รีวิวจากหญิงปุ๊ก ในวันที่เดินไม่ได้ และตะแคงหันหน้าซ้ายขวาไม่ได้ เส้นเอ็นอักเสบ จากเท้าพลิก และบ้านหมุน จากหินปูนในหูชั้นในหลุด หรือหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน Benign Paroxysmal Positional Vertigo (BPPV)

ในช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา  ได้ประสบการณ์ชีวิตที่ไม่อยากสัมผัส.. แต่ก็ได้เรียนรู้ข้อคิดดีๆ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตอีกครั้งนึงค่ะ ที่ทำให้เห็นความสำคัญของสุขภาพว่า สำคัญมากๆ พร้อมทั้งได้เรียนรู้ 10 สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คิดได้ในวันที่ป่วย.. อีกด้วย

 

ขอเริ่มด้วยเหตุการณ์แรกค่ะ.. เดินๆ อยู่ แล้วเท้าพลิก 

ทำให้เส้นเอ็นอักเสบ เดินไม่ได้ และบวมๆ ยุบๆ นอนเท้าสูง มา 2 อาทิตย์.. แถมกลายเป็นคน นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นกิน.. เพราะกินยาแล้วง่วงนอนทั้งวัน แพลนชีวิตที่เตรียมไว้ก็ยกเลิกรัวๆ เพราะต้องเดินทาง ตั้งแต่ทริปธุรกิจไปจีน 2 ทริป ครอสเรียน 3 ครอส และทริปรัสเซีย เรียกว่าเสียหายหลายแสนค่ะ.. 555 ปาตงปาร์ตี้ไม่ต้องพูดถึง ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน ใครจะเกิด ใครจะแต่งงาน... ไปไม่ได้ทั้งนั้นจ้ะ (จริงๆ ไปได้นะ แต่ต้องนั่งรถเข็นไป ดูไม่งาม และนั่งห้อยเท้า แล้วเท้าบวม) พอครบ 2 อาทิตย์ ก็ไปใส่เฝือกอ่อน (ต้องถอดๆ ใส่ๆ เพราะใส่เฝือกนาน คันมาก)ใช้รถเข็นแทนขา และครบ 3 อาทิตย์ หัดเดินด้วย Walker ค่อยๆ ลงน้ำหนัก และบริหารเท้า กระดกขึ้นลง ซ้ายขวา.. คาดว่าไม่เกินอาทิตย์นี้ น่าจะกลับมาเดินได้เป็นปกติ ต่อไปก็ต้องระวังเท้าให้ดี อาจกลับมาพลิกได้อีกค่ะ 

รักษาด้วยการกินยา ทายา และพักเท้าตามหลักการ R.I.C.E 

1) R-Rest นั่งพักเพื่อสังเกตอาการจากข้อเท้าแพลงว่ารุนแรงไหม 

2) I-ICE ประคบเย็นเพื่อลดบวม และช่วยให้เลือกออกน้อยลง โดยประคบเย็นประมาณ 15 นาที ทุกๆ 2 ชม. ข้อห้ามไม่ควรประคบร้อน หรือนวดบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บในระยะแรก เพราะจะทำให้บวมมากยิ่งขึ้น 

3) C-Compression ใช้ผ้าพันบริเวณที่บวม และพยายามไม่เคลื่อนไหว ถ้าไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ปวดในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ 

4) E-Evaluation ยกปลายเท้าให้สูงขึ้น เพื่อลดบวม และลดความเจ็บปวด

หลังจากเริ่มหายแล้ว ก็บริหารข้อเท้าต่อ http://www.siphhospital.com/th/news/article/share/605/Anklesprain

 

