ขอเริ่มต้นด้วยการเที่ยวในกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ เมืองที่รวยทะเลสาบ และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าสีเขียว ใกล้น้ำ ใกล้ธรรมชาติ และยังใกล้ชิดกับศิลปะอีกด้วยค่า จนเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นเมืองหลวงที่สำคัญในด้านวัฒนธรรมของยุโรป แม้แต่ในสวนสาธารณะก็ยังมีงานศิลปะโชว์ ทุกหย่อมหญ้าของออสโลมีศิลปะและธรรมชาติแทรกตัวอยู่ ในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่จะมาแนะนำก็ล้วนแต่เลิศและสวยงาม รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า



เที่ยวเกาะโลโฟเทน (Lofoten)

โลโฟเทน หมู่เกาะสวรรค์ที่งดงามราวกับเมืองในเทพนิยาย~ อยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ เป็นต้นแบบของเมือง Arendelle ในการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดัง Frozen ด้วยน้าา ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย รายล้อมด้วยภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะ อยู่กลางทะเลนอร์วีเจียนสีฟ้าคราม หาดทราย ทุ่งหญ้า อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี บรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ เหมาะสมกับตำแหน่งหมู่เกาะที่สวยและน่าดึงดูดใจที่สุดในโลกจริงๆ ค่าา *ปรบมือพร้อมมอบมง >,<
มาเดินถ่ายรูปเล่นที่ไรเน (Reine) หมู่บ้านชาวประมงโบราณที่ว่ากันว่ามีเสน่ห์ที่สุดบนเกาะโลโฟเทน มีผู้คนอาศัยอยู่แค่ 300 กว่าคนเอง จุดเด่นอยู่ตรงบ้านสีแดงแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ทั่วหมู่บ้าน เรียกว่า (Rorbuer) เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยค่ะ มีแบ่งเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว และยังเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของโลโฟเท็นอีกด้วย

ช่วงหน้าร้อนจัดว่าเป็นช่วง high season เลยค่า มีกิจกรรมให้ทำเยอะมากก ทั้งปีนเขา ปั่นจักรยาน ชมปลาวาฬ พายเรือคายัค ตกปลา ส่วนฤดูหนาวก็ปังไม่แพ้กัน มีแสงเหนือสุดให้ทุกคนได้มาดื่มด่ำความฟินกันในยามค่ำคืน ถือเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักล่าแสงเหนือและนักถ่ายภาพจากทั่วโลกเลยค่า เพราะเป็นจุดชมแสงเหนือที่สวยที่สุดในประเทศนอร์เวย์! อย่ามัวแต่ถ่ายรูปกันเพลินนะจ๊ะ ต้องมองด้วยตาเปล่าด้วย รับรองว่าจำไม่ลืมมมม









 

เที่ยวเมืองทรอมโซ (Tromso)

ทรอมโซ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของนอร์เวย์ ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลในเขตอาร์คติกเซอร์เคิล เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินของใครหลายๆ คนเลยค่า มีหิมะปกคลุมภูเขาลูกใหญ่ที่โอบล้อมเมืองเอาไว้ บรรยากาศเงียบสงบ เต็มไปด้วยความคลาสสิคของสิ่งปลูกสร้างอันเก่าแก่ที่ชาวทรอมโซ่ยังอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี เหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใสบวกกับความน่ารักเป็นมิตรของผู้คนที่นี่ยิ่งทำให้เพิ่มเสน่ห์เข้าไปอีก.. ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของเมือง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 แต่ยังคงความงดงามไว้เหมือนเดิม มีโครงสร้างที่โดดเด่นเกินต้านจนต้องแวะถ่ายรูปกันสักหน่อย หรือจะเดินเล่นในเมืองสำรวจพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ศิลปะ ศูนย์วิทยาศาสตร์อาร์กติก พักผ่อนในสวนพฤกษศาสตร์อัลไพน์ (Tromso Arctic-Alpine)
นอกจากสิ่งปลูกสร้างอันสวยงามยังมีที่เที่ยวธรรมชาติไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีอย่างล่องเรือชมปลาวาฬหลังค่อมสุดใกล้ชิด ชิดขนาดที่ว่าใช้มือแตะหลังน้องๆ ได้เลยจ้า ในช่วงหน้าหนาวก็ขี่สโนว์โมบิล สุนัขลากเลื่อน หรือจะมาตามล่าแสงเหนือก็ไม่ผิดหวัง ที่โด่งดังอีกอย่างก็คือ เป็นสถานที่ที่สามารถชมความงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างชัดเจน! จัดเป็นจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ เรียกได้ว่าใครที่ได้เดินทางมาจะต้องตกหลุมรักกันจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอนนน











 



เที่ยวหมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard Islands)

หมู่เกาะสวาลบาร์ด เป็นหมู่เกาะที่อยู่ทางเหนือสุดของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกระหว่างประเทศนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ Svalbard เป็นภาษาของชาวนอร์ธโบราณแปลว่า ชายฝั่งที่หนาวเย็น ซึ่งก็เย็นสมชื่อจริงๆ ค่า ก็แหม่ ใกล้ขั้วโลกขนาดนี้จะไม่หนาวววจับใจได้ยังไง >,< อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -14 °C ในช่วงฤดูหนาว และ 6 °C ในช่วงฤดูร้อน มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2,642 คน ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากค่ะ โดยพื้นที่ราว 60% ของหมู่เกาะเป็นธารน้ำแข็งอัสท์ฟอนน่าที่มีขนาดใหญ่อันดับสามของโลก สามารถขี่สโนว์โมบิลผ่านเหมืองแร่เก่า ระหว่างทางจะได้เห็นเหล่าบรรดาสัตว์ขั้วโลกเหนือออกมาโชว์ตัว ทักทาย Say Hi~ เช่นกวางเรนเดียร์ สุนัขจิ้งจอกอาร์กติก วอลรัส และมีหมีขั้วโลกอยู่ถึงราว 3,000 ตัว ถือเป็นบ้านเกิดของพวกเขาเลยค่ะ จึงมีกฎหมายคุ้มครองหมีขั้วโลกไม่ให้มีการล่าหรือคุกคาม นักท่องเที่ยวต้องฟังคำแนะนำของไกด์และปฏิบัติตามกฎกันอย่างเคร่งครัดนะจ๊ะ

ที่สวาลบาร์ดอากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี ในช่วงเดือนเมษายน - สิงหาคม พระอาทิตย์จะไม่ตกดินเลย ความมืดคืออะไรฉันไม่รู้จักกก และช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์พระอาทิตย์ก็จะไม่โผล่ขอบฟ้าเลย เหมือนถูกปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมง >,< ซึ่งเรียกปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ว่าโพลาร์ไนท์ (Polar Night) ท้องฟ้าตอนกลางคืนจะมืดมิด ทำให้เรามีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุดค่า













สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำคือ พิพิธภัณฑ์สวาลบาร์ด (Svalbard Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่เหนือสุดของโลก! ภายในได้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของหมู่เกาะสวาลบาร์ด วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือ พร้อมแบบจำลองของสัตว์ชนิดต่างๆ ให้ชมด้วยจ้า





เครดิตรูปภาพจาก https://www.visitnorway.com/listings/svalbard-museum/199334/


โบสถ์สวาลบาร์ด (Svalbard Church) เป็นโบสถ์ที่อยู่เหนือสุดของโลกเช่นกันจ้า บอกแล้วที่นี่เขามาเหนือจริงๆ เป็นโบสถ์ไม้เป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า ด้านในมีเชิงเทียนแท่นบูชาทำด้วยเงินและชามบัพติศมา (baptism) ซึ่งเป็นของขวัญจาก Haakon และ Maud of Wales กษัตริย์โฮกุนที่ 7 และพระราชินีแห่งนอร์เวย์ค่ะ




 



