เที่ยวจอร์แดน (Jordan) ประเทศเล็กๆ แถบตะวันออกกลางที่ไม่ธรรมดา ขึ้นชื่อด้านสถาปัยกรรม อารยธรรมโบราณ และธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเมืองเปรตามหานครลึกลับ ศิลปะแห่งโมเสก ทะเลทรายวาดิรัม เมืองเจราชยุคโรมัน ทะเลสาบเดดซี ภูเขาเนโบ และทะเลแดง ทริปนี้หญิงปุ๊กพาเที่ยว 10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในจอร์แดนแบบรัวๆ ลุยกันเล้ยยยยยย!!!
 

เที่ยวเมืองเปตรา (Petra)

 
เที่ยวเมืองเปตรา หรือนครศิลาสีกุหลาบ (The Rose City) ดินแดนลึกลับแห่งมหานครสีชมพู เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1985 ที่ยิ่งใหญ่อลังการตระการตาสุดๆ จนทุกคนที่ได้เห็นต้องร้องฮู้ววว หู้ว!!! อย่างแน่นนอนค่ะ ขอบอกเลยว่า...มันน่าทึ่งในความสามารถ ของชาวบานาเทียนมาก เค้าก่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกได้ยังไงกันนะ??? ทั้งๆ ที่ไม่มีเทคโนโลยีเจาะภูเขาหินสีชมพูสูง 40 เมตร กว้าง 28 เมตร สร้างเป็นมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (Al-Khazneh or The Treasury) หรือวิหารสีชมพูอมแดงกลางหุบเขาสูง ในทะเลทรายได้อย่างอ่อนช้อยและสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ฝีมือสุดยอดขั้นเทพมากเลยค่ะ

เราสามารถเดินลัดเลาะซอกหิน (Siq) หรือนั่งรถม้าผ่านเข้าไปในหุบเขาสูง  ซึ่งจุดชมวิวแห่งแรกแทน แท๊น แท่น...วิหารสีชมพูอมแดง หรือเรียกสั้นๆ ว่า..เทรชเชอรี่ รับรองว่าต้องว้าวววว แน่นอน หลังจากถ่ายรูปจนจุใจ ก็ฟิตร่างกายเดินขึ้นเขาไปดูวิวมุมสูงของเทรชเชอรี่ ที่เป็นจุดชมมหาชนจ้า!!!  หรือจะนั่งลาขึ้นไปก็มีบริการหวาดเสียวหน่อยแต่ก็ปลอดภัยค่า (*o*) แล้วไปต่อกันที่โรงละครโรมัน (Roman Theatre) ที่จุผู้ชมได้ประมาณ 8,500 คน สร้างจากการแกะสลักภูเขาหินขนาดใหญ่ หลังจากนั้นเดินข้ามภูเขา แล้วขึ้นบันไดประมาณ 800 ขั้น หรือจะนั่งลาก็มีค่าบริการประมาณ 15-25 JOD เพื่อไปชม Monetary หรือวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่กษัตริย์ใช้ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนา และเป็นหนึ่งในฉากสำคัญของหนังฮอลีวู้ดระดับตำนานอย่าง Indiana Jones ค่า

ยามค่ำคืนทุกวันจันทร์พุธ และพฤหัสบดี จะมี Petra by Night จุดเทียนด้านหน้าเทรชเชอรี่  แสดงแสงสี เสียง ร้องเพลงเต้นระบำพื้นเมืองให้ได้ชมกัน เริ่มตั้งแต่เวลา 20.30 จนถึง 22.30 น. ขอบอกว่าสนุกสนาน และประทับใจมากๆ ค่ะ อ้อ!!! ถ้ามีเวลาเที่ยวซักสองวันจะดีมาก จะได้เดินดูครบทุกมุมไม่เหนื่อยเกินไป เพราะแต่ละแห่งอยู่ห่างกันพอสมควรคะ หรือสะดวกมาวันเดียวก็ได้ สามารถเข้าดูค่าบริการได้ที่  https://www.visitpetra.jo

 

 

 

 

 

 

 
 

เที่ยวทะเลสาบเดดซี (Dead Sea)


ทะเลสาบเดดซี  เป็นทะเลน้ำเค็มที่สุดในโลก! พื้นที่ต่ำที่สุดในโลก!! แถมยังเป็นทะเลปิดอีกด้วยจ้า.. ก็เลยกลายเป็นทะเลสุดแปลก ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำลอยตุ๊บป่อง (*O*) อ่านหนังสือชิลล์ๆ บนน้ำทะเลโดยไม่ต้องกลัวว่าจะจมน้ำ เพราะความเข้มข้นของเกลือมากกว่าทะเลทั่วโลกถึง 6 เท่า อ่าาาส์ พูดแล้วก็น้ำลายไหล ขอชิมหน่อย5555  แล้วดินโคลนที่นี่ก็เหมาะสำหรับการพอกผิว ขัดผิว ทำสปาความสวยความงาม ดีต่อสุขภาพรักษาโรคทางผิวหนังได้อีกด้วยค่ะ
 


