เที่ยวสเปน (Spain) ดินแดนแห่งที่หลากหลายสถาปัตยกรรมทั้งตะวันออกและตะวันตก เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่เก่าแก่อันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นการสู้วัวกระทิง เทศกาลปามะเขือเทศ ระบำฟลามิงโกในจังหวะที่เร้าใจ และทีมฟุตบอลระดับตำนานของโลก ทริปนี้หญิงปุ๊กพาเที่ยว 21 สุดยอดในสเปนรับประกันความตื่นตาอย่างแน่นอน!.
 

เที่ยวมหาวิหารซากราดาฟามิเลีย (The Basílica de la Sagrada Família)


ซากราดาฟามิเลีย หรือซากราดาฟามิลิอา ตั้งอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา ออกแบบโดยสถาปิกชื่อดังระดับโลก อันตอนี เกาดี (Antoni Gaudí) สถาปัตยกรรมแบบ Catalan Modernism ที่ผสมผสานศิลปะกับธรรมชาติ และความศรัทธาในศาสนาคริสต์ได้อย่างงดงาม เป็นมหาวิหารยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมากๆๆ  ขอบอกว่าสร้างมาเป็นร้อยกว่าปีก็ยังไม่เสร็จค่า เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1882 และคาดว่าจะเสร็จในปี ค.ศ. 2026 แต่องค์การยูเนสโกก็ยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2005 แล้วว.. ฮู้ววว!! แสดงว่าต้องสวยเด็ดแน่นอนค่า
ภายนอกเป็นหอคอยสูง 170 เมตร จำนวน 18 แห่ง สร้างเสร็จแล้ว 8 แห่ง ส่วนที่เหลือก็ยังสร้างต่อไป และเปิดให้เข้าชมไปด้วยค่ะ พอก้าวเข้าไปภายในโบสถ์.. ก็ต้องตะลึงกับแสงสวยหลากสีสันจากกระจกแก้ว ที่แสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมา  เสาแต่ละต้นตกแต่งคล้ายต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขา มีเถาวัลย์พันล้อมรอบ เดินขึ้นไปบนยอดหอคอย มองลงมาจะเห็นบันไดวนรูปร่างคล้ายเปลือกหอยทากด้วยค่ะ และบนยอดเราจะเห็นวิวของเมือง สวยจนลืมเหนื่อยกดชัตเตอร์รัวๆ ไป​เลยจร้า

 

 

 

 

 

 
 



เที่ยวเนินเขามองต์คูอิก (Montjuic, Barcelona)

 
เนินเขามองต์คูอิก ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูง 180 เมตร เป็นที่ตั้งของอาคาร Palau Nacional ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติกาตาลุนญา (Musen National d'Art de Catalunya) ภายในจัดแสดงศิลปะภาพวาด งานไม้ และหินแกะสลัก ในยุคเรอเนซองส์ บาโรก และคาตาลัน ที่แปลกตาหาดูได้ยากอายุนับร้อยปี!! นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะ ป้อมปราการ กำแพงเมืองโบราณ ลานกว้างให้ปั่นจักรยานกันอย่างสนุกสนาน และในฤดูร้อนจะฉายหนังกางแปลงให้ชมฟรีอีกด้วยละ
ยิ่งตอนเย็นนักท่องเที่ยวจะมาเช็คอินที่นี่เพียบ!! เพื่อชมวิวเมืองบาร์เซโลน่า พร้อมกับดูพระอาทิตย์ตกดิน และตอนค่ำด้านล่างจะมีโชว์น้ำพุเต้นระบำ (Magic Fountain of Montjuïc) แสง สี เสียง จัดเต็มเลยจ้าประทับฝุดๆ >,< การเดินทางสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน มาลงที่สถานี Parc de Montjuc แล้วเดินขึ้นเนินเขาหรือจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าดูวิวทิวทัศน์รอบๆ เมืองก็สวยงามไม่แพ้กันเลยคะ
 

 

 

 

 

 

 
 



เที่ยวถนนคนเดินลารัมบลาส (La Ramblas, Barcelona)

ถนนแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจ้า (^V^) ขอบอกเลยว่าตลอดทางเดินกว่า 1.2 กิโลเมตร เริ่มต้นจากจัตุรัสปลาซาดากาตาลุญญา (Plaza Catalunya) เราได้ชมอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ทั้ง พิพิธภัณฑ์ พระราชวัง โรงละคร สลับกับร้านค้า ขายของที่ระลึก ดอกไม้ ภาพเขียน งานศิลปะ ศิลปินเปิดหมวก อู้หูวววว แต่งตัวจัดเต็มมว๊าากๆ อย่างกับหลุดออกมาจากเทพนิยายเลยจ้า เดินไปจนสุดทางที่ท่าเรือเวลล์ (Port Vell) มีอนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) รอบๆ เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ผับ บาร์ ในบรรยากาศคูลๆ ริมทะเลรับรองฟินแน่นอนนน
 
 
 

 

 

 

 

เที่ยวตลาดสดบุคเคอเรีย (Mercat De La Boqueria, Barcelona)

 
ตลาดสดบุคเคอเรีย สวรรค์ของเหล่านักช็อป แม่บ้าน และขากิน จ้า!!!  ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบาร์เซโลน่า เป็นตลาดที่มีอายุพันกว่าปีเลยละ เปิดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1217 เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุด ใหญ่ที่สุด และเป็นตลาดสดอันดับ 1 ของโลกในปี ค.ศ. 2012 เต็มไปอาหารให้เลือกซื้อทั้งเนื้อ แฮม ชีส ถั่ว ผัก ผลไม้สด อบแห้ง และอาหารทะเลสดๆ บอกได้เลยว่าแต่ละร้านน่ากิน​ทั้งน้านนน... จะนั่งกินที่ร้าน จะซื้อกลับไปกิน หรือซื้อฝากก็ได้หมด ตลาดเปิดตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 8.00 น. ถึง 20.30 น. อ้อ!!! เวลาเดินต้องระวังกระเป๋าเงินสิ่งของมีค่ากันด้วยนะ เพราะว่าคนเยอะมาก อาจจะมีมิจฉาชีพคอยมองกระเป๋าเราอยู่ แล้วอยากจะได้เงินของเราไปเป็นของฝากด้วย 5555
 


 

 

 


 

 
เที่ยวพระราชวังแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid)

พระราชวังแห่งมาดริด  หรือพระราชวังหลวงปาลาซิโอ  สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1738 สมัยพระเจ้าเฟลิเป้ที่ 5 แห่งราชวงศ์บูร์บง สถาปัตยกรรมแบบโกธิค เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีพื้นถึง 135,000 ตารางเมตร ภายนอกเป็นอาคารหินสีงาช้าง ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่ และสนามหญ้าตกแต่งด้วยไม้ประดับสีเขียวสด ภายในแบ่งเป็นห้องต่างๆ ทั้งหมด 3,418 ห้อง แต่เปิดให้เข้าชมเพียง 50 ห้องเท่านั้น โอ้วๆๆ แค่เปิดให้ดูส่วนหนึ่งก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราตระการตามากๆ ทั้งภาพวาด โคมไฟ เครื่องแก้ว พรม เครื่องกระเบื้อง นาฬิกา และข้าวของเครื่องใช้ของกษัตริย์ในยุคโบราณ ที่หาชมได้ยาก และประเมินมูลค่าไม่ได้เลย (*O*)
การเดินทางสามารถ นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Opera station หรือรถบัสสาย 3, 25, 39 และ 148 สำหรับระยะเวลาเปิดปิดจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และมีแพ็คเกจค่าเข้าให้เลือกหลากหลายแบบ ลองไปเช็คกันได้ที่  https://entradas.patrimonionacional.es  

 

 

 

 

 

 

 

เที่ยวจตุรัสพลาซ่ามายอร์ (Plaza Mayor  Madrid) 


จัตุรัสพลาซ่ามายอร์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมาดริด สร้างขึ้นระหว่างในปี ค.ศ. 1580–1619 รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ โดยเฉพาะคาซาเดลาปานาเดเรีย (Casa de la Panadería) เป็นอาคารเก่าแก่สวยที่สุดในย่านนี้ค่ะ บริเวณใจกลางจตุรัสมีรูปปั้นของกษัตริย์ฟิลิปที่ 3 นั่งอยู่บนหลังม้า ในอดีตจัตุรัสแห่งนี้เคยเป็นลานกีฬาสู้วัวกระทิง และตลาดสด ปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นนับกิโลเมตรที่ศูนย์ ของเส้นทางคมนาคมในสเปน และเป็นพื้นที่จัดงานรื่นเริงทั้งปีใหม่ งานอภิเษกสมรสค่ะ ผู้คนและนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป เพราะว่าเป็นลานกว้างมี โชว์งานศิลปะ ศิลปินเปิดหมวก ร้านอาหาร คาเฟ่นั่งชิลล์ในบรรยากาศดีๆ และตอนกลางคืนจะเปิดไฟประดับสวยงามโรเเมนติกมากกก...
 