ล่องเรือสำราญ Arctic Cruise

กิจกรรมที่หญิงปุ๊กอยากแนะนำทุกคนก็คือ การล่องเรือสำราญ Arctic Cruise สำรวจดินแดนขั้วโลกเหนือ เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบปังปุริเย่ >,< ตระการตากับธารน้ำแข็งใหญ่สุดมหึมา สัมผัสความน่ารักของสัตว์ขั้วโลกหายากอย่างใกล้ชิด! ไม่ว่าจะเป็นหมีขั้วโลก แมวน้ำ ถ้าสภาพอากาศดีๆ อาจจะได้เห็นปลาวาฬด้วยนะคะ พร้อมชมวิวทะเลแบบ 360 องศา ล่องเรือลัดเลาะไปตามหมู่เกาะผ่านเส้นทางอาร์กติกเซอร์เคิล ลุยฝ่าก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่มากมาย ผ่านหมู่บ้านชาวประมงและเมืองท่าต่างๆ ชมความงดงามของธรรมชาติ แถมยังได้ล่าแสงเหนือกันอีกด้วยยย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้วจ้า แถมบนเรือยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้องอาหาร บาร์เครื่องดื่ม ห้องเลานจ์ โรงละคร คาสิโน ฟิตเนส ซาวน่า สปา และสระว่ายน้ำ เป็นเรือแห่งความสุขความฟินจริงๆ ค่ะ











 

เที่ยวเบอร์เกน (Bergen)

เมืองที่แสนจะน่าร้ากกก เต็มไปด้วยตึกสีพาสเทลสดใสกุ๊กกิ๊ก เหมือนได้หลุดเข้ามาโลกนิทาน >,< บ้านเมืองสวยงามสะอาดตา อากาศดี เป็นเมืองท่าที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ วิวรอบเมืองคือสวยมาก รายล้อมด้วยภูเขาสูง มีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นศูนย์กลางทางการค้าของยุโรปเหนือ และเป็นศูนย์กลางการขุดเจาะน้ำมันของประเทศด้วยค่ะ เราจะได้กลิ่นอายของแห่งวัฒนธรรมพื้นเมืองชัดมาก อาคารต่างๆ ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีตั้งเเต่สมัยศตวรรษที่ 18 ความดั้งเดิมของเมืองไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีและวุ่นวายเหมือนเมืองหลวงในหลายๆ ประเทศ เบอร์เกนจึงเป็นเมืองที่แสนคลาสสิกงดงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และถูกยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกและเป็น 1 ใน 9 เมืองของยุโรปที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปด้วยค่า













ห้ามพลาดการมาเดินเที่ยว ตลาดปลา Torget เป็นตลาดปลาเก่าแก่ที่มีมาแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเบอร์เกน เรียกได้ว่ามาเมืองนี้ต้องแวะ! เพราะเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ ส่งตรงขึ้นมาจากทะเลทุกวัน แถมยังราคาไม่แพง มีบริการปรุงสดจากเชฟของแต่ละร้าน นอกจากอาหารทะเลแล้วก็ยังมีอาหารท้องถิ่นมากมายอย่างเนื้อปลาวาฬและเนื้อกวางเรนเดียร์ให้ได้ลองชิมกันด้วยค่ะ





อีกฟากหนึ่งของท่าเรือคือ เมืองบริกเกน (Bryggen) หรือเมืองเก่าของเบอร์เกนนั่นเองค่ะ มีอายุกว่า 300 ปี เป็นอีกที่ที่สวยงามน่ารักไม่แพ้กัน มีตึกแถวสูง 3 ชั้นสร้างด้วยไม้ จั่วหน้าสามเหลี่ยม ทาสีขาว แดง เหลือง เขียว ตรงด้านหน้าจะตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์และตุ๊กตาต่างๆ ทำให้อาคารในบริกเกนนั้นสวยงามที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และอาคารในบริกเกนถึง 61 หลังยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO ในปี ค.ศ. 1979 ด้วยค่า สวยจริงไม่ได้โม้~ ในอดีตเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรือง ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นร้านค้า แกลลอรี ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และพิพิธภัณฑ์เล็กๆ เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้ผู้คนได้มาเที่ยวชมกันค่ะ








 



เที่ยวเมืองฟรัม (Flam)

