เที่ยวลอสแอนเจลิส (Los Angeles) สหรัฐอเมริกา USA เมืองแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ ที่คนไทยเรียกติดปากกันว่า แอล.เอ. (L.A.) หนทางสู่ฮอลลีวูด “โรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา” สัญลักษณ์ของความมีชื่อเสียง สถานที่กำเนิดรางวัลอันโด่งดังอย่างออสการ์ (Oscar) และ โรงละครบรอดเวย์ (Broadway) นั่นเองค่า แฟนๆ หนังจอยักษ์ รอช้าไม่ได้แล้ว เตรียมตัวเทคออฟแล้วไปเซย์ไฮกันที่ฮอลลีวูดด่วนๆ เลยนะจ๊ะ

 

เที่ยวชมฮอลลีวูดไซน์ (Hollywood Sign)


ฮอลลีวูดไซน์ (Hollywood Sign) หรือ ป้ายฮอลลีวูด ตั้งอยู่บนภูเขาลีในฮอลลีวูดฮิลล์บนเขตพื้นที่ของเทือกเขาซานตาโมนิก้า ซึ่งเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คยอดฮิตสำหรับผู้คนที่แวะเวียนมายังเมืองนี้ ป้ายฮอลลีวูดสามารถมองเห็นได้จากทุกมุมในตัวเมืองลอสแอนเจลิสเลยค่ะ แต่นอกจากจะถ่ายรูปจากระยะไกลแล้ว ใครอยากจะไปถ่ายรูปใกล้ๆ เพื่อเพิ่มระดับความน่าอิจฉาอีกนิดก็ขึ้นเขาไปเพื่อโพสท่า ชิคๆ เก๋ๆ กับป้ายฮอลลีวูดได้ไม่ยากค่ะ เราสามารถขึ้นบนยอดเขาได้โดยการไปขึ้นรถบัสฟรีที่ Griffith Observatory รถจะมารับเราเป็นรอบๆ ค่ะ ทุกๆ 20 นาที แนะนำให้ไปวันธรรมดานะคะ เพราะวันหยุดคนจะเยอะมากๆๆ จ้า สามารถขึ้นไปได้ตลอดทั้งปีเลยน้า เปิดให้ขึ้นตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00 น. วันธรรมดา และ 12:00 – 22:00 น. ในวันเสาร์และอาทิตย์ บอกเลยว่าใครไม่มีรูปกับป้ายฮอลลีวูด นี่ถือว่าไปไม่ถึงลอสแอนเจลิสนะค้าาาา









 

เที่ยวฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม (Hollywood Walk of Fame)


ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม (Hollywood Walk of Fame) ตั้งอยู่บนถนนฮอลลีวูด ( Hollywood Boulervard) ตัดกับ ถนนไวน์ (Vine Street) เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คของลอสแอนเจลิสค่ะ ในปี ค.ศ. 1978 ที่นี่ถูกยกให้เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของลอสแอนเจลิส และถูกเรียกว่า ย่านของฮอลลีวูดสตาร์ (Hollwood Star Road)” นั่นเองค่า ทั้งสองฝั่งพื้นถนนของเส้นนี้จะถูกประดับไปด้วยรูปดาว พร้อมชื่อของนักแสดง ผู้กำกับ นักร้อง นักดนตรี วงดนตรี และคนมีชื่อเสียงด้านต่างๆ ของวงการฮอลลีวูด ยาวถึง 15 บล็อก นอกจากนั้นถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครชื่อดังอย่าง โรงละครดอลบี้ (Dolby Theatre) สถานที่จัดงานรับรางวัลออสการ์ และโรงละครจีน (Chinese Theatre) ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความใหญ่ ซึ่งสามารถจุได้ถึง 900 ที่นั่งเลยนะคะ!  นอกจากนั้นที่หน้าโรงละครแห่งนี้ยังมีลายเซ็นต์ พร้อมกับรอยพิมพ์มือและเท้าลงบนพื้นของคนดังฮอลลีวูดอีกหลายๆ ท่านอีกด้วยค่า











 

เที่ยวเบเวอลี่ฮิลล์ (Beverly Hills)


