เที่ยวญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นอีกช่วงเวลาแห่งความสุขของคนที่นี่ ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคมค่ะ โดยอากาศจะเริ่มอบอุ่นจากทางตอนใต้ของญี่ปุ่นและไล่ขึ้นไปทางตอนเหนือ เป็นช่วงที่อากาศกำลังดี เย็นสบาย สามารถเดินเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ ได้แบบชิลๆ ท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นและสีสันสดใสของดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง มาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่า ในฤดูนี้จะสวยงามขนาดไหน~

 

ชมดอกซากุระบานสะพรั่ง

แน่นอนว่าเมื่อมาถึงญี่ปุ่นในช่วงที่ดอกไม้กำลังเบ่งบานทั้งที ก็ต้องห้ามพลาดการชมดอกซากุระสีชมพูหวานแหวว ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่นกันนะคะ โดยเรียกว่า เทศกาลฮานามิ (Hanami) ชื่อเดียวกับข้าวเกรียบกุ้งที่เรารู้จักกันดีนี่เอง อิอิ เป็นเทศกาลชมดอกไม้ที่มีมายาวนานนับพันปี ชาวญี่ปุ่นจะมาจับจองที่นั่ง และปูเสื่อนั่งสังสรรค์กินข้าวกันใต้ต้นซากุระไปพร้อมกับการชมความงามของดอกไม้ อู๊ยยยย แค่คิดก็ฟินแล้ว >,< เรามีสถานที่ฮิตๆ ในการชมดอกซากุระมาแนะนำทุกคนด้วยค่า

สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียว และเป็นสถานที่ชมดอกซากุระยอดฮิตมานานหลายทศวรรษ นอกจากจะเต็มไปด้วยต้นซากุระมากกว่า 1,000 ต้นแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์มากมาย รวมไปถึงสวนสัตว์อีกด้วยค่ะ

ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน จะมีการจัดงาน Ueno Sakura Matsuri-Cherry Blossom Festival เป็นการชมดอกซากุระบานประจำปีของสวนอุเอโนะ และในตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟกว่า 1,000 ดวง สว่างไสวไปทั่วสวน สวยงามและโรแมนติกมากกก มีคู่รักเดินจูงมือกันมาชมซากุระยามค่ำคืน น่าอิจฉาจริงๆ เลย -3-

 

สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) อยู่ที่เมืองอิชิคาวะ ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดและสวยที่สุดของญี่ปุ่นด้วยค่า! ด้วยทัศนียภาพที่งดงาม มองเห็นบ่อน้ำ หุบเขา บรรยากาศเงียบสงบ กว้างขวาง และมีต้นซากุระกว่า 20 สายพันธุ์มากมายถึง 400 ต้น

ที่สำคัญยังมีต้นซากุระพันธุ์พิเศษ ชื่อว่าคิขุซากุระ (Kiku-sakura) ซึ่งหาชมได้ยากมาก เพราะมีกลีบถึง 300 กลีบ สวยสมคำล่ำลื่อจริงๆ ค่า และในช่วงเดือนเมษายนจะมีเทศกาลชมคิขุซากุระแห่งเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Kiku-Sakura Festival) ละลานตาไปด้วยดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง สามารถมาชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ

เครดิตรูปภาพจาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Kiku-zakura.jpg

 

สวนจิโดริ งาฟูจิ (Chidorigafuchi Park) เป็นจุดชมดอกซากุระที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว มีต้นซากุระกว่า 300 ต้นเรียงรายติดริมแม่น้ำเป็นแนวยาวถึง 700 เมตร ทำให้เกิดเป็นอุโมงค์ต้นซากุระที่สวยงาม สามารถเดินเล่น หรือจะเช่าเรือพายล่องไปตามแม่น้ำสายเล็กๆ เพื่อชมทัศนียภาพ รอบๆ ก็โรแมนติกไม่น้อยเลยนะคะ

ในช่วงกลางคืนของเทศกาลชมดอกซากุระ จะมีการประดับไฟมากมาย ภาพของแสงไฟบนต้นซากุระสะท้อนกับผิวน้ำ งดงามตระการตามากๆ เลยค่ะ สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืนแบบนี้ ต้องลองมาเห็นด้วยตาตัวเองซะแล้ว

 

สวนสาธารณะฮิโรซากิ (Hirosaki Park) อยู่ที่จังหวัดอาโอโมริค่ะ เป็นอีกสถานที่ยอดนิยมและโด่งดังมากในชาวญี่ปุ่น เราจะได้เห็นดอกซากุระที่อยู่ริมแม่น้ำและถนนกว่า 2,600 ต้น มากถึง 52 สายพันธุ์ เป็นทางยาว 20 กิโลเมตร! มีกลีบดอกซากุระร่วงอยู่เต็มแม่น้ำ มองไปทางไหนก็เป็นสีชมพู >3< ขอบอกว่าสวยงามมากเลยค่า มีผู้คนมาพายเรือเล่น ปิกนิก เดินเล่นกันมากมาย

