ใครว่าเมืองในโลกนิทานไม่มีอยู่จริง คิดผิดแล้วจ้า วันนี้หญิงปุ๊กได้รวบรวม 10 สุดยอดเมืองน่ารักน่าเที่ยวกับคนรู้ใจในยุโรปมาให้ทุกคนได้ฟินกันแล้วว ขอบอกว่าสวยและปังทุกที่ ทั้งตัวอาคารบ้านเรือน บรรยากาศรอบๆ วิวทิวทัศน์ จนรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันเลยยย >,<  
 

เที่ยวโรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber), เยอรมัน

 
โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ ความรู้สึกตอนที่เห็นครั้งแรกก็คือ นี่มันหมู่บ้านในเทพนิยายชัดๆ! *0* ที่นี่เป็นเมืองโบราณจากยุคกลางแห่งแคว้นบาวาเรีย ที่สามารถรอดพ้นจากสงครามโลกมาได้และยังคงความสมบูรณ์แบบมาถึงยุคปัจจุบันค่ะ ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองโบราณที่เชื่อมต่อถึงกันหมดทุกด้าน มีทางให้เราลัดเลาะไปตามทางเดินไม้บนกำแพงเมืองรอบๆ ด้วยนะคะ ภายในเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคและเรอเนสซองส์ แต่ละหลังสีสันน่ารักมากกก ก่อสร้างด้วยอิฐหลากสี และมุงด้วยหลังคายอดแหลมสีส้มอีกที นอกจากจะเป็นโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารเพียบเลยค่า ซึ่งน่ารักตั้งแต่ป้ายหน้าร้านกันเลยทีเดียว โดยจะทำเป็นสัญลักษณ์ว่าร้านตัวเองขายอะไร แบบที่คนสมัยกลางใช้กัน ลองสังเกตดูนะคะว่าแต่ละร้านจะไม่ซ้ำกันเลย ตามสถานที่สำคัญต่างๆ ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมความงามได้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองประวัติศาสตร์อันแสนโรแมนติกและสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน เป็นเมืองเล็กๆ ที่เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว ไม่ต้องกลัวหลงเลยจ้า ไฮไลท์ที่สำคัญคือ เพลินไลน์ (Plonlein) เป็นมุมที่สวยที่สุดของเมือง ซึ่งว่ากันว่าที่นี่แหละ คือจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปมากที่สุดจุดหนึ่งในเยอรมัน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ใครก็อยากจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง เป็นจุดพิฆาตใจมาก เช็คอินรัวๆๆๆ เลยค่า อีกจุดที่พลาดไม่ได้ก็คือจัตุรัสมาร์ก (Markplatz) ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองนั่นเองค่ะ เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองจำนวน 2 หลังติดกัน ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะชอบขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองบนหอคอยสีงาช้างของอาคารศาลาว่าการมากกว่าค่ะ โดยเสียค่าใช้จ่ายในราคาคนละ 2 ยูโร และข้างๆ ถัดจากตัวอาคารศาลาว่าการไปทางขวาจะมีหอนาฬิกาตั้งอยู่ ซึ่งในช่วงเวลา 11.00-15.00 น. และ 20.00-22.00 น. ของทุกวัน จะมีตุ๊กตารูปคนดื่มไวน์โผล่ออกมากระดกแก้วให้ชมกันด้วยค่า  
 