ย่านที่พักสุดหรูของเหล่าดาราฮอลลีวูด เบเวอลี่ฮิลล์ (Beverly Hills) หลายๆ คนจะรู้จักในที่นี่ฐานะของย่านบ้านพักสุดหรูของเหล่าคนดัง และเศรษฐีทั้งหลาย ซึ่งเป็นย่านที่โด่งดังมากที่สุดในลอสแอนเจลิส แถมบ้านแถวนี้ยังมีราคาที่สูงปรี้ดดดดดดด ปรอทแตกเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งหญิงปุ๊กเองก็เล็งๆ แถวริมชายหาดหลังหนึ่งแล้วละค่ะ อิอิ ล้อเล่นค่าาา เก็บตังซื้อขนมแถวนี้กินอยู่ นอกจากจะเป็นบ้านพักแล้ว ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายๆ เรื่องเช่น Bevenly Hills 90210  และ The Beverly Hillbillies ด้วยจ้า





เบเวอลี่ฮิลล์ถูกแบ่งออกหลายๆ เขต ตั้งแต่ฝั่งใต้ของถนนซานตาโมนิก้า จะเป็นที่พักอาศัยของเหล่าชนชั้นกลาง รวมถึงช้อปปิ้งมอลล์ชื่อดัง ช้อปแบรนด์ไฮเอนด์มากมาย และห้องเสื้อที่เหล่าคนดังนิยมมาใช้บริการ ซึ่งทอดยาวเรียงรายมาจาก ถนนวิลเซอร์ ถึง ถนนซานตาโมนิก้า ที่เรียกว่า ย่าน Rodeo Drive นั่นเองค่า พอขยับไปทางฝั่งถนนซานตาโมนิก้าเหนือก็จะเป็นระดับเศรษฐีขึ้นมาหน่อยค่ะ ก็จะเป็นบ้านหลังโตๆ ส่วนโซนสุดท้ายคือ ถนนซันเซต (Sunset Boulevard) เป็นที่พักอาศัยของเหล่าดาราดัง ซึ่งใครที่เป็นติ่งดาราฮอลลีวูดแล้วอยากจะส่องดาราละก้อ ขอบอกว่าไม่ได้จะเห็นกันง่ายๆ นะคะ เพราะย่านนี้จะถูกดูแลรักษาแบบพิเศษ เพื่อป้องกันอันตรายต่อเหล่าคนดังจากผู้ประสงค์ร้าย  ซึ่งบอกเลยว่าการ์ดแถวนั้นก็จะดุๆ หน่อยค่ะ







แต่นอกจากความหรูหราและการไปติ่งดาราแล้ว ที่นี่ยังมีชายหาดซานตาโมนิก้า ให้ไปเดินเล่น หรือ อาบแดดกันด้วยนะคะ และยังเป็นจุดนัดพบยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ใกล้ๆ มีหาดเวนิส และ หาดมาลิบู ด้วยค่ะ บอกเลยว่าเป็นชายหาดแถวนี้ยังเป็นแลนด์มาร์กสำคัญๆ จากภาพยนตร์ รวมถึงซีรี่ย์หลายๆ เรื่องอีกด้วยไม่ใช่แค่ในฮอลลีวูดนะคะ ซีรี่ย์เอเชียหลายๆ เรื่องก็ไปถ่ายทำที่นี่เหมือนกันค่ะ







 

เที่ยวเจ. พอล เก็ตตี้ เซ็นเตอร์ (J. Paul Getty Center)


เจ. พอล เก็ตตี้ เซ็นเตอร์ หรือ The Getty Centre ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1983 และเปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 1997 สร้างขึ้นโดยกองทุน J. Pual Getty นักเสพศิลปะค่ะ ที่นี่ตั้งอยู่ในย่านเบรนท์วูดสุดเขตถนนซันเซต บนเชิงเขาซานตาโมนิก้า ใครที่ขับรถผ่านไปมาแถวนั้นจะสามารถเห็นอาคาร ตึก ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาคารและสถาปัตยกรรมต่างๆ ถูกออกโดยสถาปนิกแนวร่วมสมัยชื่อดังอย่าง Richard Meier โดยภายในอาคารต่างๆ จะเป็นที่เก็บงานศิลปะของ เจ.พอล เก็ตตี้ ซึ่งจุดประสงค์ที่เขาต้องการจะสร้างที่นี่ขึ้นมา เพื่อให้คนทั่วไปได้ศึกษาเกี่ยวกับศิลปะแบบที่ตัวเขาหลงใหล และยังมีสวนกระบองเพชร (Cactus Garden) ลอยฟ้าด้วยนะคะ











