ล่องเรือสำราญ Regent Seven Seas Mariner ล่าฝัน 10 คืน

ตอนใกล้เที่ยง หญิงปุ๊กเตรียมเช็คเอ้าท์ แล้วก็นั่งแท็กซี่น้ำข้ามไปอีกฝั่งนึงของทะเล เพื่อขึ้นเรือสำราญ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้นค่ะ
เมื่อไปถึง ก็จะมีเจ้าหน้าที่มารับกระเป๋า ติดแทคชื่อและหมายเลขห้อง หลังจากนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน เพื่อเช็คพาสปอร์ตและเอกสารการจองเรือ แล้วก็เดินผ่านเครื่องแสกนกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่จะนำขึ้นเรือเองค่ะ หลังจากเสร็จพิธีทางการ เราก็เดินลั้ลลา ชะลาล่าไปหาเรือสำราญกัน
ระหว่างเดินก็ถ่ายรูปไป เดินไป บางจังหวะก็กึ่งๆ วิ่ง ฮ่าๆๆ คือตื่นเต้น อยากขึ้นเรือเร็วๆ เรืออยู่ตรงหน้าเราแล้ว เย้ ยิ่งเข้าใกล้ เรือก็ยิ่งใหญ่ขึ้นๆ ได้เห็นเรือเต็มตามากขึ้น ว้าววววว ชั้นบินมาไกล มาเพื่อสิ่งนี้ Hello, Seven Seas Mariner โบกมือทักทายเรือด้วยแล้วเราก็เดินตามทางเพื่อไปขึ้นเรือ เพิ่งเที่ยงกว่าเอง มาเร็วมาก ไม่ค่อยบ้าเห่อเลยนะเธอ เวลาที่เรือจะออกจากท่าจริงๆ ตั้งห้าโมงเย็นแหน่ะ เค้าให้เราเช็คอินก่อนอย่างน้อยสองชม. นะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ เรือ Seven Seas Mariner เป็นหนึ่งในเรือสามลำของ Regent Seven Seas ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และ Regent Seven Seas เองก็กำลังต่อเรือลำใหม่ พร้อมให้บริการในช่วงฤดูร้อนปี 2016 ซึ่งเค้าโฆษณาไว้ว่า เรือลำใหม่นี้จะใหญ่กว่าเดิม ดีกว่าเดิม หรูกว่าเดิม เลิศจริงๆ
โอ้ว อดใจรอแทบไม่ไหวแล้ว อยากจะให้เรือต่อเสร็จเร็วๆ จัง (อัพเดทปี 2016: เราจะไปล่องเรือสำราญลำใหม่นี้เดือนตุลาคม เป็นจำนวน 11 คืน กรี๊ดดดดด ฝันที่เป็นจริง ฉันรอเธอมานานเหลือเกิน)
เมื่อขึ้นไปด้านบน เราก็เข้าไปรับประทานอาหารก่อนเลย ที่ห้อง La Veranda ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักสำหรับอาหารเช้าและกลางวัน ตกแต่งสไตล์สบายๆ เสิร์ฟเป็นอาหารบุฟเฟต์ค่ะ
เมื่อเดินเข้าไปถึง พนักงานก็ยืนรอต้อนรับและทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมพาเราเดินไปนั่งที่โต๊ะ หลังจากนั้นพนักงานหนุ่มสองคนก็เข้ามาบริการ พร้อมแนะนำตัว บอกชื่อและสัญชาติ ผมรู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีต้อนรับทุกท่านครับ ห้องอาหารเนี้เป็นห้องอาหารบุฟเฟต์ เชิญทุกท่านตักทานได้ตามอัธยาศัย เมื่อห้องพักเสร็จแล้ว ทางเราจะประกาศแจ้งให้ท่านทราบอีกทีนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการรับประทานอาหารมื้อกลางวันครับ
แล้วก็ชวนคุยถามว่า เรามาจากไหน อะไร ยังไง พอบอกว่า ประเทศไทย เค้าก็ชวนคุยต่อว่า เค้าเคยมาเมืองไทยสวยมากๆ พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เค้าชอบกรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต ชอบคนไทยด้วย คนไทยน่ารัก เป็นมิตร คนไทยฟังแล้วปลื้มค่ะ หลังจากนั้นก็บริการเครื่องดื่มชา กาแฟ น้ำผลไม้บนโต๊ะ และเชิญให้ไปตักอาหาร หญิงปุ๊กก็เดินสำรวจไลน์อาหาร หยิบนั่นหยิบนี่ เชฟและพนักงานยิ้มให้เราตลอดค่ะ เราก็คอยส่งยิ้มหวานคืน
พอได้อาหารมาแล้ว หญิงปุ๊กกำลังจะเดินกลับมาที่โต๊ะค่ะ อยู่ๆ พนักงานเดินมาขออนุญาติช่วยถือจาน พาไปส่งที่โต๊ะ
โอ้ว.. รู้สึกสวยและหน้าบานขึ้นมาสามระดับ รู้สึกเป็นแขกวีไอพียังไงบอกไม่ถูก มีหนุ่มมาถือจานให้ ครุคริๆ แต่แอบคิดในใจว่า แหม๋ ถ้ารู้จะมาช่วยถือ จะตักอาหารใส่จานสวยๆ ตักน้อยๆ จะได้ดูดีสักหน่อย นี่ตักมาซะล้นและเละเชียว แอบเขินเล็กน้อย ฮ่าๆๆ พอมานั่งที่โต๊ะ พนักงานหนุ่มทั้งสองคน ยังมีการแกล้ง ทำเป็นแย่งกันให้บริการอีก แบบยินดีพร้อมให้บริการมาก ฮาๆ ขำๆ แบบพนักงานเฟรนลี่ และนี่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งบนเรือสำราญที่ทำให้หญิงปุ๊กประทับใจมาก
ตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นเรือและก้าวสุดท้ายที่ออกจากเรือ เราจะได้การบริการแบบเป็นบุคคลสำคัญตลอดเวลา เป็นการให้บริการระดับโลก คือการให้เกียรติ และบริการอย่างดี สร้างความประทับใจ ยิ้มแย้ม ทักทาย อวยพร สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองมากๆ ภายใต้การบริการอย่างเป็นมืออาชีพ จะคอยซักถามตลอดว่า อยากได้ อยากกินอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราสามารถบอกได้ทันทีเลย และเค้าก็จะจัดการแก้ไขปัญหาให้ทันทีเลย แบบว่าขอให้คุณมีความสุข เอ็นจอยกับทริปนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งโดยปกติเรือสำราญระดับหรูหราสัดส่วนจำนวนพนักงานต่อแขก จะอยู่ที่สัดส่วนอย่างน้อย 1:2 สำหรับเรือลำนี้ คือ 1:1.6 หรือพนักงาน 435 คนต่อแขก 700 คนค่ะ ทำให้พนักงานสามารถดูแล จดจำรายละเอียด และให้บริการแขกอย่างเป็นส่วนตัวได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
ถ้าเป็นเรือลำใหญ่ๆ สัดส่วนจะเป็น 1:3 บริการระดับมาตรฐานค่ะ
การได้รับการบริการแบบเป็นวีไอพีนั้นดีอย่างไร
เคยรู้สึกเหมือนกันไหมคะ เวลาที่ไม่มีใครมอง ไม่มีใครสนใจ เราก็จะเฉยๆ ทำตัวธรรมดามากๆ บางทีธรรมดาจนค่อนไปทางน่าเกลียดเลยด้วยซ้ำ เพราะคิดว่า ไม่มีใครมองอยู่แล้ว แต่เวลาที่เรามีคนสนใจ มีคนเห็นตัวตนเราขึ้นมา เราก็อยากจะหล่ออยากจะสวย ทำตัวให้ดูดี น่ารัก มีมารยาท ทำตัวให้ดูมีค่า ให้สมกับที่เค้าให้เกียรติ นี่หละค่ะ การที่เราได้มาอยู่ในสถานที่ที่มันดูดี มันหรู อยู่กับคนที่ทำงานอย่างมืออาชีพ อยู่กับคนที่มีมารยาท อยู่กับคนที่แตกต่างหลากหลาย เราก็จะอัพมาตรฐาน และพัฒนาตัวเองให้ดูดีมีระดับ ยกระดับตัวเองขึ้นไปด้วย เพราะคงไม่มีใครอยากจะรู้สึกว่าตัวเองดูแย่ ดูด้อยกว่าคนอื่น และสำหรับคนที่ดูแลตัวเอง ให้เกียรติตัวเองมากอยู่แล้ว ก็จะรู้สึกว่า ชั้นช่างคู่ควรกับการเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ หัวใจมันจะพองโตขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้เรารู้สึกมีแรง มีพลังที่จะใช้ชีวิตให้ดี ให้ประสบความสำเร็จ และมีความสุขเพิ่มขึ้นอีก
ลองพัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับสิ่งต่างๆ ที่เราเคยคิดว่ามันสูงเกินไป ดูสิคะ แล้วเราจะรู้ว่า สิ่งต่างๆ ที่ดีๆ ทั้งหมดบนโลกใบนี้หน่ะ คู่ควรที่จะเป็นของเราอย่างแท้จริง
และหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อย ทางเรือก็ประกาศว่า ห้องพักเรียบร้อยแล้วจ้า แขกสามารถเข้าห้องได้แล้ว กระเป๋าเดินทางก็ถูกเข็นไปไว้ให้หน้าห้องค่ะ
