช หรือทาโก้
  • Chill Gril มีเมนูที่หลากหลาย รวมทั้งอาหารทานเล่น พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ

 
 

ราคาค่าล่องเรือ Symphony of the Seas รวมบริการอะไรบ้าง

สายเรือ Royal Caribbean International เป็นสายเรือแบบครอบครัวที่เหมาะกับผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย จัดอยู่ในระดับค่อนข้างดี ราคาที่ต้องจ่ายเป็นราคาที่ไม่สูงมาก ซึ่งจะรวมค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่จำเป็นไว้ครบแล้ว

 

บริการที่รวมอยู่ในราคาค่าล่องเรือแล้ว

สิ่งรวมอยู่ในค่าล่องเรือจะรวมสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน  
  1. ห้องพักตามแบบที่คุณเลือกจองไว้
  2. บริการอาหารอย่างน้อยวันละสามมื้อหลัก อาหารมื่้อพิเศษ และอาหารทานเล่น 
  3. ชมการแสดงในโรงละคร และสถานที่จัดการแสดง
  4. ร่วมกิจกรรมและเล่นเครื่องเล่นที่มีให้บริการบนเรือ

 

บริการที่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ถึงแม้ Harmony of the Seas จะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ท่านอย่างพอเพียงแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายความสุขสนุกสนานที่จัดเตรียมรอไว้สำหรับคุณที่ต้องการสิ่งที่พิเศษกว่า บางบริการจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาทิเช่น:
  • การซื้อสินค้าและบริการบนเรือ
  • การซื้อทัวร์ชายฝั่ง (Shore and Land Excursion)
  • การสั่งเครื่องดื่มในบาร์ ไนท์คลับ เลาจน์
  • แพ็คเกจเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ (Beverage Package)
  • อาหาร ขนม และสิ่งของสั่งพิเศษสำหรับเทศกาลและโอกาสพิเศษ
  • บริการเสริมความงามและสปาที่ VITALITY® at Sea Spa
  • บริการอินเตอร์เน็ต ทั้งในส่วนของ Business Center และ Wi-Fi
    • ตัวอย่างราคาค่า Wi-Fi โดยประมาณ *
    • Surf & Stream 1 Device = US $13.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
    • Surf & Stream 2 Device = US $20.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
    • Surf & Stream 3 Device = US $23.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
    • Surf & Stream 4 Device = US $26.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
  • บริการโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศ
  • การเล่นคาสิโนบนเรือ
  • บริการรถรับ - ส่งระหว่างท่าเรือ สนามบิน และในเมือง
  • บริการทางการแพทย์
  • บริการซักรีด
  • เช่าชุดสูทหรือทักซิโด้
* ราคาและค่าบริการนั้นอาจแตกต่างกันในแต่ละทริปการเดินทาง กรุณาตรวจสอบอีกครั้งเมื่อจองเรือแล้วนะคะ 
 
 

ยินดีต้อนรับสู่เรือสำราญ Symphony of the Seas


 

ห้องพักบนเรือ Harmony of the Seas

Harmony of the Seas มีการปรับปรุงจัดการเรื่องขนาดและโซนของห้องพักให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เดินทางที่หลากหลายมากขึ้น ภายในห้องจะประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิเช่น
  • ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า พื้นที่นั่งเล่นพร้อมโซฟา 
  • โทรศัพท์ ทีวี ไดร์เป่าผม
  • พนักงานทำความสะอาดและจัดที่นอนประจำห้อง บริการทุกวัน วันละ 2 ครั้ง
หมายเหตุ: เครื่องดื่มที่วางอยู่ในห้อง เช่น น้ำอัดลมกระป๋องหรือน้ำดื่มบรรจุขวดจะมีค่าใช้จ่าย
 
ประเภทของห้องพักบนเรือมีอยู่หลายระดับมากกว่า 20 แบบใน 14 ชั้นบริการ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักคือ ห้องไม่มีหน้าต่าง ห้องมีหน้าต่าง ห้องมีระเบียง และห้องสวีท

 

ห้องพักแบบที่ 1. ห้องไม่มีหน้าต่าง (Interior / Inside Stateroom) 

ขนาดห้อง 13.8 - 18.02 ตรม.
มีให้เลือก 4 ประเภท คือ Interior Stateroom, Interior Promenade View, Interior Central Park View, Interior Stateroom with Virtual Balcony โดยจะมีขนาดและมีวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป แน่นอนว่าราคาก็จะแตกต่างกันด้วย ห้องพักบางส่วนสามารถพักได้สูงสุดถึง 4 ท่าน แต่ถ้าจะให้ดี พัก 2 ท่านต่อ 1 ห้องจะดีมากค่ะ ไม่อึดอัดจนเกินไป เพราะพื้นที่ในห้องพักบนเรือสำราญค่อนข้างแคบกว่าห้องพักในโรงแรมทั่วไปค่ะ
 
 
Central Park View Interior
 
Promenade View Interior

Interior with Virtual Balcony

 
 
ห้องพักแบบที่ 2. ห้องมีหน้าต่าง (Ocean View Stateroom)
ขนาดห้อง 16.6 ตรม.
จะเหมือนกับห้องแบบไม่มีหน้าต่างเกือบทุกอย่าง ต่างกันคือจะมีหน้าต่างกลมๆ เล็กๆ ไว้ดูวิวด้านนอก แต่ไม่สามารถเปิดออกได้ ห้องแบบนี้ส่วนมากจะอยู่ที่ชั้นที่ 3 แบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ คือ Standard Ocean View และ Superior Ocean View ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย และจะอยู่ที่ชั้น 7-9 ด้านหัวเรือ
 

