โรงแรม Velaa Private Island เป็นโรงแรมประเภท super luxury หรือเรียกว่า beyond luxury ที่เพิ่งเปิดใหม่ แบบว่าเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ แถมเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ เพียงคนเดียวเท่านั้น โอ้ววววว รวยมั่กๆ มีแฟนยังค้าา 55555

เรื่องราวของเกาะนี้นะคะ เจ้าของคุณ Jiri Smejc ชาวเช็ก เป็นคนที่หลงรักมัลดีฟส์มากๆ
ปีๆ นึงมาพักผ่อนที่มัลดีฟส์หลายเดือนหลายอาทิตย์อยู่ ทั้งช่วงวันหยุด หรือมีธุระอะไรแถวเอเชีย ก็จะแวะตลอด
ทีนี้การมีเกาะส่วนตัวก็ถือว่าเป็น passion ของคุณ Jiri เพราะไปพักที่โรงแรมอื่น แล้วยังไม่ค่อยโดนใจ ไม่ตอบโจทย์เค้า
รู้สึกว่าขาดๆ อะไรไปบางอย่าง คุณ Jiri เลยตัดสินใจสร้าง Velaa Private Island ขึ้นมาซะเลย

ตามคอนเซปของเกาะส่วนตัวที่หรูหรา ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีความบันเทิงในระดับเฟิร์สคลาส
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว คุณ Jiri คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่ได้ใช้เวลาอยู่บนเกาะส่วนตัวนี้มากที่สุด
เลยต้องการเอ็นจอยสถานที่แห่งนี้ไปนานๆ สร้างโลกของตัวเองขึ้นมาเลย

งบการลงทุนประมาณ $220 ล้าน หรือคิดเป็นเงิน 7,700 ล้านบาท กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!! โอ้มายก๊อดดดด

ชื่อ Velaa นี้ แปลว่า เกาะเต่าในภาษามัลดีฟส์ ซึ่งถ้าเรามองจากมุมสูงแล้ว ลักษณะเกาะก็จะเป็นรูปเต่าด้วย
เกาะเป็นวงรี และมีแนววิลล่าเป็นหัวเต่า นอกจากนี้การตกแต่ง ธีมทุกอย่างก็ใช้สัญลักษณ์ของเต่าหมดเลยค่า
ไม่ว่าจะเป็นสีหรือรูปร่าง แพทเทิร์นต่างๆ แล้วก็เน้นความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายไว้อย่างลงตัว

รอบนี้หญิงปุ๊กพกโดรนติดตัวไปด้วย โฮะๆๆ ของเล่นใหม่ เพิ่งซื้อมา เอาไปบินครั้งแรก กลัวตกทะเลที่ซู้ดดดดด แต่เรากล้ามากกว่ากลัว โฮะๆๆ จัดไป บินเหนือน้ำทะเล ถ้าตก ก็จะว่ายน้ำไปงมขึ้นมาใหม่ ฮ่าๆๆ

บินครั้งแรกนี่ โชคดีมากกกกกก เจอบัทเลอร์ที่ชอบโดรน ป้าดดดด เค้ามีรุ่นอื่นนะคะ แต่ก็พอบินเป็น
ทำให้งานนี้เครียดน้อยลงหน่อย เพราะช่วยกันบังคับ ช่วยกันบินสองคน ยังไงก็ตามเหงื่อแตกพลั่กๆ มือสั่น ขาสั่นไปหมด เพราะว่าลมมันแรงมากๆๆๆ เลย โดรนแอบแถๆ ช่วงจังหวะขึ้นและลงนิดนึง เสียวแปร้บ เชิญทุกท่านไปชมภาพความงาม และฝีมืออันเก่งกาจของหนูกัน กร๊ากกกก ชมตัวเอง

 

แล้วก็เราไปดูในส่วนของห้องพักกัน Velaa Private Island มีห้องพักทั้งหมด 45 ห้อง

ซึ่งตกแต่งได้เนี้ยบ ดูดี มีชาติตระกูลมาก 555 ความดูดีเหล่านี้ ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงลิ่วววววว

ข้อมูลของห้องพักมาจากเว็บไซด์โรงแรมค่ะ http://www.velaaprivateisland.com/our-villas/
ห้องพักมีแบบ