ห้องพักของหญิงปุ๊กเป็นแบบ D-Concierge Suite ห้องสวีท มีบัทเลอร์ส่วนตัว ดูหรูหรา สวยงาม เตียงนอนนุ้มนุ่ม ดูอบอุ่น น่านอนมากๆ มีห้องเสื้อผ้าเก็บกระเป๋าเดินทางได้สบายๆ มีโต๊ะเครื่องแป้งตรงข้ามกระจกบานใหญ่เต็มตัว มีโซฟาอยู่ตรงข้ามตู้มินิบาร์ ชั้นวางของ มีแชมเปญเป็น welcome drink ด้วยค่ะ มีระเบียงพร้อมเก้าอี้สองตัว ไว้ชมวิวภายนอก
หญิงปุ๊กจะพักในห้องนี้เป็นเวลา 10 คืนจ้า อยู่บนชั้น 10 อยู่ชั้นที่สูงที่สุดสำหรับห้องพักเลยค่ะ เลือกห้องที่อยู่ชั้นๆ สูงและตั้งอยู่กลางเรือ เพื่อให้ได้วิวที่สวยงาม และอยู่ในตำแหน่งที่เรือโคลงน้อยที่สุด ถ้าห้องอยู่ท้ายเรือจะโคลงมากกว่าเมื่อเจอคลื่นแรง ถ้าอยู่ชั้นเตี้ยๆ ก็จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ค่ะ แต่ข้อเสียของห้องชั้นสูงสุดคือ มันอยู่ใต้สระว่ายน้ำ ถ้าทางเรือมีการจัดกิจกรรมอะไรด้านบน เราจะได้ยินเสียงลากเก้าอี้ ลากโต๊ะไปมา หรือมีปาร์ตี้ตอนค่ำๆ ก็จะมีเสียงเพลงจากด้านบนลงมา ใกล้บาร์แอลกอฮอล์ด้วย แต่ก็ไม่ได้เสียงดังมาก แค่เปิดทีวีก็ไม่ได้ยินเสียงภายนอกแล้ว
ซึ่งห้องพักทั้งหมดมี 14 ระดับ ของหญิงปุ๊กอยู่ระดับที่ 5 ซึ่งราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามระดับนะคะ ห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 5-10 ชั้น 11 เป็นสระว่ายน้ำ ชั้น 12 เป็นชั้นลอยวงรี พื้นที่กีฬา ทำกิจกรรมต่างๆ
สักพักหลังเข้าห้องเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ทางเรือก็ประกาศว่า ให้ทุกท่านไปรวมตัวกันที่ Constellation Theater เป็นโรงละครเวที ที่เปิดการแสดงในตอนกลางคืน แต่จะใช้เป็นที่ชุมนุม นัดรวมตัวของแขกทั้งหมดบนเรือ หรือตอนจัดกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวในแต่ละวันด้วยค่ะ เค้าก็อธิบายว่า เพื่อความปลอดภัยของแขกทุกท่าน เราจะซ้อมอพอพเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินกันค่ะ ก็เตรียมใส่เสื้อชูชีพ และแจ้งตำแหน่งว่า อยู่ห้องชั้นไหน ไปรวมตัวกันที่จุดไหน โดยดูจากตำแหน่ง A / B / C บนเสื้อชูชีพ
ทีแรกหญิงปุ๊กคิดว่า เรือหรู คงมีเจ้าชายหล่อๆ เจ้าหญิงสวยๆ ควงคู่กันมาโรแมนติก ยืนกางแขนกอดกันที่หัวเรือแบบแจ๊คกับโรสในหนังไททานิค แต่จากที่มองคร่าวๆ ผมสีขาวมากกว่าสีดำสีทอง อายุคนบนเรือนี้รวมๆ กันแล้ว น่าจะหลายหมื่นปีเลยทีเดียวค่า และมั่นใจมากว่าหญิงปุ๊กอายุน้อยที่สุด และน้ำหนักน้อยที่สุดแล้ว และแน่นอนค่ะ น่าจะเป็นสาวสวยที่สุดในเรือ แบบไร้คู่แข่ง ฮ่าๆ และถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจริงๆ หญิงปุ๊กน่าจะหนีได้ไวกว่าคนอื่น เพราะดูจากการซ้อมแล้ว เป็นการอพยพที่ช้ามาก สโลๆ ค่อยๆ เดิน เนื่องจากมีแต่ รุ่นพ่อแม่ กับผู้สูงอายุทั้งนั้นเลย อย่างไรก็ตาม การซ้อมก็ดำเนินการผ่านไปด้วยดีค่ะ มีการจำลองสถานการณ์จริง เดินไปยังจุดรวมพล และเดินไปยังเรืออพยพที่เค้าจัดเตรียมไว้ ไม่มีอะไรมาก
ถ้าเปรียบเทียบการซ้อมเหตุฉุกเฉินกับตัวเราในชีวิตประจำวัน ชีวิตเราก็มีความเสี่ยง และน่าจะจำเป็นต้องเตรียมแผนฉุกเฉินไว้เหมือนกันนะคะ หญิงปุ๊กเคยนั่งถามตัวเองว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคนเรา ก็คือ ชีวิตเราใช่ไหม แต่.. เราไม่เคยประเมินและบริหารความเสี่ยงในชีวิต เพื่อให้เรามีมาตรฐานในการจัดการกับชีวิตกันเลยนะนี่ แผนฉุกเฉิน แผนเอแผนบีแผนซี ไม่มีเลย มีแต่แผนแก้ไขเฉพาะหน้า เรารู้กันอยู่แล้วว่า ในชีวิต ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ความเสี่ยงในชีวิตเยอะแยะเต็มไปหมด ได้แก่
เสี่ยงตกงาน เสี่ยงไม่ก้าวหน้า
เสี่ยงเงินไม่พอใช้ เสี่ยงเป็นหนี้ เสี่ยงอกหัก เสี่ยงต่อการจากไปของคนที่เรารัก
เสี่ยงถูกโกง เสี่ยงเสื่อมเสียลาภ ยศ ชื่อเสียง เสี่ยงเป็นโรคต่างๆ
เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต พิการ เสี่ยงรถหาย ไฟไหม้บ้าน โดนปล้น โดนทำร้าย
ซึ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เมื่อไรก็ได้ ทีนี้เราควรจะต้องมองความเสี่ยงเหล่านี้เป็น โจทย์ของชีวิต ที่ต้องวางแผนจัดการหลีกเลี่ยง หรือคิดแผนผ่อนหนักให้เป็นเบา ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้ก่อน เราก็จะรู้สึกว่า ชีวิตเรามั่นคงมากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับอนาคตมากจนเกินไป เพราะเราเตรียมพร้อม เตรียมตัว เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว กล้าพูดได้ว่า อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด เราพยายามป้องกัน ลดความเสี่ยงอย่างดีที่สุดแล้ว
เรื่องอาหาร หญิงปุ๊กขอเน้นย้ำว่าบนเรือลำนี้ ทานไม่อั้นจ้ะ จะสั่งอะไรก็ได้ ในเมนูกี่จานก็ได้ค่ะ หญิงปุ๊กส่วนใหญ่จะทานเมน 1-2 จาน และก็สั่งอย่างอื่นด้วย ซุป เรียกน้ำย่อย ขนมหวาน สลับๆ กันไป ไม่ชอบไม่ต้องฝืน ไม่ต้องกินให้หมด บอกเค้าไม่ชอบ ขอสั่งอย่างอื่นเพิ่ม เค้ายินดี เค้าไม่ว่า รวมถึงเครื่องดื่มด้วย จะสั่งมาสองสามแก้ว ชา ช็อคโกแลต น้ำผลไม้ ไวน์ แชมเปญ กินได้กินไป ดื่มได้ดื่มไป กลับไปห้องสั่งมากินอีกก็ได้ มีเมนู room service ที่เปิดตลอด 24 ชม. มีแต่คนเชียร์ให้กินทุกๆ วัน ท้องจะแตก ชุดจะปริ ข้าน้อยขอยอมแพ้ น้ำหนักขึ้นแน่ๆ แต่ไม่รู้ขึ้นเท่าไหร่ เพราะไม่มีตาชั่งบนเรือ 555
ที่ทานไม่อั้นแบบนี้ คือ หญิงปุ๊กไปสายเรือของ Regent Seven Seas ซึ่งเป็นแพคเกจแบบ All inclusive คือ เหมาจ่ายครั้งเดียวตามประเภทห้อง แล้วค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าทัวร์ท่องเที่ยว ทุกอย่าง รวมหมดแล้ว คือจ่ายเน็ทไปแล้ว
ส่วนถ้าไปสายเรืออื่น ก็คือจ่ายค่าห้อง ที่ไม่ได้แพงมาก แล้วก็จะใช้อะไรก็จ่ายเพิ่ม ทานก็จ่าย ไม่ทานก็ไม่ต้องจ่าย ไปทัวร์ก็จ่าย ไม่ไปทัวร์ก็ไม่ต้อง คือต้องลองคำนวณๆ เอาเองว่า แบบนี้คุ้มไหม พอใจไหม ชอบแบบไหน แต่สำหรับหญิงปุ๊ก แบบนี้ก็ถือว่า คุ้มมากๆ แล้วค่ะ ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม อาหารการกินดี ห้องพักสวย บริการประทับใจ เที่ยวดีไม่เหนื่อย และปลอดภัยมากค่ะ
Prime 7
วันนั้นหญิงปุ๊กกลัวเมาเรือค่ะ เจอคลื่นลมแรง เลยนอนตลอดบ่าย แต่ยังโชคดีค่ะ มีอาหารเย็นอร่อยๆ ปลอบใจ เป็นกุ้งมังกรกับปูอลาสก้า เน้นๆ ซึ่งวันนี้เป็นห้องอาหารพิเศษ ชื่อ Prime 7 เป็นสเต๊กเฮ้าส์ สัญชาติอเมริกัน ที่แขกสามารถจองทานได้แค่ท่านละหนึ่งคืนเท่านั้นค่ะ โดยจะใส่ชุดทางการมากกว่าวันอื่นหน่อย ผู้ชายใส่สูท ผู้หญิงก็ชุดราตรี บางคนก็มาเต็ม ใส่เฟอร์ค่ะ