 
ห้องพักแบบที่ 3. ห้องแบบมีระเบียง (Balcony Stateroom) 
ขนาดห้อง 16.9 ตรม. ระเบียง 5-7 ตรม.
ห้องแบบมีระเบียงบนเรือในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสายเรือ Royal Caribbean International นี้จะแบ่งออกมาเป็นสามแบบหลักๆ ดังนี้
  • ห้องมีระเบียงวิวทะเล (Ocean View Balcony): เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดบนเรือ ภายในสะดวกสบาย มีขนาดที่ไม่เล็กจนเกินไป ระเบียงห้องยังสามารถเปิดออกไปนั่งชมวิวทะเล รับลม และสามารถสั่งอาหารค่ำมานั่งทานชมวิวแบบสุดแสนโรแมนติกกับคนรู้ใจก็ยังได้
  • ห้องมีระเบียงวิวสวน (Central Park View Balcony): ระเบียงของห้องจะหันหน้าเข้าด้านในของตัวเรือที่โซน Central Park เหมาะสำหรับท่านที่ยังหลงใหลในสีเขียวของต้นไม้แและสีสันของดอกไม้ ให้ท่านออกมานั่งระเบียงชื่นชมความสงบร่มรื่นของสวน Central Park กลางลำเรือได้อย่างเต็มที่ 
  • ห้องมีระเบียงวิวสวนสนุก (Boardwalk View Balcony): สำหรับคนที่ชอบความสนุกสนานรื่นเริง ห้องแบบนี้ระเบียงจะหันหน้าออกหาบริเวณสวนสนุก Boardwalk เปิดโอกาสให้ท่านจับตามองความสนุกสนานของ Boardwalk ยามค่ำคืน และบางห้องยังสามารถนั่งชมการแสดงชุดพิเศษที่ Aqua Theater ได้อย่างสบายโดยไม่ต้องคอยรีบไปจับจองที่นั่งชมค่ะ 
ห้องแบบมีระเบียงจะมีบางส่วนที่พักได้ได้สูงสุด 4 ท่านค่ะ ส่วนใหญ่คนไทยจะเลือกพักห้องประเภท Ocean View Balcony นี้ค่ะ ความสะดวกสบายมาพร้อมกับวิวระเบียงภายในห้องพักที่สุดฟิน ดังนั้นเวลาจองทริปเรือกรุณาตรวจสอบให้ดีนะคะว่าจองห้องได้ถูกต้องตามที่ท่านต้องการแล้ว
 
Ocean View Balcony

 
ห้องพักแบบที่ 4. ห้องสวีท (Suites)
เหมาะสำหรับคุณคนพิเศษที่ต้องการความสะดวกสบาย และการดูแลเป็นพิเศษมากยิ่งขึ้น จากอภิสิทธิ์มากมาย เช่น Priority Check-in หรือการเข้าเลาจน์รับรองบนเรือเฉพาะแขกห้องสวีท เป็นห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่ขึ้น ห้องสวีทในระดับสูงขึ้นไป จะมีความหรูหราขึ้นไปเรื่อยๆ และสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นตามระดับ ห้องแบบนี้ ถือว่าเป็นความฝันของใครหลายๆ คนในการไปดื่มด่ำกับสวรรรค์กลางมหาสมุทร ซึ่งห้องสวีทมีทั้งหมด 7 ประเภทย่อยตามรูปภาพด้านล่างค่ะ
 
 Junior Suite
Grand Suite 

Owner's Suite

Aquatheater Suite (1 Bedroom / 2 Bedroom)


Loft Suite 


 
ดูรายละเอียดแบบห้องทั้งหมดบนเรือ Symphony of the Seas ที่นี่
 
 

 
 

 

 
 
 
 
 

INCLUDE: อาหาร (Meals)

 
 
ไม่ว่าคุณจะชอบอาหารสไตล์ไหน หรือต้องการทานช่วงเวลาใด คุณสามารถหาสถานที่ทานอาหารบนเรือ Symphony of the Seas ได้เสมอ เพลิดเพลินกับการเลือกรับประทานอาหารฟรี หรือเลือกทานอาหารชั้นเยี่ยมในสถานที่พิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเต็มคอร์สมากคุณภาพ หรือจะเป็นของขบเคี้ยวที่คุณอยากทาน 
 
 
 
 
 
Symphony of the Seas จะให้บริการอาหารมื้อหลัก เช้า กลางวัน และอาหารค่ำ ครบอย่างน้อยสามมื้อต่อวัน นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารรองท้องระหว่างมื้อ อาหารหรือขนมทานเล่น และอาหารรอบดึก โดยภายในเรือลำนี้จะห้องอาหารถึง 18 แห่งให้ผู้โดยสารเลือกใช้บริการได้เกือบตลอดทั้งวัน
 
 
 
 
 
 
 
 

ห้องอาหารที่บริการฟรี

 
 
ห้องอาหารที่ให้บริการฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มบนเรือ Symphony of the Seas มี 8 ห้อง ได้แก่
 
 
 
 
 
1. WINDJAMMER MARKETPLACE 
 
 
จะอยู่บนชั้นที่ 16 บริเวณท้ายเรือ
 
 
 
 
    • บริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารค่ำ แบบบุฟเฟต์นานาชาติ ให้บริการตลอดทั้งวัน
 
 
    • ห้องอาหารนี้จะมีซุ้มเครื่องดื่ม ชา กาแฟ โอวัลติน โกโก้ น้ำร้อน น้ำแข็งไว้บริการฟรีตลอดจนถึงเที่ยงคืนของทุกวัน
 
 
    • หากท่านต้องการเปลี่ยนบรรยากาศมื้อค่ำจากห้องอาหารค่ำหลัก (Main Dining Restaurant) ก็สามารถมาทานที่นี่ได้
 
 
    • นอกจากนี้ในตอนกลางคืนยังมีบริการอาหารรอบดึกจนถึงเที่ยงคืน
 
 
    • หากต้องการสั่งเครื่องดื่มพิเศษ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
 
 
 
 
 
 
 
การแต่งกายเข้าห้องอาหาร Windjammer Marketplace สามารถแต่งชุดลำลอง กางเกงขาสั้น หรือรองเท้าแตะ แต่ไม่ควรเข้าไปในชุดว่ายน้ำหรือเมื่อตัวเปียกจากการเล่นน้ำ
 