เมืองเล็กๆ กลางหุบเขาแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบที่ได้เห็นครั้งแรกต้องยืนตะลึงไป 10 วิ *0* จริงๆ เรียกว่าหมู่บ้านยังได้เลยค่ะ เพราะเล็กมากกกกก เดินชั่วโมงเดียวก็ทั่วเมือง มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 500 คนเท่านั้น เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ปลายสุดของฟยอร์ดปากแม่น้ำฟลัม (Aurlandsfjorden) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดในโลก ยาวถึง 204 กิโลเมตรแน่ะ คำว่า Flam มีความหมายว่า Little place between steep mountain.. ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาสลับซับซ้อน มีน้ำตก และแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลผ่าน บรรยากาศดีมากกกก บ้านเมืองน่ารักโดนใจสุดๆ เงียบสงบ สวยทุกมุม มองทางไหนก็อยากถ่ายรูปไปหมดดด ธรรมชาติที่สวยงามบวกกับอาคารบ้านเรือนที่สร้างจากไม้สีสันสดใส ทั้งสีขาว สีแดง สีเหลือง และสีเขียว ยิ่งตอนที่แสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านหุบเขามายังบ้านเรือนนะ อื้อหือออใครก็ได้ปลุกที เหมือนได้อยู่ในความฝันเลยค่าา >,< เป็นเมืองจิ๋วที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจำนวนมาก รัชกาลที่ 5 ยังเคยเสด็จมาประทับเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปในปี ค.ศ. 1907 ด้วยค่ะ









The Flåm Railway หรือ Flåmbana เป็นทางรถไฟที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ และหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สวยสุดในโลก! เป็นเส้นทางรถไฟเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1940 ใช้หัวรถจักรแบบโบราณ ตัวขบวนด้านนอกทาสีเขียว เบาะนั่งด้านในเป็นสีแดงนุ่มสบายยย มีหน้าต่างขนาดใหญ่จะได้ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ระหว่างทางได้อย่างเต็มที่! ทั้งป่าไม้ แม่น้ำ ทะเลสาบ ยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม เห็นวิวเมืองฟลัมได้แบบ 360 องศาและวิวฟยอร์ดที่สวยที่สุดในสแกนดิเนเวีย จะลอดอุโมงค์เป็นช่วงๆ โดยอุโมงค์ที่ยาวที่สุดมีความยาวถึง 1,300 เมตร ตลอดทั้งเส้นทางนั้นสวยงามจริงๆ ค่ะ รับรองว่าจะไม่หลับไม่ลงแน่นอน
โดยจะเริ่มต้นจากสถานีฟลัมไปสิ้นสุดการให้บริการที่สถานีไมร์ดัลเท่านั้น ระหว่างทางจะมีจุดจอดพักชมวิวที่สถานีน้ำตกจอสฟอสเซ่น (Kjosfossen) ประมาณ 10 นาที โดยเส้นทางรถไฟนี้เปิดให้บริการตลอดปีค่ะ สามารถเช็กตารางเวลาการให้บริการได้ที่ www.visitflam.com








 



เที่ยวไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (The Geirangerfjord)

ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด ฟยอร์ดที่มีความงดงามที่สุดของนอร์เวย์ค่า ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ใกล้กับเมืองโอเลซุน (Alesund) เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง ทำให้น้ำที่ละลายไหลลงสู่หุบเขาลึกถึง 1,000 เมตร และไหลยาวกว่า 15 กิโลเมตร ซึ่งพบได้มากในแถบประเทศสแกนดิเนเวียโดยเฉพาะที่นอร์เวย์ค่ะ จนได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีแห่งฟยอร์ด และไกแรงเกอร์ฟยอร์ดยังได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกในปี 2005 ด้วยนะจ๊า เพราะความงดงามของธรรมชาติโดยรอบคือยอมรับว่าอลังการจริงๆ ทั้งสองข้างเป็นต้นไม้เขียวชอุ่มมีหิมะปกคลุมอยู่ด้านบน มีน้ำตกไหลผ่านชื่อว่า Seven Sisters Waterfalls เป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดในไกแรงเกอร์ฟยอร์ด มีความสูงประมาณ 250 เมตร ไหลเป็นสายลงมาจากหน้าผา
ที่ฟยอร์ดแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เหมาะแก่การพักผ่อนแบบชิวๆ ก็ได้ แบบผจญภัยก็ดี เช่น พายเรือคายัค เรือแคนู ล่องแพ ตกปลา หรือจะเล่นสกีช่วงฤดูหนาว กิจกรรมที่นิยมกันก็คือการล่องเรือไปตามฟยอร์ดชมความอลังการของบรรยากาศรอบๆ สูดหายใจลึกกกๆ ให้เต็มปอด ปล่อยสมองให้โล่ง เปิดใจให้กว้าง ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่! >3< ซึ่งการล่องเรือเรายังจะได้เห็นร่องรอยการตั้งรกรากและอารยธรรมของชาวไวกิ้งและชาวนายุคโบราณที่เขาอนุรักษ์ไว้ให้ชมกันด้วยค่า