ได้เจอกับลูกเรือคนไทยอีกครั้ง ชื่อพี่กบ พี่เค้าน่ารักมากค่ะ ตลก เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด ตั้งแต่วันแรกก็เข้ามาทักทาย บอกว่ามีอะไรก็เรียกได้ค่ะ ยินดีให้บริการ และชอบแวะเอานั่นเอามาให้ลองทาน และก็เป็นคนกระจายข่าวค่ะว่า มีแขกเป็นคนไทยนะ ช่วยดูแลดีๆ ด้วย ฮ่าๆๆ ซึ่งโดยรวมจริงๆ แล้ว บริการบนเรือดีมากๆ อยู่แล้ว ทีมงานยิ้มแย้ม ทักทาย และเป็นมืออาชีพมาก บัทเลอร์เอาใจใส่ทุกรายละเอียด
เชฟใหญ่ก็เดินทักทายแขกทั่วเรือทุกโต๊ะทุกมื้อ เพราะอาหารเค้าทำอร่อย เลยได้รับคำชม และยิ้มแก้มปริทั้งวัน เชฟใหญ่เค้าดูมีความสุขมากที่สุด มากกว่าใครทั้งหมด เชฟเป็นคนแคนาดา ได้คุยทักทายกับแขกทุกคนจริงๆ ขยันมากๆ เหมือนอยากรู้ว่าแขกชอบอาหารที่เค้าทำไหม เค็มไปหรือเปล่า อยากได้อะไรเพิ่มไหม เชฟดูเป็นมืออาชีพ และใส่ใจแขกมากๆ เลย เห็นแล้วชอบ และรู้สึกประทับใจมากค่ะ หญิงปุ๊กจะชอบแอบมองว่า เชฟมาจากทางไหน พอใกล้ๆ ก็จะเตรียมตัวยิ้ม เชฟมาแล้วๆๆ เชฟจะถามเราแล้วนะว่า อาหารอร่อยไหม มีอะไรไม่ชอบไหม เราก็ได้แต่พูดว่า อร่อยๆ ทุกวันเลยแฮะ เชฟก็ยิ้มๆ ขอบคุณครับๆ แหะๆ และตอนขากลับจากดินเนอร์ หญิงปุ๊กก็เดินเซกลับห้องเลยค่ะ เรือยังโคลงอยู่เลย ต้องรีบนอน ปิดสวิทซ์ตัวเองดีที่สุดค่ะ ไม่งั้นเมาเรือแน่