 

 
 
 
 
 
2. MAIN DINING RESTAURANT 
 
 
ห้องทานอาหารหลักสำหรับอาหารมื้อค่ำที่บริการในแบบเซ็ตเมนู ห้องอาหารจะแบ่งออกเป็นสามส่วน อยู่ต่างชั้นกันและมีชื่อเรียกแต่ละชั้นไม่เหมือนกันคือ American Icon* อยู่ชั้นที่ 3, The Grand อยู่ชั้นที่ 4 และ Silk จะอยู่ชั้นที่ 5 บริการอาหารมื้อค่ำด้วยเมนูอาหารที่คัดสรรอย่างดี แม้ว่ารูปแบบในแต่ละห้องอาหารจะแตกต่างกัน แต่เมนูก็เหมือนกันตลอด
 
 
การแต่งกายสำหรับห้องอาหาร Main Dining Restaurant แนะนำให้แต่งกายแบบสุภาพ
 
 
 
 
    • สุภาพบุรุษ: สวมใส่เสื้อเชิ้ตมีปก หรือเสื้อโปโล อาจมีสูทหรือแจ็ตเก็ตทับ กางเกงขายาวหรือยีนส์สีเข้มไม่ขาด รองเท้าหุ้มส้น
 
 
    • สุภาพสตรี: สามารถสวมใส่เสื้อกับกระโปรงหรือกางเกงขายาว และรองเท้าสุภาพ
 
 
    • กรุณาหลีกเลี่ยงกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลม รองเท้าแตะ กางเกงยีนส์ขาด
 
 
 
 
 
 
 
* สำหรับห้อง American Icon นอกเหนือจากการให้บริการอาหารค่ำในแบบเซ็ตเมนูแล้ว ยังมีบริการอีกสองอย่างคือ:
 
 
 
 
    • บริการอาหารเช้าทุกวัน คุณสามารถทานอาหารเช้าแบบสั่งจากเมนู หรือทานแบบบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่มีให้บริการในห้องนั้น หรือสามารถทานได้ทั้งสองอย่าง
 
 
    • บริการอาหารกลางวันในวันที่ล่องทะเล (At Sea)
 
 
 
 

 
 
 
 
 
นอกจากห้องอาหารหลักทั้งสองแห่งนี้ ยังมีห้องอาหารอื่นๆ ที่บริการอาหารและเครื่องดื่มประเภทต่าง ที่ให้บริการฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ได้แก่
 
 
 
 
 
3. BOARDWALK DOG HOUSE
 
 
ร้านเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนทางเดินริมทะเลที่ชั้น 6 ในโซน Boarkwalk ให้บริการฮอทด็อกหลากหลายชนิด แล้วตกแต่งท็อปปิ้งให้เหมาะกับความชอบของคุณ 
 
 

 
 
 
 
 
4. CAFÉ PROMENADE 
 
 
ชั้น 5 โซน The Royal Promenade บริการอาหารรองท้อง แซนด์วิช น้ำดื่ม ชา กาแฟ
 
 

 
 
 
 
 
5. COASTAL KITCHEN
 
 
ที่ชั้น 17 ห้องอาหารนี้จะให้บริการผู้โดยสารที่พักห้อง Grand Suite ขึ้นไป และแขกที่เป็นสมาชิกของเรือในระดับ Pinnacle Club เท่านั้นค่ะ บรรยากาศสวยงามพร้อมมีวิวทิวทัศน์ที่สวยเกินจะบรรยาย พร้อมเสิร์ฟอาหารที่มีรสชาติที่หาทานที่ไหนไม่ได้ ด้วยความอร่อยแบบไม่ซ้ำใคร บวกกับไวน์ที่มีให้เลือกหลากหลายชนิด
 
 

 
 
 
 
 
6. MINI BITES
 
 
ที่ชั้น 14 Mini Bites เปิดให้บริการสำหรับช่วงกลางวันและในช่วงบ่าย Mini Bites เป็นชื่อที่สื่อถึงอาหารไซส์ขนาดเล็กพอดีคำ เช่น ข้าวโพดขนาดเล็ก ลูกชิ้น คัพเค้ก และ Mini Quiches เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับอาหารว่าง
 
 

 
 
 
 
 
7. PARK CAFÉ 
 
 
ที่ชั้น 8 บรรยากาศสบายกลางสวนบนเรือ ในย่านเซ็นทรัลพาร์คที่สวยงามและเงียบสงบ เพลิดเพลินกับเบเกิลบาร์ในตอนเช้าหรือพานินี่ตอนบ่าย ตัวเลือกอื่นๆ รวมถึงซุปและสลัดแบบเป็นของคุณเอง 
 
 

 
 
 
 
 
8. SORRENTO’S PIZZA
 
 
พิซซ่าบาร์ของเรือตั้งอยู่ในโซน The Royal Promenade ที่ชั้น 5 เสนอพิซซ่ารสชาติคุ้นลิ้น หรือสั่งทำด้วยส่วนผสมที่ไม่ซ้ำใคร เปิดให้บริการตั้งแต่กลางวันจนถึงดึก สำหรับแขกที่ชอบทานพิซซ่าต้องไม่พลาดที่จะมาที่นี่ค่ะ แป้งที่นุ่มหอมกลุ่นละมุนละไมจนต้องเดินหลงเข้ามาแบบไม่รู้ตัว รวมถึงบรรยากาศภายในร้านที่รู้สึกเป็นกันเองด้วยการต้อนรับที่อบอุ่นของพนักงานค่ะ
 
 

 
 

 

 
 
