เที่ยวนิวยอร์ก มหานครที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก! เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและความบันเทิง และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่ติดอันดับ Top ของโลกเช่นกันจ้า!! เรียกได้ว่าจัดจ้านสุดๆ ไปเลยยย หญิงปุ๊กได้คัดที่เที่ยวสุดคูลมาฝากทุกคน กับ 20 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในนิวยอร์กค่ะ ^^

 

แผนที่ 20 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในนิวยอร์ก New York, สหรัฐอเมริกา USA

 

เที่ยวเทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty)

แหม่..มาถึงนิวยอร์กทั้งที ถ้าใครไม่ได้มาเห็น เทพีเสรีภาพ กับตาตัวเอง ก็เหมือนมาไม่ถึงใช่ม้าา เพราะนี่ถือเป็นอีกสัญลักษณ์สำคัญของสหรัฐอเมริกาที่ชาวฝรั่งเศสได้มอบให้เป็นของขวัญ เมื่อปี ค.ศ.1886 เนื่องในวันเฉลิมฉลองครบรอบวันชาติ 100 ปี ที่ได้ประกาศอิสรภาพจากประเทศอังกฤษนั่นเองค่ะ รูปปั้นนี้ยืนตระหง่านท้าลมอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี้ (Liberty) ในบริเวณอ่าวนิวยอร์ก ถือเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1984 ด้วยค่ะ

ออกแบบโดย เฟรเดอริก ออกุสท์ บาร์โธลดิ (Frederic Auguste Bartholdi) ซึ่งออกแบบเค้าโครงหน้าของเทพีมาจากแม่ของตันเอง และควบคุมการสร้างโดย กุสตาฟไอเฟล (Gustave_Eiffel) ผู้ออกแบบสร้างหอไอเฟล หูยยย แค่นี้ก็การันตีเรื่องความอลังการงานสร้างแล้วค่า โดยมีส่วนประกอบทั้งหมด 350 ชิ้น ทุกชิ้นผลิตในฝรั่งเศส และมีขนาดใหญ่มากกกกกก จึงต้องขนส่งมาทางเรือแล้วมาประกอบที่สหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลานานทั้งหมดถึง 4 เดือนจึงจะประกอบเสร็จค่ะ ปาดเหงื่อแป๊บบ~

และแล้วก็ออกมาเป็นรูปร่างอย่างที่เราเห็นกัน ช่างใหญ่โตอลังการจริงๆ พี่จ๋าา เป็นสุภาพสตรีสวมเสื้อคลุมปลิวสยาย มีความสูงถึง 305 ฟุต สร้างด้วยโลหะสำริดเนรมิต มือขวาถือคบเพลิงชูขึ้นเหนือศีรษะ สวมมงกุฎล้อมด้วยยอดแหลม 7 แฉก ซึ่งหมายถึง 7 ทวีป 7 คาบสมุทร มือซ้ายถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพที่จารึกตัวอักษรวันที่ 4 JULY 1876 เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนขาด สื่อถึงการได้หลุดพ้นจากการเป็นทาสนั่นเองค่า ภายในรูปปั้นยังมีบันไดวนขึ้นไปสู่ยอดมงกุฎถึง 393 ขั้น หรือเท่ากับตึก 27 ชั้น เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวได้ หรือจะแค่เข้าชมพิพิธภัณฑ์บริเวณฐานด้านล่างก็ได้ค่ะ ซื้อตั๋วคนละแบบกัน

การเดินทางมาที่เกาะลิเบอร์ตี้แห่งนี้คือนั่งเรือ ซื้อตั๋วเรือ Statue Cruises จุดขึ้นเรือมีทั้งแบบ ออกจาก New York และ New Jersey โควต้าตั๋วเรือแยกกัน โดยตั๋วเรือมีหลายแบบเช่นกัน เช่น แบบ Crown Reserce Ticket เดินชมภายในฐานของเทพีเสรีภาพ และก็ขึ้นไปชมวิวที่มงกุฎด้วย ตั๋วมีจำนวนจำกัด ต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน และต้องขึ้นบันได 162 ขั้น ไม่มีลิฟท์ หรือแบบ Pedestal Reserve Ticket เดินชมภายในฐานของเทพีเสรีภาพค่ะ นอกจากนี้ ควรไปล่วงหน้า 1 ชม. เพราะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจกระเป๋าอย่างเข้มงวด เผื่อเวลาเที่ยว 2-3 ชม. นะคะ เราจะได้ชมวิวอันสวยงามของอ่าวแมนแฮตตัน และวิวอาคารสูงๆ ของเมืองนิวยอร์ก ที่เกาะจะมีจุดชมวิวพร้อมจุดถ่ายภาพกับรูปปั้นแบบชัดๆ เต็มๆ ตา เลือกเล็งมุมกันได้ตามใจชอบเลยค่า ^^ แถมบริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมได้ช้อปกันอีกด้วยค่ะ

 

ตึกเอ็มไพร์สเตต (Empire State Building)

ตึกเอ็มไพร์สเตต ตึกที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันบ่อยๆ ตามภาพยนตร์ชื่อดังในตำนานอย่าง King Kong, Percy Jackson และ Sleepless in Seattle เป็นอาคารแรกของโลกที่มีความสูงถึง 102 ชั้น หรือประมาณ 1,453 ฟุต จัดเป็นตึกที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นจุดชมวิวเมืองนิวยอร์กชั้นยอดเลยล่ะค่า ตั้งอยู่ที่มิดทาวน์ ใจกลางแมนแฮตตัน โดดเด่นเป็นสง่ามากๆ เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกด้วยน้าา ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ด้วยศิลปะแบบ Art Deco บนยอดสุดของตึกมีโดมสูงเด่น ปลายแหลมเฟี้ยววเป็นเอกลักษณ์ สร้างเสร็จสมบูรณ์วันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1931 โดยบริษัท Starrett Brothers & Eken, Inc. และออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกัน ชื่อว่า William Frederick Lamb โดยผู้รับเหมาก่อสร้างเค้ายืนยันความแข็งแรงถึง 5,000 ปีเลยล่ะค่า!!