 


 

 
 



เที่ยวมหาวิหารบาเลนเซีย (Valencia Cathedral, Valencia) The Last Supper

 
มหาวิหารวาเลนเซีย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองวาเลนเซีย สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพีไดอาน่า ในปี ค.ศ. 1262 รูปทรงโดมขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมโกธิค นีโอคลาสสิก และบาร็อค ผสมผสานกันอย่างลงตัว ด้านในมหาวิหารเป็นที่เก็บรักษาจอกศักดิ์สิทธิ์ มีความเชื่อกันว่าเป็นจอกกาลิกษ์ใบสุดท้ายของพระเยซู (The Last Supper) เลยทำให้​นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีน้ำพุขนาดใหญ่ และหอระฆังหรือ เอล มิกูเลต (El Miguelete) สร้างขึ้นระหว่าง ปี ค.ศ. 1381 - 1429 ความสูงประมาณ 51 เมตร มีบันไดขึ้นไปชมวิวเมืองด้านบน ประมาณ 200 กว่าขั้นค่ะ ใครจะขึ้นไปก็ต้องฮึ่บๆ >,< หน่อยนะ และรอบๆ มหาวิหารเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และคาเฟ่สุดฟิน นั่งชิลล์ ดื่มด่ำบรรยากาศเมืองเก่าสุดคลาสสิกได้อย่างสบายอารมณ์
 



 

 

 


เที่ยวเมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ (The City of the Arts and Sciences)

เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ ออกแบบโดย Santiago Calatrava และ Felix Candela สะดุดตาด้วยดีไซน์เก๋เทคโนโลยีทันสมัยที่สุด จนถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบสองสมบัติล้ำค่าของสเปนด้วยค่ะ เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1996 แบ่งเป็นอาคารหลัก 5 หลัง แห่งแรกโรงภาพยนตร์และท้องฟ้าจำลอง (L’Hemisfèric) แสงสีเสียง เลเซอร์แบบจัดเต็ม (*O*) ยังกับหลุดไปในอวกาศเลยจ้า!!! ถัดมาพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (The Príncipe Felipe Science Museum) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Do touch, do think, do feel" ขอบอกว่าได้ฟีลด์กู๊ดสุดยอด เดินไปเรื่อยๆ จะพบกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (L’Oceanográfico) มีสัตว์น้ำมากกว่า 45,000 ตัว ว่ายน้ำอวดโฉมให้ดูกันอย่างใกล้ชิดเต็มตาๆ ทั้งฉลาม เพนกวิน โลมา สิงโตทะเล วอลรัส วาฬเบลูก้า และอื่นๆ แล้วไปฟังเพลงเพลินๆ กันที่อาคารโอเปร่า (Palau de les Arts Reina Sofia) สุดท้ายไปดูต้นไม้แปลก ที่หายาก พันธุ์พื้นเมืองบาเลเซีย (L’Umbracle) นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดแสดงอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเที่ยวสนุกได้ความรู้ไปพร้อมกันเลยค่า

 

 




เที่ยวเมืองโตเลโด (Toledo) และ มหาวิหารโตเลโด (Toledo Cathedral)


เมืองโตเลโด เป็นเมืองหลวงเก่า ที่ได้ขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1986 ตัวเมืองรายล้อมด้วยเนินเขาสูง มองเห็นป้อมอัลกาซาร์ (Alcázar) สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 -20 ได้อย่างชัดเจน ในอดีตเคยเป็นโรงเรียนทหารมาก่อน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด แล้วเที่ยวกันที่มหาวิหารโตเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิก ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน  สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1227 -1493 ภายในงดงามตระการตาอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแท่นบูชา หนังสือโบราณ กระจกสี ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ภาพสลักหินอ่อน โดยเฉพาะรูปปั้นแกะสลักล้วนตกแต่งด้วยทองคำทั้งน้านนน!!! เหลืองอร่ามวิบวับแสบตาสุดๆ บรรยากาศภายในเมืองก็น่ารักอบอุ่นตามสไตล์ยุโรป เดินไปทางไหนก็สวยมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลย >3<
 