นอกจากอาคาร สถาปัตยกรรมต่างๆ แล้ว ยังมี Central Garden ที่เป็นเหมือนสวนใจกลางเมือง ซึ่งถูกออกแบบอย่างร่วมสมัย ผสมผสานสิลปะ โดยศิลปิน Robert Irwin มีขนาด 134,000 ตารางฟุต ตั้งอยู่กลางเก็ตตี้เซ็นเตอร์ สวยงามจริงๆ เลยค่ะ บอกเลยว่าเดินเพลินมาก ภายในสวนนี้มีพันธุ์พืชมากกว่า 500 ชนิด มีทั้งทางเดินเลาะลัดผ่านลำธาร น้ำพุที่ถูกระดับตกแต่งเกือบทุกจุดของสวน ซุ้มดอกเฟื้องฟ้าให้นั่งจิบกาแฟเก๋ๆ ชิลๆ และไฮไลท์ของสวนนี้เลยก็คือ วงกตสวนดอกไม้กลางสระน้ำ พร้อมกับพื้นหลังของม่านน้ำตกหิน เป็นมุมที่ถ่ายรูปสวยมากๆ ค่าาา







 

เที่ยวสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland L.A California)


ดิสนีย์แลนด์ ดินแดนที่ใครก็ปฎิเสธไม่ลง ตั้งอยู่ในเมืองอนาไฮม์ (Anaheim) รัฐแคลิฟอร์เนียค่า โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ Disneyland Park และ Disney California Adventure Park และมีโรงแรมอีก 3 แห่ง ได้แก่ Disney’s Grand Californian Hotel & Spa, Disneyland Hotel, และ Disney’s Paradise Pier Hot

มาเริ่มกันที่ฝั่ง Disneyland Park กันก่อนนะคะ โดยมีการแบ่งเป็นโซนต่างๆ ทั้งหมด 8 โซน แต่ละโซนก็จะมีธีมเป็นของตัวเอง เริ่มจากโซนแรก Main Street ทุกอย่างอลังการตั้งแต่ก้าวเท้าผ่านประตูเข้ามา เราจะได้กลิ่นอายของแคลิฟอร์เนียแบบชัดมากๆ เป็นอาคารบ้านเรือนสไตล์อเมริกันสมัยก่อน มีแกลลอรี่แสดงประวัติและผลงานของวอลต์ ดิสนีย์ มีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมาย นี่แค่โซนแรกกระเป๋าสตางค์ก็สั่นรัวๆ แล้วจ้า >,<









โซนที่ 2 Tomorrowland เป็นโซนที่ยกอวกาศและโลกอนาคตมาไว้ด้วยกัน เราจะพบกับตัวการ์ตูนและเครื่องเล่นจากเรื่อง Star Wars, Toy Story (Buzz Lightyear), Finding Nemo มีทั้งยิงเอเลี่ยน นั่งรถไฟเหาะและยานอวกาศสุดมันส์ ใส่แว่นสามมิติท่องโลกอวกาศ ขับรถยนต์สุดล้ำจากฮอนด้า นั่งเรือดำน้ำดูปลา และใส่ชุดเจไดฝึกหัด พร้อมมีอาจารย์การต่อสู้กับไคโรเรน ดาร์ธเวเดอร์ เรียกได้ว่าเป็นโซนโปรดของเด็กผู้ชายเลยค่า











โซนที่ 3 Adventure Land ใครที่ชอบการผจญภัย เดินป่า มาโซนนี้เลย เป็นธีมป่าเขาลำเนาไพรจากเรื่อง Tarzan และ Indiana Jones ทั้งได้เที่ยวบ้านของทาร์ซานและล่องเรือสำรวจป่า เตรียมตัวเตรียมใจพบกับสัตว์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้เลยย >,<









โซนที่ 4 Critter Country โซนนี้น่ารักมากค่ะ เชื่อว่าแฟนคลับของหมีพูจะต้องชอบแน่นอน เป็นธีมชายป่า มีทุ่งหญ้าสีเขียว และเครื่องเล่นจากเรื่อง Winnie the Pooh และ Song of the South แถมยังได้ล่องเรือหมีพูน่ารักๆ กันด้วยนะค้า





