เที่ยววัลเลตตา Valleta มอลตา Malta
เที่ยวมอลตา หลายๆ อาจจะยังไม่รู้จัก.. ขอแนะนำก่อนว่า มอลตาตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในการถูกครอบครองและแย่งชิงนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งจากโจรสลัด ออตโตมาน นโปเลียน ฝรั่งเศส และอังกฤษ เป็นแหล่งรวมนักรบจากทั่วทั้งยุโรปเลย เนื่องจากมีท่าเรือที่สามารถเข้ามาจอดเทียบได้ง่าย ทำให้เมืองนี้จำเป็นต้องสร้างแนวกำแพงเมืองที่สูงรอบเกาะ เพื่อป้องกันข้าศึกค่ะ
เมืองวัลเลตตา เป็นเมืองหลวงของมอลตา มีรูปร่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินเที่ยวชมเมืองได้ในทุกทิศทาง เมืองเล็กแต่สถานที่เที่ยวนี่ไม่ธรรมดานะจ๊ะ
เที่ยวเมือง สามเมือง The Three Cities
สามเมือง เป็นคำที่ใช้เรียกเมือง Vittoriosa Cospicua, และ Senglea ในประเทศมอลตาค่ะ เป็นสามเมืองยุคกลางที่แข็งแกร่ง โดยประชากรรวมกันทั้งหมดประมาณ 10,808 คน เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในสามเมืองนี้คือ Vittoriosa หรืออีกชื่อคือ Birgu ค่ะ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน แค่เดินเล่นตามตรอกซอกซอยต่างๆ ก็ต้องหลงใหลไปกับการตกแต่งบ้านเรือนของผู้คนในเมืองด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด และพิพิธภัณฑ์ที่มีทั้งเรือมอลตาแบบดั้งเดิม ภาพวาด อาวุธทางทะเลให้ชมกัน Vittoriosa เป็นเมืองที่เจริญ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟน่ารักๆ เยอะแยะเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบรรยากาศ เริ่ดอยู่แล้นน
ส่วนอีกสองเมืองก่อตั้งขึ้นทีหลัง โดยเซนต์จอห์น ในศตวรรษ 16 และ 17 ค่า แต่เดิมทำเป็นที่หลบภัยและป้อมเฝ้าระวัง เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้แบบพาโนราม่าเลยทีเดียว ต่อมาได้ฟื้นฟูและการพัฒนาเป็นท่าเรือท่า อุ๊ๆ ที่นี่ยังมีคอลเลคชั่นศิลปะสวยงามให้ชื่นชมอีกด้วยนะค้า
เที่ยวหมู่บ้านประมงมาร์ซักลอกก์ Marsaxlokk Fishing Village
ที่แรกที่ไปเยือนคือท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสอง เป็นหมู่บ้านประมง Masaxlokk ตรงบริเวณท่าเรือ จะมีบรรดาเรือประมงพื้นเมือง หรือ Luzzus จอดอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ สีสัน และรูปทรงของเรือ เก๋ไม่เบาเลย เวลามาจอดกันเยอะๆ แลสวยงามดีค่ะ และลองสังเกตุดูดีๆ นะคะ บริเวณด้านหน้าของเรือทุกลำ จะมีตาสองดวงแปะอยู่ ซึ่งเป็นดวงตาผู้พิทักษ์ Eye of Horus or Of Osiris ที่จะคอยสอดส่องคุ้มครองให้ไม่ได้เกิดภัยอันตรายกับชาวประมงขณะเดินเรือค่ะ
เที่ยวเซ็งเกลีย Senglea
หลังจากนั้นไกด์ก็พาเดินทัวร์เมือง Senglea เพื่อไปขึ้นเรือชมเมืองค่ะ วันที่ไป คนน้อยมาก เห็นแต่บ้านเรือน และเรือยอร์ชจอดอยู่เต็มไปหมดเลย
พอเดินมาถึงเรือ อ้าว... ทีแรกหญิงปุ๊กคิดว่าเราจะได้นั่งเรือยอร์ช ที่ไหนได้ ชะลาล่า ได้ขึ้นเรือคล้ายเรือโจรสลัดซะมากกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ยังไงก็ไม่รู้ โอเคๆ ได้เวลาโจรสลัดหญิงปุ๊กแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ออกปฏิบัติการล่าสมบัติแล้ว เย้...
บรรยากาศบนเรือ ลมพัดเย็นสบาย มีแดดสวยงาม ก็นั่งๆ ยืนๆ ถ่ายรูป ชมวิวเมืองนี้กันไป ซึ่งวิวสองฝั่งแตกต่างกันมากเลยค่ะ ฝั่งนึงจะเป็นเขตกำแพงเมืองเก่าที่มีกำแพงเมืองสูงมาก โอบล้อมทั้งเมือง ก็ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ที่มีการรุกรานและต่อสู้กันอย่างยาวนาน และโชกโชนแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าทำไมกำแพงเมืองต้องสูงใหญ่ขนาดนี้ เรียกว่าต้องป้องกันกันอย่างเต็มที่
ท่าเรือวัลเลตตา Valletta Harbour
เป็นท่าเรือธรรมชาติขนาดใหญ่บนเกาะมอลตา ที่สร้างและใช้งานมาตั้งแต่สมัยโบราณนู่นนค่ะ และไม่ได้เป็นท่าเรือเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่เป็นเวิ้งอ่าวที่สวยงามทางใต้ของแหลมวัลเลตตา ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างตั้งแต่ยุคเก่ามากมาย มีทั้งอู่ต่อเรือ โรงเก็บสินค้า และป้อมปราการขนาดใหญ่หลายป้อม
ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงให้รองรับจำนวนเรือได้มากขึ้น เพื่อเป็นท่าเรือยอร์จ เรือใบ และเรือขนส่งสินค้าราคาแพงค่ะ โดยกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นคือ จะมีการยิงปืนใหญ่เพื่อเป็นการสดุดี และเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆ และเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาชมวิวทิวทัศน์ที่ เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยและขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของมอลตาเลยจ้า
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นเมืองใหม่ เป็นตึกคอนโด และโรงแรมแบบทันสมัย ตอนนี้ถือว่าเป็นเมืองตากอากาศริมทะเลที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวค่ะ ได้รับฉายาว่า สวรรค์ราคาถูกแห่งทะเมดิเตอริเนียน เพราะค่าครองชีพถูกมากๆ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นในยุโรป แต่บ้านเมืองที่มีความสวยงามเเละบรรยากาศที่ดีมากๆ จ้า