เที่ยวอินส์บรูค (Innsbruck), ออสเตรีย

 
เมื่อได้มาเยือนที่อินส์บรูคถึงกับต้องหันไปถามคนข้างๆ เลยค่ะว่า นี่สวรรค์รึเปล่าเนี่ย! ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ มีแม่น้ำอินส์ไหลผ่าน โดยคำว่า bruck เป็นรากศัพท์มาจากภาษาเยอรมันคือ bridge ซึ่งแปลว่าสะพานแห่งแม่น้ำอินส์นั่นเองค่า เคยเป็นเมืองตากอากาศของเหล่าจักรพรรดิที่มาปกครองเมือง เพราะอากาศดี ทิวทัศน์สวยงามมากกก จนได้รับการขนานนามว่า Capital of Alps ง่อววววว สมญานามไม่ธรรมดานะจ๊า ตัวเมืองมีประวัติศาสตร์ยาวนาน บ้านเมืองสีสันน่ารักๆ เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ใครมาเห็นก็อดต้องแชะรูปเป็นที่ระลึกไม่ได้ ตลอดทางเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านค้ามากมาย ได้นั่งเล่นชิลๆ จิบกาแฟรสเลิศที่คาเฟ่ริมทาง ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ในอ้อมกอดของภูเขา ช่างสุขใจอะไรเยี่ยงนี้ >3< โดยที่ด้านบนของภูเขาจะถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักสกีเลยก็ว่าได้ค่า มีสกีรีสอร์ทแจ่มๆ เพียบ และยังมีชื่อเสียงในด้านเป็นศูนย์กลางของกีฬาฤดูหนาว แถมได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวอย่าง โอลิมปิก (Winter Youth Olympic) ซึ่งเป็นเมืองแรกของโลกที่ได้จัดกีฬาโอลิมปิกถึง 3 ครั้งเลยทีเดียวค่ะ  
 

เที่ยวเฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera), ฝรั่งเศส

 
เฟรนช์ ริเวียร่า เมืองตากอากาศสุดไฮโซ อยู่ที่เขตชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสเชื่อมต่อถึงโมนาโก เริ่มจากเมือง Saint-Tropex ไปถึง Menton ใกล้ชายแดนอิตาลี และยังครองแชมป์เมืองที่มีมูลค่าที่อยู่อาศัยแพงที่สุดในโลก! เป็นปีที่ 11 ติดต่อกันอีกด้วยค่า โดยเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเฟรนช์ ริเวียร่าคือ เมืองนีซ (Nice) ถือเป็นเมืองชั้นนำระดับโลกของรีสอร์ทริมชายฝั่ง จนได้ชื่อว่าเป็น ราชินีแห่งริเวียร่า! ลักษณะเด่นก็คือ น้ำทะเลสีสวยใส ไล่จากสีฟ้าอ่อนไปจนถึงน้ำเงินเข้ม มีแดดจ้าเกือบตลอดทั้งปี มีชายหาดทอดยาวหลายกิโลเมตรขนานไปกับถนนเลียบชายหาดที่ชื่อว่า โพรเมนาดเดอ๊องแกล (Promenade des Anglais) ซึ่งเต็มไปด้วยโรงแรมและร้านอาหาร เราจะลั้ลลาไปเดินเล่นริมชายหาด นอนอาบแดดบ่มผิวสีแทน หรือไปส่องซิกแพคของชาวยุโรปก็ได้ คิคิ และสำหรับคนชอบกิจกรรมตื่นเต้นท้าทาย ก็มีให้เล่นให้เช่าอยู่หลายอย่างเลยจ้า ที่นี่จึงเหมาะกับการไปพักผ่อนในวันหยุดที่สุดแสนวิเศษจริงๆ อ้อ เลยไปไม่ไกลยังมีหมู่บ้านเอซ (Eze) หมู่บ้านเล็กๆ ที่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศสอยู่ด้วยนะคะ อย่าลืมแวะไปเที่ยวชม ถ่ายรูปสวยๆ กันน้า  
 