ตึกเอ็มไพร์สเตตเป็นทั้งหอสังเกตการณ์และหอกระจายเสียง มีอาคารสำนักงานให้เช่าเป็นหลัก และยังจัดนิทรรศการภาพถ่ายถาวร Dare to Dream ที่ได้รวบรวมประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งเอาไว้ เช่น แผนผัง รายละเอียด วิศวกรรม การก่อสร้างของตึกแห่งนี้ค่ะ แนะนำให้ขึ้นไปหอดูดาวชั้น 86 เห็นวิวต่างๆ ได้แบบพาโนรามา 360 องศา มีกล้องส่องทางไกลขนาดใหญ่ให้ด้วย ยิ่งตอนอากาศแจ่มใสเราจะสามารถมองเห็นวิวได้ไกลถึง 80 ไมล์ จนมองเห็นรัฐเพื่อนบ้านอย่าง New Jersey, Pennsylvania, Connecticut และ Massachusetts *0* ถึงตึกเอ็มไพร์สเตตจะโดนโค่นแชมป์จากอันดับหนึ่งในเรื่องความสูง แต่ก็ยังขิงต่อได้ว่า ฉันนี่แหละตึก Open-Air ที่สูงที่สุดในนิวยอร์ก โฮะๆๆๆ เพราะตึกอื่นๆ ถึงจะสูงกว่าแต่ก็ไม่ได้เปิดโล่งแบบนี้นะจ๊าา

การันตีความฮอตฮิตด้วยการต้อนรับนักท่องเที่ยวถึงปีละ 4,000,000 คน เรียกได้ว่าถ้าไปเที่ยวปารีสแล้วต้องไปหอไอเฟล มานิวยอร์กก็ไม่ควรพลาดตึกเอ็มไพร์สเตตเช่นกันจ้า

 

เที่ยวเซ็นทรัลพาร์ค (Central Park)

มาเดินเล่นสูดอากาศดีๆ กันที่เซ็นทรัลพาร์ค สวนสีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก แต่ไม่รู้ว่าจะได้มาพักผ่อน หรือมาเดินมาราธอนดี เพราะที่นี่มีขนาดถึง 2,132 ไร่! เรียกได้ว่าเป็นการเดินเล่นที่จริงจังสุดๆ 55555 ได้รับการออกแบบมาอย่างดีจากนักออกแบบผังเมือง Frederick Law Olmsted และ Calvert Vaux มีสถานที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งมาวิ่ง ปั่นจักรยาน พายเรือ ปูเสื่อนั่งปิกนิก และค้าก็มีสนามใหญ่ๆ ให้เล่นกีฬาถึง 6 สนาม บรรยากาศสดชื่นมากๆ ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มองไปที่ไหนก็มีแต่สีเขียว บนต้นไม้มีนก บนน้ำมีเป็ด มีเจ้ากระรอกน้อยเป็นมิตรวิ่งไปมา หญิงปุ๊กเห็นมีคนเอาเชอรี่ให้มันกินด้วยค่ะ น่าเอ็นดู~ ^o^

แต่ละฤดูสวยไปคนละแบบค่ะ อยากมาเห็นตอนช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งสวนจะเปลี่ยนสีเป็นเหลือง แดง สวยงามละลานตามากๆ บรรยากาศทั้งอบอุ่นทั้งโรแมนติก ติดแบคกราวน์เป็นตึกสวยๆ ของเมือง ลงตัวและเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกไม้นานาพันธุ์แข่งกันประชันสีสัน ไฮไลท์ก็อยู่ที่ดอกซากุระสีชมพูสดใสแน่นนนนเต็มทางเดิน นึกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นซะอีก ฟินมากกกกก ส่วนหน้าหนาวก็จะมีลานสเก็ตน้ำแข็งให้เล่นกันอีกด้วยค่า

ภายในสวนยังมีสถานที่แจ่มๆ ให้ได้ชมและถ่ายรูปเพียบเลยค่ะ จุดแรกคือ น้ำพุ Bethesda Fountain เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของสวน ใครมาก็ต้องมาแวะแชะภาพกันตลอด ตรงกลางมีรูปปั้นนางฟ้าสูง 8 ฟุต ที่เหมือนกำลังให้พรและพลังแก่ทุกคน เนื่องจากตอนนั้นเป็นช่วงที่มีโรคระบาดหนัก จึงสร้างขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจของคนในเมือง โดยชั้นล่างเป็นเทวดาเด็ก 4 ทิศ หมายถึง ความสมดุล ความบริสุทธิ์ ความสงบสุข และสุขภาพดี

รูปปั้นบรอนซ์ในเรื่อง Alice in Wanderland ในปี ค.ศ. 1959 นาย George Delacorte สร้างรูปปั้นอลิสและผองเพื่อนไว้เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงภรรยา เพราะเธอชอบอ่านเรื่องอลิสให้กับลูกๆ ฟัง เขาจึงได้มอบรูปปั้นเหล่านี้ไว้เป็นของขวัญสำหรับเด็กๆ ในเมืองนิวยอร์ก และกลายเป็นสถานที่โปรดของเด็กๆ เลยล่ะค่ะ

สะพาน Bow Bridge เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในเซ็นทรัลพาร์ค ใช้สำหรับเชื่อมสระน้ำและทางเดินระหว่างสองฝั่ง สร้างจากเหล็กหล่อถึกทน และตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นอีกมุมยอดฮิตที่คนชอบมาถ่ายรูปกันค่า

 

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกา (The American Museum of Natural History)

ใครเคยดูหนังเรื่อง Night at the Museum ต้องรู้จักพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างแน่นอนน นี่คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1881 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมหลักฐานและชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกที่เก่าแก่หลายล้านปีไว้ และยังได้เรียนรู้ชีววิทยาของธรรมชาติและสัตว์ป่า จัดเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนผู้เข้าชมถึง 5 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียวค่า

เมื่อเข้ามาด้านในจะเจอห้องโถงกลางขนาดใหญ่ชื่อ Hintze Hall เป็นที่ตั้งของโครงกระดูกปลาวาฬยักษ์ อย่างกับเรือดำน้ำแน่ะ *0*

ที่พิพิธภัณฑ์มีการแบ่งออกเป็นหลายโซน ได้แก่ Red Zone เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ในยุคต่างๆ การกำเนิดโลก การเกิดภูเขาไฟและแผ่นดินไหว ซึ่งมีการจำลองแผ่นดินไหวขนาดย่อมๆ ใครที่ยังไม่เคยเจอของจริง แค่มาสัมผัสแบบจำลองก็ตื่นเต้นแล้วววค่า

ต่อมาคือ Green Zone สัตว์ทุกชนิดบนโลกรวมไว้ที่นี่หมดจ้ะ ทั้งสัตว์ปีก สัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ เห็นกันแบบชัดๆ เต็มๆ ตากันไปเลยยย