เหตุการณ์ที่สอง นอนๆ อยู่ แล้วบ้านหมุน

เดินไม่ได้ว่าลำบากแล้ว แต่บ้านหมุนยังพีคกว่าอีก

ตอน 5 โมงเย็น ขณะนอนๆ อยู่บนเตียง เราพลิกซ้ายพลิกขวา เกิดความรู้สึกมึนงง ลืมตาขึ้นมา เห็นทุกอย่างหมุนไปหมด เหมือนอยู่ในเครื่องเล่นเฮอร์ริเคน หมุนติ้วๆ เหมือนอยู่ในเครื่องซักผ้า ที่ปั่นรัวๆ โอ๊ย.. มองไม่ทัน จะอ้วก คลื่นไส้ไปหมด เหงื่อแตก ทำตัวไม่ถูก.. แป้บนึง พอตั้งสติได้ ก็นอนนิ่งๆ อยู่เฉยๆ เดชะบุญ.. โลกทั้งใบหยุดหมุนสักที ลองก็ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่โลกก็ยังหมุนเหมือนเดิม.. Omg.. คิดในใจ.. แย่แล้ว.. ลุกไม่ได้... 

เอามือคลำๆ จับมือถือที่สั่นรัวๆ จากห้องแชทหลายๆ ห้องที่พร้อมใจกันเด้ง แต่เราไม่แชทค่ะ ไม่ว่าง กำลังบ้านหมุน.. 555 รีบโทรหาแอน แอนนนน.. แย่แล้ว... ปุ๊กขยับลุกออกจากเตียงไม่ได้ ทำไงดี บ้านมันหมุน.. แอนรีบมาหาปุ๊กเลยนะ แอนก็บอกว่า ได้ๆๆ แต่แอนพาปุ๊กออกจากเตียงไม่ได้ งั้นเรียกรถพยาบาลนะ ปุ๊กตอบโอเค ได้ๆ โรงพยาบาล BNH เลย ใกล้สุด..

หลังจากนั้น โทรบอกม้า.. ม้าๆ ไม่ต้องตกใจนะ แต่ว่าปุ๊กขยับลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ กำลังเรียกรถพยาบาล ม้ารีบออกจากบ้าน ไปเจอกันที่รพ. BNH นะ โทรหาพี่บอย พี่บอยๆ งานยุ่งเปล่า 555 ถ้าสะดวก ช่วยมาหาปุ๊กหน่อย ปุ๊กลุกจากเตียงไม่ได้ มาเป็นเพื่อนปุ๊กหน่อย และโทรหานิติ สวัสดีค่ะ พอดีว่ารถพยาบาลกำลังจะมารับ ช่วยเคลียร์ทางให้หน่อยค่ะ แล้วก็ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นมาช่วยคนนึงได้ไหมคะ รหัสห้องค่ะ (ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว) นิติก็ขึ้นมา ขอโทษค่ะ รบกวนจริงๆ ขอน้ำหอมค่ะ (ดู๊ดู ยังเป็นห่วงคนอื่นนะ กลัวจะเหม็น ยังไม่ได้อาบน้ำ) ขอถุงพลาสติกค่ะ คลื่นไส้ ทิชชู น้ำดื่ม กระเป๋าถือ และกุญแจห้อง ใส่ถุงให้ทีค่ะ หยิบเฝือกมาให้ด้วยค่ะ สุดท้ายยังไม่ลืมบอก ปิดแอร์ ปิดไฟในห้องให้ด้วยนะค้าาาา ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