เที่ยวบรูจส์ (Bruges), เบลเยี่ยม

 
เมืองบรูจส์ เป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ฟลานเดอร์ มีความสำคัญทางประวัติศาตร์และศิลปะ นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคแบบดั้งเดิมอีกด้วยค่า เมืองบรูจส์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางด้านการค้าและวัฒนธรรมของยุโรป เราจะได้พบกับความสวยงามของลำคลองหลายสาย ซึ่งลำคลองพวกนี้ถูกใช้ในการคมนาคมขนส่งต่างๆ จนได้รับการขนานนามว่า “The Venice of the North” ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดก็คือ Belfry & Halle เป็นหอระฆังที่มีลักษณะโดดเด่น ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองบรูจส์เลยค่ะ เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองโดยรอบได้ ภายในตัวอาคารมีการจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมา และมีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมายอีกด้วย และอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่า เมืองบรูจส์เป็นเมืองที่มีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงามมาก แน่นอนว่าสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น Basilica of the Holy Blood เป็นโบสถ์สไตล์โรมันและโกธิค ซึ่งเล่ากันว่าเป็นที่เก็บรักษาเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและอัฐิของพระเยซูไว้ เมื่อเข้าไปภายในก็จะต้องตะลึงกับความงดงามของตัวโบสถ์ ตามผนังจะมีภาพวาดเรื่องราวต่างๆ ของพระเยซู ด้านในสุดมีอัฐิวางอยู่บนแท่นบูชาสีทองที่ประดับด้วยเพชรพลอย ด้วยความสวยและเก่าแก่ของโบสถ์แห่งนี้ ทำให้สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและนักแสวงบุญแวะมาอย่างไม่ขาดสายเลยล่ะค่ะ  
 

เที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam), เนเธอร์แลนด์

 
อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงอันดับโลก มีคลองมากกว่า 165 แห่ง ใช้ในการขนส่งและค้าขาย จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ด้วยค่า และที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์งานศิลปะของจิตรกรชื่อดังอันดับโลกอย่าง แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh) ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะสามารถไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ภาพวาดได้ที่ Van Gogh Museum นอกจากนี้ยังมีจิตรกรชื่อดังอีกมากมาย เช่น Rembrandt, Vermeer, Frans Hals, Hieronymus Bosch, Piet Mondrian และ MC Escher เป็นต้นค่ะ กิจกรรมยอดฮิตเมื่อมาเที่ยวที่อัมสเตอร์ดัมก็คือ การปั่นจักรยานชมเมือง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีทางจักรยานที่ดีที่สุดในโลก! OMG.. นี่มันสวรรค์ของนักปั่นชัดๆ >,< หรือจะล่องเรือชิวๆ ชมบรรยากาศและสถาปัตยกรรมอันสวยงามตลอดสองฝั่งคลองก็เพลินเว่อร์ค่า มีไกด์คอยแนะนำสถานที่สำคัญๆ ให้เราฟังอีกด้วย นอกจากนี้ ที่นี่เค้ายังมีทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่ด้วยนะคะ เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของชาวเนเธอร์แลนด์ ชื่อว่า หมู่บ้านกังหันลมโบราณ (Zannse Schans) มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ยาวนานมากกก ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้ถูกจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของที่ระลีก และศูนย์ฝึกอบรม แต่บางหลังก็ยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยส่วนตัวอยู่ สามารถไปเก็บรูปกังหันสวยๆ กันได้ไม่อั้นเลยค่า  
 

เที่ยวย่านเมืองเก่า Gamla Stan, สวีเดน

 
Gamla Stan ในภาษาสวีเดนแปลว่าเมืองเก่าค่ะ ซึ่งที่นี่มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งเมืองสตอกโฮล์มนู่นนน.. เป็นส่วนที่เก่าแก่และล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในเมืองเลยก็ว่าได้ และยังเป็นสถานที่ตั้งของพระราชวังหลวง บริเวณรอบๆ มีตรอกซอกซอยต่างๆ เต็มไปด้วยร้านค้าที่มีให้เลือกชมมากมาย เรียงรายไปด้วยร้านกาแฟและร้านหนังสือให้เราได้เดินกันอย่างไม่รู้เบื่อเลยค่า ได้เที่ยวชมสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงบ้านเรือนอันสวยงามในรูปแบบสถาปัตยกรรมย้อนยุคแบบสวีเดน ที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาสภาพอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ได้อย่างดีเยี่ยม และยังสามารถผสมผสานกับความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวสุดๆ เลยค่ะ ที่ชอบคือตึกสีสันสดใส สัญลักษณ์เมืองเก่าที่เห็นในโปสการ์ดบ่อยๆ เป็นจัตุรัสบรรยากาศน่ารักๆ อบอุ่น โดยเฉพาะในช่วงคริสมาสต์ มีร้านประดับตกแต่งอย่างสวยงาม งานนี้ได้ถ่ายรูปกันจนจุใจ ถือเป็นสถานที่โปรดของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียวค่า  
 