 



เที่ยวทรอนด์ไฮม์ (Trondheim)

ทรอนไฮม์ เมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ มีความเก่าแก่ทั้งทางด้านมรดกและวัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางทางการศึกษาวิจัยทางเทคโนโลยีและการแพทย์ของนอร์เวย์ และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของนอร์เวย์ด้วยนะคะ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ ช้อปปิ้งเพลินๆ ที่ร้านค้า ร้านขายของต่างๆ อิ่มอร่อยกับอาหารท้องถิ่น มีตั้งแต่ร้านอาหารระดับมิชลินไปจนถึงร้านกาแฟเล็กๆ สัมผัสวิถีชีวิตในชนบทที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสแกนดิเนเวียนที่ทันสมัย มาเดินเล่นชิลๆ ริมแม่น้ำชมทิวทัศน์รอบๆ เมือง เพลินลืมมมไม่มีเบื่อค่ะพูดเลยยย!










ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือโกดังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามริมแม่น้ำ Nidelva เป็นอาคารสไตล์นอร์วีเจียนสีสันสดใสสะดุดตาเรียงขนาบข้างริมแม่น้ำ เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของเมืองทรอนด์ไฮม์เลยค่ะ มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 บางส่วนเป็นบ้านของชาวประมงที่ตั้งรกรากมาอย่างยาวนาน บางส่วนก็เป็นคลังเก็บสินค้าโบราณ เรียกได้ว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดของเมืองก็ว่าได้ค่า







อย่าลืมมาเยี่ยมชมมหาวิหารนิดารอส (Nidaros Cathedral) โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์และใหญ่เป็นอันดับสองของสแกนดินเนเวีย ได้รับการยอมรับว่าเป็นโบสถ์ที่งดงามที่สุดในสแกนดิเนเวียด้วยค่า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1070 – ค.ศ. 1300 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ออกแบบมาได้อย่างสวยงามทั้งภายในและภายนอกจริงๆ เมื่อก่อนเคยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของเหล่านักแสวงบุญที่เดินทางมาจากทั่วภาคเหนือของยุโรป สามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนวิหารได้ด้วยค่ะ






 



เที่ยวโอเปร่าเฮ้าส์ออสโล Oslo Opera House

ถ้าอยากเพิ่มความสุนทรีย์ล่ะก็ มาที่นี่เลยค่า โอเปร่าเฮ้าส์ออสโล แลนด์มาร์คสำคัญ เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ เป็นที่ตั้งของคณะอุปรากรและบัลเล่ต์ระดับชาติ อาคารรูปทรงเลขาคณิตที่สร้างจากกระจกและหินอ่อนขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น มีดีไซน์อันสะดุดตา ออกแบบให้ดูเหมือนธารน้ำแข็งยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และมีสะพานที่ลาดเอียงสีขาวโพลน

ภายในมีเวทีสามแห่ง และมีมากกว่า 1,000 ห้อง จัดแสดงโอเปร่าและบัลเล่ต์ สามารถเข้าชมตอนฝึกซ้อมได้ด้วยนะคะ และยังมีศูนย์เพื่อการศึกษาของโอเปร่า ที่มีมีการนำเสนอเบื้องต้นเกี่ยวกับงานแต่ละส่วนที่จะเปิดม่านแสดง