หลังจากนั้น ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาล และนางพยาบาลก็มาถึง พร้อมเตียงที่ปรับเป็นเก้าอี้ได้ มาเคลื่อนย้ายเราออกจากเตียง ขั้นตอนการขนย้ายดีมากงาม คือเชี่ยวชาญ บอกให้เราทำงั้นงี้ คือ ค่อยๆ ลุกตรงๆ ขยับตรงๆ เดินตรงๆ นั่งหลับตามาตลอดทาง จนขึ้นรถพยาบาล ไม่ได้ทำให้อาการเราเป็นหนักกว่าเดิม ขึ้นบนรถปุ๊บ วัดความดันก็มา ส่วนเราลืมตาค่ะ โทรหาม้า ม้าาา รถพยาบาลมารับแล้ว พี่บอยมาแล้ว กำลังจะเดินทางนะ เดี๋ยวคุยไม่สะดวกนะ หลังจากนั้นก็นอนสำรวจรถพยาบาล ไม่เคยขึ้นมาก่อนเลย แอร์เย็นสบายดีจัง เตียงก็นุ้มนุ่ม สบายๆ แต่พะอืดพะอมพอสมควร ท่องนะโมตัสสะ อย่าอ้วกนะ อย่าอ้วกนะ (แล้วก็นึกถึงประสบการณ์ที่เคยนอนในรถปอเต๊กตึ๊ง ตอนนั้นตะคริวกินทั้งตัว นอนไป ก็กรีดร้องไป ทรมานสุดๆ เตียงแข็ง ขนย้ายแบบตุเลงๆ รถวิ่งอย่างเร็ว รีบด่วนมาก แต่ดีมาก ในภาวะฉุกเฉินเช่นนั้น ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลมเป่าแรงๆ เหวี่ยงๆ กันไป แล้วก็แอบกลัวผีนิดๆ ไม่รู้ว่าในรถ มีพี่ๆ วิญญาณ มานั่งอยู่เป็นเพื่อนเยอะไหม คือหนูขอใช้แป้บเดียว ต้องขออภัยนะคะที่มารบกวน) ก็จะเป็นคนละบรรยากาศ คนละฟีลกันค่ะ

แล้วก็ ถึงแม้ว่ารถจะติด แต่โชคดีที่รพ. อยู่ใกล้ ไม่กี่อึดใจก็ถึง.. ในเวลาหกโมงเย็นกว่าๆ เตียงถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินปั๊บ สายน้ำเกลือก็จิ้มเข้ามือปุ๊บ พี่บอยกับแอนมายืนข้างเตียง แพทย์ฉุกเฉินมาตรวจ สอบถามอาการ เราก็นอนเล่าไป คุณหมอก็เทสให้เอียงซ้าย ว๊ายยย บ้านหมุน เอียงขวา ว๊ายยยย หมุนเยอะกว่าด้านซ้ายอีก หน้าตรงคือดีที่สุด เลยต้องนอนตัวตรง หน้าตรง แข็งทื่อเป็นมัมมี่เลยจ้ะ คุณหมอสันนิษฐานว่า หินปูน ในหูชั้นในหลุด อื้อหือ ไม่เคยได้ยินเลย ทุกทีมีแต่ไปขูดหินปูนที่ฟัน ไม่เคยบอกหมอให้ขูดที่หูเลย 555 ถามหมอว่า สาเหตุเกิดจากอะไรคะ หมอบอกว่า ไม่ทราบสาเหตุ พูดตรงๆ ง่ายๆ คือซวย มันอยากหลุดก็หลุดเองแหละ หินปูนมันอยู่ในหูของคนเราทุกคนอยู่แล้ว พอมันหลุดลงมาในท่อที่มีน้ำในหู มันทำให้การทรงตัวของเราเสียไป ต้องกินยา และทำกายภาพบำบัด อ๋อ.. เข้าใจแล้วค่ะ โอ๊ยยย.. นอนอยู่เฉยๆ ก็หินปูนหลุด จนบ้านหมุนเนี่ยนะ แอบหัวเราะกับแอนคิกคักๆ ขำตัวเอง โอเคๆ รอหมอเฉพาะทางพรุ่งนี้มาตรวจอีกทีค่ะ