เดินมาเรื่อยๆ จะเจอรูปปั้นจำลองของชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) บิดาแห่งชีววิทยา สามารถมาแชะภาพคู่กันได้นะจ๊ะ

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Jurassic Park ต้องมาดูโครงกระดูกจำลองของไดโนเสาร์ตัวใหญ่มหึมา ถือเป็นโซนที่ได้รับความสนใจอย่างมากเลยค่ะ มีโครงกระดูกไดโนเสาร์หลายสายพันธุ์ให้ได้ศึกษากันด้วย

และที่พลาดไม่ได้คือ ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในโลก!! มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับดาราศาสตร์ให้ดูอย่างละเอียดยิบๆๆ เรียกได้ว่าในแต่ละโซนของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีความโดดเด่นและความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละโซนก็สร้างความตื่นตาตื่นใจ ที่สำคัญยังได้ความรู้ใหม่ๆ ได้เปิดโลกกว้างให้กับตัวเองอีกด้วยค่า

 

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (Metropolitan Museum of Art)

มาสำรวจศิลปะและวัฒนธรรมของยุคต่างๆ ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า The Met เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาและของโลกค่า มีเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 2,000,000 ตารางฟุต กว้างใหญ่ไพศาลมากก ย้ำ กว้างมากก! สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1870 อยู่ที่ฟิฟธ์ อเวนิว (Fifth Avenue) ได้จัดแสดงผลงานทางศิลปะและศิลปวัตถุหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มากถึง 2 ล้านชิ้น บางชิ้นก็เก่าแก่กว่า 5,000 ปี จัดเต็มทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ยุคคลาสสิก ยุคอียิปต์โบราณ กรีก ยุโรป โรมัน ญี่ปุ่น ซามูไร มาหมดค่า มีการแบ่งชั้น แบ่งโซนทำให้เราเดินดูได้ง่ายขึ้น และยังได้ชมผลงานของศิลปินชื่อดังอย่างใกล้ชิด เช่น แวน โก๊ะ (Vincent Van gogh), พอล แจ็กสัน พอลล็อก (Paul Jackson Pollock) เป็นต้นค่ะ

ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และคอร์สสั้นๆ เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปิน และเวิร์คช็อปออกแบบเสื้อผ้า ภาพเคลื่อนไหว เทคนิคการระบายสี เพลิดเพลินกับคอนเสิร์ต การแสดงต่างๆ พร้อมชมภาพยนตร์หาดูยาก เรียกได้ว่ามีกิจกรรมสำหรับครอบครัว ทุกเพศ ทุกวัยจริงๆ ค่าา อ้อ! และถ้าใครมาในช่วงหน้าร้อน จะมี Roof top bar ที่เปิดเฉพาะช่วงเดือน พฤษภาคม - ตุลาคมของทุกปี อย่าลืมแวะขึ้นไปหาอะไรดื่มเย็นๆ กันนะคะ

เปิดให้เข้าชม วันอาทิตย์ - พฤหัสบดี 10:00 น. – 17:30 น. และวันศุกร์ - เสาร์ 10:00 น. – 21:00 น.

ทางพิพิธภัณฑ์ได้อัพโหลดภาพงานศิลป์ โบราณวัตถุกว่า 390,000 รูป ขึ้นบนเว็บไซต์ http://www.metmuseum.org/collection/the-collection-online สามารถเข้าไปดูกันได้นะค้า

 

เที่ยวย่านไทม์สแควร์ (Times Square)

ไทม์สแควร์ ย่านสุดคึกคักและไม่เคยเงียบเหงา เต็มไปด้วยแสงสีเสียงตลอดวัน เป็นแลนด์มาร์คสุดฮิตใจกลางดาวน์ทาวน์แมนแฮตตัน อยู่ระหว่างถนนเวสต์ 42 สตรีทและถนนเวสต์ 47 สตรีท มีทั้งแหล่งช็อปปิ้งและมุมถ่ายรูปที่เราเห็นกันบ่อยๆ ใครอยากจะดูชิคๆ ต้องมาเดินที่นี่เลยย ได้ภาพเก๋ๆ กลับไปแน่นอน เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่ที่ตกแต่งด้วยสีสันของจอโฆษณาขนาดใหญ่ของแบรนด์ต่างๆ อยู่รอบๆ เป็นสถานที่ใช้สำหรับการโฆษณาสินค้าที่ดังที่สุดในโลกก็ว่าได้ค่ะ ดูทันสมัย ตื่นตาตื่นใจมากๆ ยิ่งถ้าถ่ายติดแท็กซี่สีเหลืองหน่อยนี่ใช่เลย อย่างกับนางแบบหลุดออกมาจากนิตยสารยังไงอย่างงั้น >,<

อีกจุดที่คนชอบมาถ่ายรูปกันคือ บันไดสีแดง ของ TKTS ซึ่งเป็นที่ขายตั๋วโชว์ลดราคาต่างๆ

ที่นี่ถือเป็นย่านธุรกิจและย่านบันเทิงที่โด่งดังที่สุดอีกแห่งของโลก มีร้านค้า สินค้าแบรนด์เนม ร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกมากมายหลากหลายสไตล์เลยค่า ร้านขายขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ที่บอกเลยว่าน่าแวะทุกร้าน ขาช้อปขากินอย่างเราคือฟินนนน ตามทางเดินจะมีนักดนตรี นักมายากล บางคนก็ใส่ชุดมาสคอตตัวการ์ตูนน่ารักๆ หรือเดินๆ อยู่ก็อาจจะมีการจับภาพนักท่องเที่ยวยิงภาพขึ้นจอขนาดใหญ่ สร้างสีสันความสนุกกันตลอดเวลาจริงๆ ค่าา อุ๊บ ซุปตาร์ที่ไหนนะ เหมือนเราเลย คิคิ

 

เที่ยวโรงละครบรอดเวย์ (Broadway and the Theater District)

บรอดเวย์ ถนนโรงละครชื่อดังในนิวยอร์ก ตั้งอยู่ระหว่างถนนสายที่ 41 และ 53 อเวนิวที่ 6 และ 9 เป็นย่านสุดยอดแห่งความบันเทิงที่มีโรงละครชั้นนำมากถึง 40 แห่งตั้งอยู่เรียงรายเต็มถนนสองข้างทาง ถึงกับขนานนามว่าเป็น Theater District กันเลยทีเดียวค่า ตื่นตาตื่นใจมากกก ได้เดินท่ามกลางแสงสีเจิดจรัสของป้ายโรงละครต่างๆ *0*