โซนที่ 5 Frontierland โซนนี้มาในสไตล์เมริกาเหนือค่ะ เราจะได้สัมผัสความเป็นแคลิฟอร์เนีย วินเทจๆ เหมือนได้หลุดเข้าไปในยุคก่อนยังไงอย่างงั้น เครื่องเล่นขึ้นชื่อคือ Big Thunder Mountain Railroad เป็นรถไฟเหาะบนภูเขาที่มีเรื่องลึกลับซ่อนอยู่ สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยจ้า







โซนที่ 6 New Orleans Square โซนนี้สำหรับคนที่ชอบความลี้ลับ น่ากลัวๆ มีทั้งบ้านผีสิง และเครื่องเล่นในธีม Pirates of the Caribbean ให้ได้ขนลุกกันถ้วนหน้า







โซนที่ 7 Mickey’s Toontown เป็นโซนตัวการ์ตูนคลาสสิกของดิสนีย์ค่ะ ได้ใกล้ชิดกับมิกกี้ มินนี่ โดนัลดักค์ ชิพ เดล และเพื่อนๆ มาลองชมบ้านยักษ์ และบ้านมิคกี้มินนี่ ว่าจะน่ารักขนาดไหนน







โซนที่ 8 Fantasyland เป็นโซนเทพนิยายที่สาวๆ เห็นแล้วจะต้องกรี๊ดด มีปราสาทสุดอลังการ เจ้าหญิงเจ้าชาย ทั้งจากเรื่อง Snow White, Sleeping Beauty, Alice in Wonderland, Peter Pan และอื่นๆ อีกมากมาย มีม้าหมุนอันงดงาม และเครื่องเล่นต่างๆ ที่เต็มไปด้วยจินตนาการให้เราเพลิดเพลินไปกับโลกแห่งความฝัน >3<









สุดท้าย ที่พลาดไม่ได้เลยกับ Night Parade เป็นการเดินพาเหรดยามค่ำคืนของเหล่าตัวการ์ตูน น่ารักมากกกก สนุก คุ้มค่า อิ่มอกอิ่มใจสุดๆ ไปเลยค่า



 ต่อมาคือฝั่งของ Disney California Adventure Park เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2001 ส่วนใหญ่ออกแบบด้วยแอนิเมชั่น Pixar Animation เป็นหลัก พร้อมรวบรวมเครื่องเล่นสุดมันส์และหวาดเสียวไว้หลายอย่าง โดยแบ่งออกเป็น 8 โซนค่ะ

โซนแรก คือ Buena Vista Street ถนนสายศิลปะ บรรยากาศย้อนยุคเหมือนแอลเอในอดีต ที่เต็มไปด้วยความสดใส ความฝัน และจินตนาการ มีร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ เช่นเคย อดใจไม่ไหว เสียเงินอีกแว้ววว





Paradise Pier บรรยากาศดีมากก คล้ายเมืองท่าเรือริมฝั่งแปซิฟิก มีอาหารและไวน์จากแคลิฟอร์เนียให้ได้ลิ้มลอง จุดเด่นก็คือชิงช้าสวรรค์ Mickey’s Fun Wheel ถือเป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์แคลิฟอร์เนียเลยค่า และยังมีรถไฟเหาะขนาดยักษ์ความเร็วสูง California Screamin ที่ใครมาก็ต้องลองเล่นสักครั้ง ระหว่างรอเครื่องเล่นต่างๆ ก็มีน้ำพุเต้นระบำให้ชมกันอีกด้วยนะคะ







Hollywood land กระทบไหล่คนดังและชมการแสดงโชว์ ซึ่งมีให้เลือกชมตามตารางเวลา ขอบอกว่าโชว์ที่นี่เยอะมากกกกก ยิ่งใหญ่ อลังการเว่อร์วัง แถมยังหาดูได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น มีเครื่องเล่นอย่าง The Twilight Zone Tower of Terror หรือลิฟต์ตกอันโด่งดัง เราต้องเดินเข้าไปในโรงแรมผีสิง เพื่อขึ้นลิฟท์สยองขวัญ ที่ใครได้เล่นแล้วต้องลืมไม่ลงแน่นอนค่า









Pacific Wharf บรรยากาศคล้ายกับเมืองมอนเทอเรย์ (Monterey) และซานฟรานซิสโก (San Francisco) โซนนี้จะไม่มีเครื่องเล่นนะคะ แต่จะเป็นพวกร้านอาหาร ร้านขนม ไอศครีม หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา ~