9. VITALITY CAFE' 
 
 
Vitality Café ให้บริการอาหารโรลผลไม้สดและโยเกิร์ต ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพล้วนๆ ค่ะ ... เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการสั่ง Wake Me Up โปรตีนเชคที่มีส่วนผสมของ ช็อกโกแลต เนยถั่วกล้วย โปรตีนเวย์ และเอสเปรสโซ ... หลังออกกำลังกาย รักษารูปร่างของคุณให้อยู่ทรงด้วย Immune Booster น้ำส้มที่อุดมด้วยวิตามินซี เลมอนและขิง หรือ Fill Me Up เครื่องดื่มบำรุง ที่ทำจากสับปะรดเนยถั่วครีมกล้วยและไอศกรีมวานิลลา ... และหากคุณกำลังจะดีท็อกซ์ก็สามารถเลือก Mean Green Juice ที่มีส่วนผสมมาจากแตงกวา แอปเปิ้ลเขียว ขึ้นฉ่าย และผักโขมเพื่อให้ได้สารอาหารและประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพค่ะ
 
 
 
 
 
รวมทั้งน้ำผลไม้สมูทตี้และโปรตีนเชคที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งหมดที่ Vitality Café รวมอยู่ในแพ็คเกจเครื่องดื่มดีลักซ์และเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น
 
 

 
 

 

 
 

บริการ Room Service 

 
 
 
 
    • บริการส่งอาหารให้ถึงห้องพักของท่านฟรีตามเมนู Room Service ในระหว่างเวลา 06.00 น. - 24.00 น.
 
 
    • หากใช้บริการนอกเวลาที่กำหนดไว้จะมีค่าบริการครั้งละ$7.95 และค่า Service Charge อีก 18%
 
 
 
 

 
 

 

 
 
 
 
 

INCLUDE: โชว์และการแสดง (Entertainment)

 
 
THE ROYAL THEATER
 
 
Symphony of the Seas ได้จัดการแสดงให้ท่านชมทุกวันที่ห้อง The Royal Theater ในแต่ละทริปจะมีการคัดสรรการแสดงชั้นเยี่ยม เช่น ดนตรี มายากล หรือละครเพลงในระดับบรอดเวย์มาแสดงให้ชมเสมอ โดยการแสดงนั้นจะมีให้ชมวันละสองรอบ คือรอบ 18.00 น. และรอบ 20.30 น. ทางเข้าจะอยู่ที่ชั้น 4 และชั้น 5 
 
 
การแสดงชุดที่เป็น Highlight ในระดับ Boardway คือชุด 'Hair Spray' และ 'Flight'
 
 

 
 

 
 
 
 
 
AQUA THEATER
 
 
ที่บริเวณโซน Boardwalk ชั้น 6 ท้ายเรือ ชมชว์ชุดพิเศษ Aqua Show มหัศจรรย์แห่งสายน้ำประกอบ แสง สี เสียง อันตระการตา (ควรจับจองที่นั่งล่วงหน้า)
 
 
การแสดงชุดที่เป็น Highlight เช่น 'Hiro'  และเดินบนลวดสลิง 'The Fine Line'
 
 

 
 
 
 
 
STUDIO B, ICE SKATING RINK
 
 
อยู่ที่ชั้น 4 บริเวณกลางเรือ ชมการแสดง Ice Skating Show จากทีมสเก็ตนำ้แข็งระดับเหรียญรางวัล และในตอนกลางวันจะเปิดให้เป็นลานเล่นสเก็ตนำ้แข็งสำหรับผู้โดยสารทั่วไปอีกด้วย
 
 

 
 
 
 
 
หมายเหตุ
 
 
 
 
    • รายการโชว์และการแสดงจะสลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน จะไม่มีการแสดงซำ้
 
 
    • ทางเรือจะแจ้งรูปแบบของรายการโชว์ให้ท่านทราบล่วงหน้าในหนังสือกิจกรรมรายวันของเรือ (Cruise Compass)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

INCLUDE: กิจกรรมความสนุกสนาน (Activities)

 
 
กิจกรรมและการแสดงย่อยบนเรือส่วนใหญ่จะไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิเช่น สระว่ายน้ำ เครื่องเล่นที่สวนน้ำ ลานกีฬา แหล่งบันเทิงของเด็กและวัยรุ่น การเข้าใช้ห้องสมุด และกิจกรรมทางการกีฬาหรือห้องออกกำลังกายซึ่งมีเครื่องออกกำลังกายหลากชนิดไว้บริการ และเนื่องจากความใหญ่โตกว้างขวางของเรือลำนี้ จึงสามารถแยกส่วนสันทนาการกระจายออกจากกันไปได้หลายโซน หลักๆ จะมีดังนี้
 
 
 
 
 
THE ROYAL PROMENADE 
 
 
ที่ชั้น 5 กลางลำเรือ พื้นที่ส่วนกลางของเรือนี้จัดเป็นพลาซ่าขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยกิจกรรมความบันเทิงอันหลากหลายตั้งแต่เช้าจนถึงดึก โซนนี้ถือเป็นศูนย์กลางของเรือเลยทีเดียว มีร้านอาหาร ผับ เลาจน์ และบาร์เครื่องดื่มมากมาย รวมถึงนวัตกรรมล้ำยุค Bionic Bar หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ที่จะมาผสมเครื่องดื่มสุดโปรดให้คุณ (มีค่าใช้จ่ายค่าเครื่องดื่ม) และยังเป็นถนนสายช็อปปิ้งสุดชิล รวบรวม Retail Shop หลากหลายที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับสินค้าแบรนด์เนม รวมถึงร้านค้าปลอดภาษีกันแบบไม่ตกเทรนด์ รวมถึง Starbucks ร้านกาแฟร้านโปรดของคุณ
 
 
 
 
 
นอกจากนี้จะมีการแสดงดนตรีสดและการแสดงย่อยเป็นระยะ เป็นทางเชื่อมต่อไป Casino เหมือนจะเป็นถนนเส้นที่ไม่เคยหลับใหล แล้วก็มีร้านคาเฟ่ ทานขนมหวาน จิบชา กาแฟยามบ่าย หม่ำไอศกรีมแสนอร่อย ที่สุดฟินสุดขีดเลยต้องยกให้ Cafe Promenade และ Sorrento's Pizza ที่มีอาหารรองท้องไว้บริการจนถึงประมาณตีสามทุกวันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ 
 