Beach Pool Villa





 

Deluxe Beach Pool Villa





 

Beach Pool House





 

Velaa Private Residence







 

Sunrise Water Pool Villa





 

Sunset Water Pool Villa





 

Ocean Pool House





 

Romantic Pool Residence





วิลล่าที่หญิงปุ๊กไปพัก คือ Sunset Deluxe Water Pool Villa ขนาด 256 ตารางเมตร

เมื่อเปิดประตูเข้าไป เราจะเจอกับภาพนี้..
ป้าดดดดด ย้อนแสง ณ ห้องนั่งเล่น
โซฟาตอนนี้แปลงร่างเป็นเตียงเสริมพิเศษ สำหรับแขกวีไอพีเช่นหนู
ขาวเด่นอยู่กลางห้องเลย นี่ไปกันสามคน เค้าก็เลยปูเตียงรอรับหนูไว้เลยฮะ ปรบมือ





เมื่อมองมาจากอีกมุมนึง เราก็จะเห็นด้านซ้ายมือเป็นทีวีจอใหญ่ สามารถดึงออกมาแล้วหมุนเอียงซ้ายขวาได้
ส่วนด้านขวามือคือมุมโต๊ะทำงาน และมุมตรงกลางที่เห็นไกลๆอยู่นู่น คือตู้มินิบาร์
และอ่างล้างมือแบบงานครัว มีมีดมีเขียงพร้อม







ส่วนโต๊ะกลมกระจกใส มองเห็นน้ำทะเลด้านล่างเก๋ๆค่ะ



มองจากพื้นกระจกลงไปในตอนกลางคืน เราจะเห็นปลาจำนวนมากมาว่ายกันเต็มเลย
ทีแรกงงว่า เค้าเอาอาหารมาล่อหรือไง มาชุมนุมอะไรกันเยอะแยะ แต่พอตอนเช้าถามบัทเลอร์
เค้าบอกว่า มันเป็นปลาที่ชอบแสงไฟค่า เห็นแสงไฟปุ๊บมาปั๊บ คนออกแบบที่พักก็เก่ง วางคอนเซปไว้ดีมาก
ทำให้พื้นกระจกไม่เพียงแค่เห็นน้ำใสๆ แต่คือปลาเพียบนะฮ้าบบบบบ



บนโต๊ะมีการ์ดต้อนรับ เขียนด้วยลายมือ มีผลไม้ และแชมเปญให้หนึ่งขวด ดริ๊งๆ กิ๊งๆ



ถัดไป จะเป็นห้องนอนอันแสนอบอุ่น และฟินนาเล่
นอนบนเตียง กลิ้งไปกลิ้งมา ยังไงก็เห็นน้ำทะเลเขียวใส อยู่ที่ปลายเท้า มันช่างรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ











ด้านหลังหัวเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าสองฝั่ง และตรงกลางเป็นที่วางกระเป๋า และกระจกบานเกือบเต็มตัว





ด้านนอกก็มีโต๊ะกินข้าว แบบมีหลังคาคลุม เราก็สามารถไปพักผ่อนนั่งอ่านหนังสือ
จิบชาจิบไวน์ นั่งชมวิวด้านนอกได้ โดยที่ไม่โดนแดด หรือฝนเลย



เราไปดูส่วนของห้องน้ำกันบ้างค่ะ



มีอ่างล้างหน้าสองตำแหน่ง สำหรับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง
ด้านหลังบานกระจกจะวางอุปกรณ์ในห้องน้ำต่างๆซ่อนไว้





ที่นี่ใช้ของยี่ห้อ Clarins ใช้แล้วกลิ่นหอมอบอวลตลบห้องเลยค่า



นอกจากนี้ในห้องน้ำก็มีอ่างจากุซซี่ อ่างใหญ่แบบสะใจ รูพรุนๆ
ให้นอนแช่อาบไป นอนชมวิวทะเลไปด้วยจ้ะ
และข้างๆ ก็มีเก้าอี้โยก หมุนติ้วๆๆได้ เหมือนนั่งอยู่ในรังนก แกว่งเล่นเพลินดี
โคมไฟด้านบน เป็นกระบอกไม้ไผ่ เห็นแล้วนึกถึงข้าวหลามหนองมนบ้านเรา
เห็นอะไรก็นึกถึงของกินตลอด ตามประสาคนผอม เอิ๊กกกก