 
 



เที่ยวบ้านแขวน เมืองเกวนก้า (Hanging Houses of Cuenca)

บ้านแขวนริมหน้าผาสูงชัน ตั้งอยู่ในเมืองเกวนก้า เมืองแห่งมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 ด้วยความแปลกและแหวกแนวของบ้านที่มีระเบียงไม้ 3 ชั้นต่อกัน ยื่นออกมาจากริมหน้าผาสูงปรี๊ด!!! ขึ้นไปจะมองเห็นกำแพงเมืองยุคโกธิค สะพาน Puente de San Pablo ที่เชื่อมต่อกับหมู่บ้าน และทิวทัศน์รอบๆ ได้อย่างชัดเจน ขอบอกว่ามันเสียว...และน่าทึ่งม๊ากกกกกก คนสร้างนี่เก่งกล้าสามารถสุดๆ ข้าน้อยขอคารวะเลยฮับ!!!!

 

 



เที่ยวพระราชวังอะลัมบรา และสวนเจเนราริเฟ กรานาด้า (The Alhambra and Generalife Gardens, Granada)
 

พระราชวังอะลัมบรา และสวนเจเนราริเฟ หรืออัญมณี​อิสลาม​แห่ง​กรานาด้า ตั้งอยู่บนเนินเขามีแม่น้ำ Darro ไหลผ่าน เมืองกรานาด้า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสเปน ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1984 เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1248 -1354 โดยกษัตริย์ชาวมุสลิม สถาปัตยกรรมสไตล์แขกมัวร์ บริเวณซุ้มโค้งประตูหน้าต่าง แกะสลัก​ลวด​ลายเรขาคณิต​ที่สลับ​ซับซ้อน ทั้งมัสยิด หอคอย  อาคาร กำแพงเมือง และป้อมปราการ สร้างจากอิฐสีแดงสีสันโดดเด่นสวยงาม แต่งแต้มความสดชื่นด้วยสวนดอกไม้หลากสี และน้ำพุขนาดใหญ่ โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะมองเห็นลวดลายแกะสลัก โค้งนูนเว้าของพระราชวังได้อย่างชัดเจน Wow!!! สวยเหมือนเพชรเม็ดงามจริงๆๆๆ และค่าเข้าชมมีให้เลือกหลายทั้งกลางวันและกลางคืนเลย ตามเว็บนี้เลยค่า https://www.lovegranada.com/alhambra/prices/
 


 

 

 

 

 
 



เที่ยวมัสยิด-มหาวิหารกอร์โดบา (เมซควิต้า) The Great Mosque of Cordoba (Mezquita)

มหาวิหาร และอดีตมัสยิดใหญ่แห่งกอร์โดบา หรือโบสถ์มรดกโลกเมซควิต้า (Mezquita) เป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดในโลก ที่เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในสเปน ตั้งอยู่ในเมืองกอร์โดบา แคว้นอันดาลูซีอา เริ่มแรกเป็นโบสถ์ของคณะนักบวชบีเซนเต มาร์ตีมาก่อน ต่อมาได้ถูกปกครองโดยชาวแขกมัวร์ และเปลี่ยนเป็นมัสยิดกอร์โดบา สุดท้ายกลับมาเป็นมหาอาสนวิหาร ในศาสนาคริสต์อีกครั้งหนึ่ง
โบสถ์คริสต์มีศิลปะทั้งของโกธิค เรเนซองส์ และสถาปัตยกรรมแบบอัลอันดะลุส ภายในรูปทรงโค้งสีขาว แดง สลับกับเสาหิน เต็มไปด้วยลวดลายสีสันแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง ภายในช่องสวดมนต์ (Mihrab) เป็นหลังคาทรงแปดเหลี่ยมโดมสูงรูปเปลือกหอย ตกแต่งด้วยศิลปะแบบโมเสก และไม่ไกลกันเป็นหอมินาเร็ต ที่กลายมาเป็นหอระฆังสูงตระหง่าน นอกจากนี้ยังมีความงดงามอีกมากมายเต็มไปหมดดด!!! จนสุดจะบรรยายจ้า อิอิอิบอกได้แค่ว่าสวยสะกดทุกสายตา กดชัดเตอร์กันรัวๆ เลยค่า 5555