เขตชุมชนชาวประมง (Fishermen’s Quarter), เยอรมัน

 
เขตชุมชนชาวประมง เป็นศูนย์กลางของเมืองอูล์ม เมืองท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของเยอรมันที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และยังเป็นบ้านเกิดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ด้วยนะคะ ซึ่งเขตชุมชนชาวประมงแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงกลิ่นอายของความเก่าแก่ในอดีตไว้ ถูกสร้างขึ้นรอบฝั่งแม่น้ำดานูบมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ทั้งตัวบ้านเรือน โรงแรม หรือร้านค้าจะเป็นแบบยุคกลางค่ะ ซึ่งถือว่ามีความเก่าแก่และงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองอูล์ม สามารถเดินเล่นตามตรอกซอกซอยต่างๆ ได้ เพลินหูเพลินตามากๆ เดินไปทางไหนก็สวยไปหมด เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ทะลุกำแพงรอบเมืองออกไปตรงแม่น้ำ จะมีสวนที่ผู้คนจะมานอนเล่น ปิกนิกกันด้วยค่ะ และหญิงปุ๊กต้องขอนำเสนอร้านอาหารร้านนี้เลยค่า ชื่อร้าน Forellen มีพี่คนไทยอยู่ด้วยคนนึง บรรยากาศดีงาม อาหารอร่อย ใครมาเมืองนี้ต้องมาโดนให้ได้  
 

เที่ยวเมืองดิงเกลส์บูล (Dinkelsbühl), เยอรมัน

 
ดิงเกลส์บูล เป็นเมืองท่องเที่ยวน่ารักอันเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่รัฐบาวาเรียทางตอนใต้ของเยอรมันค่ะ ถือเป็นจุดเริ่มต้นบนถนนสายโรแมนติก (Romantic Road) ที่จะเริ่มตั้งแต่เมือง Würzburg ไปจนถึง Füssen มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและสวยงามเรียงรายตลอดทาง ซึ่งถนนเส้นนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละหลักล้านคนเลยทีเดียวว เมืองดิงเกลส์บูลแห่งนี้ เป็นเมืองป้อมปราการยุคกลางอีกเมืองหนึ่งที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากสงคราม และยังคงสภาพที่สมบูรณ์สวยงามเหมือนในอดีตเช่นเดียวกับเมืองโรเธนเบิร์กค่ะ เป็นเมืองไม่กี่แห่งในเยอรมันที่ยังมีกำแพงเมือง และหอคอยจากยุคกลางหลงเหลืออยู่ รายล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่ ซึ่งแต่ละหลังมีความโดดเด่นสีสันสดใส นอกจากจะมีสีส้มอิฐแล้ว ยังมีสีเหลือง สีครีม และสีแดง น่ารักมากๆๆๆ >,< เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น และทำให้นึกถึงบรรยากาศในอดีตขึ้นมาเลย จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบ้านศิลปะเรเนสซองส์ตอนปลายที่งดงามที่สุดในยุโรป และเป็นเมืองยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมันด้วยค่า บริเวณรอบๆ ยังมีทั้งตลาด โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารซึ่งถูกตกแต่งหน้าร้านอย่างสวยงาม ส่วนมากจะเป็นพวกงานฝีมือ งานไม้แกะสลัก เซรามิก ตุ๊กตาขนาดต่างๆ ภาพวาด โปสการ์ด แผนที่ เรียกได้ว่าช็อปเพลินจนลืมเวลาไปเลยย สถานที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ ไวน์มาร์ค Weinmark หรือ Wine Market ตลาดค้าขายไวน์ขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมาก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ จากนั้นอย่าลืมแวะไปชมความงดงามของมหาวิหารเซนต์จอร์จ (Münster St.Georg) เป็นโบสถ์ประจำเมือง ที่ถูกสร้างขึ้นปีค.ศ. 1448 – 1499 ในรูปแบบสไตล์โกธิค ออกแบบโดย Nikolaus Esele ใหญ่โตอลังการสุดๆ นับเป็นโบสถ์ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาโบสถ์ทางใต้ของเยอรมัน และสามารถขึ้นไปบนหอคอยศิลปะโรมาเนสก์ (Romanesque) ของโบสถ์ เพื่อชมวิวสวยๆของเมืองดิงเกลส์บูลได้ด้วยค่า
 