การเดินทางก็สะดวกมากมาย สามารถขึ้นรถไฟ NSB ไปยังสถานีออสโลเซ็นทรัล เพื่อไปยังโอเปร่า เฮ้าส์ได้เลยค่า

shutterstock_125709392

shutterstock_297026246-2
 



เที่ยวสวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ Vigeland Sculpture Park

Vigeland Sculpture Park ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน Frogner เป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้จัดแสดงงานประติมากรรมการแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และสำริดในหลากหลายอิริยาบถที่เสมือนจริงราวกับมีชีวิตเลยล่ะค่ะ สร้างสรรค์โดย Gustav Vigeland ศิลปินชื่อดังชาวนอร์เวย์
จุดที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่คือ เสาโมโนลิท (Monolith) ที่มีความสูงประมาณ 17 เมตร เป็นรูปปั้นคนจำนวนมากมายปีนป่ายกันอยู่บนเสานี้ เพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดของชีวิต โดยใช้เวลาในการสร้างรวม 22 ปีเลยทีเดียว ส่วนบริเวณรอบๆ จะมีกลุ่มรูปปั้นที่ทำจากหินแกรนิต แสดงอารมณ์ต่างๆ ในหลากหลายท่าทาง แสดงความสัมพันธ์ของมนุษย์ในแต่ละวัยค่ะ

shutterstock_279162215

1519062_10153256389422203_9161885467859786105_n
 

เที่ยวท่าเรือเอเคอร์บรูค Aker Brygge

กว่าร้อยปีมาแล้ว Aker Brygge เคยเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ค่ะ ปัจจุบันถูกปลุกให้ฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังมีการปรับปรุงเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ทันสมัย มีบ้านเรือน และร้านค้ามากมาย เป็นแหล่งรวมผับบาร์ ร้านอาหารเก๋ๆ คาเฟ่ชิลๆ นอกจากนี้ยังมีทั้งผับ โรงหนัง โรงละครและห้างสรรพสินค้า ไม่เว้นแม้แต่ร้านเสริมสวยนะคะ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมความบันเทิงยอดนิยมที่ครบครันจริงๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพลิดเพลินกับมื้อค่ำในบรรยากาศที่แสนรื่นรมย์ เดินเล่นไปชมนักดนตรีข้างถนนร้องเพลงไป ย่านนี้ของออสโลจึงไม่เคยเงียบเหงา และยังดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 12 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว
ที่นี่เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีระบบขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบคอยอำนวยความสะดวก ทั้งรถไฟ รถราง รถโดยสารประจำทาง เรือ และยังมีที่ลานกว้างไว้เป็นที่สำหรับจอดรถด้วยค่า

shutterstock_317335589

shutterstock_328086662
 



เที่ยวพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง Viking Ship Museum

ในสมัยก่อน ชาวไวกิ้งใช้เรือในการรบ ทำการค้า และออกสำรวจหาดินแดนใหม่ๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ จึงถือว่าเรือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกเขา และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้จัดแสดงเรือสามลำจากยุคที่ชาวไวกิ้งปล้นสะดม ขณะเดินทางข้ามยุโรปมาไว้ที่นี่ด้วยค่ะ
พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งนี้ เป็นที่เก็บมหาสมบัติทางโบราณคดีของบรรพบุรุษชาวนอร์เวย์ ที่ได้รวบรวมซากเรือต่างๆ ไว้ ทั้งยังมากไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าอันมากมายที่สำคัญ เรือที่เด่นสง่าที่สุดในพิพิธภัณฑ์ คือ เรืออุสแบนนิ มีขนาดยาว 22 เมตร ทำจากไม้โอ๊ค ต้องใช้ฝีพายถึง 30 คน สันนิษฐานกันว่า น่าจะสร้างขึ้นเพื่อให้กษัตริย์ไวกิ้งใช้ในการเดินทางระยะสั้นๆ และที่ไม่ค่อยมีคลื่นลมมากนัก โดยใช้เวลาถึง 20 ปี ในการซ่อมแซมบำรุงรักษา ก่อนที่จะนำมาแสดงในพิพิธภัณฑ์ให้ชมกันค่ะ