 
 
 
 



เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ราโด และปาเซโอ เดล อาร์เต (The Prado and Paseo del Artes, Madrid)

 
ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ปราโด  และปาเซโอ เดล อาร์เต ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1785 เป็นศูนย์กลางรวบรวมงานศิลปะของจิตรกรชื่อดังของยุโรปในศตวรรษที่ 12 – 19 ที่ราชวงศ์สเปนสะสมไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดลายเส้นมากกว่า 5,000 ภาพ ภาพพิมพ์กว่า 2,000 ภาพ เหรียญตรากว่า 1,000 เหรียญ ประติมากรรมกว่า 700 กว่าชิ้น และภาพวาดที่โด่งดังระดับโลก คือภาพวาดลาส เมนินาส (Las Meninas) ของดิเอโก เวลาสเกวซ (Diego Velázquez) เป็นภาพที่สวยงามประทับใจ สะท้อนคนในภาพหลากหลายมุมมองให้คนดูได้คิดวิเคราะห์วิแคะ งงงวย??? กันมาเป็นร้อยๆ ปีเลยค่ะ  เพราะทุกวันนี้ยังหาคำตอบกันไม่ได้เลยจ้า5555 อยากรู้ว่าดูแล้วงงยังไง (*O*) ต้องลองไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองค่าท่านผู้ชมมมมม

 


 


เที่ยวพระราชฐานซาน โลเรนโซ เด เอล เอสโกเรียล (San Lorenzo de El Escorial)


พระราชฐานซาน โลเรนโซ เด เอล เอสโกเรียล หรือเรียกสั้นๆ ว่า เอลเอสโกเรียล (El Escorial) ตั้งอยู่บนเชิงเขาอาบันโตส เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สร้างขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ระหว่างปี ค.ศ. 1563-1584 เป็นที่พักตากอากาศในฤดูร้อน ปัจจุบันเป็นสำนักงานใหญ่ของคณะสงฆ์แห่งนักบุญออกัสติน ที่องค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1984
เอลเอสโกเรียลมีความโดดเด่นกว่าแห่งอื่น ตรงที่ภายในมีครบทั้งพระราชวัง อาราม โรงเรียน พิพิธภัณฑสถาน หอคอย 4 หลัง สวนเขาวงกต และที่ต้องไปดูไปชมให้เห็นกับตาก็คือ ห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ภายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ปูด้วยหินอ่อน หนังสือโบราณกว่า 40,000 เล่ม ตั้งเรียงรายอยู่บนชั้นไม้แกะสลักสุดหรูหรา และเมื่อเงยหน้าดูบนเพดานโค้ง จะเห็นภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง (Fresco) ฝีมือของ Pellegrino Tibaldi จิตรกรเอกของแห่งยุค ที่วิจิตรบรรจงวาดภาพบอกเล่าวิทยาการความรู้ 7 ด้าน ได้แก่ วาทศิลป์ การโต้วาที การดนตรี หลักภาษา คณิตศาสตร์ เรขาคณิต และดาราศาสตร์ นอกจากจะสวยแล้วยังได้ความรู้ด้วยค่า (^V^)
 
 
 

 



เที่ยวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ บิลบาโอ (Guggenheim Museum, Bilbao)

พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ บิลบาโอ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนร์บีออน ในแคว้นบาสก์ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1993 – 1997 ออกแบบโดย แฟรงก์ เกห์รี (Frank Gehry) เจ้าของรางวัลพริตซ์เกอร์ (Pritzker Prize)  สถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย (Contemporary Art Museum) ที่ใหญ่ที่สุดในสเปน และเป็นหนึ่งในสี่ของพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ตั้งอยู่เฉพาะเมืองใหญ่ในนิวยอร์ก เวนิส และอาบูดาบี อาคารรูปทรงเรือใบเคลือบด้วยไทเทเนียมสีเงินวิบวับ โครงสร้างสวยเด้งเด่นสุดๆ จนได้รับรางวัลเวิลด์อาร์คิเท็กเจอร์เซอร์เวย์ (World Architecture Survey) ในปี ค.ศ. 2010 ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะของศิลปินชื่อดัง และศิลปินหน้าใหม่ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว

 

 

 

 



เที่ยวมหาวิหารเซบียา และพระราชวังอัลคาซาร์แห่งเซบียา (Seville Cathedral and Real Alcazar or Alcázar of Seville)

เที่ยวมหาวิหารเซบียา และพระราชวังอัลคาซาร์แห่งเซบียา (Seville Cathedral and Real Alcazar or Alcázar of Seville) เป็นมหาวิหารและพระราชวังที่มีกลิ่นอาย ศิลปะสไตล์แขกมัวส์ผสมผสานตะวันตกสไตล์โกธิค และเรเนซองส์ได้อย่างมีกลมกลืนมีเสน่ห์เฉพาะตัว จนได้รับการยกย่องจาก องค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1987 เริ่มกันที่มหาวิหารเซบียา (Seville Cathedral) เคยเป็นมัสยิดมาก่อน และได้รับการบูรณะเป็นมหาวิหารคริสต์ สร้างสถาปัตยกรรมโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ขนาด 23,500 ตารางเมตร เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1042 และบูรณะดูแลจนเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1519 ภายในโบสถ์มีแท่นบูชาสูง 20 เมตร ถูกปิดทองเหลืองอร่ามตา ซุ้มโค้งรูปทรงเรขาคณิต ลวดลายบนเพดานแกะสลัก สลับกับประติมากรรม ภาพวาด กระจกแก้วสี ห้องเก็บสมบัติเครื่องเงินเครื่องทองที่ล้ำค่า และสุสานสุดหรูหราที่โด่งดังไปทั่วโลกของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) นักสำรวจชาวสเปนผู้ค้นพบทวีปอเมริกาใน ค.ศ. 1492 และด้านข้างมีหอระฆังฆิรัลดา (Giralda) สูงถึง 104.5 เมตร ซึ่งเปิดให้ขึ้นบันไดวนชั้นที่ 35 ชมวิวเมืองได้ทั้งเต็มๆ ตา รับรองขึ้นไปแล้วถ่ายรูปสวยแน่นอนคอนเฟิร์ม!!!

 

 

 

 

 

 
และฝั่งตรงข้ามเป็นพระราชวังมัวร์ หรือพระราชวังอัลคาซาร์แห่งเซบียา  (Alcázar of Seville) เคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์มุสลิมมัวร์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1364 กษัตริย์เปโดรแห่งคาสตีล ได้ก่อสร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่ การตกแต่งสไตล์แขกมุสลิม และตะวันตกที่สวยงามแปลกตามากๆ ใครไปที่นี่ขอให้ซ้อมเงยคอไว้ก่อนเลยนะจ๊ะ เพราะว่าโดมสูงภายในห้องโถง มีเพดานสุดหรูหราตกแต่งด้วยทองคำ แสงสีทองระยิบระยับกระแทกตามากๆ เลยค่า ใครมองไม่เห็นเนี่ย!!! ถือว่าพลาดถือว่าพลาดอย่างแรงงงง

 

 

 



เที่ยวมหาวิหารซานเตียโกเดกอมโปสเตลา (Santiago de Compostela Cathedral)

มหาวิหารซานเตียโกเดกอมโปสเตลา ตั้งอยู่ในแคว้นปกครองตนเองกาลิเซีย สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1603 -1754 สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ผสมบาโรก และโกธิคได้อย่างงดงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แห่งเส้นทางแสวงบุญของนักบุญเจมส์ (Way of St. James) และเป็นสุสานของนักบุญเจมส์ ที่ศาสนิกชนชาวคริสต์เดินทางมาสัมผัสมนต์ขลังของมหาวิหารแห่งนี้ จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกใน ค.ศ.1985 และเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ในปี ค.ศ.2000 อีกด้วยค่ะ
 
 

 

 


 



เที่ยวชายหาดคอสตาเดล โซล (Costa del Sol Beaches)