 

 

เที่ยวอามัลฟี (Amalfi), อิตาลี

 
มาขับรถริมผาชมวิวปังๆ ที่ Amalfi Coast กันค่าา ชายฝั่งอามัลฟีเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก้ เพราะมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก! อากาศดีตลอดทั้งปี มีทั้งหน้าผาและชายทะเล ห้อมล้อมด้วยเทือกเขาสูงชัน ประกอบไปด้วยเมืองหลายเมืองรวมกัน ได้แก่ โปซีตาโน (Positano), วีเอตรีซุลมาเร (Vietri sul Mare), มาโยรี (Maiori), มีโนรี (Minori), เซตารา (Cetara), สกาลา (Scala), อามัลฟี (Amalfi), อาตรานี (Atrani), ราเวลโล (Ravello), กอนกาเกย์มารีนี (Conca dei Marini), ประยาโน (Praiano) และฟูโรเร (Furore) โดยจะมีจุดให้แวะพักเรื่อยๆ ตามเส้นทาง และยังมีโรงแรมสวยๆ บรรยากาศดีๆ เปิดรอให้บริการอยู่เพียบ อามัลฟี เป็นที่หลบหนีความวุ่นวายและเป็นแหล่งพักผ่อนของเหล่ามหาเศรษฐีและชาวชนชั้นสูงของอังกฤษมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 และยังเคยเป็นเมืองทางทะเลที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดด้วยค่า นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ซานลูกาและซานเจนนาโร, โบสถ์ซานตาโตรฟิเมนา, คฤหาสน์โรมันโบราณ, คฤหาสน์ซิมโบรเน หรือ โบสถ์ซานตามารีอาอัสซุนดา เป็นต้นค่ะ  
 

เที่ยวเกาะบูราโน่ (Burano), อิตาลี

 
บูราโน่ เกาะเมืองลูกกวาดแห่งอิตาลี เป็นเกาะเล็กๆ น่ารัก คิ้วท์ๆ >,< ตั้งอยู่ในเขตทะเลสาบเวนิสค่ะ มีคลองตัดผ่านใจกลางเมือง ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แสนสงบ แต่ครึกครื้นไปด้วยสีสันของบ้านเรือนตลอดสองฝั่งคลอง ทั้งตัวตึกและดอกไม้สีสันสดใส สร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยค่า เนื่องจากเป็นเกาะไซส์มินิจึงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถเดินเที่ยวได้ทั่วเกาะแล้ว แต่ละที่ถึงแม้จะมีคลองตัดผ่านแต่ก็มีสะพานเล็กๆ ให้เดินข้ามลัดเลาะไปทุกซอกทุกซอยได้ ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขนม ร้านอาหาร ไม่ขาดสาย (ชอบตรงนี้นี่แหละค่ะ คิคิ) แถมเพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมแบบเก่า บ้านเรือนมีลักษณะโดดเด่น สีสันจัดเต็มสุดๆ ขอแนะนำว่าให้ใส่ชุดสีสันให้เด่นกว่าสีบ้านนะคะ ถ่ายรูปจะได้ไม่ดรอป สู้กันไปข้างนึงเล้ยย! ว่ากันว่าบ้านไหนจะทาสีจะต้องไปขออนุญาตจากทางการก่อน ถ้าสีไม่แจ่มไม่เจิดก็ไม่อนุมัติจ้า และเราจะเห็นเรือจอดอยู่ตามหน้าบ้านของแต่ละหลัง เพราะผู้ชายมีอาชีพทำประมง อาหารทะเลที่นี่จึงสดมากกกก ส่วนผู้หญิงก็ปักผ้าลูกไม้สวยๆ อยู่ที่บ้าน จนเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านหัตกรรมทำลูกไม้ติดอันดับต้นๆ ของอิตาลีเลยล่ะค่า