Bug’s land โซนนี้เราจะกลายเป็นแมลงตัวเล็กๆ ในป่าขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เพราะทุกอย่างในนี้จะใหญ่ไปหมด ทำให้เราได้เห็นมุมมองแบบเดียวกับแมลง เครื่องเล่นไฮไลท์แนะนำคือ It’s Tough to be a Bug และโรงหนัง 4D มีทั้งมดไต่ขา พ่นน้ำใส่ จัดเต็ม สมจริงสุดๆ จ้า







Condor Flats ทุกอย่างในโซนนี้จะเป็นเกี่ยวกับการบินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน นักบิน พร้อมบินสูงเหินเวหาผจญภัยไปยังสถานที่สำคัญ ๆ ในแคลิฟอร์เนีย



เครดิตรูปภาพจาก http://toursdepartingdaily.com/tag/condor-flats/



โซน Grizzliy Peak บรรยากาศที่นี่คล้ายแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ในแถบอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) มีต้นไม้ ภูเขา ลำธาร น้ำตก เส้นทางเดินป่า ปีนเขา การเดินข้ามสะพานเชือก เหมือนกับได้อยู่ในอุทยานจริงๆ เลยค่ะ เครื่องเล่นยอดฮิต คือ Grizzly River Run เหมือนล่องแก่งไปตามลำน้ำ ผ่านทั้งถ้ำและน้ำวน อย่าลืมเตรียมเสื้อกันฝนนะคะ งานนี้มีเปียกแน่นอนน









โซนสุดท้ายคือ Cars Land มาพร้อมเครื่องเล่นอย่าง Radiator Springs Racers เหมือนเรานั่งรถเข้าไปในโลกของการ์ตูน CARS ทุกอย่างเป็น 3 มิติ เทคโนโลยีล้ำมาก รถทุกคันพูดได้ เหมือนมีชีวิตจริงๆ เลยค่า







 

เที่ยวยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ฮอลลีวูด (Universal Studios Hollywood)


ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ฮอลลีวูด (Universal Studios Hollywood) เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1915 เมื่อ Carl Laemmle ผู้ก่อตั้ง Universal ริเริ่มการเปิดพื้นที่ฟาร์มปศุสัตว์ให้เป็นพื้นที่คล้ายๆ สวนสนุกและสถานที่ปิกนิก โดยใช้ชื่อว่า Universal City ให้ประชาชนทั่วไปได้รับค่าเข้าชม 25 เซ็นต์ ซึ่งภายในจะมีการฉายภาพยนตร์ที่มาจากค่าย Universal และบ่อยครั้งยังได้รับชมการซ่อมการถ่ายทำจริงของนักแสดงฮอลลีวูดอีกด้วยค่ะ ต่อมาที่นี่ก็กลับมาโด่งดัง และเรียกจำนวนผู้เข้าชมได้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัวจากเครื่องเล่นที่ทำเลียนแบบจากภาพยนตร์เรื่อง JAW ฉลาดสุดโหดนั่นเองค่า ยังไม่พอ หลังจากภาพยนตร์เรื่อง King Kong ออกฉายครั้งแรกไปได้ไม่นาน ทาง USH ก็ได้ทำเครื่องเล่นคิงคองขนาดยักษ์ใหญ่ 30 ฟุต ออกมาให้ได้ตื่นเต้นกันไปยกใหญ่เลยที่เดียว! แต่สุดท้ายแล้วคิงคองก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับสัตว์โลกล้านปีอย่างไดโนเสาร์จาก Jurassic Park ไปอย่างราบคราบ เครื่องเล่นคิงคองถูกยึดครองให้เป็นพื้นที่ของภูเขาไฟ Backlot ณ ปัจจุบันไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในปี 2008 การเข้ามายึดครองของจูราสสิคทำให้การผจญภัยครั้งที่ถูกยกย่องให้เป็น การแปลงภาพยนตร์เป็นสวนสนุกที่ดีที่สุดของประวัติศาสตร์ USH จ้า