 
ไปเที่ยวชิลล์ๆ ริมชายหาดคอสตาเดลโซลกันจ้า!!! ตั้งอยู่ในเมืองมาลากา เป็นชายหาดที่แดดส่องจ้าที่สุดในยุโรป และเริ่ดมากในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนน ริมชายหาดเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแถบยุโรปที่เดินทางมาพักผ่อน นอนอาบแดด เล่นน้ำ เล่นเซิร์ฟ ชมพระอาทิตย์ตก และกินอาหารอร่อยๆ ริมทะเล บรรยากาศรายล้อมไปด้วยรีสอร์ทสุดหรู มองเห็นน้ำทะเลสีคราม ตัดกับหาดทรายสีขาวละเอียด สวยงามน่าประทับใจจริงๆ

 


 

 



เที่ยวเมืองสีขาว แห่งแคว้นอันดาลูซีอา (The White Towns of Andalucía)

อู้ววว!!!! ใครได้เห็นต้องตะลึงถึงความสวยแปลกตาของเมืองสีขาว ที่ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางหุบเขา El Caillo Sierras ในอุทยานแห่งชาติ Sierra de Grazalema  และเสน่ห์ของที่นี่ก็คือ บ้านทุกหลังเป็นสีขาว หลังคากระเบื้องสีแดง และสีน้ำตาล  ประตูหน้าต่าง ตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้สีฟ้า เขียว ส้ม สดใสตัดกับสีขาวของบ้านได้อย่างลงตัว อย่างกับอยู่ในเมืองแห่งความฝันเลยค่ะ ภายในเมืองยังมีปราสาท Aznalmara สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และ 14  โบสถ์ San Pedro Apóstol สร้างในศตวรรษที่ 16 และกำแพงเมืองเก่า ให้เราได้เดินเล่น ไปตามตรอกซอกซอย แถมยังมีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปเต็มไปหมดดด (^3^)
 
 
 



เที่ยวอุทยานแห่งชาติเตย์เด เดอ เทเนรีฟ (El Teide, Tenerife)

อุทยานแห่งชาติเตย์เด เดอ เทเนรีฟ (El Teide, Tenerife) ตั้งอยู่บนเกาะเตเนรีเฟ  เป็นหนึ่งในเจ็ดหมู่เกาะคะแนรีแห่งมหาสมุทรแอตแลนติก ไอไลท์เด็ดของอุทยานก็คือ การเดินป่าชมทะเลหมอกสวยๆ เหมือนลอยอยู่ในอากาศ ที่บนยอดภูเขาไฟเตย์เด (Mount Teide) ที่สูงที่สุดในสเปนถึง 3,718 เมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 7,500 เมตร นอกจากนี้ยังมี ดอกไม้ทาฮินาสเต รอโฮ (tajinaste rojo) สีแดงแปร๊ด!!! สวยเด่นสูงปรี๊ดถึงสามเมตรเลยจ้า ซึ่งจะออกดอกให้ได้ชมกันเฉพาะเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนเท่านั้นนะ แล้วก็ไปเล่นน้ำ ดำน้ำลึกดูปะการัง ล่องเรือชมปลาวาฬ ก็เป็นการเติมพลังและให้รางวัลชีวิตตัวเองได้ฟินสุดๆ

 


 






เทศกาลวิ่งวัวกระทิง (Running of the Bulls)

เทศกาลวิ่งวัวกระทิง และเป็นหนึ่งในเทศกาลที่โด่งดังที่สุดในโลก  จัดขึ้นในเมืองปัมโปลนา (Pamplona) ระหว่าง 6-14 กรกฎาคมของทุกปี ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกนับล้านคนได้ชมเทศกาลที่ตื่นเต้นหวาดเสียว ที่ทดสอบความกล้าบ้าบิ่นของผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งจะต้องใส่ชุดสีขาว และผูกผ้าพันคอสีแดง วิ่งหนีวัวกระทิง 6 ตัวในระยะทาง 850 เมตร ระยะเวลาเฉลี่ยไม่ถึง 4 นาที ให้ทันก่อนที่วัวจะขวิดคร้า!!! ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเสียงร้องเชียร์ กรี๊ดกราด หวาดเสียวกันอย่างสนุกสนานมากๆ เลยค่ะ หญิงปุ๊กว่าเราดูกันห่างๆ ก็ได้เนอะไม่ได้ต้องไปวิ่งหรอก เราไปดูลีลามาธาดอร์หล่อๆ สู้วัวกระทิงกันในสนามกันดีกว่า น่าจะปลอดภัยกว่าเนอะ คริคริ!!