Signature
ดินเนอร์วันนี้ มาที่ห้องอาหารพิเศษอีกที่นึง คือ Signature เป็นห้องอาหารฝรั่งเศส หนึ่งในภัตตาคารของ เลอ กอร์ดอง เบลอ Le Cordon Bleu ซึ่งแขกต้องจองล่วงหน้า และทานได้แค่ท่านละ 1 ครั้ง เช่นเดียวกันกับห้องอาหาร Prime 7 ค่ะ และชุดที่ใส่ก็จะเป็นทางการ ผู้ชายใส่สูท ผู้หญิงใส่ชุดราตรีค่ะ ห้องอาหารสลัวๆ จุดเทียน แบบโรแมนติค ภาพอาหารเลยออกมา แปลกๆ หน่อยนะคะ มันมืด ใช้วิธีเร่งแสงเอาค่ะ
จานหลักเป็น lobster กับปลา halibut อร่อยเหมือนเดิมจ้า ช่วงเสิร์ฟอาหารของห้องอาหารน่ารักดีค่ะ ทีแรกแอบชำเลืองมองโต๊ะข้างๆ ก่อน พนักงานเสิร์ฟจะเดินถือจานอาหารมาเสิร์ฟอาหารให้แขกทุกท่านพร้อมๆ กัน ถ้ามา 6 คน พนักงานก็เดินมายืนพร้อมกัน 6 คนที่โต๊ะ เสิร์ฟอาหารวางบนโต๊ะ โดยมีฝาครอบอาหารสีเงินปิดอยู่ แล้วก็ยื่นมือมาเปิดฝาครอบพร้อมๆ กัน พร้อมทั้งพูดภาษาฝรั่งเศสเสียงดังพร้อมๆ แต่นแตนแต้น หญิงปุ๊กฟังไม่ออก แต่ถามพี่กบ ลูกเรือคนไทย ความหมายจะประมาณว่า ขอให้มีความสุขกับอาหารในมื้อนี้นะครับ โอ้ว น่ารักมาก พอเห็นของโต๊ะข้างๆ เราก็แอบลุ้นของเราเองมั่ง ตื่นเต้น เอามั่งๆ รอมาเสิร์ฟๆ จะว้าวววมั่ง พอถึงเวลาจริง แต่นแตนแต้น เปิดมา โหว.. ให้น้อยจัง จะพอหญิงปุ๊กรับประทานไหมนี่ 555








Compass Rose
ห้องอาหาร Compass Rose ซึ่งจะมีเมนูอาหารมาให้เลือกทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อปลา ซีฟู๊ด ซึ่งรายการจะเปลี่ยนไปทุกๆ วัน มีอาหารบางอย่างเช่น แซลมอน จะมีทุกวัน คือสั่งให้ย่างหรืออบ แล้วก็พวกสเต๊กเนื้อวัว เราอยากทานอะไรก็สั่งได้เต็มที่ ไม่จำกัดค่ะ กินเกือบทุกวัน สั่งทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย ซุป สลัด และอาหารจานหลักมากมาย รสชาติอาหารอร่อยมาก 555 ใช้ได้ๆ รสชาติผ่านฉลุย ว้า.. แย่จัง เที่ยวครั้งนี้น้ำหนักขึ้นมากมาย


จะมีเวลาเปิดปิดช่วงเช้า กลางวัน เย็น แต่ว่าใครจะสั่งไปทานที่ห้องก็ได้ ถึงมีเมนูให้เลือกน้อยกว่า แต่เค้าเปิดให้บริการตลอด 24 ชม.ค่ะ แขกที่มาล่องเรือ ส่วนใหญ่ดื่มไวน์ ดื่มแอลกอฮอล์กันค่ะ คุ้มมากๆ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ และเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน และก็มีเกรดพรีเมี่ยมอย่างดีมากๆ ซึ่งต้องซื้อเพิ่มเอง
สำหรับหญิงปุ๊กไม่ดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ เลยไม่สามารถกล่าวถึงรายละเอียดให้ฟังได้ ตัวหญิงปุ๊กเอง สั่งแต่ ชา กาแฟ ช็อคโกแลตปั่น น้ำผลไม้ วันๆ นึงดื่มไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้ว ผสมกันมั่วไปหมด เกรงจะไม่คุ้ม มาพักบนเรือลำนี้ พูดได้เลยว่า อาหารและเครื่องดื่มเต็มท้องอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ ลืมความรู้สึกหิวไปได้เลย ทานกันจนเดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว กลิ้งไปเลยดีกว่า มันอิ่มและจุกมาก
































Seafood Buffet Party
และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย ซีฟู้ดบุฟเฟต์ริมสระว่ายน้ำ ในบรรยากาศรื่นเริง และรีแลกซ์ นักดนตรีก็มาบรรเลงเพลงสด และก็ยืนเต้นไปด้วย ส่วนกุ้งหอยปูปลาก็มาเต็ม โฮะๆๆ ถูกใจหญิงปุ๊กม๊ากกกกกมาก มีน้ำแข็งแกะสลักรูปปลามาตกแต่งให้ดูดียิ่งขึ้น แต่ว่าติดอย่างเดียว ฝรั่งนั่งกลางแดดดูชอบ ดูเอ็นจอยมาก นอนอาบแดดริมสระผมกันเพียบเลย แต่หญิงปุ๊กต้องก้มหน้าก้มตารับประทาน เพราะร้อนหลังมากจ้า จะกลายเป็นหมูหันอยู่แล้ว เกรียมๆ หญิงปุ๊กไม่อยากได้ผิวสีน้ำผึ้งนะ อยากตัวขาวๆ จ้า