นอกจากนี้ยังมีการจัดเทศกาลชมซากุระ Hirosaki Cherry Blossom Festival เป็นประจำทุกปี ประมาณวันที่ 22 เมษายน ถึง 7 พฤษภาคม เมื่อตกเย็นก็จะเปิดไฟประดับประดาอย่างสวยงาม รับรองว่าถ้ามาได้สัมผัสที่นี่แล้วละก็จะต้องติดใจอย่างแน่นอนค่ะ

 

แชะดอกไม้นานาพันธุ์แสนงาม

ฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่นไม่ได้มีให้ชมแค่ดอกซากุระเท่านั้นนะจ๊า แต่ยังมีทุ่งดอกไม้สวยๆ อีกหลากหลายชนิดที่กำลังแข่งกันผลิบานออกดอกสีสันสดใส สวยงามไม่แพ้กันเลยทีเดียว ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ อากาศดีๆ หันไปทางไหนก็เจอแต่ดอกไม้ นึกว่าสิงร่างเจ้าหญิงดิสนีย์อยู่เลยนะคะเนี่ย อิอิ และหญิงปุ๊กมีทุ่งดอกไม้ที่สวยงามอลังการ ชนิดที่จะต้องร้องว้าวววว! มาฝากทุกคนด้วยนะคะ

 

เริ่มที่ ทุ่งดอกไม้ชิบะซากุระ (Fuji Shibazakura) เป็นสถานที่ชมดอกไม้ยอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นค่ะ อยู่ที่จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ใกล้กับทะเลสาบโมโตสุโกะ(Lake Motosuko) ที่เป็นหนึ่งในทะเลสาบทั้ง 5 ของฟูจิ

โดยในช่วงกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี จะมีการจัดเทศกาล Fuji Shibazakura Festival เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในการชมดอกชิบะซากุระ หรือดอกพิงค์มอสนั่นเอง เราจะได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามและดอกชิบะซากุระกว่า 800,000 ต้น! รวมทั้งหมด 5 สายพันธุ์ บานสะพรั่งไปทั่วทั้งหุบเขา ไล่ไปตั้งแต่สีขาว สีชมพูอ่อน จนถึงสีม่วง โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิสูงตระหง่าน เป็นการผสมผสานของธรรมชาติที่ลงตัวและสวยงามจริงๆ เห็นแล้วจะต้องรีบหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพความประทับใจนี้ไว้อย่างแน่นอนค่า ^^

เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08:00 น. – 17:00 น. ค่าเข้าชม 600 เยนต่อคนค่ะ

 

สวนอาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) ที่จังหวัดโทจิกิ (Tochigi) เป็นสวนดอกไม้ชื่อดัง ที่ได้รวบรวมดอกไม้ไว้หลากหลายชนิด และแบ่งเป็นโซนต่างๆ เช่น โดมดอกไม้ น้ำตกจำลอง โซนร้านอาหาร และโซนขายของที่ระลึก แนะนำให้ลองชิมไอศครีมโคนที่ผลิตมาจากดอกไม้ รสชาติหอมหวาน ละมุนลิ้นมาก~

และไฮไลท์เด็ดของสวนแห่งนี้ก็คืออุโมงค์ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่าดอกฟูจิ ซึ่งเป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบและให้ความสำคัญมากไม่แพ้ดอกซากุระเลยค่า ซึ่งดอกวิสทีเรียนี้จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลา ตั้งแต่สีชมพูอ่อน สีม่วง สีขาวและสีเหลือง ห้อยระย้าลงมากลายเป็นอุโมงค์ดอกไม้แสนสวย รวมๆ กว่า 350 ต้น เป็นระยะทางยาว 80 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,000 ตารางเมตร ยิ่งถ้าต้นไหนอายุมากก็จะแผ่กิ่งก้านออกไปได้ไกลหลายสิบเมตรเลยทีเดียวค่ะ โดยต้นที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่มีอายุถึง 150 ปี!! อู้หูวววว ความอลังการนี้ท่านได้แต่ใดมา สวยงามตระการตาสุดๆ! แถมในช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟไลท์อัพ เพิ่มความโรแมนติกมากขึ้นไปอีกก เหมือนได้เข้าไปในดินแดนในฝันเลยค่า

โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. ช่วงกลางคืนชมสวนประดับไฟ เวลา 17.30 - 21.00 ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 900 - 1,700 เยน, เด็ก 500 - 800 เยนค่ะ

 

สวน Hitachi Seaside Park สวนดอกไม้ริมทะเลขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบะระกิ (Ibaraki) เป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่งไกลลูกสุดหูลูกตา สามารถมาชมได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ ซึ่งแต่ละเดือนก็จะมีดอกไม้ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งดอกทิวลิป, ป๊อปปี้, คาโนลา, โคจิอะ, คอสมอส, ลาเวนเดอร์, โรสแมรี่, ต้นโคเคีย และอื่นๆ อีกมากมาย