 

 
 

 
 
 
 
 
BOARDWALK STREET 
 
 
ผู้โดยสารทุกท่านจะต้องไปที่ชั้น 6 โซนท้ายเรือ ... Boardwalk เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่มีกิจกรรมสนุกสนานรอคุณอยู่มากมาย ร้านอาหารพิเศษ ซุ้มอาหารรองท้อง ร้านนั่งทานนั่งดื่มแบบชิวๆ สุดชิค เช่น Boardwalk Dog House, Sabor ในบรรยากาศแบบลาตินร้อนแรง Johnny Rockets ขวัญใจวัยโจ๋ยุค 60s สนุกสนานกับม้าหมุน Carousel และที่สำคัญทางด้านท้ายเรือก็ยังมี Aqua Theater เป็นลานแสดงสุดตระการตาที่มีสระน้ำระบบ Hydraulic-Floored Pool เป็นองค์ประกอบใหญ่เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจในทุกโชว์
 
 
 
 
 
เป็นอีกโซนที่มีผู้คนมารวมตัวเฮฮากันคับคั่ง เป็นรองก็เพียง The Royal Promenade เท่านั้น โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะสนุกมาก เนื่องจากบริเวณนี้จะเป็นที่แสดง Aqua Show ที่สวยงามอลังการนั่นเอง 
 
 

 
 
 
 
 
CENTRAL PARK
 
 
ที่ชั้น 8 กลางเรือ ในวันที่ต้องการพักผ่อน คุณสามารถมานั่งเล่นชิลๆ กลางสวนสวย กับบรรยากาศที่ร่มรื่นจากพรรณไม้นานาชนิดที่เรียงรายกันอยู่มากกว่า 15,000 ต้น รวมทั้งต้นไม้ใหญ่สูงขนาด 20 ฟุตกว่า 50 ต้น โดยสวนนี้จำลองมาจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่ Central Park ที่นิวยอร์ก ตรงนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารพิเศษหลายแห่ง เช่น Chops Grille, Jamie’s Italian by Jamie Oliver และ 150 Central Park และร้านทานฟรี Park Cafe
 
 

 
 
 
 
 
POOL DECK
 
 
สวนน้ำ ลานกีฬา และดาดฟ้าที่ชั้น 15-16 เป็นที่รวมของกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับทุกเพศทุกวัย สวนน้ำทุกขนาด อ่างแช่น้ำวน ลานเล่นกีฬาทั้งแบบผ่อนคลายอย่างสนามพัทกอล์ฟ โต๊ะปิงปองไป จนถึงเล่นจริงจังเรียกเหงื่อกันอย่างสนามบาส หรือฟุตบอลสนามเล็ก (Six-A-Side) รวมทั้งเครื่องเล่นเร้าใจ Ultimate Abyss, The Perfect Strom, Zip Line, FlowRider
 
 
 
 
 
โซนที่เป็นไฮไลท์ก็จะเป็นโซนสระว่ายน้ำ ซึ่งภายในจะมีทั้ง Solarium ที่เป็นโซนของผู้ใหญ่โดยเฉพาะ บรรยากาศเงียบสงบบวกกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมถึงโซน Sports Pool สามารถนอนอาบแดดให้แสงอาทิตย์ตกกระทบผืนน้ำทะเล แล้วนอนชิวๆ พักผ่อนได้ตามใจชอบค่ะ
 
 

 
 

 
 

 
 

 

 
 

บริการอื่นๆ

 
 
CASINO
 
 
สำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชคก็สามารถเข้ามาได้ที่นี่ มีทั้งสล็อต โป๊กเกอร์ รูเล็ต และอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าอยู่บนเรือทั้งวัน พอได้หลงเข้ามาในคาสิโนจะไม่อยากออกไปไหนอย่างแน่นอนค่ะ 
 
 

 
 
 
 
 
VITALITY SPA at Sea* and FITNESS CENTER 
 
 
Spa & Fitness Center อยู่ที่ชั้น 6 สำหรับคนที่รักสุขภาพ ต้องแนะนำให้มาออกกำลังกายเพื่อลดไขมันกันซักหน่อย เรือสำราญ Symphony of the Seas จะมีห้องฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครันค่ะ สำหรับผู้ที่หลงใหลในการออกกำลังกายยังมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิ โยคะ ชกมวย วิ่งจ๊อกกิ้ง รับรองได้ว่าสามารถอยู่บนเรือทั้งได้วันไม่มีเบื่อแน่นอน
 
 
 
 
 
ห้องออกกำลังกาย (Fitness Room) นั้นใช้บริการได้ฟรี แต่หากท่านต้องการเข้าร่วมกิจกรรมบางชนิดที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำนั้นอาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เช่น แอโรบิค โยคะ การฝึกการต่อสู้เฉพาะอย่าง เป็นต้น
 
 

 
 
 
 
 
*สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการทำสปาและห้องเสริมความงาม เรือลำนี้ก็มีให้บริการสำหรับผู้ที่รักสวยรักงาม หรือรักในการนวดคลายเส้นเพื่อบำบัด แต่จะมีค่าบริการตามคอร์สที่ท่านเลือกใช้บริการค่า
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 

บริการที่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

 
 
ถึงแม้ Symphony of the Seas จะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ท่านอย่างพอเพียงแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายความสุขสนุกสนานที่จัดเตรียมรอไว้สำหรับท่านที่ต้องการสิ่งที่พิเศษกว่า บางบริการอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาทิเช่น:
 
 
 
 
    • บริการรถรับ - ส่งระหว่างท่าเรือ สนามบิน และในเมือง
 
 
    • การซื้อสินค้าและบริการบนเรือ
 
 
    • การซื้อทัวร์ชายฝั่ง (Shore and Land Excursion)
 
 
    • การสั่งเครื่องดื่มในบาร์ ไนท์คลับ เลาจน์
 
 
    • แพ็คเกจเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ (Beverage Package)
 
