ห้องรับประทานอาหารหลักคืออะไร?

การรับประทานอาหารในห้องอาหารหลัก (Main Dining Room : MDR) ถือเป็น High-Light ของทริปเรือสำราญ สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวไปล่องเรือสำราญครั้งแรก ลองมาทำความรู้จักกับห้องรับประทานอาหารหลักของเรือสำราญกันสักนิด

 

โดยทั่วไปแล้ว เรือสำราญทุกลำจะมีห้องรับประทานอาหารหลักอย่างน้อยหนึ่งห้อง มีชื่อเรียกห้องแตกต่างกันไป และมักจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากที่สุดในบรรดาห้องอาหารทั้งหมดบนเรือ ประกอบด้วยโต๊ะนั่งรับประทานอาหารจำนวนนับสิบๆ โต๊ะ พร้อมบริการจากพนักงานเสิร์ฟ (Waiter) ซึ่งค่าอาหารและบริการทั้งหมดนี้จะถูกรวมไปกับค่าใช้จ่ายทุกอย่างตั้งแต่ตอนที่จองทริปเรือสำราญแล้ว ทว่าก็จะมีออปชั่นเสริมบางอย่างที่อาจต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย เช่น เครื่องดื่มแอลกออล์ที่สั่งเพิ่มเป็นพิเศษ เช่นไวน์ หรือกาแฟชนิดพิเศษ เป็นต้น

 

สามารถเข้าไปรับประทานอาหารในห้องอาหารหลักในช่วงเวลาไหนได้บ้าง ?

ห้องอาหารหลักของเรือสำราญ จะให้บริการอาหารมื้อค่ำ (Dinner) เป็นหลัก แต่บางครั้งจะมีการเปิดให้บริการอาหารมื้อเช้าหรือกลางวันในบางกรณี เช่น

 

มื้อเช้า (Breakfast)

ที่จริงแล้ว ห้องอาหารมื้อเช้าจะมีพื้นที่ส่วนตัวจัดบริการที่ห้องอาหารบุฟเฟต์ขนาดใหญ่ที่แยกไปต่างหาก ซึ่งจะให้บริการทั้งมื้อเช้าและกลางวันเป็นหลัก แต่บางกรณีเรือสำราญอาจจัดให้บริการอาหารมื้อเช้าในห้องอาหารหลักถ้าจำเป็น เช่น การให้บริการมื้อเช้าในวันสุดท้ายของการล่องเรือ เพื่อรองรับผู้โดยสารเกือบทั้งลำที่มาทานอาหารเช้าในเวลาเดียวกันก่อนลงเรือ โดยจะเริ่มให้บริการช่วงเวลาระหว่าง 7.00 น. ถึง 10.00 น. โดยประมาณ

 

มื้อกลางวัน (Lunch)

ปรกติจะให้บริการในห้องอาหารบุฟเฟต์เช่นเดียวกับมื้อเช้า แต่ในบางครั้งในเรือบางลำจะจัดอาหารกลางวัน หรืออาหารว่างประเภท Light Meal ไว้บริการ และโดยเฉพาะในวันแรกของการเช็คอินลงเรือ เพื่อรองรับและสร้างความประทับใจเริ่มต้นให้ผู้โดยสาร ส่วนใหญ่มื้อกลางวันจะให้บริการตั้งแต่ตอน 11.00 น. ไปจนถึง 14.00 น.

 

และห้องอาหารหลักอาจให้บริการอาหารมื้อเช้าและมื้อกลางวัน โดยเฉพาะในวันที่ต้องเดินทางอยู่กลางทะเลตลอดเวลา (At Seas หรือ Cruising Day)

 

มื้อค่ำ (Dinner)

หัวใจสำคัญของการบริการในห้องอาหารหลักคืออาหารมื้อค่ำ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเรือสำราญจะจัดรอบเวลาสำหรับอาหารค่ำไว้สองรอบ ทั้งนี้เนื่องจากในแต่ละทริปจะมีจำนวนผู้โดยสารค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าเป็นเรือลำใหญ่ๆ หากกำหนดเวลาทานมื้อค่ำไว้เพียงรอบเดียว ความจุที่นั่งของห้อง Main Dining Room ก็จะไม่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารทั้งหมด โดยรอบแรกจะเริ่มในช่วงเวลาประมาณ 17.30 น. หรือ 18.00 น. และรองที่สองจะเริ่มต้นเวลาประมาณ 20.00 น. หรือ 20.30 น.โดยในแต่ละรอบจะมีเวลาให้คุณรื่นรมย์กับรสชาดของอาหารประมาณสองชั่วโมงครึ่ง 