แล้วคุณหมอก็ฉีดยาแก้เวียนหัวให้ คุณพยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็นต์ และจองห้องพัก แล้วป๊าม้าก็มาถึง ตอนที่เค้ากำลังค่อยๆ เข็นเตียงขึ้นไปชั้น 6 ห้อง 622 ห้องพักคือดีมาก เหมือนอยู่โรงแรม คุณพยาบาลก็เข้ามาดูแลอย่างดี วัดความดัน เอาเมนูอาหารมาให้เลือก ขอน้ำมาจิบ ต้องเอาหลอดยื่นมาให้ถึงปากเลย หันข้างไม่ได้ ม้าให้น้าทิพย์กับหนึ่งมาเฝ้าที่รพ. เราก็คุยๆ กัน ปุ๊กก็นอนโม้ๆ เล่าเหตุการณ์อีกครั้ง ม้าดูตกใจนิดนึง บ่นปวดหัวจี๊ด ส่วนป๊าก็แลหน้าตาเป็นกังวล เจ้าปุ๊กนี่ อีกแล้วนะ ชอบเป็นอะไรแปลกๆ

แล้วปุ๊กก็แพลนว่า ถ้าออกจากรพ. สงสัยอยู่คนเดียวที่คอนโดไม่ได้แล้ว ต้องกลับบ้านอ้อมน้อย เลยวานให้แอนไปช่วยเก็บเสื้อผ้าของใช้ ใส่กระเป๋าเดินทางมาให้ รวมถึงไม้เท้า และรถเข็นด้วย แอนคงคิด อะไรๆ ก็กรู 555 ขอบคุณมากๆ เลยนะคะแอน เลิฟๆ เพื่อนสนิท รู้จักกันมา 15 ปีแล้ว

หลังจากนั้น ทำไงดี ลุกเข้าห้องน้ำไม่ได้.. แอบเล่าเป็นวิทยาทานนะคะ อื้อหือ.. อนาจใจตัวเองมาก ที่ต้องนอนปัสสาวะบนเตียง คุณพยาบาลเอาถาดสแตนเลสเย็นๆ มาวางใต้ก้น แล้วก็ให้เราทำธุระตามสบาย แล้วคุณพยาบาลจะมาดูแลความสะอาดให้ เท่านั้นยังไม่พอ.. อาบน้ำไม่ได้.. ทำไงดี.. อาบน้ำแบบเช็ดตัวบนเตียงเลยจ้า.. คุณพยาบาลอีกแล้วคับท่าน ถอดชุด แล้วก็เอากะละมังใส่น้ำ ผสมกับครีมอาบน้ำ มาถูๆ ตัวให้ เรากลายเป็นเด็กน้อยเบบี๋ตัวโข่ง นั่งอึนๆ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โถว.. สงสารทั้งตัวเอง สงสารทั้งคุณพยาบาล ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ก็ต้องขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่ทำให้เด็กโข่งตัวหอมขึ้นมาอีกครั้งนึง หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย ก็นอนหลับยาว แต่เมื่อยขั้นสุด เพราะต้องนอนนิ่งเป็นมัมมี่ 

ช่วงเช้าคุณพยาบาลก็มาวัดความดัน ฉีดยาแก้เวียนหัวให้อีกรอบ และนัดคุณหมอเฉพาะทางให้มาตรวจ คุณหมอมาถึง เราก็ลุกนั่ง.. คุณหมอเทสหันซ้าย เฮ้ย ไม่หมุน หันขวา เฮ้ย ไม่หมุน คิดในใจ เย้... หายแล้ว กลับบ้านได้ คุณหมอบอกว่า ประสาทดูปกติดี หูได้ยินชัดเจนดี หรืออาจจะเกี่ยวกับน้ำในหู มันหนืดไม่เท่ากัน หรือขาไม่เดิน นิ่งเกินไป ระบบประสาทเลยทำงานผิดพลาด หรือหินปูนหลุดจริงๆ มันต้องไปเข้าเครื่องเวี่ยงนะ หมุนๆ แต่เอ้ะ.. นี่ขาเป็นอะไรคะ ขาพลิกค่ะ เส้นเอ็นอักเสบ ใส่เฝือกอ่อนอยู่ งั้นไปหาหมอขาก่อนไหม ไปกายภาพขาให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมารักษาหู ไม่รีบ ตอนนี้เทสไม่ถนัด แต่นี่ต้องระวังล้มเลยนะ ถ้ามาล้มแขนหักอีก โอ้โห.. ยาว.. ค่าาา คุณหมอ แขนหนูจะเก็บไว้กินข้าว กับเล่นมือถือ จะระวังไม่ให้ล้มซ้ำค่ะ อ้อ.. อาหารรพ.อร่อยใช้ได้เลย เจริญอาหารทีเดียว