 
    • บริการอินเตอร์เน็ต ทั้งในส่วนของ Business Center และ Wi-Fi
 
 
 
 
 
 
 
 
      • ตัวอย่างราคาค่า Wi-Fi โดยประมาณ
 
 
      • Surf & Stream 1 Device = US $13.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
 
 
      • Surf & Stream 2 Device = US $20.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
 
 
      • Surf & Stream 3 Device = US $23.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
 
 
      • Surf & Stream 4 Device = US $26.99 ต่อวัน x จำนวนวันที่ล่องเรือ
 
 
 
 
 
 
 
 
    • บริการโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศ
 
 
    • การเล่นคาสิโนบนเรือ
 
 
    • บริการเสริมความงามและสปาที่ VITALITY® at Sea Spa
 
 
    • อาหาร ขนม และสิ่งของสั่งพิเศษสำหรับเทศกาลและโอกาสพิเศษ
 
 
    • บริการทางการแพทย์
 
 
    • บริการซักรีด 24 ชั่วโมง
 
 
    • เช่าสูท หรือทักซิโด้
 
 
 
 
 
 
 

ห้องอาหารพิเศษ (Specialty Restaurant)

 
 
ห้องอาหารพิเศษ หรือ Specialty Restaurant คือภัตตาคารหรูขนาดเล็กที่มีชื่อเสียง หรือร้านอาหารบนเรือที่นำเสนอเมนูอาหารจากสูตรการปรุงของเชฟที่มีชื่อเสียง คุณภาพอาหารชั้นเลิศ ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ โดยต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้าและเสียค่าจองประมาณ US $20 - US $55 บวก Service Charge 18% ต่อท่านต่อมื้อ และหากท่านสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มเติมก็จะมีค่าใช้จ่ายตามเมนูของทางร้าน หรือบางร้านก็จะคิดราคาอาหารตามรายการที่ท่านสั่ง 
 
 
 
 
 
ห้องอาหารพิเศษบนเรือ Symphony of the Seas ที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหากท่านใช้บริการนั้นมีอยู่ 9 ร้าน ได้แก่
 
 
 
 
 
1. 150 CENTRAL PARK 
 
 
ชั้น 8 โซน Central Park บริการอาหารยุโรป ฝีมือการรังสรรค์เมนูจากเชฟชื่อดังอย่าง Michael Schwartz ให้บริการอาหารที่เรียบง่ายและสง่างามโดยใช้วัตถุดิบสดใหม่ เป็นอาหารที่จัดขึ้นตามฤดูกาลนั้นๆ และที่สำคัญอาหารที่เสิร์ฟมักคู่กับไวน์ที่ใช่ค่ะ แขกสามารถสั่งไวน์ให้เข้ากับอาหารเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม ละมุนลิ้น ถือเป็นมื้อดินเนอร์อีกมื้ออันสุดแสนจะวิเศษพร้อมมากับบรรยากาศภายในห้องอาหารที่สวยงามอลังการค่ะ (ชำระค่าอาหารตามเมนู)
 
 

 
 
 
 
 
2. CHOPS GRILLE 
 
 
ชั้น 8 โซน Central Park สเต๊กเฮาส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Royal Caribbean Cruise สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทานสเต็กเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำว่าต้องให้มาที่ห้องอาหาร Chops Grille ค่ะ สำหรับมื้ออาหารกลางวัน และมื้อค่ำสุดหรู คุณจะได้ลิ้มรสสเต็กสุดแสนจะอร่อยด้วยสเต็กคุณภาพของเนื้อชั้นเยี่ยม และอาหารทะเลพร้อมกลิ่นอายร่วมสมัย วัตถุดิบทุกอย่างสดใหม่ รวมถึงกุ้งล็อบสเตอร์เมนูยอดนิยมทานคู่กับไวน์ขาว เข้ากันเป็นที่สุดค่ะ โอ๊ยเลิศ ตบท้ายด้วยเมนูของหวานที่มีหลากหลายให้เลือก (ชำระค่าจองที่นั่งคนละ US $ 30-35 + Service Charge 18%)
 
 

 
 
 
 
 
3. HOOKED SEAFOOD
 
 
หากคุณต้องการลิ้มรสอาหารทะเลสไตล์นิวอิงแลนด์อย่างแท้จริง ชิมขาปูยักษ์จากแมริแลนด์สีทองทอดกรอบ Maine Lobster ที่ละลายในปาก หรือเลือกชิมหอยนางรมและอาหารทะเลอื่นๆ จากบาร์สดๆ
 
 
ในมื้อกลางวันคุณต้องลองแซนวิชปลาเมสซี่ และหอยลายสไตล์นิวอิงแลนด์ เสิร์ฟพร้อมและซุปปู
 
 
มื้อค่ำเริ่มต้นด้วยการสั่งหอยแมลงภู่ขี้ราดซอสกระเทียมไวน์ขาวรสเผ็ด จากนั้นลอง The Captain’s Platter มาพร้อมกับหางกุ้งมังกรขนาด 4 ออนซ์ เนื้อปลาสด และเนื้อกุ้ง ทั้งหมดนั้นย่างให้สุกพอดีเสิร์ฟพร้อมเนยละลายอุ่น ๆ
 
 
และอย่าพลาดขนมหวานพายครีมมะพร้าวหาก และบราวนี่ช็อกโกแลตเสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตฟัดจ์และซอสคาราเมลชนิดเค็ม
 
 

 
 
 
 
 
4. JAMIE’S ITALIAN by JAMIE OLIVER 
 
 
ที่ชั้น 8 โซน Central Park ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่โด่งดังบนเรือสำราญลำนี้โดยเชฟ Jamie Oliver ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วเพราะเป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่ได้รับความนิยมจากแขกเป็นอย่างมาก อาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ มาพร้อมกับวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรตามฤดูกาล ทั้ง ชีส เนื้อชั้นดี ฟักทอง พาสต้า กุ้ง ผักดอง ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในเมนูจานเด็ดค่ะ Jamie's Italian จะให้บริการในช่วงมื้อกลางวัน และมื้ออาหารค่ำเท่านั้นค่ะ (ชำระค่าอาหารตามเมนู)
 