 

 




 
เที่ยวทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum)
ทะเลทรายวาดิรัม หรือหุบเขาแห่งพระจันทร์ (Valley of the Moon) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจอร์แดน และเป็นหนึ่งในทะเลทรายที่สวยที่สุดในโลก วิวทะเลทรายสีเหลืองทองสุดลุกหูลุกตา สลับกับหน้าผาสูงชันที่มีภาพแกะสลักจากฝีมือชาวนาบาเทียนแท้ๆ จนได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้ทะเลทรายวาดิรัมเป็นหนึ่งในมรดกโลกปี ค.ศ. 2011
ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเพียบ!! ไม่ว่าจะเป็นขบรถโฟร์วีลตะลุยไปบนเนินทราย เล่นเซิร์ฟมันส์ๆ หรือขี่อูฐถ่ายรูปชิคๆ กัน ยามเย็นก็นั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน กินไก่อบใต้ดินอร่อยๆ ละมุนนุ่มลิ้นหอมกลิ่นเครื่องเทศ ตามแบบฉบับอาหารชาวเบดูอิน พอกลางคืนก็นอนแคมป์กัน มีให้เลือกทั้งแบบกระโจม และยานอวกาศ ภายในตกแต่งหรูหรา ข้าวของเครื่องใช้ ห้องอาบน้ำอ่างจากุซซี่ก็มีในแคมป์ด้วย ยิ่งดึกๆ นอนดูดาวก็สุดแสนจะโรแมนติกฟินมาก และถ้ามีคนข้างกายไปด้วยกันคงจะมุ้งมิ้ง อุ๊งอิ้งกันทั้งคืนเลยละ อิอิ (>v<)
 


 

 

เที่ยวเมืองอควาบา (Aqaba)


เป็นเมืองชายฝั่งของอ่าวอควาบา (Gulf of Aqaba) ที่เป็นทางออกทะเลเพียงแห่งเดียวของจอร์แดน ทำให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษปลอดภาษี สำหรับการค้าขาย การลงทุน อุตสาหกรรม และสถานที่พักตากอากาศริมทะเลแดง (Red Sea) เต็มไปด้วยรีสอร์ท สปา ร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์เนมจำนวนมาก ให้เลือกช็อปปิ้งกันได้ในราคาเบาๆ ถูกใจขาช็อปแน่นอนจ๊ะ ขอบอกว่าอ่าวอควาบานี้ เปรียบเสมือนกับอ่าวนานาชาติเลยนะ เพราะอยู่ติดกับประเทศอียิปต์ อิสราเอล จอร์แดน และซาอุดีอาระเบีย โอ้โห้!!! คุ้มจริงๆ แวะเที่ยวอ่าวเดียวเหมือนได้เที่ยวทะเลสี่ประเทศพร้อมกันเลยละ

 

 

 



 

เที่ยวเมืองเจราชยุคโรมัน (The Roman city of Jerash)


เมืองเจราช หรือเมืองพันเสา หรือที่เรียกกันว่า ปอมเปอีตะวันออก หนึ่งในสิบหัวเมืองเอกแห่งอาณาจักรโรมันที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง มีอายุมากกว่า 200 ปีก่อนคริสตกาล ทางเข้าเป็นซุ้มประตูหินโค้งกษัตริย์เฮเดรียน (Arch of Hadrian) ความสูง 11 เมตร ด้านในเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุที่สร้างในปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา เทวสถานอาร์ทีมิสแห่งเจราช สนามแข่งม้าฮิปโปดรอม (Hippodrome) โรงละครที่บรรจุผู้ชมได้มากกว่า 3,000 คน และสถานที่พบปะของชุมนุมชาวเมือง หรือโอวัลพลาซ่า (Oval Plaza)  ที่ตั้งเสาคอรินเทียม (Corinthium) มากกว่า 160 ต้น เรียงรายโดดเด่นเป็นรูปวงรี จนกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของจอร์แดน​จ๊ะ

 

 

 

 

เที่ยวเมืองอัมมาน(Amman City)