ปัจจุบันภายใน Universal Studios Hollywood นั้นก็ได้สร้างโซนสวนสนุกเพิ่มขึ้นอีกมากมาย พร้อมไปตะลุยแต่ละโซนกันหรือยังค่า Let’s go ! ~ .....เริ่มต้นกันที่ทางเข้านักเก็บจุดเช็คอินอย่างเราก็พลาดไม่ได้เลยนะค้า ที่จะต้องกับรูปคู่กับลูกโลก Universal เป็นที่ระลึกกันสักสิบช็อตรัวๆ 55555 ว่ามาถึงล่ะน้า สวนสนุกยูนิเวอร์แซล อิน ฮอลลีวูด  เมื่อเดินเข้าไปก็จะเจอกับความอลังการของ Theme park แต่ละโซนด้านใน ซึ่งจะแบ่งเป็นสองชั้นคือ Upper Lot (โซนด้านบน) และ Lower Lot (โซนด้านล่าง)





งั้นเรามาเริ่มกันที่ส่วนของด้านบนกันก่อนดีกว่านะคะ เพราะเดินตัดไปตัดมาขึ้นลง เสียเวลามากๆ แนะนำให้มาเช้าๆ นะคะ เพราะถ้ามาสายวันเดียวเล่นไม่ครบแน่นอน เตือนแล้วน้า  ชั้น Upper Lot จะแบ่งออกเป็นโซนของ Walking Dead Attraction, Dream Work Theatre, KRUSTY LAND โซนนี้แฟนๆ Simpsons ต้องหลงรักแน่นอนค่ะ แล้วก็ยังมีเครื่องเล่นซอฟต์ๆ ให้อุ่นเครื่องอย่าง The Simpsons Ride ด้วยนะจ๊ะ ต่อมา Fun Land และ Despicable Me Minion Mayhem จากเรื่อง Despicable Me อันนี้ก็จะเป็นธีมเหมือนบ้านของคุณกรู ซึ่งมีเครื่องเล่นคล้ายๆ ให้เราทัวร์บ้านด้วย พร้อมกับเหล่ามินเนี่ยนตัวเหลืองเต็มไปหมดเลยค่ะ น่าร้าก ♡











ไปต่อกันด้วยส่วนชั้น Lower Lot ซึ่งทางลงจะมีบันไดเลื่อนลอดผ่านอุโมงค์ลงไปยังชั้นล่างก็จะเจอกับโซนของ Jurassic Park ซึ่งจุดแลนด์มาร์คของส่วนนี้ก็คือ Jurassic Ride การนั่งรถไฟเหาะเข้าไปตะลุยดินแดนไดโนเสาร์ ตื่นตาตื่นใจสุดๆ ขอกระซิบว่า ระวังเปียกนะคะ ฮิฮิ ถัดมาข้างๆ ก็ย้อนไปสู่ยุคมัมมี่กันหน่อย Revenge Of The Mummy the ride รถไฟเหาะอีกแล้วจ้า บอกเลยว่าอันนี้มีแอบสะดุ้งแน่นอนค่ะ  เดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอกับ Transformers the Ride – 3D ด้านหน้าจะมีหุ่นยนต์จาก Transformers มายืนให้ถ่ายรูปค่ะ นอกจากนี้แล้วส่วนของด้านล่างนี้ยังมีโซนที่เป็นประวัติศาสตร์ของ Universal Studios Hollywood อย่าง JAW และ King Kong 3D ด้วยจ้า











ส่วนไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ The Wizarding World of Harry Potter โซนใหม่ที่สุดของบรรดาเครื่องเล่นทั้งหมด และแน่นอนว่าเหล่ามักเกิ้ลแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ก็จะไม่ผิดหวังแน่นอนค่า เพราะด้านในนี้บอกเลยว่า อลังการสุดๆ ยังกับยกฮอกวอตส์มาไว้ที่นี่เลยก็ว่าได้ กิจกรรมและเครื่องเล่นก็มีหลายอย่างมากมาย เช่น Harry Potter and the Forbidden Journey, Flight of the Hippogriff, The Nighttime Lights at Hogwarts Castle, Experience Ollivanders  รวมถึงการได้เพลิดเพลินกับอาหาร เครื่องดื่ม ตามแบบฉบับชาวพ่อมดแม่มดที่ ร้าน Three Broomsticks และ Hog's Head ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Butter Beer แก้วโต สุดท้ายพลาดไม่ได้ที่จะแวะช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึกจากหลายร้านค้าชื่อดังในตรอกไดแอกอน อย่าง ร้านไม้กายสิทธิ์ Ollivanders, ร้านของหวาน Honeydukes, ร้านเครื่องเขียน Owl Post, ร้านของเล่นประหลาด Zonko’s Joke Shop, ร้านขายอุปกรณ์ควิดดิช Dervish and Banges และร้านของที่ระลึกจากชานชลา 9 ¾ เอาให้จุใจกันสุดๆ ไปเลยค่า ~



