 

 
 
 
 
 
5. JOHNNY ROCKETS 
 
 
ชั้น 6 โซน Boardwalk ร้านอาหารสุดคลาสสิคในบรรยากาศยุค 60's แห่งนี้ตั้งอยู่บนทางเดินริมทะเลพร้อมที่นั่งกลางแจ้งมากมาย ให้บริการอาหารอเมริกันแบบดั้งเดิมที่คุณโปรดปรานเช่นเบอร์เกอร์ ฮอทดอก และพริกทอดชีส ทั้งหมดนี้ปิดท้ายด้วยมิลค์เชคหวานสดใส (ชำระค่าอาหารตามเมนู)
 
 

 
 
 
 
 
6. IZUMI HIBACHI & SUSHI 
 
 
ชั้น 4 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารเอเชีย ต้องมาลองอาหารยอดนิยมที่ห้องอาหารนี้ Izumi เป็นห้องอาหารญี่ปุ่น เพลิดเพลินกับรสชาติของซูชิทำมือกันเห็นๆ ซาซิมิสด เทปันยากิที่เตรียมไว้ตรงหน้าคุณ ทดสอบอาหารจานพิเศษของเชฟ เช่น Truffle Creamy Lobster หรือ Tempura Roll บอกได้เลยว่าเป็นสุดยอดของความอร่อย รวมไปถึงเมนูของหวานตบท้ายให้เลือกอีกมากมายค่ะ (ชำระค่าอาหารตามเมนู)
 
 

 
 
 
 
 
7. SABOR TAQUERIA & TEQUILA BAR
 
 
ชั้น 6 โซน Boardwalk ลองชิม Fajitas เนื้อผัดเม็กซิกันที่ร้อนแรงเสิร์ฟกับทาโก้รสจัดจ้านทานกับขนมแป้งกรอบตอร์ติญ่า และต้องไม่ลืมที่จะสั่งเครื่องดื่มมาการิต้าที่มีส่วนผสมเฉพาะของร้าน นั่งดื่มชิลๆ ในบรรยากาศ Boardwalk (ชำระค่าอาหารตามเมนู)
 
 

 
 
 
 
 
8. WONDERLAND
 
 
ที่ชั้น 12 บริการอาหารยุโรป เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารในบรรยากาศชวนฝันดังจินตนาการของดินแดนอันสวยงามในเทพนิยาย ให้คุณสัมผัสรสชาติเมนูอาหารที่รังสรรค์ออกมาเป็น 6 ธีม คือ Sun, Sea, Ice, Earth, Fire และ Dreams ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศและเมนูที่เป็นเอกลักษณ์ (ชำระค่าจองที่นั่งคนละ US $ 30-35 + Service Charge 18%)
 
 

 
 
 
 
 
9. SOLARIUM BRISTO
 
 
ที่ชั้น 16 หากใครนึกถึงอาหารดีเพื่อสุขภาพ ต้องไม่พลาดที่จะมายังห้องอาหาร Solarium Bistro เป็นห้องอาหารที่มีสไตล์การตกแต่งที่สวยงาม พร้อมกับบรรยากาศสบายๆ กว้างขวาง รวมถึงการมีเมนูอาหารที่สดใหม่ และน้ำผลไม้ที่มีมากมายให้เลือกดื่มได้ ห้องอาหารนี้เปิดให้บริการแบบบุฟเฟต์ ทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวันค่ะ 
 
 

 
 

 

 
 
 
 
 

บาร์เครื่องดื่ม (BAR & LOUNGES)

 
 
บนเรือจะมีบาร์เครื่องดื่มให้บริการกระจายอยู่ทั่วไปมากกว่า 20 แห่งค่ะ แน่นอนว่าเครื่องดื่มที่คุณสั่งนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ก็แลกกลับคืนมาด้วยบรรยากาศของความสนุกสนานเฮฮากับผู้ร่วมเดินทาง ลีลาและเสน่ห์ของบาร์เทนเดอร์ และดนตรีเพราะๆ ขับกล่อม ขอแนะนำร้านเด่นๆ ค่ะ
 
 
 
 
 
BIONIC BAR
 
 
Bionic Bar หรือจะให้เรียกอีกอย่างว่า หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์อัจฉริยะ ที่เราสามารถให้ชงเครื่องดื่มส่วนตัว มิกซ์นั่นผสมนี่เป็นแบบเฉพาะของตัวเองก็ทำได้เช่นกันค่ะ แหม.. อยากจะขอหนักๆ สักแก้วก่อนเดินเซกลับไปยังห้องพักแบบไม่รู้ตัว อิอิ 
 
 

 
 
 
 
 
PLAYMAKERS SPORTS BAR & ARCHADE
 
 
ร้านอาหารว่างและเครื่องดื่มของแฟนกีฬา หากคุณอยากทานเบอร์เกอร์รสชาติเยี่ยม Playmakers มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ แบบคลาสสิกและแบบที่มีซอสทรัฟเฟิลชีส รวมทั้งเมนูของหวานอย่างเช่น ไอศครีม Touchdown Sundae 5 สกู๊ป หรือ Campfire Cookie ที่อบด้วยมาร์ชเมลโล่และนูเทลล่า
 
 
อ่อ เพราะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ขายด้วย ที่นี่จำกัดอายุผู้เข้าใช้บริการนะคะ คือต้องอายุมากกว่า 18 ปี สำหรับรายการล่องในยุโรป เอเชีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ค่ะ และต้องมากกว่า 21 ปี สำหรับรายการในโซน อเมริกาเหนือค่ะ
 
 
Playmakers Challenge: และหากคุณสามารถกินปีกไก่ทอดรสร้อนแรงได้ 100 ชิ้นใน 45 นาทีเชิญรับเสื้อยืดที่ระลึกการันตีจาก Playmakers เลยค่า
 
