3 สุดยอดเมืองท่องเที่ยวในเอสโตเนีย Estonia
ประเทศเอสโตเนีย (Estonia) ประเทศที่จิ๋วแต่แจ๋ว! มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความที่เอสโตเนียเคยตกเป็นเมืองของหลายชาติ ทำให้ถูกหล่อหลอมขึ้นจากหลายๆ วัฒนธรรม จนกลายเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น บ้านเมืองก็สวยงาม ผู้คนก็น่ารัก แถมยังแอบซ่อนแหล่งท่องเที่ยวดีๆ ไว้เพียบ บอกได้เลยว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียวค่า
เที่ยวเมืองทาลลินน์ (Tallinn)
เมืองไฮไลท์ที่ใครไม่ได้มาถือว่าพลาดอย่างแรงงง! ทาลลินน์เป็นเมืองหลวงอันเก่าแก่ของเอสโตเนียค่ะ อยู่บนชายฝั่งทะเลบอลติก เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า (Old Town) เราจะได้เห็นวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิมและสถาปัตยกรรมอันสวยงาม โอบล้อมด้วยกำแพงเมืองและป้อมปราการในยุคกลาง บ้านเรือนสวยงามคลาสสิค บางตึกมีอายุเกือบพันปีแน่ะ เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า เป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองสุดๆ ปัจจุบันก็มีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ ร้านอาหาร และร้านกาแฟเล็กๆ ให้นั่งพักผ่อนมากมาย บรรยากาศเงียบสงบ เป็นเมืองเก่าที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าทาลลินน์เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยก็ว่าได้ แถมยูเนสโก้ได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997 อีกด้วยนะค้า>
ศาลาว่าการเมืองทัลลิน (Town Hall) เป็น Town hall แบบโกธิคแเห่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในเขตยุโรปเหนือ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 และเพิ่งฉลองครบรอบ 600 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2004 ค่ะ ด้านในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เอสโตเนีย หอคอยข้างบนก็สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองสวยๆ ได้ค่ะ
โบสถ์อเล็กซานเดอร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) เป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอสโตเนีย ตั้งอยู่บนเนินเขา Toompea สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1900 ซึ่งเป็นช่วงที่เอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย โดยสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ (Prince Alexander Yaroslavich Nevsky) โดดเด่นตรงยอดโดมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ด้านบนของโบสถ์มีหอระฆังใหญ่อยู่ 11 ใบ ใบที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักถึง 15 ตัน! เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจริงๆ ค่า อ้อ! บอกไว้ก่อนว่าภายในโบสถ์เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะค้า
Town Hall Pharmacy ร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ขายมาต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1422 จนถึงปัจจุบันค่า
เครดิตรูปภาพจาก https://rath.asia/2018/07/tallinn
เที่ยวเมืองปาร์นู (Parnu)
ปาร์นู เมืองตากอากาศชื่อดังในแถบทะเลบอลติก เป็นเมืองแห่งการพักผ่อนที่แท้ทรูจ้าา เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเอสโตเนียมาก่อน ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศ ยิ่งในช่วงฤดูร้อนเดือนมิถุนายน - สิงหาคม นักท่องเที่ยวจะมาทำกิจกรรมริมชายหาดกัน ท่ามกลางหาดทรายกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ที่นี่บรรยากาศดีมากกก ไม่ร้อนเท่าเมืองไทย อย่างช่วงที่ร้อนสุดๆ ก็ไม่เกิน 25องศา..25 องศาเขาบอกร้อน ตัดภาพมาที่เมืองไทย 34 องศา พวกเรายังเดินกันชิลๆ เลยจ้า 5555
อากาศเหมาะแก่การมาเดินเล่นชมอาคารบ้านเรือนโบราณต่างๆ ในสไตล์อาร์ทนูโว เรียกว่า Wooden House ที่มีสไตส์เฉพาะตัว เป็นเสน่ห์ไม่เหมือนใครที่ไหน จนกลายเป็นต้นแบบบ้านเรือนที่ถูกนำไปสร้างในสไตน์บอลติค แค่เดินเล่นชมบ้านเก่าก็เพลินแล้วค่า หรือใครเดินๆ อยู่รู้สึกกระเป๋าสตางค์สั่นดิ๊กๆ อยากจะเสียเงิน ก็มีสถานที่ช้อปปิ้งมีร้านค้ามากมายละลานตา ส่วนร้านอาหารและโรงแรมนี่สบายหายห่วงจ้ะ มีให้เลือกเยอะมากกก จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองรีสอร์ทแห่งเอสโตเนียเลยน้าา
เที่ยวเมืองตาร์ตู (Tartu)
ตาร์ตู เมืองแห่งมหาวิทยาลัย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอสโตเนียค่า เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในด้านการศึกษา มีมหาวิทยาลัยกระจายอยู่ทั่วเมือง และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Tartu Ülikool หรือ University of Tartu มหาวิทยาลัยชื่อดังที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศด้วยค่ะ ถือเป็นเมืองศูนย์กลางความรู้และวัฒนธรรม เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ มีประวัติศาสตร์ในอดีตให้เราได้เรียนรู้ผ่านทางศิลปะและพิพิธภัณฑ์ เราจะได้เห็นนักศึกษาเดินกันอยู่เต็มไปหมด เพราะว่าประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองส่วนใหญ่จะเป็นคนอายุ 18-24 ปี และร้อยละ 1 คืออาจารย์มหาวิทยาลัยนั่นเองค่า
บริเวณใจกลางจัตุรัสในเขตเมืองเก่าจะล้อมรอบด้วยอาคารสีพาสเทล ตกแต่งได้อย่างน่ารัก เต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหารต่างๆ โรงละคร หรือห้างสรรพสินค้าก็เยอะไม่แพ้กันค่า มีป้อมปราการอันเก่าแก่และรูปปั้นบุคคลสำคัญอยู่ทั่วเมืองเลยค่ะ กิจกรรมที่ต้องมาลองกันก็คือ การปั่นจักรยาน อ๊ะๆ ไม่ใช่ปั่นจักรยานธรรมดานะคะ แต่เป็นการปั่นจักรยานบนเส้นเชือกจ้า งานนี้ต้องเตรียมกายเตรียมใจและสติมาให้พร้อม แต่ใครไหวก็ไปก่อนเลยยย ทางนี้ขอให้กำลังใจอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ^^’ อิอิ
และรูปปั้นสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองก็คือ รูปปั้นนักศึกษาจูบ เป็นรูปปั้นของคู่รักนักศึกษาจูบกันใต้ร่มท่ามกลางน้ำพุ มักจะมีคู่รักมาเสี่ยงโชคขอพรกันเรื่องความรัก เพราะเชื่อว่าจะได้ยืนอยู่เคียงคู่กับผู้เป็นที่รักไปตลอดกาล..