หากเรานั่งแล้วชำเลืองไปทางซ้ายก็จะพบกับเต่าบิน เพื่อนเต่ามองตา ส่งสายตา ปิ๊งๆๆ



ถัดไปเป็นห้องน้ำมีฝักบัวแบบ Rain Shower และเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน เผื่อเมื่อย







และภาพบรรยากาศยามค่ำคืนสักเล็กน้อย





ระเบียงนอกห้องที่นี่ ออกแบบไว้ให้ใช้งานได้อย่างเต็มที่จริงๆ กว้างขวางมากๆค่า
ตอนเช้าๆ เราก็มานั่ง มานอนตากลมกันเพลินๆ เห้อออ สวรรค์จริงๆ
สระว่ายน้ำกว้าง ยาว และสวย สีเข้ากันกับน้ำทะเลเลยกรี๊ดดดด















มีบันไดให้เดินลงไปดำน้ำหน้าบ้านเลยจ้า แต่เวลาจะลง ต้องดูคลื่นลมด้วยน้า
ถ้าลมแรง อย่าลง เพราะจะว่ายโต้คลื่นไม่ไหวจ้ะ


ร้านแรกที่ขอแนะนำในทริปมัลดิฟส์คือ

ร้าน Aragu Restaurant and Cru Lounge

ร้านอาหารซิคเนเจอร์ของที่นี่ เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสหรูที่ตั้งอยู่กลางทะเล โรแมนติกมากกๆ
เชิญชมคลิปได้เลยค่า



ภาพจากเว็บไซด์โรงแรมค่ะ





หญิงปุ๊กชอบฝูงปลามีปีกนับร้อยที่บินอยู่บนเพดาน คนออกแบบอาร์ทสุดๆ
ชอบบรรยากาศที่สวีทมากกก ชอบโต๊ะที่ยื่นออกไปกลางทะเล น่าขอแต่งงาน อิอิอิ

















ร้านนี้มีที่ปรึกษาเป็นเชฟมิชลินสตาร์สองดาว ของร้าน Yam'Tcha ที่ปารีส ฝรั่งเศส
ชื่อ chef Adeline Grattard หลังจากได้ชิมรสชาติอาหาร หญิงปุ๊กไม่ได้รู้สึกว่าฟินมาก
อร่อยแบบปกติจ้ะ แต่เห็นว่าเค้าพยายามที่จะทำให้ได้ดาวมิชลินอยู่น้า















ยังไงก็ตามบรรยากาศดี โรแมนติกมากๆ ไลค์รัวๆเลยค่า
แล้วก็อีกส่วนนึงก็จะเป็นเลานจ์นั่งดื่ม
หาววว..พอหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน
ขอกลับห้องพักไปคร่อกฟี้ๆ นอนหลับฝันหวาน เตรียมรับวันใหม่กับวันพรุ่งนี้ฮ่า



 

ร้านอาหารที่หญิงปุ๊กขอแนะนำในทริปมัลดิฟส์ถัดมา คือ

ร้าน Athiri Restaurant
ร้านนี้เป็นร้านอาหารตั้งอยู่ริมชายหาด ทานได้ทั้งวัน ทั้งอาหารเช้า กลางวัน เย็น เป็นอาหารร่วมสมัย
บรรยากาศร้านดีทีเดียว นั่งชมวิวทะเลและชายหาด พื้นก็เป็นพื้นทราย หรือในน้ำ
เผื่อใครอยากให้เท้าสัมผัสกับธรรมชาติเต็มๆ ตอนนี้เป็นมื้อดินเนอร์จ้า แสงจะสลัวๆหน่อย











อาหารที่นี่รสชาติอร่อยมากค่า ถูกใจ สามผ่านนนนน วัตถุดิบดี ซอสอร่อยมากเลยคุณชาคริตคาบบ







ส่วนมื้อเช้า ก็เป็นบุฟเฟต์นานาชาติจ้า





 















ไลน์อาหาร ละลานตาไปโม้ดดดด































 





สระว่ายน้ำริมชายหาด ด้านหน้าร้านอาหาร งามมากกกกก