รู้ไหมคะว่าภาพยนตร์เพลงฮอลลีวูดดังๆ หลายเรื่องก็เคยเป็นละครบรอดเวย์มาก่อนเกือบทั้งนั้นเลยน้า บรอดเวย์ที่แนะนำ (2019) มีเรื่อง The Lion King, Frozen the Musical, Harry Potter and the Cursed Child, Phantom of the Opera, Aladdin the Musical, Wicked, Chicago, Mama Mia และ Hamilton เป็นต้น เช็คเรื่องและรอบได้ที่ www.broadway.com/shows/tickets

โดยทุกรอบต้องแสดงสด ร้องสด เต้นสด แบบไม่มีเหนื่อย นักแสดงและนักเต้นทั้งหลายก็ใฝ่ฝันอยากมาขึ้นเวทีแสดงที่บรอดเวย์สักครั้งในชีวิต และนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็พร้อมหลั่งไหลมาที่บรอดเวย์เพื่อชมการแสดงที่มีชื่อเสียงระดับโลกนี้เช่นกันค่ะ ซึ่งคนดูอย่างเราขอบอกว่าวงการนี้เข้าแล้วออกยากจริงๆ >,< สนุกและอินไปกับทุกการแสดงโชว์ ถึงเราจะเป็นได้แค่นักร้องเสียงเพี้ยนในรายการ I can see voice แต่ใจมันรักในเสียงเพลง อะไรก็ห้ามไม่ด้ายยย 555

เที่ยวชมวิวที่ตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ (Rockefeller Center)

อีกตึกที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กันเลยก็คือ ตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ ซึ่งติดอันดับตึกสูงวิวสวย ถึงแม้จะไม่ได้สูงเท่าตึกเอ็มไพร์สเตต แต่ก็เป็นอีกหนึ่งตึกที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กันเลยค่า สร้างโดยตระกูลมหาเศรษฐี Rockefeller ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี (ค.ศ. 1930-1933) เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่กลางแมนแฮตตัน ปัจจุบันประกอบด้วยตึกทั้งหมด 19 ตึก มีทั้งอาคารสำนักงาน ร้านค้า ภัตตาคาร สถานีโทรทัศน์ โรงละคร และสถานบันเทิงไว้ด้วยกัน ติดอันดับ National Register of Historic Places และ Designated National Historic Landmark ด้วยนะจ๊ะ

ไฮไลท์ห้ามพลาดคือ จุดชมวิวที่มีชื่อว่า Top of the Rock Observation Deck เป็นแบบ Open-Air บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายย ชมได้แบบเต็มตาไม่มีตึกใหญ่มาบดบังวิวให้ขัดใจ สามารถมองเห็นเทพีเสรีภาพยืนชูมือบ้ายบาย เอ้ย ถือคบเพลิงอยู่ และได้เห็นเซ็นทรัลพาร์ค (Central Park) จากมุมสูง สวนสีเขียวท่ามกลางวิวตึกมากมาย คือดีงามมากกก แถมยังมองเห็นแม่น้ำฮัดสันอีกด้วยจ้า (Hudson River) หลายๆ คนจึงเทใจให้ 5 ดาวให้ตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์แห่งนี้ แนะนำให้มาช่วงเย็นแบบพระอาทิตย์กำลังจะตกนะคะ ภาพของแสงสีท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี ไฟตึกต่างๆ ค่อยๆ เปิดประดับเมืองให้มีสีสัน สวยงามสุดบรรยายจริงๆ

ด้านหน้าทางเข้าตึกมีลานกว้างขนาดใหญ่ ในช่วงหน้าหนาวหรือช่วงเทศกาลคริสต์มาส จะสร้างเป็นลานสเก็ตน้ำแข็งและนำต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่มาตั้งจัดแสดงไว้ ตกแต่งด้วยแสงไฟสะท้อนระยิบระยับ มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่มาใช้ฉากนี้ในการถ่ายทำ เพราะทำเลและบรรยากาศดีงามมากก ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้สักครั้งนะคะ

 

เที่ยวตึกวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (One World Trade Center)

ตึกเวิลด์เทรดที่เรารู้จักกันดีจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 (9/11) เครื่องบินโดยสารสองลำถูกบุกยึดและบังคับให้พุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดที่เคยตั้งผงาดพังถล่มลงมา จึงมีการสร้าง ตึกวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือ Freedom Tower แห่งนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 ขอบอกว่ากลับมาใหม่ต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิมค่า! ออกแบบโดย David Childs สถาปนิกชื่อดัง ตัวอาคารด้านนอกทำด้วยกระจกวาววับ เน้นการสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นประกาย *0* ออกแบบเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มองดูแล้วเหมือนว่าตัวตึกกำลังบิดตัวพุ่งขึ้นหาท้องฟ้าด้านบน ตั้งเด่นเป็นสง่าเหนือตึกสูงเสียดฟ้าอื่นๆ สูงกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาด้วยความสูง 1,776 ฟุต มีทั้งหมด 104 ชั้น และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในโลก งบประมาณการก่อสร้างก็สวยๆ เก๋ๆ ราว 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 117,000 ล้านบาทเองค่า >,<

เมื่อเข้าไปในลิฟต์ SkyPod เพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบน ภายในลิฟต์จะมีการฉายภาพถ่ายของเมืองนิวยอร์กตลอด 500 กว่าปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่างๆ และขอบอกว่าความรวดเร็วของลิฟต์คือ Fast 8 มากๆ เร็วจนหูอื้อกันเลยทีเดียวว ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็ถึงชึ้น 102 ชั้นนี้จะมีให้ชมการแสดงภาพของนิวยอร์กซิตี้ ที่เรียกว่า See Forever Theater เป็นการต้อนรับผู้เข้าชมก่อนที่จะเข้าไปชมวิวข้างในตัวตึกค่ะ ใครหิวๆ ก็ลงมาชั้น 101 จะมีบาร์และร้านอาหารให้เลือกซื้อเลือกทานได้

ลงบันไดมาต่อกันที่ชั้น 100 ชั้นที่เราจะสามารถชมวิวเมืองนิวยอร์กแบบพาโนราม่า วินาทีตอนเห็นวิวนี่ทุกคนถึงกับอุทาน โอ้มายก้อดด!! วิวสวยบาดใจมาก มองเห็นเทพีเสรีภาพ สะพานบรูคลิน สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลแบบละเอียดๆ เค้ามีให้บริการให้เช่าแท็บเล็ตเพื่อฟังบรรยายเกี่ยวกับจุดชมวิวต่างๆ ด้วยนะคะ

ถัดจากตึกวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ไปไม่ไกล จะมี อนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ 9/11 แห่งชาติ (National September 11 Memorial & Museum) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นตึกแฝดเวิลด์เทรด จะเจอกับ Ground Zero น้ำตกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ลึก 30 ฟุต ขอบสระก็จะมีชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลักเอาไว้ มีคนเอาช่อดอกไม้มาวางแสดงความอาลัยมากมาย และยังมีพิพิธภัณฑ์รำลึกอยู่ใต้ดินอีกด้วย ด้านในจะเล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน มีการจัดแสดงซากชิ้นส่วนต่างๆ ของตึกที่ยังหลงเหลืออยู่ พอได้มาเห็นของจริงกับตา ก็ขนลุกและใจหายอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ…

เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ มีทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน โดยตึกแฝดที่ถูกทำลายไปคืออาคารเหนือ (เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 1) และอาคารใต้ (เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 2) โดยเครื่องบินของสายการบิน American Airlines เที่ยวบินที่ 11 ที่เดินทางจากบอสตันสู่นครลอสแอนเจลิส ได้ถูกจี้ให้บินออกนอกเส้นทางและบังคับให้พุ่งชนตึกแฝดจากทางเหนือ อีกประมาณ 20 นาทีถัดมาเครื่องบินอีกลำของสายการบิน United Airlines เที่ยวบินที่ 175 เส้นทางนิวอาร์ก สู่ซานฟรานซิสโก ก็พุ่งชนอาคารที่ 2 ทางด้านใต้ ทำให้เกิดระเบิดขนาดใหญ่จนอาคารพังลง

จากการถล่มของตึกทั้งสองนี้จึงทำให้รากฐานของอาคาร 7 เสียหายและถล่มลงด้วยในวันถัดมา รวมถึงอีก 4 อาคารที่เหลือก็เสียหายหนัก เพราะถูกอาคาร 1 และอาคาร 2 ถล่มทับ มีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายรวมทั้งหมด 3,400 คน โดยทุกวันที่ 11 กันยายนของทุกปี ที่นครนิวยอร์กจะจัดพิธีรำลึกและเชิดชูเกียรติให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วยค่ะ

 

เที่ยวย่านวอลล์สตรีท (Wall Street)

วอลล์สตรีท ย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของนิวยอร์ก และเป็นศูนย์รวมสถาบันการเงินที่มีอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีห้องนิรภัยของธนาคารกลางที่เก็บทองไว้ใต้ดินมูลค่ากว่าพันล้านดอลล่าร์ รวมถึงสถาบันและองค์กรต่างๆ ที่มีอิทธิพลระดับโลกหลายแห่งก็ตั้งอยู่ในย่านนี้ค่ะ ที่สำคัญคือเป็นที่ตั้งของ Wall Street Stock Exchange หรือ New York Stock Exchange ตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายมูลค่ามหาศาลในแต่ละวัน ย่านนี้เราจะได้เห็นผู้คนมากมายเดินใส่สูทอยู่บนถนนที่รายล้อมไว้ด้วยอาคารสำนักงานต่างๆ อยากรู้ว่าหุ้นวันนี้เป็นยังไง ก็พออ่านได้จากสีหน้าของนักลงทุนที่เดินกันอยู่อ่ะค่าา

ด้านหน้าตึก Wall Street Stock Exchange จะมี รูปปั้นวัวกระทิง หรือ Charging Bull เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง เหมือนกับตลาดหุ้นขาขึ้น และกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพ ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไปมุงกันอยู่ตรงก้นกระทิง ก็ร้องต้องอ๋อออขึ้นมันทันที เพราะเค้ามีความเชื่อว่า ถ้าได้ลูบไข่ของรูปปั้นวัวกระทิงจะทำให้ร่ำรวยเงินทองนั่นเองค่า คิคิ ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ขอไปลูบด้วยคนนน

 

เที่ยวสะพานบรูคลิน (Brooklyn Bridge)

สะพานบรูคลิน สะพานแขวนอันเลื่องชื่อของโลก และเก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1869 - 1883 รวมระยะเวลาสร้างทั้งหมด 14 ปี มีความยาว 1,825 เมตร ผู้ออกแบบชื่อว่า John Augustus Roebling ค่ะ โดยเชื่อมระหว่างเกาะแมนแฮตตันและฝั่งบรูคลินเข้าด้วยกัน ข้ามผ่านแม่น้ำอีสต์ (East River) มีถนนสำหรับรถยนต์ 6 ช่องทาง และทางยกระดับสำหรับคนเดินและจักรยานอีก 2 ช่องทาง ทำให้เราสามารถเดินข้ามสะพานได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวลจ้า ถือให้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้าของมหานครนิวยอร์ก และยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เช่น Step Up, Brooklyn, Coyote Ugly

ในแต่ละวันจะมีผู้คนสัญจรไปมามากกว่า 120,000 คน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่พากันหลั่งไหลมาที่สะพานแห่งนี้เพื่อชมวิวอันสวยงาม เดินเล่นรับลมชิลๆ ในช่วงเย็น อากาศดี๊ดี~ พระอาทิตย์กำลังตกดินเปลี่ยนท้องฟ้าเป็นสีส้ม ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งจะมองเห็นรูปปั้นเทพีเสรีภาพได้ด้วยค่ะ ใครที่สนใจศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ของสะพานแห่งนี้เค้าก็มีทัวร์เดินเท้าด้วยนะคะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ความรู้กลับมาแน่นเอี้ยด

ใกล้ๆ สะพานมี สวนสาธารณะบรูคลิน (Brooklyn Bridge Park) ให้ผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวเพลินๆ แถมยังมีม้าหมุนแบบในร่มกันลมหนาวให้เด็กๆ มาสนุกกันอีกด้วย

 

เที่ยวฟิฟท์ อเวนิว (Fifth Avenue)