พออิ่มท้องแล้ว เราก็กลับห้องค่ะ วันนี้นอนเล่นในห้อง นอนดูหนัง ชิวๆ ค่ะ หญิงปุ๊กคิดว่า บางครั้งความสุขเกิดจากการ ไม่ต้องทำอะไรเลยนะ แค่ได้นั่งๆ นอนๆ ดูน้ำทะเลใสกริ๊ง ฟังเสียงคลื่นเสียงลม สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด อยู่กับคนที่เรารักเงียบๆ หรือพักอ่านหนังสือ นั่งคุยนั่งหัวเราะกัน แค่นี้ก็ฟินโคตรๆ แล้วจ้า
หญิงปุ๊กแอบขอเม้าท์หน่อยค่ะ เนื่องจากเมื่อวานนี้แต่งชุดไปทานดินเนอร์กันแบบธรรมดามาก คือใส่ชุดที่ไปเที่ยวนั่นแหละ
แต่แพ้คุณตาคุณยายค่ะ กรี๊ดดดดดด เจอคุณตาใส่สูทผูกไทด์ คุณยายมีขนเฟอร์ที่คอ ชุดระยิบระยับๆ นั่งแต่งตัวกันหรูๆ หลายโต๊ะเลย อะไรกันนี่ อะไรกันนี่ สาวๆ อย่างหญิงปุ๊กถึงกับเอ๋อค่ะ อ้าว วันแรกไม่เห็นจัดเต็มกันขนาดนี้เลยนะ พอจะจัดเต็ม ทำไมไม่บอกกันก่อนหละคะ คิดในใจ วางแผนกันเลยค่ะ ว่าวันนี้ว่างๆ อยู่บนเรือนี่นะ ต้องจัดมั่ง หญิงปุ๊กสู้ตายค่ะ 555 เราจะไม่ยอมแพ้คุณตาคุณยายเด็ดขาด ขนเฟอร์ก็ขนเฟอร์เถอะ เช้อะๆๆ
(ก่อนขึ้นเรือ หญิงปุ๊กได้ดูข้อมูลมาบ้าง เลยเอาชุดดินเนอร์สวยๆ มาเผื่อด้วยหลายชุดค่ะ กะว่าจะมาดูท่าทีก่อน คนอื่นใส่แบบไหน หญิงปุ๊กก็จะได้ใส่ให้เข้ากับคนอื่นจ้ะ) ก็เริ่มแต่งตัวกันตั้งแต่บ่าย 4 ดินเนอร์กันตอนทุ่มนึง ซึ่งเป็นการแต่งตัวล่วงหน้าที่นานมาก กร๊ากกก อยากจะทาอายแชโดว์สัก 7 สี 555 กลัวไม่โดดเด่น เอาเป็นว่า วันนี้มั่นใจชุดระยิบระยับมาก ยังกับจะไปออกคอนเสิร์ต 555 สร้อย รองเท้า กระเป๋า จัดเต็ม วิ๊งๆๆๆ วันนี้สวยด้วยนะ มีแขกชม พนักงานชม หญิงปุ๊กจะเกิดก็วันนี้แหละค่ะ ป๊อปปูล่าในหมู่ลูกเรือด้วยนะ สวยแบบไร้คู่แข่ง ไม่มีแขก สาวๆ คนอื่น ในเรือแล้ว ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ 555
อ้อ.. ลืมเม้าท์อีกอย่างค่ะ การที่หญิงปุ๊กตั้งใจแต่งตัวสวยสุดฤทธิ์ เพื่อไปสู้คุณตาคุณยายตอนดินเนอร์ ถือว่าเป็นความโชคดีของหญิงปุ๊กเป็นอย่างมากกกกกเลยค่ะ เพราะว่า คืนนั้นเป็น กัปตันไนท์ ค่ะ เอ้ะ กัปตันไนท์คืออะไร หญิงปุ๊กไม่รู้จักมาก่อน งง อะไร ยังไง
คืองี้ค่ะ อยู่ๆ ตอนช่วงหกโมงเย็น ก็มีประกาศค่ะ ประกาศว่า กัปตันกำลังจะเดินมาหน้าห้องแขกทุกห้องทีละห้อง เพื่อกล่าวทักทาย เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับแขกทุกท่านบนเรือ จบประกาศแล้ว ขอให้ทุกท่านเลยมาหน้าห้องทันทีเลยค่ะ โอ้มายก๊อด หญิงปุ๊กกำลังแต่งตัวเพลินๆ ชิวๆ สะดุ้งโหยง หารองเท้าๆๆๆ อ้ากกกก กัปตันจ๋า อย่าเพิ่งมา หนูหารองเท้าไม่เจอ แต่ยังดีนะคะ ที่เริ่มแต่งตัวมาตั้งแต่บ่าย 4 แล้ว ฮ่าๆๆ เสื้อผ้าหน้าผมเสร็จแล้ว รีบๆ ใส่รองเท้าลนลานมากค่ะ ใส่ผิดใส่ถูก มันเป็นแบบสายคาดรัดส้น ใส่ยากนิดนึง พอเปิดประตูออกมา ผ่างงงงงง กัปตันยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง พร้อมกล้องวีดิโอบันทึกภาพ (ทำซีดีที่ระลึกไว้จำหน่ายตอนจบทริปค่ะ)
หญิงปุ๊กก็ยิ้มทักทาย จับมือๆ กัปตันค่ะ ยิ้มให้กล้องด้วย คิดในใจ แหม๋.. ถ้าออกมาเยินๆ จะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องทันที แต่พอดีสวยแล้ว โล่งอกค่ะ โล่งอก เสร็จแล้ว เค้าก็ให้ทักทายแขกที่อยู่ห้องข้างๆ และห้องถัดไปทั้งชั้น แบบว่าให้ทำความรู้จักกัน เพราะว่า เราจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน บัทเลอร์ก็เอาแชมเปญมาให้คนละแก้ว แล้วก็เดินไปคุยๆ ค่ะ
ซึ่งห้องข้างๆ หญิงปุ๊กเป็นคู่รักอายุสัก 50 มาจากสเปน เคยมาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้งแล้วค่ะ เล่านั่นเล่านี้ ว่าชอบคนไทยยิ้มเก่ง บริการดี มีน้ำใจ และครั้งนี้เค้ามาเรือสำราญกับเพื่อนอีก 2 คู่ ซึ่งอยู่ห้องถัดๆ ไปค่ะ ก็จับกลุ่มคุยกันสักพัก แล้วก็แยกย้ายกันเข้าห้องค่ะ พอเข้าห้องปุ๊บ แอบหัวเราะกันใหญ่ ฟลุคจริงๆ เลย วันก่อนๆ แต่งตัวไม่สวย วันนี้สวยพอดี แถมมีวีดิโออัดไว้เป็นหลักฐานอีก แหม๋ๆๆ ไม่เสียชื่อคนไทยแล้วจ้า อิอิ
หญิงปุ๊กชอบกิจกรรม กัปตันไนท์นี้นะคะ เหมือนเป็นการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และเปิดโอกาสให้เราได้รู้จักแขกท่านอื่นๆ ทำให้เรากล้าทักทายคนอื่น ในเวลาต่อๆ มาค่ะ เหมือนกับว่าบนเรือ ทุกคนจะแสดงความเป็นมิตรออกมาอย่างชัดเจน เดินสวนกัน เจอกันในห้องอาหาร ในลิฟท์ และทุกๆ ที่ ก็ทักทาย ถามว่าวันนี้ไปเที่ยวที่ไหนมา เป็นยังไงบ้าง ชมคนอื่นว่าสวยจัง ดูอ่อนเยาวน์จัง แซวๆ กัน ขำๆ ค่ะ บรรยากาศมันก็จะเป็นกันเองๆ และอบอุ่นดี
La Veranda
ห้อง La Veranda ห้องอาหารหลักสำหรับอาหารเช้าและกลางวัน ตกแต่งสไตล์สบายๆ เสิร์ฟเป็นอาหารบุฟเฟต์ค่ะ สำหรับมื้อเช้าและกลางวัน อาหารเช้าแบบอเมริกัน อาหารก็อร่อยได้มาตรฐานค่ะ มีพวกไข่ ไส้กรอก ซุป ขนมปัง ซีเรียล