 

เที่ยวสวนสาธารณะกริฟฟิธ และ หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Park & Observatory)


สวนสาธารณะกริฟฟิธ (Griffith Park) ตั้งอยู่บนเทือกเขาซานตาโมนิก้าที่ระดับ 384 ถึง 1,625 ฟุต มีพื้นที่กว้าง 4,210 เอเคอร์ที่ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติพื้นที่ส่วนสำหรับปิกนิก และเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย นอกจากสวนสาธารณะแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกเยอะแยะให้เราได้ทำเช่น กิจกรรมแบบครอบครัว การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Autry เยี่ยมชมถ้ำ Bronson เที่ยวสวนสัตว์ LA Zoo นั่งม้าหมุน และ แวะชมการแสดงที่โรงละครกรีก นอกจากนี้แล้วที่สวนสาธารณะแห่งนี้ยังมีรับส่งให้ฟรีไปยัง Hollywood Sign และ หอดูดาว อีกด้วย







หอดูดาวกริฟฟิธ (Griffith Observatory) เป็นสัญลักษณ์ของ Los Angeles ผู้นำแห่งดาราศาสตร์ เปิดบริการให้คนทั่วไปเข้าชมในปี ค.ศ. 1935 และหอดูดาวแห่งนี้ถูกมอบให้กับเมืองลอสแอนเจลิส โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเปิดให้เข้าชมฟรี นับตั้งแต่หอดูดาวแห่งนี้เปิด ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมแล้วกว่า 81 ล้านคน ซึ่งการเดินทางมาที่นี่ก็สามารถนั่งรถบัสฟรีจากสวนสาธารณะกริฟฟิธได้ โดยรถบัสจะมารอรับอยู่ทุกๆ 15 – 20 นาที และหอดูดาวแห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับ Hollywood Sign อีกด้วย ขอบอกเลยว่าวิวตอนกลางคืนข้างบนนี้จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่สวยงามของนักเดินทางอย่างเราๆ แน่นอนค่า!











 

เที่ยววอลต์ ดิสนีย์ คอนเสิร์ต ฮอลล์ (Walt Disney Concert Hall)


วอลต์ ดิสนีย์ คอนเสิร์ต ฮอลล์ (Walt Disney Concert Hall) เปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2003 ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคกว่า 50 ล้านบาทของ ลิเลียน บี. ดิสนีย์ เพื่อเป็นของขวัญรำลึกถึงสามีของเธอ วอลต์ ดิสนี่ย์ นั่นเองค่ะ สถาปัตยกรรมคอนเสิร์ตฮอลล์แห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกผู้โด่งดังอย่าง Frank Gehry ที่ผ่านการคัดเลือกจากกรรมการของ Walt Disney’s โดยเขามองถึงวิสัยทันศ์ที่กลมกลืน และเข้าใจจุดประสงค์ รวมถึงการ์ตูนของดิสนีย์ได้เป็นอย่างดี ด้านในของฮอลล์สามารถบรรจุคนได้ถึง 2,265 ที่นั่ง กลางโถงฮอลล์มีการติดตั้งออร์แกนขนาดใหญ่ 6,134 ท่อ ที่ถูกเรียกว่า ออร์แกนเฟรนช์ฟรายส์ เพราะด้วยการออกแบบท่อของออร์แกนนั้นเมื่อนำมาประกอบกันจะมีรูปร่างเหมือนกับเฟรนช์ฟรายส์ยักษ์เลยละคะ ไอเดียเจ๋งสุดๆ  ซึ่งที่นี่ยังมีวงออเคสตร้าประจำที่โด่งดังของลอสแอนเจลิสอย่าง Los Angeles Philharmonic มาแสดงอยู่บ่อยครั้งด้วยนะคะ









ภายนอกของอาคารยังมีสวนสาธารณะขนาดย่อมล้อมรอบอยู่ และอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมอันสวยงามก็คือ กุหลาบสำหรับลิลลี่ (A Rose for Lill) ค่ะ น้ำพุกุหลาบหินอ่อนที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต ตกแต่งลวดลายด้วยกระเบื้องโมเสสหินอ่อนสีน้ำเงินขาว พร้อมกับสลักข้อความเพื่อจารึกถึง ลิเลียน บี ดิสนีย์ หรือ ลิลลี่ ดิสนีย์  ผู้บริจาคเงินสร้างที่แห่งนี้ขึ้นไว้ว่า “A Rose for Lilly Frank Gehry’s tribute to Lillian Disney A gift of her Grandchildren and Great Grandchildren”