IMG_5073

IMG_5086
 



เที่ยว Kjeragbolten

Kjeragbolten หรือก้อนหินลอยฟ้า ก้อนหินคั่นกลางเขา ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา Kjerag ในโรกาแลนด์ ประเทศนอร์เวย์ มีความสูงกว่า 984 เมตร ใครที่ใจกล้า ชอบความตื่นเต้น ก็สามารถเดินขึ้นไปบนก้อนหินนั้นได้ หรือใครจะกระโดด ตีลังกาอะไรก็ตามสไตล์ แต่โปรดระวังตัวด้วย เพราะข้างล่างนั้นเหวลึกสุดๆ ไม่มีใครไปช่วยแน่นอนจ้า

ไม่ทราบที่มาต้นฉบับของภาพ
2015 - 1
 



เที่ยวโทรลส์ทุงกา Trolltunga

Trolltunga หน้าผาที่เสียวที่สุดของฟยอร์ดนอร์เวย์ เป็นภาษานอร์เวย์ แปลว่า ลิ้นของโทรลล์ (Troll s Tongue) ตามลักษณะที่เป็นหินแผ่นบางยื่นออกไปจากหน้าผา ที่ความสูง 2,300 ฟุตเหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ S rfjorden Fjord ในเมือง Odda ทางตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ เราจะได้เห็นวิวงดงาม เป็นฟยอร์ด Fjord ที่มีลักษณะเป็นหุบเขาเว้าแหว่งบริเวณปากอ่าว ระยะทางในการเดินไม่ใช่เล่นๆ แค่ 11 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ขึ้นลงรวม 22 กิโลเมตร พระเจ้า.. ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 12 ชั่วโมง

นอกจากนี้ Trolltunga จำกัดช่วงเวลาให้เข้าชมเป็นฤดูกาล ไปได้เฉพาะช่วง กลางเดือนมิถุนายน จนถึง กลางเดือนกันยายน เพียง 3 เดือนเท่านั้น ใครที่ร่างฟิต กายพร้อม ใจพร้อม ก็ลองไปลุยดูสักตั้งค่า ใครไปยืนตรงนั้นได้นี่ เท่ห์สุดๆ ไปเลย

shutterstock_409835917
 



เที่ยว Pulpit Rock หรือ Preikestolen

Preikestolen ผาสูงสุดเสียว อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าท้าทาย ด้วยความสูง 1,982 ฟุต (604 เมตร) จากระดับน้ำทะเล พื้นที่ส่วนบนของหน้าผาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณ 82 x 82 ฟุต (25 x 25 เมตร) ใช้เวลาในการเดินขึ้นเขา 2 ชั่วโมง ในระยะทาง 3.8 กิโลเมตร ถ้าร่างกายฟิตก็ลุยเลยนะจ้ะ รับรองว่าขึ้นไป เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยค่าาา

shutterstock_399315967
 



เที่ยวชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน Midnight Sun

สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศเหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ไม่ว่าจะเป็นรัฐอลาสกา ประเทศสหรัฐ หมู่เกาะกรีนแลนด์ ประเทศเดนมาร์ก รวมถึงประเทศแคนาดา ไอซ์แลนด์ สวีเดน ฟินแลนด์ และนอร์เวย์ ต่างต้องเคยผ่านประสบการณ์ที่มีดวงอาทิตย์ส่องแสงวันละ 24 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน ที่เรียกว่า ปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละครั้ง และจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สวยงามที่สุด จะอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ในบริเวณ The North Cape, The Svalbard Islands และ Tromso เป็นต้น ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปชม คือเดือนมิถุนายน และกรกฎาคมค่ะ

shutterstock_28804252
 

เที่ยวถนนข้ามทะเล แอตแลนติก Atlantic Ocean Road

Atlantic Ocean Road ตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ถนนสายนี้มีความยาว 8.3 กิโลเมตร เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่ และเกาะต่าง ๆ ในนอร์เวย์ มีสะพาน Storseisundet เป็นสะพานโค้งยาว 260 เมตร ถือเป็นสะพานสวยงามที่สุดในบรรดาสะพานทั้งหมด และยังได้รับฉายาว่า The road to nowhere
Atlantic-Ocean-Road-Norway-2
เครดิตภาพ