มาละลายทรัพย์กันที่ ฟิฟท์ อเวนิว แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงของโลก ได้กลิ่นของความหรูหรา ไฮโซขึ้นมาทันทีเลยค่า ละลานตาไปด้วยสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก เสื้อผ้า แฟชั่น เครื่องประดับ นาฬิกา เครื่องสำอาง และน้ำหอมจากหลากหลายแบรนด์ดังสุดหรู ทั้ง Louis Vuitton, Prada, Gucci, Fendi, Harry Winston, Rolex, Bulgari รวมถึงห้างสรรพสินค้าระดับ Hi-End *0*

นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องการช้อปปิ้งแล้ว ยังสนุกไปกับการถ่ายรูปตามถนน อิ่มอร่อยกับร้านอาหารหรูหรามากมาย เพลิดเพลินไปกับความงามของสถานที่ต่างๆ ในเมือง เช่น อาคาร Gorham หมายเลข 390 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของระเบียงหรูหราสไตล์อิตาเลียน

โบสถ์เซ็นต์แพทริค (St. Patrick’s Cathedral) อันสวยงาม ชื่นชมความตระการตาของสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค ซึ่งถือเป็นมหาวิหารคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

และชมผลงานศิลปะระดับโลกที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทน (Metropolitan Museum of Art) พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาค่ะ

 

เที่ยวสวนสาธารณะลอยฟ้า (The High Line)

สวนสาธารณะลอยฟ้า กลางเมืองนิวยอร์ก ความเจ๋งอยู่ตรงที่ เมื่อก่อนเป็นทางรถไฟที่ใช้ขนส่งสินค้าค่ะ แต่ปลดระวางไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 และถูกทิ้งร้างนานกว่า 10 ปี จนมีแผนให้รื้อทางรถไฟแห่งนี้ทิ้งไป จึงเกิดกลุ่ม The Friends of High Line เสนอให้พัฒนาที่นี่ให้เกิดประโยชน์กับชุมชน เมือง สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ในปี ค.ศ. 2009 จึงสร้างเป็นสวนสาธารณะขึ้นมา มีต้นไม้ร่มรื่นกลมกลืนไปกับรางรถไฟเก่าที่ถูกเก็บรักษาไว้ มีแกลอรี่จัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ ให้ชมกัน รวมถึง ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม

จากที่ย่านนี้เคยซบเซา เปลี่ยว ร้าง ผู้คนย้ายออก ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามากันนับไม่ถ้วน มาทำกิจกรรมกลางแจ้ง นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ในช่วงหน้าร้อนจะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี บริเวณทางขึ้นสวนก็จะมีทั้ง บันได และลิฟท์สำหรับคนแก่และคนพิการด้วยค่ะ ใส่ใจสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งพักผ่อนสุดชิล ที่เต็มไปด้วยสีสันและความเก๋ของศิลปะ รับรองไม่ผิดหวังจ้า

 

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Museum of Modern Art (MoMa)

Museum of Modern Art หรือ MoMA พิพิธภัณฑ์ชั้นแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในแมนแฮตตันที่เก็บรวบรวมงานศิลปะสมัยใหม่และศิลปะร่วมสมัยเข้าด้วยกันค่ะ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1929 ชื่อเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นโมเดิร์น ผลงานที่จัดแสดงก็เดิ้นสมชื่อนะจ๊า ทั้งงานสถาปัตยกรรม งานปั้น ภาพวาด ภาพถ่าย ของศิลปินรุ่นใหม่หลายท่าน รวมถึงศิลปินรุ่นหลังๆ มากมาย และห้องสมุดที่มีหนังสือทรงคุณค่ากว่า 300,000 เล่ม

โดยหนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่หลายๆ คนอยากมาเห็นก็คือ Starry Night ของจิตรกรชื่อดัง แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh) นั่นเองค่ะ

ที่พิพิธภัณฑ์จะมีการจัดนิทรรศการดีๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาให้ชมทั้งปี เช่น นิทรรศการย้อนอดีตของปิกาโซ (Picasso) มีการนำเสนอในเรื่องของ Reinterpretation ที่ฝ่าฟันต่ออุปสรรคจนประสบความสำเร็จ ทำให้ The Museum of Modern Art ได้เป็นต้นแบบทรงอิทธิพลต่อพิพิธภัณฑ์อื่นๆ และเห็นได้ถึงความรักที่ปิกาโซมีต่อศิลปะนั่นเองค่ะ

นอกจากจะมีชิ้นงานศิลปะแล้วยังมีร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่และร้านขายหนังสือเกี่ยวกับงานศิลปะให้เราเลือกซื้อกลับไปอีกด้วย ถือเป็นสถานที่ที่คนรักงานศิลปะไม่ควรพลาดเลยค่า

ชมผลงานของศิลปินที่จัดแสดงใน Moma กว่า67,000 ชิ้น (จากทั้งหมด200,000 กว่าชิ้น) ได้ทางเว็บไซต์ https://www.moma.org/collection/works?classifications=

 

 

เที่ยวสถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัล (Grand Central Station)

สถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัล เป็นสถานีหลักของนิวยอร์ก และเป็นแหล่งการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่มีความใหญ่โตมากกกก ประกอบด้วย 44 ชานชลา 67 ช่องทาง และชั้นใต้ดินอีกสองชั้น ที่ได้ชื่อเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรม ตัวอาคารอันเก่าแก่คลาสสิค มีนาฬิกาสีทองอยู่กลางสถานี มูลค่าหลายล้านดอลล่าร์เลยค่ะ ผลงานที่ประดับรอบนาฬิกามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 13 ฟุต ถือเป็นตัวอย่างของชิ้นงานกระจก Tiffany ชิ้นใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

มีบันไดสองฝั่งสร้างตามแบบบันไดสุดหรูที่ปารีสโอเปร่าเฮาส์ เพดานสถานีสูง 38 เมตร ตกแต่งเป็นภาพท้องฟ้า รูปกลุ่มดาวจักราศี เป็นผลงานศิลปะที่ใช้เทคนิคการปิดทองลงสีน้ำมัน โดยศิลปินชาวฝรั่งเศสชื่อว่า Paul César Helleu ในรูปยังสวยขนาดนี้ ของจริงจะขนาดไหนนน ต้องเรียกว่ายิ่งแก่ยิ่งสวยจ้า เพราะสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 อายุก็ร้อยกว่าปีแล้วว! มีร้านค้า รวมทั้งร้านอาหารดังๆ เยอะแยะมากมาย คึกคักไปด้วยนักเดินทางที่มีมากถึง 750,000 คนต่อวัน ตรงกลางสถานีคือกว้างมาก ใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายๆ เรื่อง ถือเป็นอีกจุดหมายสำคัญสำหรับผู้ที่รักการเดินทางและชื่นชอบในงานสถาปัตยกรรม ห้ามพลาดเลยนะค้า