ที่โดดเด่นที่สุดก็คือดอกเนโมฟีล่าจำนวน 4.5 ล้านต้น! ที่ปกคลุมอยู่ทั่วเนินเขาเหมือนถูกปูด้วยพรมสีฟ้าอ่อน มีชื่อภาษาอังกฤษอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า Baby Blue Eyes เพราะว่าดอกเนโมฟีล่านี้มีลักษณะเหมือนกับดวงตาสีฟ้าของเด็กทารกนั่นเองค่า

ในทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชื่นชมความงดงามกันอย่างคับคั่ง มีทางเดินเล็กๆ ให้ได้เดินชมกันอย่างใกล้ชิด หรือจะขึ้นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์เพื่อชมทัศนียภาพมุมสูงได้แบบเต็มๆ ตาทั่วทั้งสวน มีเส้นทางจักรยานระยะทาง 10 กิโลเมตร สามารถเช่าจักรยานปั่นชมวิวทะเลสวยๆ และความงามของทุ่งดอกไม้ได้แบบเพลิดเพลิน หรือจะใช้บริการรถนำเที่ยวแวะตามจุดที่ต้องการก็ได้ค่า

ดอกเนโมฟีล่านี้สามารถมาชมได้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน – ปลายเดือนพฤษภาคม เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9:30 น. – 17:00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 410 เยน, ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้น) 210 เยน, เด็กอายุตั้งแต่ 7-14 ปี 80 เยน และเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ เข้าชมฟรีค่า

 

เก็บสตรอเบอร์รี

ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ผลิตและบริโภคสตรอเบอร์รีมากที่สุดในโลกเลยนะคะ การเก็บสตรอเบอร์รีในสวนจึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ และมีชื่อเสียงมากของชาวญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังได้อร่อยกันทั้งครอบครัวอีกด้วยค่า สตรอเบอร์รีที่ญี่ปุ่นมีสีสันและรูปทรงที่โดดเด่นมาก ลูกใหญ่ อร่อย หวานนนฉ่ำ โดยจะนิยมเก็บกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่บางที่ก็เปิดให้ไปเก็บกันได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมเลยค่ะ

โดยเราจะได้ทานสตรอเบอรีได้อย่างเต็มอิ่มไม่อั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด ประมาณ 30 - 40 นาที สามารถเด็ดแล้วทานได้สดๆ ตรงนั้นเลยค่ะ วิธีดูว่าลูกไหนสุกเต็มที่ก็คือ ให้เลือกลูกที่มีสีแดงตั้งแต่ปลายจนถึงโคน ใบที่อยู่ตรงก้านด้านบนจะบิดงอนขึ้น และเมล็ดนูนออกมา แปลว่าสุกจัดสามารถทานได้แล้วค่า และแนะนำว่าให้เลือกเก็บทั้งสตรอเบอร์รีลูกเล็กและลูกใหญ่สลับกันไปนะคะ เนื่องจากสตรอเบอร์รีมีน้ำอยู่ถึง 90% ทานลูกใหญ่อย่างเดียวเดี๋ยวจะอิ่มกันซะก่อน จะได้เพลิดเพลินกันไปยาวๆ ไปเลยค่า

ฟาร์มสตรอเบอรีที่แนะนำคือ Dragon Farm จังหวัดชิบะ ใครที่อยากชิมสตรอเบอร์รีแบบสดๆ รสชาติใหม่ๆ ต้องที่นี่เลยค่า เพราะมีมากกว่า 20 ชนิด แถมยังมีนมข้นและช็อกโกแลตไว้ให้ทานคู่กับสตรอเบอร์รีอีกด้วย หรือถ้าอยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็มีสตรอเบอร์รีบรรจุแพ็คและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากสตรอเบอร์รีขายด้วยค่า โดยราคาบุฟเฟต์อยู่ที่ 2,000 เยน เด็ก 1,700 เยนค่ะ

 

มาลิ้มลองรสชาติของสตรอเบอร์รีหายากกันต่อที่ ฟาร์ม Kondo ichigo-en  ซึ่งมีสายพันธุ์ดังๆ และหายากของญี่ปุ่นอยู่มากมาย เช่น Awayuki เป็นสตรอเบอร์รีสีขาว ซึ่งมีรสชาติหวาน หอม~  และสตรอเบอร์รีของที่นี่นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังเพาะปลูกแบบธรรมชาติ ปลอดสารเคมี ทำให้เราสามารถเก็บกินสดๆ ได้โดยไม่ต้องเอาไปล้างน้ำก่อนเลยล่ะค่า

แถมยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสตรอเบอร์รีให้กลับไปฟินต่อกันที่บ้าน ทั้งแยมสตรอเบอร์รีและไดฟุกุสอดไส้สตรอเบอร์รี โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา ผู้ใหญ่จะเริ่มต้นที่ 1,100 เยน - 2,000 เยน เด็กเริ่มต้นที่ 900 เยน – 1,700 เยน มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!

เครดิตรูปภาพจาก http://www.kondo-ichigo.com/