เรสซิเดนส์ ออฟ เวิร์ซบวร์ก คือพระราชวังสไตล์บาโร้กที่มีชื่อเสียงแห่งนึงในยุโรปค่ะ ถ้าเข้าไปเยี่ยมชมด้านในตัวอาคาร ต้องซื้อตั๋วเข้าชม แต่ก็มีบางห้องบางส่วนที่เปิดให้เข้าชมฟรี ภายในปราสาทเขาประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบบาโรกและโรโคโค อันหรูเลิศอลังการ อีกทั้งยังมีภาพเขียนสีเฟรสโก้ประดับบนฝาผนัง และเพดานห้องโถงอันงดงามวิจิตร โดยเฉพาะบันไดห้องโถงของปราสาทอันโด่งดัง ที่ปลอดภัยจากการระเบิดของฝ่ายพันธมิตร Residence Palace สวยงามมีคุณค่าเข้าตา จนยูเนสโก จดทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 ส่วนด้านนอกมีสวนโฮฟการ์เทิน มีรูปปั้นและแปลงดอกไม้สวยๆ ให้ชม







ประตูทางเข้ามีหลายทางมาก ซึ่งเป็นส่วนอื่นๆ ส่วนประตูทางเข้าหลัก อยู่ตรงกลางหลังรูปปั้นเลยค่ะ หญิงปุ๊กแอบเดินหลงเข้าผิดตึกด้วย 555 เกาหัวแกรกๆ พอเข้าไปก็ซื้อตั๋ว แล้วฝากกระเป๋าใส่ไว้ในตู้ล็อกเกอร์ด้วยค่ะ



สิ่งที่น่าชมในวังแห่งนี้ คือแนวขั้นบันไดที่พาขึ้นสู่ชั้นสอง เพดานเป็นภาพปูนเปียก แบบศิลปะเฟรสโก คือลงสีในขณะที่ปูนยังไม่แห้ง ทำให้ภาพวาดมีสีสันสดใส และอยู่ได้นาน ซึ่งเป็นผลงานของ Giovanni Battista Tiepolo และภายในห้องโถงก็ประดับประดาไปด้วยรูปปั้นงดงาม ใช้เวลาในการตกแต่งประมาณ 40 ปี

อย่างไรก็ตาม การเข้าชมวังนี้ เค้าไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพภายใน จึงขออนุญาตินำภาพจากอินเตอร์เน็ตมาให้ชมกัน แล้วก็วังนี้ค่อนข้างจะโล่งๆ ไม่มีอะไรมาก ใช้เวลาในการเข้าชมไม่นานค่ะ



ห้อง Mirror Cabinet





เมื่อออกมาข้างนอก เราได้แวะทานอาหารที่ Cafe Restaurant ที่นี่ค่ะ



อยู่ทางขวามือของวัง



กำแพงน่ารัก



ที่สั่งมา เป็นซุปมันฝรั่ง ไส้กรอก หมูทอด ไก่อบค่ะ รสชาติจะเป็นสไตล์เยอรมันเลย มันมีเส้นๆ หนึบๆ กับซอสที่ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่รสชาติจะคล้ายๆ กันหลายๆ ร้านเลย









หลังจากนั้นเราก็เข้าไปในเมือง มายังจตุรัสตลาด Marktplaz มีโบสถ์มารีนคาเพลเลอ (Marienkapelle) และมีตึกสีเหลือง บ้านฟัลคอน (Falkenhaus) ซึ่งมุขด้านหน้าประดับด้วยงานปูนปั้นบารอค ด้านบนมีรูปปั้นนกฟัลคอนกำลังกางปีกบิน ภายในเป็นศุนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว และศูนย์ประวัติศาสตร์ของเมืองค่ะ โชคไม่ค่อยดี ที่ฝนตก เราก็เลยไม่ได้เดินเล่นแถวนี้ค่ะ มีร้านค้ามากมายเลย แล้วก็ถ้ามาช่วงเดือนมิถุนายน ตรงมีจะมีการจัดเทศกาลไวน์ ของขึ้นชื่อประจำเมืองนี้จ้า