 

เที่ยวห้องสมุดสาธารณะแห่งนิวยอร์ก (The New York Public Library)

ห้องสมุดสาธารณะสุดอลังการแห่งนิวยอร์ก มีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ และอันดับ 4 ของโลกค่า เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1895 สร้างขึ้นภายใต้คอนเซป The People's Palace ที่งดงามราวกับปราสาทราชวังในยุโรปแต่ผู้คนธรรมดาทั่วไปสามารถเข้าถึงได้แบบฟรีๆ! อาคารทำจากหินอ่อน หรูหราสวยงาม ด้านในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีหนังสือให้เลือกอ่านเยอะมากกว่า 53 ล้านเล่ม! อู้หูวววว อ่านจนลูกโตก็ยังไม่หมดเลยแม่จ๋า บรรยากาศเงียบสงบ ขลังนิดๆ คลาสสิคเบาๆ ได้ฟีลลิ่งแบบเฮอร์ไมโอนี่มานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดอะไรแบบนี้ >,< ตอบโจทย์คนรักการอ่านเลยล่ะค่า หรือใครจะมานั่งทำงาน ที่นี่ก็มีโซน free-wifi มีช่องเสียบปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตทำงานได้ยาวๆ เลยย

New York Public Library มีทั้งหมดถึง 88 สาขาค่ะ สาขานี้เป็นหนึ่งในศูนย์ข้อมูล Research จึงไม่สามารถยืมหนังสือได้ แต่เข้ามาหาข้อมูลและทำงานที่นี่ได้ตลอดจ้ะ มีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บบันทึกเรื่องราวของการทำหนังสือและวงการอุตสาหกรรมการพิมพ์เอาไว้ให้คนที่สนใจมาหาความรู้ด้วย แถมยังมีนิทรรศการหมุนเวียนจัดให้ชมกันตลอดทั้งปี มีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ มีทีวีให้ดู และโซนที่สามารถเอาอาหารมาทานได้อีกด้วย ที่สำคัญเค้ามีอุปกรณ์ระบบ audio ไว้ให้ความรู้เกี่ยวกับห้องต่างๆ ในห้องสมุด หรือจะใช้บริการไกด์พาทัวร์เดินชมก็ได้นะคะ งานนี้ฟรีเช่นกันนน ดีงามมมากๆ เป็นห้องสมุดที่อยากใช้เวลาอยู่ทั้งวันเลยยยย

 

เที่ยวย่านไชน่าทาวน์และลิตเติ้ลอิตาลี (China Town / Little Italy)

ไชน่าทาวน์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือย่านเมืองจีน คือเดินเที่ยวนิวยอร์กอยู่ดีๆ ก็เหมือนได้วาปมาอยู่ที่ประเทศจีนเฉยเลยยย ^^’ บรรยากาศเลาะกันมาแบบเป๊ะๆๆ ร้านยาจีนส่งกลิ่นหอมฉุยตั้งแต่เดินเข้ามา ป้ายต่างๆ เป็นภาษาจีน มีเสียงคนจีนตะโกนคุยกันอย่างเมามัน พูดภาษาจีนกวางตุ้ง ฮกเกี้ยนเป็นหลักค่ะ ที่นี่เป็นย่านที่คนจีนอพยพมาอยู่ตั้งแต่นานนม ละลานตาไปด้วยร้านอาหาร ของกิน บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ ติ่มซำ ซาลาเปา ชานม ผักผลไม้สด และขนมจากเมืองจีนสารพัดชนิด จัดเต็มสุดๆ ไปเลยจ้า บอกเลยว่ากินไป กลิ้งไปตลอดทาง.. มีร้านค้าให้ช้อปปิ้งในราคาย่อมเยาว์ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของที่ระลึก ศิลปะและงานฝีมือ พ่อค้าแม่ค้าเป็นกันเอง ต่อราคากันได้ค่ะ แถมที่พักในย่านนี้ยังถูกมากกกกอีกด้วย

ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวยอดนิยมสุดคึกคัก เป็นสถานที่เผยแพร่วัฒนธรรมและเศรษฐกิจระหว่างอเมริกากับจีน จำลองแบบความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของคนจีนมาแทบ 100% เรียกได้ว่าคนอเมริกันไม่ต้องไปเมืองจีนก็สามารถรับรู้วัฒนธรรม ประเพณีจีนได้เลยทีเดียววว

จากอยู่เมืองจีนเมื่อกี้ แค่เดินไปฝั่งตรงข้ามก็มาถึงอิตาลีได้ไวอย่างกับใช้ประตูวิเศษของโดเรม่อน ที่นี่คือย่านลิตเติ้ลอิตาลี เป็นประเทศอิตาลีเล็กๆ ในซอกมุมของมหานครนิวยอร์ก จากกลิ่นติ่มซำก็กลายมาเป็นกลิ่นพิซซ่า เรียงรายไปด้วยร้านอาหารอิตาเลียน หนุ่มสาวนั่งจิบเบียร์ ฟีลลิ่งกรุงโรมมากๆ ค่า ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนยุคไปสู่ยุค 90’s ชาวอิตาลีอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่นี่เป็นจำนวนมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันเป็นสถานที่สุดฮิปสไตล์วินเทจ สถาปัตยกรรมสวยงาม ตึกส่วนใหญ่เป็นสีแดง ให้บรรยากาศตามแบบฉบับอิตาลีดั้งเดิม มีของอร่อยเต็มไปหมดดด *0* เป็นแหล่งรวมร้านอาหารอิตาเลียนที่เก่าแก่และดีที่สุดในแมนแฮตตัน ทั้งร้านอาหารอิตาเลียน เจลาโต้ ร้านขนม ไอศกรีม แต่ละร้านมีป้ายการันตีความอร่อยจากหลายสถาบันแปะหน้าประตู ใครชอบอาหารอิตาเลียนและบรรยากาศคึกคักขี้เล่นแบบอิตาลี รับรองว่าชอบย่านนี้แน่นอนค่า