Pool Grill
อาหารมื้อบ่าย Pool Grill จะเป็นของย่างๆ บาร์บีคิว กินไป ชิมวิวไป อิ่มตาอิ่มท้อง สบายใจแท้ อาหารอร่อยดีค่ะ แต่มื้อนี้เรียกว่าทานแค่พอรองท้องนะคะ 555บอกแล้วค่ะว่า บนเรือกินไม่อั้น เราก็กินกันทั้งวัน แถมมีไอศครีมเติมได้ไม่อั้นด้วย ผ่านทีนึงก็ลูกนึง จะไม่อ้วนยังไงไหว แต่บนเรือนี่ดีนะคะ ไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนัก ไม่งั้นหญิงปุ๊กคงเครียด กินอะไรไม่ลงแน่ๆ





รีวิวทริปล่องเรือสำราญ Regent Seven Seas Mariner
ในทุกๆ วัน ทางสายเรือจะมีกิจกรรมบนเรือให้ทำตลอดนะคะ จะเป็นตารางเวลามาให้ เผื่อใครที่อยากพักผ่อนอยู่บนเรือ ไม่อยากออกไปเที่ยวเมืองนั้นๆ เช่นมีการแสดงต่างๆ เล่นบิงโก โชว์ร้องเพลง สอนเต้น ชิมไวน์ จับกลุ่มคุยกันเรื่องต่างๆ นา แล้วแต่วันค่ะ ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ส่วนวันนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่ทุกคนอยู่บนเรือ ฉะนั้นทางเรือก็มีการจัดปาร์ตี้บุฟเฟ่ต์อาหารทะเลตรงบริเวณสระว่ายน้ำค่า ว้าวๆๆๆ อยากกินๆๆ ฮ่าๆๆ รอๆๆ นะ หญิงปุ๊กชอบทานซีฟู๊ดมากถึงมากที่สุด ซึ่งในช่วงเช้า ทาน Breakfast ก็ตักสารพัดไข่ปลา รับรองคลอเรสเตอรอลพุ่งปรี๊ดแน่นอน เสร็จแล้ว ก็เดินสำรวจเรือสักหน่อย สระว่ายน้ำ บาร์เครื่องดื่ม นั่งชมวิวได้ทั้งด้านใน และด้านนอกค่ะ จริงๆ มีร้านกาแฟ ห้องสมุด ห้องการ์ดเกมด้วย ห้องคาสิโน ร้านทำผม สปา ร้านขายของ ไม่ได้ถ่ายมา แต่ว่าแต่ละที่ไม่ได้ใหญ่นะคะ เป็นมุมเล็กๆ เท่านั้นเอง
สระว่ายน้ำ
ชั้น 11 เป็นสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นน้ำเย็น และมีอ่างจากุชชี่เป็นน้ำอุ่นค่ะ ใครที่ชอบว่ายน้ำ อาบแดด ก็สบายเลยนะคะ เรือลำนี้คนไม่เยอะค่ะ ส่วนใหญ่ดูเงียบสงบ ชวนให้สงสัยว่าคนหายไปไหนหมดนะ ยิ่งช่วงเช้าๆ คนน้อยมาก เพราะเค้าจะกำลังทานอาหาร และส่วนนึงก็เตรียมตัวออกไปทัวร์กันด้วย


Stunning ยิ่งใหญ่ อลังการมากกกกก







บาร์เครื่องดื่ม



วันนี้กิจกรรมตอนกลางคืน มีการแสดงโชว์ของกัปตันเรือ และแนะนำทีมงานหลักๆ บนเรือค่ะ ลูกเรือมาจากหลากหลายประเทศทั่วโลกเลย แขกก็มาจากหลากหลายประเทศเช่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่มาจากอเมริกา และยุโรปค่ะ
หญิงปุ๊กรู้สึกว่า หญิงปุ๊กชอบความรู้สึกตอนที่ได้อยู่ท่ามกลางคนต่างชาติจากหลายๆ ประเทศ เหมือนคนบนเรือลำนี้ มาจากต่างสถานที่ มาจาก 40 กว่าประเทศ คนอเมริกันเอง ก็มาจากหลายๆ รัฐ ซึ่งอยู่กันคนละฟากประเทศ หญิงปุ๊กเห็นว่า มันเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้ความคิด และวัฒนธรรมจากคนประเทศอื่นๆ ได้เห็นความแตกต่าง ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิด ทำให้เกิดไอเดียดีๆได้รู้อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ทำให้เรารู้จักยอมรับ และปรับตัวให้เข้าคนอื่นที่คิดต่างกัน เชื่อต่างกัน และได้เรียนรู้มารยาทสากล ที่คนทั่วโลกเค้าปฏิบัติกัน การมีระบบระเบียบที่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ ยอมรับกันได้
หญิงปุ๊กคิดว่าเวลาอยู่ในสังคม เราชอบแบ่งแยก พยายามจะแบ่งให้ได้ว่าใครเหมือนและต่างกับเราบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว หญิงปุ๊กว่า ไม่ว่าเราจะเกิดประเทศไหน เป็นคนเชื้อชาติอะไร ต่างกันยังไง ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ไม่เห็นจำเป็นจะต้องแบ่งแยก เหยียดสีผิว หรือดูถูกชาติอื่นเลย เพราะไม่ว่าจะชนชาติอะไร ก็เป็นมนุษย์เหมือนกันหมดนั่นแหละ และไม่มีใครเหมือนใครสักคน แต่ทุกคนล้วนต้องการความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ และอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กันทั้งนั้น