 

เที่ยวเวนิส บีช (Venice Beach)


เวนิส บีช (Venice Beach) เป็นหนึ่งสถานที่ที่คึกคักมากที่สุดในลอสแอนเจลิส ถือว่าเป็นแหล่งรวมตัวจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก และประชากรชาวแอลเออีกด้วย ย่านเวนิส บีช เริ่มก่อตัวขึ้นในปี ค.ศ. 1890 จากการริเริ่มการทำรีสอร์ท และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีท่าเรือ ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 ที่นี่ก็ได้ถูกบันทึกลงในแผนที่เมืองลอสแอนเจลิส ย่านนี้โด่งดังในเรื่องของสเก็ตบอร์ดเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่เวนิส บีชมีลานสเก็ตบอร์ดที่ใหญ่ที่สุด หรือที่เรียกกันว่า Boardwalk มีความยาวเกือบๆ 2 ไมล์ ถ้าใครได้ไปเดินเที่ยวแถวนั้นก็จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่จะมีสเก็ตบอร์ดเป็นพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เห็นแล้วเราก็อยากจะเป็นสาวสเก็ตกับเขาบ้าง แต่กลัว หงาย หัวคะมำจริงๆ ค่ะ 555555 ทุกปีจะมีการจัดแข่งขันสเก็ตขึ้นที่จัตุรัสท่าเรือเวนิส อาหารตาเพียบบบ อิอิ ซึ่งในปี ค.ศ. 1977 ที่นี่ยังได้รับความนิยมในฐานะ Roller Skating Capital ของโลกอีกด้วยค่า ส่วนใครที่อยากจะไปเดินริมชายหาดเขาก็แยกโซนของ Ocean Front Walk ไว้ให้ ตรงนี้เป็นโซนที่นักท่องเที่ยวเยอะสุดๆ และฮิตมากก เพราะวิวแบบนี้ ชวนทำให้นึกถึง ภาพยนตร์และซีรี่ย์ฝรั่งหลายๆ เรื่องเลยค่ะ บางครั้งอาจจะโชคดีไปเจอตอนเขาถ่ายทำกันอยู่ก็ได้นะค้า













 

เที่ยวโรงละครดอลบี้ (Dolby Theatre)


โรงละคร Dolby Theatre เป็นโรงละครแรกที่ฉายภาพยนตร์ในรูปแบบ Dolby ซึ่งโรงละครนี้มีระบบเสียงที่สมบรูณ์แบบมากที่สุดของโลก โรงละครนี้ขนาดใหญ่มีความกว้าง 180,000 ฟุต บรรจุได้ 3,400 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนถนนฮอลลีวูดย่านศูนย์การค้าไฮแลนด์ ในโซนเดียวกับ Hollywood Walk of Frame และ Chinese Theatre การออกแบบของที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากโอเปร่าเฮ้าส์ในยุโรป ด้านในจะเปิดในคนทั่วไปเข้าไปทัวร์ได้ โดยค่าเข้าชมจะอยู่ที่ประมาณ 29 ดอลล่าร์สหรัฐ แบ่งออกเป็น 3 โซนได้แก่ โซนรูปปั้นคนดังที่ได้รับรางวัลออสการ์ Dolby Lounge และ สามารถรับชมดูภาพพิธีมอบรางวัล Academy Awards ในปีก่อนๆ ได้ที่นี่ค่า นอกจากจะเป็นที่ประกาศรางวัลออสการ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่เจ้าภาพในการจัดงานต่างๆ ที่เราคุ้นหูกันดี อย่าง America's Got Talent, American Idol Finals, Star Wars: The Force Awakens world premiere, Victoria's Secret Fashion Show และอีกมากมายเลยละค่ะ! เคยมีข่าวว่า ช่วงที่จัดงานรับรางวัลออสการ์มีคนทั่วไปหรือแฟนๆ ทั้งหลายได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้วย แหม อยากจะลองไปกระทบไหล่ดาราฮอลลีวูดสักครั้งบ้างจัง ฮ่าๆๆ