และถ้าใครมาลิตเติ้ลอิตาลีในช่วงเดือนกันยายน อย่าพลาดเทศกาล San Gennaro เป็นเทศกาลทางศาสนาที่จัดขึ้นเป็นเวลา 11 วันในช่วงกลางเดือน โดยจะปิดถนนมัลเบอร์รี่ทั้งสาย อิ่มอร่อยกับอาหารร้อนๆ จากร้านอาหารรถเข็นริมทาง พร้อมสนุกกับเกมคาร์นิวัลและชมการแสดงจากนักดนตรี ชมนักกินมืออาชีพแข่งกิน แคนโนลี (Cannoli) ขนมหวานต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก!! แหม่ ถ้าไม่เกรงใจจะไปลงแข่งด้วยแล้วนะคะเนี่ยย แต่กลัวแบกถ้วยรางวัลกลับไม่ไหว เอิ๊กกก

 

เที่ยว The Vessel

The Vessel สถาปัตยกรรมสุดล้ำแห่งโลกอนาคต เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางนิวยอร์ก ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 15 มีนาคม ปี 2019 ที่ผ่านมานี่เองค่า ตั้งอยู่ในเขตฮัดสันยาร์ด (Hudson Yards) บนเกาะแมนแฮตตัน บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ ด้วยดีไซน์เก๋ๆ เลิศๆ ไม่เหมือนใคร ออกแบบโดย Thomas Heatherwick สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ และทีมงาน ได้แรงบันดาลใจมาจากบ่อน้ำขั้นบันไดโบราณของประเทศอินเดีย ที่เรียกว่า Stepwell มูลค่าการก่อสร้างก็ขนลุกเบาๆ 150 ล้านดอลลาร์จ้ะ

ตัวอาคารสูง 15 ชั้น โดดเด่นด้วยโครงเหล็กสีดำตัดกับบันไดสีทองแดงขัดมันวาววับ มีบันได 154 ชุด (2,500 ขั้น) โดยสร้างแบบแยกชิ้นส่วนในประเทศอิตาลี แล้วส่งลงเรือมาประกอบร่างที่นิวยอร์กค่ะ ประกอบกันจากวงกลม 8 วงซ้อนกันขึ้นไป เริ่มจากวงขนาดเล็กบริเวณฐานและค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดที่เป็นวงกลมขนาดใหญ่ที่สุด ออกมาคล้ายๆ รังผึ้งขนาดใหญ่ยักษ์ แปลกตาดีค่ะ เป็นบันไดวนที่สามารถเลือกทางเดินขึ้นไปได้อย่างอิสระ มีจุดแวะพักอีก 80 จุด เราจะได้เห็นเมืองและวิวรอบๆ ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละระดับความสูง ชั้นบนสุดจะเป็นจุดชมวิวและพระอาทิตย์ตกที่สวยฝุดๆๆๆ ยิ่งเดินสูงขึ้นความชันของขั้นบันไดก็ลดน้อยตามลงไป ทำให้ไม่เหนื่อยมากค่ะ ส่วนใครคิดในใจว่าฉันไม่ไหวล้าววววว เขาก็มีลิฟต์ไว้ให้บริการนะจ๊ะ

นับว่าเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ มีทั้งอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ โรงแรม และพื้นที่นิทรรศการศิลปะระดับโลก โดยจะเปิดเข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. จองตั๋วเข้าชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.hudsonyardsnewyork.com

เที่ยวตึกแฟลตไอออน (Flatiron Building)

นิวยอร์กนี่ยืนหนึ่งเรื่องตึกสวยๆ อลังการจริงๆ ค่ะ ตึกแฟลตไอออนนี้ก็เป็นอีกแห่งที่พลาดไม่ได้ เป็นตึกรูปทรงสามเหลี่ยมแปลกตา ผอมๆ สูงๆ ที่ใครเห็นก็ต้องแวะถ่ายรูปกันทุกคน ตั้งอยู่บนสี่แยกระหว่างบรอดเวย์และฟิฟท์อเวนิว สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1902 เป็นตึกระฟ้าตึกแรกในเมืองนิวยอร์ก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1979 และเป็นแลนด์มาร์คของเมืองนิวยอร์กปี ค.ศ. 1966 และยังเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดมาแล้วด้วยนะค้า ออกแบบโดย Daniel Burnham รูปทรงของตึกคล้ายกับเตารีดสมัยโบราณ แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านวิศวกรรมสถาปัตยกรรมและการออกแบบอันยอดเยี่ยมในสมัยนั้นเลยค่ะ มีความสูง 22 ชั้น ภายในตึกไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนะคะ

ปัจจุบันก็ยังเป็นหนึ่งในอาคารที่โดดเด่นและมีคนถ่ายรูปมากที่สุดในเมือง เห็นได้บ่อยๆ ตามโฆษณาโทรทัศน์ สารคดีของนิวยอร์กและในภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น Godzilla, Spider-Man เป็นต้น ส่วนรอบๆ บริเวณตึกจะเป็นพื้นที่สำหรับคนเดินถนน มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า แกลลอรี่ภาพถ่าย และคาเฟ่ ให้เพลิดเพลินกันได้ตามใจชอบเลยค่า

 

เที่ยวชมตึกสหประชาชาติ (United Nations Headquarters)

ตึกสหประชาชาติมีสาขาใหญ่อยู่ที่นิวยอร์กค่ะ สำหรับคนที่สงสัยว่า สหประชาชาติคืออะไร? ก็คือ United Nations Organization หรือที่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า UN เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการนำสันติภาพสู่โลก โดยพยายามให้ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ได้อยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค เท่าเทียม และสงบสุขนั่นเองค่ะ ก่อตั้งขึ้นในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 ใกล้แม่น้ำอีสต์ โดยความร่วมมือของนายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) และประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ (Franklin D. Roosevelt) นอกจากนี้ยังมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่เจนีวา เฮก เวียนนา โคเปนเฮเกน กรุงเทพมหานคร เป็นต้น

เราสามารถเดินชมภายในอาคารได้ค่ะ ใหญ่โตอลังการมากกกก มีห้องสำนักงานต่างๆ มากมาย และศูนย์การประชุมแห่งชาติอันทรงเกียรติ เวลามีประชุมเรื่องความมั่นคงต่างๆ ก็จะประชุมกันที่นี่ค่ะ มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับงานของสหประชาชาติที่เน้นส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนให้ชม และของขวัญจากหลากหลายประเทศที่ได้มอบไว้ให้กับสหประชาชาติเนื่องในโอกาสต่างๆ จัดแสดงอยู่ด้วย หญิงปุ๊กแอบเห็นของจากประเทศไทยในรัฐบาลสมัยพลเอกเปรมมอบให้ด้วยนะ