หรือการล้อและเหยียดกัน เรื่องเพศ เชื้อชาติ รูปร่าง สีผิว ฐานะ ศาสนา และการเมือง จริงๆ แล้วใครจะคิดอะไรยังไง เป็นแบบไหน มันก็ชีวิตเค้า ตัวตนเค้า เราควรให้เกียรติคนอื่น บ่อยครั้งที่เราพูดเพราะความเคยชิน พลั้งปาก ลืมตัว หรือไม่รู้มาก่อนว่ามันไม่ดี ก็พยายามลด และเลี่ยงกันเถอะค่ะ ฟังแล้วมันไม่ค่อยรื่นหู อย่าเห็นคนที่แตกต่าง ไม่เหมือนเรา เป็นตัวตลก เป็นเรื่องที่จะต้องนำมาล้อเล่นเลย หญิงปุ๊กอยากชักชวนให้ทุกคนรู้จักให้เกียรติ และรักษาหน้าคนอื่นด้วย
อย่ามัวแต่พูดเล่น ขำๆ เอาฮา เอามันส์อย่างเดียว คนที่ถูกล้อมันไม่สนุก และไม่ขำเลยจริงๆ ค่ะ
I don't care if you're black, white, straight, bisexual, gay, lesbian, short, tall, fat, skinny, rich or poor. If you're nice to me, I'll be nice to you. Simple as that. -- Eminem --
และนอกจากนี้ หญิงปุ๊กได้ค้นพบว่าผู้คนส่วนใหญ่บนเรือสำราญเป็นมิตรมากๆ มากกว่าคนอื่นที่พบเจอในสถานที่ทั่วๆ ไปเลยค่ะ คงอาจจะเป็นเพราะว่าทุกคนต่างรู้สึกว่า จะได้วนเวียนพบเจอกันตลอดในช่วง 10 วันที่อยู่บนเรือ จึงทักทาย ผูกมิตร ชวนคุย กับทุกคนที่ได้เดินผ่าน หรือพบเจอ หรือส่วนใหญ่มีประสบการณ์การได้อยู่ร่วมกันกับคนต่างชาติแล้ว เลยกล้าที่จะยอมรับความแตกต่าง และเรียนรู้ ซึ่งมันทำให้บรรยากาศในเรือมันอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเจอในลิฟท์ก็ทักทายกัน เวลาเดินสวนกัน เวลาออกกรุ๊ป ได้เที่ยวด้วยกัน ก็คอยระวัง คอยเรียก คอยเตือนให้ระวังทาง ระวังคนอื่น ระวังมิจฉาชีพ ทำให้การเดินทางแบบนี้ก็ค่อนข้างรู้สึกปลอดภัยมากกว่าไปเที่ยวเองมากค่ะ
กลับมาต่อกันที่เวที หลังจากการแนะนำตัวของลูกเรือจบ ก็มีการแสดง Broadway ด้วยค่ะ หูยยยย หญิงปุ๊กชอบมากๆๆๆ ตื่นตาตื่นใจมากมาย อยากจะเข้าไปกอดนักแสดง วิ๊งๆๆๆ ทำไมสวยๆ หล่อๆ กันทั้งนั้น เต้นสวยมากๆ ชุดก็ระยิบระยับตระการตา ดูแล้วไม่น่าเบื่อเลยแหละ แบบว่าเป็นโชว์ Broadway ที่หรู เลิศ สวย มีชีวิตชีวา เต้นเก่งร้องเพราะ หลงรักเลยค่าาา เห็นแล้วน่าอิจฉาฝุดๆ ปกติไม่ค่อยเคยดูพวกนี้ คิดว่าจะน่าเบื่อ ง่วงๆ ซะอีก
ก่อนนอนคืนนี้ หญิงปุ๊กขอเล่าเรื่องคุณยายที่นั่งข้างๆ หน่อยจ้ะ คุณยายน่าจะอายุประมาณ 70 ปีขึ้น ผมขาวฟู แต่แต่งตัววัยรุ่นมาก ยืนเต้นตามนักร้องตลอด ตบมือ แบบแดนส์ๆ ดูเอ็นจอยมากกก ดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เฟี้ยวจริงๆ หญิงปุ๊กนั่งดูโชว์ไป ทำตาวิ้งๆ เป็นประกายไป และคอยแอบเหล่ ฮาคุณยายด้วย อินเนอร์มาเต็ม คนเราเวลาจะสนุก ก็ให้สนุกให้เต็มที่แบบคุณยายนั่นแหละ เจ๋งดีค่ะและตอนเดินกลับห้อง เผอิญอยู่ชั้นเดียวกันกับหญิงปุ๊กอีกค่ะ เห็นคุณยายเดินเซๆ น่าจะเมานิดๆ ด้วย เซซ้ายที เซขวาที และก็พูดถามคุณตาว่า ห้องเราอยู่ไหนกันนะ 555 แหม่.. คุณยายเมา มีคุณตาช่วยพยุงกลับห้อง สองคนตายายเดินกันตุปัดตุเป่ น่ารักจังเลย..
เซอร์ไพร์
หลังจากจบทัวร์อันยาวนานทั้งวัน เสียเวลาในการเดินทางระหว่างสองเมืองด้วยค่ะ เราก็กลับถึงเรือตอนค่ำๆ แล้วหละ แต่... วันนี้มีเซอร์ไพร์อีกแล้ว แต่วันนี้สภาพโทรมค่ะ เดินมาเหนื่อยทั้งวันเลย พอลงจากรถบัส เจอกัปตันและลูกเรือมายืนเรียงแถวต้อนรับพวกเราขึ้นเรือจ้า ทักทาย ตบมือ เต้นตามจังหวะดนตรี หลายคนตะโกนสวัสดีครับ สวัสดีค่ะ ยกมือไหว้ ไทยแลนด์ ไทยแลนด์ เราก็เดินบนพรมแดง ผ่านลูกเรือไปทีละคนๆ เขินๆ หัวเราะๆ และยิ้มแก้มปริกันไปค่ะ จากเหนื่อยๆ ก็หายเหนื่อยเลยนะ ฮามากค่ะ