 

 
 

 
 
 
 
 
VINTAGES
 
 
ชั้น 8 โซน Central Park สำหรับคอไวน์แล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าหากคุณต้องการไวน์ชั้นเยี่ยมสักขวดละต้องมาที่นี่เลยค่า  ที่นี่ยังเสิร์ฟทาปาสเพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับไวน์แก้วโปรด ทาปาสเป็นอาหารจานเล็ก ๆ ที่มีต้นกำเนิดในประเทศสเปน ทาปาสแบบดั้งเดิมนั้นมีส่วนผสมของอาหารเรียกน้ำย่อยหรือของว่างเสิร์ฟใกล้กับจานเล็ก ๆ อย่างมีสไตล์
 
 

 
 
 
 
 
SOLARIUM BAR  
 
 
ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่สวยงามพร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ Solarium Bar เหมาะสำหรับผู้ใหญ่นะคะ แขกสามารถเข้ามาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ผสมแอลกอฮอล์ได้ที่ห้องนี้ โดยจะมีบาร์เทนเดอร์ที่คอยให้บริการแบบเป็นมิตร ให้บริการทั้งเครื่องดื่ม ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล และเครื่องดื่มเย็นๆ อื่นๆ อีกมากมาย ที่เหมาะสำหรับไปนั่งจิบบริเวณริมสระน้ำนั่นเองค่ะ 
 
 

 
 

 

 
 
SUITE LOUNGE
 
 
สวีท เลาจน์ หรือคลับสำหรับผู้โดยสารห้องสวีท คือห้องอาหาร Coastal Kitchen นั่นเอง จะให้บริการฟรีเฉพาะผู้ที่เข้าพักระดับ Grand Suite หรือระดับสูงกว่าขึ้นไปค่ะ ที่นี่นอกจากจะบริการอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัลแล้ว ยังมีบริการเครื่องดื่ม รวมทั้งวิสกี้ บรั่นดี และไวน์ไว้บริการในยามบ่ายและยามเย็น แต่จะมีข้อจำกัดเรื่องอายุสำหรับการให้บริการเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์ คือต้องอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปีในโซนที่เรือแล่นจากทวีปอเมริกาเหนือ สามารถเข้ามาใช้บริการได้และอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในโซนที่แล่นเรือจากอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จ้า
 
 

 
 
 
 
 
STARBUCKS
 
 

 
 
 
 
 
SUGAR BEACH
 
 

 
 
 
 
 

 

 
 

แนะนำเครื่องเล่นใหม่และส่วนบริการบนเรือ

 
 
อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นค่ะว่าเรือลำนี้ได้เพิ่มเติมเครื่องเล่นใหม่ๆ สำหรับคุณที่หลงใหลในกิจกรรมตื่นเต้นเร้าใจสนุกสุดเหวี่ยงหลายรายการ ตามมาดูเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง
 
 
 
 
 
ULTIMATE ABYSS 
 
 
ถูกขนานนามว่าเป็นสไลเดอร์บนเรือสำราญที่มีความยาวที่สุดในโลกไปแล้ว เพราะระยะสไลด์มีความยาวถึง 216 ฟุต โดยมีทางเข้าที่ชั้น 15 สไลด์วนลงมาถึงทางออกที่ชั้น 6 เรียกได้ว่าหวาดเสียวและตื่นเต้นสุดๆ ขอย้ำว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดจ้า 
 
 

 
 
 
 
 
THE PERFECT STROM 
 
 
สไลเดอร์น้ำในท่อวนเป็นวงกลมที่อยู่ในโซนสวนน้ำนี้นี้เป็นเครื่องเล่นยอดฮิต คุณสามารถเล่นวนแล้ววนอีกได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ
 
 

 
 
 
 
 
ZIP LINE 
 
 
เล่นโหน Zip Line ที่มีความยาว 82 ฟุต จากจุดเริ่มต้น ที่ความสูง 9 ชั้น เหนือจากโซน Boardwalk ด้านล่าง
 
 

 
 
 
 
 
FLOW RIDER 
 
 
กิจกรรมที่เรียกว่า Sound Waves หรือ Flow Rider ที่มีความยาวถึง 40 ฟุต เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเซิร์ฟบอร์ดโต้คลื่นมันส์ๆ ทั้งนี้ได้ยกมาไว้บนเรือลำใหญ่ยักษ์มหึมาอย่าง Harmony of the Seas แล้วค่ะ เป็นไงหละคะสนุกทั้งวันบนเรือสำราญ รับรองไม่เบื่อแน่นอนค่ะ
 
 

 
 
 
 
 
ROCK CLIMBLING WALLS 
 
 
กิจกรรมสำหรับผู้ที่รักการปีนหน้าผา ด้วยความสูง 40 ฟุตของหน้าผาจำลองบนชั้น Boardwalk เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่ธรรมดาจริงๆ
 
 

 
 

 

 
 
MINI GOLF
 
 
สนามกอล์ฟมินิที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า เอาใจคลับคนรักกอล์ฟเป็นที่สุด มีหลายหลุมให้เลือกตีได้ตามใจชอบ พร้อมบรรยากาศโดยรอบที่สวยงามค่ะ สามารถคลิกเข้าไปดูที่รูปภาพจะเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบบนเรือสำราญจ้า โอ๊ยยยเลิศค่ะ 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 

รายละเอียดส่วนบริการบนเรือ Symphony of the Seas (แยกตามชั้น เรียงจากส่วนหัวเรือไปท้ายเรือ)

 
 

 
 
 
 
 

 
 
 
 
 

 
 
 
 
 

 
 
 
 
 

 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
ขอบคุณที่กรุณาติดตามการแนะนำเรือสำราญของ 'หญิงปุ๊กพาเที่ยว' ค่ะ ขอให้มีความสุขกับการท่องเที่ยวไปตามฝันนะค้าาาาา
 
 
 
 
 
Update: 2020-10-15