อัมมานเป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่บนเนินเขา 7 ลูกติดต่อกันระหว่างที่ราบและทะเลทราย  ซึ่งเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์อายุมากกว่า 6,000 ปี ภายในเมืองมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากมาย โดยเฉพาะโรงละครโรมัน (Amman RomanTheatre) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง สร้างในช่วงปี ค.ศ. 138 – 161 สมัยของ Antonius Puis สามารถจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับแรกที่นั่งติดกับเวที เป็นของชั้นปกครองหรือบุคคลสำคัญค่ะ ถัดมาที่นั่งชั้นกลางของทหาร และสุดท้าย “The Gods” ที่นั่งชั้นบนของคนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีวิหารเฮอร์คิวลิสสมัยโรมัน พิพิธภัณฑ์โบราณคดี และพระราชวังเก่า ให้เราได้ซึมซับถึงความยิ่งใหญ่ในยุคโรมันอีกด้วยค่ะ

 

 

 



 

เที่ยวภูเขาเนโบ (Mount Nebo)

ไปตามรอยโมเสสกันที่....ภูเขาเนโบ (Mount Nebo) สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 817 เมตร ที่บนยอดเขาแห่งนี้ เชื่อกันว่าเป็นหลุมฝังศพของโมเสส จึงก่อสร้างโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ หินแกะสลักขนาดใหญ่หรือ Kuffer Abu Badd เพื่อเปิดปิดถ้ำยุคไบเซนไทน์ และจำลองไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์คู่กายของโมเสส ไว้จุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิวแบบพานอรามา มองได้ไกลสุดลุกหูลุกตาถึงดินแดนแห่งพันธะสัญญาในศาสนาคริสต์ นั่นก็คือประเทศอิสราเอลค่า!!!
 


 




 

เที่ยวเมืองแห่งโมเสก (Madaba City)

เมืองมาดาบา เป็นศูนย์กลางของศิลปะแห่งโมเสก (Mosiac) ระดับโลก ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอัมมาน ประมาณ 33 กิโลเมตร ใครมาเมืองนี้ต้องไม่พลาดชม โบสถ์เซนต์จอร์จ  (St. George’s Church) ที่ประตู หน้าต่าง เสา ผนังโบสถ์ ตกแต่งด้วยแก้ว หิน และกระเบื้องชิ้นเล็กต่อๆ กัน เป็นภาพสีสันฉูดฉาดสวยงามละลานตามากเลยค่ะ และที่โดดเด่นที่สุดคือภาพศิลปะโมเสกที่อยู่บริเวณพื้นโบสถ์ จำนวนมากกว่า 2.3 ล้านชิ้นเรียงต่อกันเป็นรูปแผนที่ แห่งแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (Map of the Holy Land) มีทั้งภูเขา แม่น้ำ หมู่บ้าน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กรุงเยรูซาเลม จอร์แดน ทะเลสาบเดดซี และอียิปต์ Oh my god!! สวยจนทุกคนต้องตะลึง (*O*) นี่คือศิลปะล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งในโลกเลยค่า
 






 


 
 
เที่ยวเขตอนุรักษ์ธรรมชาติดานา (Dana Nature Reserve)

เขตอนุรักษ์ธรรมชาติดานา ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนใต้ของจอร์แดน เป็นแหล่งอนุรักษ์ต้นไม้ และสัตว์ป่าเพียงแห่งเดียวในจอร์แดน ที่มีเจ้าแมวป่าคาราคัล (Caracal) แพะทะเลทราย (Nubian ibex) และเหยี่ยวเล็กพันธุ์ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Lesser kestrel)  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเดินป่า ปั่นจักรยาน ดูนก และกางเต้นท์แคมปิ้งนอนดูดาวนับล้านดวงจะฟินแค่ไหน ต้องมาลองจร้าา
 

 



 

 

เที่ยวทะเลแดง (Red Sea)

ทะเลแดง หรืออ่าวอาหรับ (Arabian Gulf) ตั้งในอ่าวอควาบา ซึ่งมีตำนานเล่าต่อๆ กันมาว่าเป็นทะเลที่โมเสส (Moses) ได้แสดงอภินิหารใช้ไม้เท้าชูขึ้นเหนือน้ำ แล้วแหวกน้ำทะเลออกเป็นทางเดินยาว พาชาวยิวหนีออกจากประเทศอียิปต์ได้อย่างปลอดภัย ว่าแล้วเราก็ไปสัมผัสน้ำทะเลกันหน่อยค่ะ จะดำน้ำลึก ล่องเรือท้องกระจกชมปะการัง ดูน้ำทะเลสีแดงที่เกิดขึ้นมาจากเจ้าแบคทีเรียตัวน้อยๆ ชนิดหนึ่งลอยตัวขึ้นมาผิวน้ำ ผสมกับการตกกระทบของแสงอาทิตย์ ที่ส่องไปยังภูเขาดินฝั่งจอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย และฝั่งอียิปต์ อิสราเอล สะท้อนลงสู่ผิวน้ำทำให้กลายเป็นทะเลสีแดงสดจัดจ้านในย่านนี้!! จนอยากจะบินไปดูให้เห็นกับตาตอนนี้เลยค่า ฮิฮิ. .