เมาเรือ
มีเช้าวันถัดมา ตามกำหนดการ เราจะต้องแวะเมือง Taormina (Sicily), Italy แต่พอตื่นมา สภาพอากาศเป็นเช่นนี้ค่ะ โอ้โห อะไรมันจะมืดขนาดนี้น้อ ฟ้าแลบแปลบๆ ลมแรง และมีฝนด้วย น่ากลัวจัง
ต้องร้องเพลง...
ทะเลสีดำ ทำให้ฉันกลัว อาจทำให้เธอ นั้นต้องลำบาก ไม่เห็นเป็นไร อย่าไปคิดมาก มันคงไม่ยาก เพียงเธอจับมือฉัน..
สักพักนึงค่ะ กัปตันก็ประกาศขออภัย และขออนุญาติล่องเรือต่อ โดยไม่แวะเที่ยวเมืองนี้ค่ะ เพื่อความปลอดภัยของแขกทุกท่าน แล้วก็ไม่สามารถแวะท่าเรือใกล้เคียงได้ด้วย เพราะรายงานสภาพอากาศตรงนั้นก็ไม่ค่อยดีค่ะ ซึ่งหญิงปุ๊กก็เห็นด้วยอย่างมากค่ะ เนื่องจากวันนี้ตามแผนแล้ว เรือสำราญจะไม่ได้เทียบท่า แบบว่าต้องลงเรือเล็ก เพื่อไปขึ้นฝั่งอีกที เนื่องจากท่าเรือตรงนี้น้ำลึกไม่พอ
เรือสำราญไม่สามารถเข้าไปจอดเทียบท่าได้ แบบท่าเรือที่ผ่านๆ มา และพอสภาพอากาศไม่ดีเช่นนี้ คลื่นก็แรง เรือก็โคลงเคลงตลอดเวลา และอายุอานามแขกแต่ละท่านก็มิใช่น้อย จะตกน้ำตกท่าก็วันนี้แหละค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องไปอ่ะดีละ อย่างคุณแม่ของหญิงปุ๊ก ก็บอกว่า ใครจะไปก้อไปเหอะ ม้าไม่ไปด้วยร้อกกกก 555 กัปตันยกเลิกทัวร์ แหม่... เวรี่กู๊ดไอเดีย แต่วันนี้ขอล๊อบสเตอร์ปลอบใจด้วยนะ ฮา
หลังจากนั้นเรือก็โคลงไปโคลงมา นี่คือข้อเสียหลักของการมาล่องเรือเลยนะคะ จะเมาเรือ และคลื่นไส้อาเจียนเอาค่ะ เรือโคลงทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ อดเที่ยว เน็ตบนเรือก็ล่ม คนก็เดินเซ เดินเมากันสนุกสนาน หญิงปุ๊กทานเที่ยง มีบุฟเฟต์บาร์บีคิว ท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่คลื่นยังแรงอยู่



ตอนกลางคืนเจอมรสุมคลื่นแรงอีกแล้ว เจอหนักกว่าเก่า คือหญิงปุ๊กเมาเรือไปเลยค่ะ นั่งกอดชักโครกทั้งคืน เป็นอะไรที่ทรมานมากๆ เพราะมันไม่ยอมหยุดค่ะ ต้องสั่งอาหารมาที่ห้อง เพราะห้องอาหารไม่เปิดสามารถเปิดให้บริการได้ เรือมันโคลงมาก บัทเลอร์ก็เข้ามาในห้อง ช่วยเก็บแก้วเก็บขวดออกไปจากห้อง คว่ำเก้าอี้โซฟา เพราะกลัวมันจะล้ม หญิงปุ๊กพยายามทานยาแก้เมาเรือ แต่ไม่ช่วยค่ะ เพราะเมาไปแล้ว กินยาไป ยังไม่ทันย่อย ก็อาเจียนออกหมดค่ะ คือต้องนอนๆๆ และนอน อย่างเดียวเท่านั้น คืนนั้นทรมานมาก ตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็น กว่าคลื่นจะสงบ ก็สักเที่ยงคืนได้
ตอนเรือโคลงมีจังหวะดนตรีด้วยนะ ลมดันประตูกระจก ฟิ้วๆๆ ลิ้นชักชักเข้าชักออกพรึ่บๆ แก้วกระทบกันกริ๊งๆ เฟอร์นิเจอร์ขยับ อี๊ดอ๊าดๆ ขับกล่อมให้เราตื่นค่ะ 555 ตกใจ กลัวไปเอง พร้อมอพยพ แต่ว่าเราต้องนอนค่ะ อ้อๆๆ ที่สำคัญ ต้องเก็บกระเป๋าเดินทางให้เสร็จ วางหน้าห้องก่อนเที่ยงคืน เตรียมเช็คเอ้าท์ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งถือว่า เป็นความทรมานมากๆ เพราะลำพังนั่งเฉยๆ ก็เมาแล้ว นี่ต้องเดินไปเดินมา เก็บของ ทรมานกายทรมานใจจนไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย นี่คือภาพสุดท้ายที่เห็น ก่อนเมาค่ะ ทำให้คิดได้ว่า เวลาจองเรือสำราญ เช็คสภาพอากาศให้ดีๆ ด้วย หลีกเลี่ยงช่วงมรสุม และฝน ดีที่สุด

พอเช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นมาเห็นฟ้าใส หญิงปุ๊กอยากจะบอกว่า โคตรมีความสุขค่ะ 555 ดีใจ เรือนิ่งเหมือนเดิมแล้ว เข้าสู่สภาวะปกติ
ตามกำหนดการ เราจะต้องแวะที่เมือง Sorrento/Capri, Italy ซึ่งสวยมาก แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ เพราะสภาพอากาศไม่ดีเหมือนเดิม เลยต้องเปลี่ยนเป็น Naples, Italy แทน ซึ่งกัปตันก็ได้ประกาศไว้เมื่อคืนตอนค่ำๆ และได้มีการส่งโปรแกรมทัวร์ใหม่มาให้เรียบร้อยค่ะ

และแล้วตอนนี้หญิงปุ๊กก็ได้เดินทางมาถึงเมือง Rome, Italy จุดหมายปลายทางของทริปล่องเรือสำราญในครั้งนี้แล้วจ้ะ ต้องร่ำลา และเก็บภาพรอยยิ้ม และความประทับใจต่างๆ ที่มีตลอดทริป ไว้ในความทรงจำ ซึ่งโดยรวมหญิงปุ๊กรู้สึกดีใจมากๆ และประทับใจกับทุกๆ อย่างมากๆ เลยค่ะ ยกเว้นตอนเมาเรือ เงิบกันไปๆ 555 แต่ยังไม่เข็ดนะจ้ะ ถ้ามีโอกาส จะมาใหม่แน่นอน
เมื่อมาถึงโรม เรือเข้าจอดที่ท่า ตอน 7 โมงเช้า ก็ทานอาหารเช้ากันก่อน มื้อสั่งลา เสร็จแล้วก็ไปเอา passport คืนจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเค้าได้เก็บไว้ให้ เพื่อปั๊มตรา ตม. เข้าออกในแต่ละประเทศค่ะ แล้วทางเรือก็ประกาศขอบคุณแขกทุกท่านที่ได้ร่วมเดินทางกับทางสายเรือ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อนรับทุกท่านกลับมาอีกครั้งค่ะ
หญิงปุ๊กก็ทักทาย กล่าวลากับคู่รักสเปนที่อยู่ห้องข้างๆ แล้วก็ตายายบางท่านนะคะ ที่ได้เคยทักๆ คุยๆ กันอยู่ หลังจากนั้นก็เดินลงจากเรือไปเอากระเป๋า และเดินทางออกจากท่าเรือค่ะ