หลังจากนั้น พี่ต๋อมก็มาเยี่ยม พร้อมขนมเอแคร์แสนอร่อย แล้วปุ๊กก็บอกคุณพยาบาลว่า ช่วยสระผมให้หน่อยค่ะ ให้ทายสิคะว่า สระที่ไหน ฮั่นแน่.. ใช่แล้วค่ะ สระบนเตียงนั่นเอง นอนสระ คุณพยาบาลสองคนช่วยกันเปิดซาลอน ใส่แชมพู เกาหัวให้อย่างดี ระหว่างนั้นเอง คุณหมอขามาค่ะ หมอขอตรวจเท้าหน่อยครับ โอ้ว ดีขึ้นมากแล้วครับ เดี๋ยวเอาเฝือกออก แล้วไปหัดเดินด้านล่างนะครับ แล้วนี่เป็นอะไรครับ บ้านหมุนค่ะ โอ้โห จะเดินได้ไหมเนี่ย.. เดี๋ยวล้ม.. แต่ปุ๊กบอกว่า หายแล้วค่ะ ตะกี้เทสอีกรอบ ไม่หมุนแล้ว ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเอง.. โอ้ยยยย บ้านหมุนๆๆ ทุกคนก็ชะงักตกใจ เกิดอะไรขึ้น คือคุณนางพยาลเกาหัวค่ะ หัวโยกไปทางขวา โอเค กลับมาตรงๆ ทีนี้พอจะล้างผมให้ตะแคงซ้ายอีก ก็บ้านหมุนอีก เลยบอกว่า พอเถอะค่ะ ยกหัวขึ้นตรงๆ ดีกว่า หันไม่ได้จริงๆ เมื่อสระผมด้วยความเบามือเสร็จ ก็มาเป่าผมให้แห้ง และเปลี่ยนชุดกลับบ้าน และไปฝึกเดินค่ะ

ขั้นตอนการฝึกเดินก็ไม่มีอะไรมาก แค่เดินลงน้ำหนัก ช่วงแรกๆ มันจะแป้บๆ ตึงๆ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ได้เดินมาเกือบ 3 อาทิตย์ ขามันต้องเรียนรู้การขยับ และแรงกดใหม่ เสร็จแล้วก็ให้คุณพยาบาลไปบอกหมอหูว่า ยังบ้านหมุนอยู่เลย คุณหมอก็จ่ายยา และให้กลับบ้านได้ค่ะ ต้องขอบพระคุณคุณหมอและนางพยาบาลทุกคน ที่ช่วยดูแลเป็นอย่างดี ในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล BNH ด้วยค่ะ

เรากลับมาบ้าน เพิ่งได้มีโอกาสมาค้นข้อมูลในกูเกิ้ลเกี่ยวกับ โรคหินปูนในหูชั้นในอย่างละเอียด

https://youtu.be/oXDsQAb3r9Q

ค้นพบว่า ต้องทำกายภาพหมุนศีรษะด้วย ถึงจะหาย ช่วยได้ 90% 

การทานยา เป็นแค่การบรรเทา ช่วยได้ 70%

เราไม่อยากรอขาหาย เพราะนอนตอนกลางคืนเมื่อยมาก ต้องนอนนิ่งๆ หน้าตรง ขยับซ้าย ขยับขวาไม่ได้เลย เลยลองโทรไปจองคิวแพทย์ที่รพ. พญาไท 1 นายแพทย์ ชาคริต สุทธิเสวันต์ เชี่ยวชาญทางด้านนี้ https://youtu.be/ap2rrefDrvw และสะดวกให้นัดหมายในถัดไปด้วยค่ะ ก็นัดไปแต่เช้าเลย

เมื่อไปถึง ก็อธิบายอาการให้คุณพยาบาลฟัง ก็ดูเข้าใจได้ทันที และบอกว่า ไม่ต้องห่วง แค่หมุนศีรษะก็หายแล้ว ดูการสาธิตวิธีการรักษาได้จากลิงค์นี้เลยค่ะ https://youtu.be/9SLm76jQg3g 

สักพักก็เข้าไปเล่าอาการให้คุณหมอฟังอีกรอบ และคุณหมอก็ให้ไปนอนบนเตียง

ให้เราเอียงคอ 45 องศาฝั่งซ้าย แล้วนอนลง ให้หัวอยู่ในระดับต่ำนิดนึง แล้วก็เปลี่ยนเป็นฝั่งขวา ทำเหมือนเดิม ผลจากการเทส ทำให้รู้ว่า เรามีหินปูนทั้งในฝั่งซ้าย และขวาเลย โดยดูจากการกระตุกของตา มันจะหมุนๆ กระตุกๆ คุณหมอจะให้มองตามนิ้ว แล้วคุณหมอจะรู้ว่า ตอนนี้หินปูนมันไปตรงอยู่ตรงไหน จะได้ทำท่าทางที่ถูกต้อง เพื่อย้ายหินปูนออกไปจากท่อน้ำในหูค่ะ

คุณหมอก็เริ่มปฏิบัติการหมุน เพื่อรักษาทันทีค่ะ โดยวิธีนี้จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเท่านั้นนะคะ เราไม่สามารถทำเองได้ โดยให้เราเอียงซ้ายแล้วนอนลง พร้อมคว่ำหน้า ซึ่งตาของเราก็จะหมุนติ้วๆๆ เห็นบ้านหมุน ต่อด้วยเอียงขวา พร้อมคว่ำหน้า ตาติ้วๆ บ้านหมุนต่อไป แล้วก็ลุกขึ้นนั่งตรงๆ ตานิ่ง พักแป้บนึง แล้วก็เทสอีกครั้ง ฝั่งซ้ายตานิ่ง หายแล้ว แต่ฝั่งขวายังไม่หาย ก็หมุนศีรษะใหม่ แล้วก็ได้ผลค่อนข้างนิ่ง มีหมุนอยู่นิดหน่อย เสร็จแล้วเราก็ลุกนั่ง นั่งตรงๆ บ้านดันหมุนอีกครั้งนึงค่ะ หมุนแรงมากๆ จนต้องรีบบอกคุณพยาบาลว่า ขอถุงพลาสติกด่วนๆ ค่ะ ก็อาเจียนไปสองรอบ หลังจากนั้นก็มารักษาต่อ คุณหมอบอกว่า ตอนนี้หินปูน มันมาด้านหลังแล้ว ก็เลยให้นอนหงาย แล้วก็ลุกขึ้นก้มหน้าให้หน้าผากชิดเข่า แล้วก็หงาย แล้วก็คว่ำ.. แล้วก็หงาย และในที่สุด หน้าตรง บ้านไม่หมุนแล้วค่ะ 

คุณหมอแจ้งว่าเรียบร้อย ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที แต่ในความรู้สึกคือ นานมาก คุณหมอบอกว่า ถ้าใน 3 วัน อาการดีขึ้น บ้านไม่หมุนแล้ว ก็ถือว่าเรียบร้อย แต่ถ้ายังไม่หาย ให้มาหมุนใหม่ ส่วนช่วง 7 วันแรก ให้หันหัวช้าๆ ทำอะไรช้าๆ อย่าให้ศีรษะสั่นเยอะ 

ส่วนสาเหตุของโรคนี้ ก็ไม่ทราบสาเหตุ หินปูนมันมีโอกาสหลุดได้ และคนที่เคยหลุดแล้ว ก็มีโอกาสหลุดได้อีก ส่วนคนที่อายุมาก ก็มีโอกาสหลุด จากการเสื่อมของหูชั้นใน

ข้อจำกัด คุณหมอแจ้งว่า ถ้าหายแล้ว สามารถขึ้นเครื่องบิน ขับรถอะไรได้ปกติ ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรค่ะ แต่ส่วนตัวก็อยากจะแนะนำว่า แรกๆ อย่าเพิ่งขับรถ เพราะอาการบ้านหมุน อาจจะเกิดขึ้นใหม่ได้ รวมถึงร่างกายของเรา มันยังจดจำอาการบ้านหมุนได้อยู่ แม้บ้านไม่หมุนแล้ว แต่เรายังรู้สึกเหมือนบ้านหมุน ตอนที่ทำท่าเดิมๆ จิตใต้สำนึกมันจำ และกลัวไปเอง.. ต้องให้เวลาปรับตัวนิดนึง ส่วนยา ก็ทานชุดเดิมที่ได้มา หรือแล้วแต่คุณหมอจะสั่งยาให้นะคะ ตอนนี้หันหน้าซ้าย ขวา บ้านไม่หมุนแล้ว แต่ว่าเพิ่งผ่านมา 1 วัน ยังต้องรอดูอาการอีกสักอาทิตย์นึงค่ะ แต่คาดว่าน่าจะหายเร็วๆ นี้ค่ะ

 

ส่วนใครที่มีอาการเหมือนหญิงปุ๊ก หรือน้ำในหูไม่เท่ากัน ลองปรึกษา

คุณหมอ นพ. ชาคริต สุทธิเสวันต์ คลินิกอายุกรรมประสาท โรงพยาบาลพญาไท 1

หรือคุณหมอที่เพื่อนแนะนำ ศ.พญงเสาวรส ภทรภักดิ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เชี่ยวชาญด้านอาการเวียนศีรษะและเสียการทรงตัว ปัญหาการได้ยิน เสียงรบกวนในหู และการผ่าตัดหูค่ะ

 

นอกจากนี้ ปุ๊กยังได้ข้อคิดจากสองเหตุการณ์นี้ด้วยค่ะ

อ่านต่อ >> 10 สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คิดได้ในวันที่ป่วย.. 

 

สุดท้ายนี้.. อ่านจบแล้ว บางท่านอาจอยากแนะนำให้ปุ๊กไปทำบุญ ก็จะบอกว่า.. หญิงปุ๊กทำบุญเป็นปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่ต้นปี เงินบริจาคให้เด็กกำพร้า คนแก่ คนป่วย คนติดยา คนพิการ และสร้างพระถวายวัด มูลค่าหลายๆ แสนแล้วค่ะ แล้วก็ถือศีล และนั่งสมาธิด้วย

ปกติเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดวงดีมากๆ แต่เรื่องไม่ดีก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน เป็นธรรมดาของชีวิต ที่ทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นการเกิด แก่ เจ็บ หรือตาย..

ฉะนั้น อะไรจะเกิด ก็เกิด.. ปล่อยวางค่ะ.. เดี๋ยวมันก็ผ่านไป.. กายป่วย ใจไม่ป่วย ช่วยได้เยอะ..

แม้อะไรๆ จะไม่แน่นอน แต่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตตามความฝัน ใช้เวลาที่มีอยู่ ให้เกิดความสุข และประโยชน์แก่ตัวเอง และคนรอบข้างได้ ขอให้มีความสุขกับปัจจุบัน มีควาทรงจำดีๆ ในอดีต และขยันสร้างอนาคตให้ดีกว่าเดิม ไม่รู้สึกเสียใจ ไม่เสียดายกับอะไร ก็ถือว่าใช้ชีวิตได้คุ้มที่สุดแล้วค่ะ