 

แต่ในสายเรือแบบ Luxury หลายๆ สาย เช่น Regent Seaven Seas, Silversea, Seabourn หรือ Crystal Cruises ซึ่งเป็นเรือหรูหราและมีขนาดเล็ก จำนวนผู้โดยสารไม่มาก ก็จะกำหนดเพียงแค่เวลาที่สามารถจะเข้าไปใช้บริการ โดยที่ท่านสามารถเข้าไปทานมื้อค่ำตอนใดก็ได้ตามช่วงเวลาที่ทางเรือกำหนดไว้

 

เมนูอาหารของห้องอาหารหลักบนเรือสำราญ มีอะไรบ้าง?

ห้องอาหารหลักจะให้บริการอาหารมื้อค่ำ (Dinner) เป็นหลัก โดยในเรือสำราญเกือบทุกลำจะให้บริการอาหารในแบบ Set Menu เมื่อท่านเข้ามาเตรียมตัวรับประทานอาหารในห้องอาหารหลักท่านจะได้รับเมนูเพื่อเลือก แล้วจัดการสั่งอาหารกับพนักงานเสิร์ฟได้เลย ในเมนูก็จะแยกประเภทของอาหารดังนี้

 

Starter / Appetizers: อาหารเรียกน้ำย่อย อาจเป็นพวกสลัด ของทอด และซุป

 

Main Course / Entre'e: อาหารจานหลัก ซึ่งจะมีให้เลือก 3-4 จาน อธิบายว่าเป็นอาหารที่ทำจากเนื้อ หมู ไก่ ปลา หรืออาหารทะเล ปรุงรสชาดแบบต่างๆ ตามแต่เชฟจะนำเสนอ ซึ่งแต่ละมื้อจะมีเมนูสลับสับเปลี่ยนกันไป

 

Desserts: พวกขนมหวาน หรือไอศครีม

 

Beverages: ปกติจะเสิร์ฟน้ำดื่มระหว่างรับประทานอาหารอยู่แล้ว แต่หากท่านต้องการเครื่องดื่มพิเศษ เช่น ไวน์ น้ำอักลม เครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์ หรือเครื่องดื่ม Cocktail เหล่านี้ก็จะมีเมนูมาเลือกให้และเสียค่าใช้จ่าย

 

ที่ห้อง Main Dining Room นี้ ท่านสามารถสั่งอาหารแต่ละชนิดที่มีในเมนูมาทานได้มากเท่าที่ต้องการ จะสั่งมาอย่างละจานเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย จานหลัก ของหวานและไอศกรีม นอกจากนี้ก็ยังสามารถขออาหารเรียกน้ำย่อยมารับประทานระหว่างรอการเสิร์ฟของอาหารจานหลักได้ด้วยหากท่านมาถึงห้องอาหารก่อนเวลา

 

สำหรับเมนูอาหารในห้องอาหารหลักส่วนใหญ่จะเป็นอาหารของในสไตล์ของประเทศที่มีอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เช่น อาหารอเมริกันและยุโรป เมนูส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปทุกวัน แต่รายการพื้นฐานบางอย่างเช่นสเต็ก แซลมอน หรือซีซ่าร์สลัด ดูจะมีให้บริการอยู่เป็นประจำ และที่เมนูอาหารจะมีการทำเครื่องหมายบอกว่าเมนูไหนเป็นเมนูมังสวิรัติสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ

 

ท่านใดที่มีอาการแพ้อาหารบางประเภท หรือมีข้อจำกัดในการบริโภคอาหารที่ยากๆ แนะนำว่าท่านควรแจ้งกับทางเรือผ่านตัวแทนรับจองเรือสำราญของท่านตั้งแต่ตอนทำจอง ซึ่งเมื่อถึงวันเดินทางทางเรือก็จะได้จัดเตรียมอาหารที่ท่านแจ้งความต้องการพิเศษไว้ให้ สายเรือส่วนใหญ่สามารถรองรับอาหารเมนูพิเศษได้อย่างหลากหลายแม้ว่าจะเป็นการสั่งล่วงหน้าก็ตาม

 

และสำหรับท่านที่มีข้อจำกัดในการบริโภคอาหารที่ยากๆ และจำเป็นอย่างมากเกี่ยวกับสุขภาพส่วนตัว สามารถติดต่อแผนกความช่วยเหลือพิเศษของสายเรือ และมาพบกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการให้ชัดเจน

 

การเสิร์ฟอาหารจะใช้มาตรฐานเดียวกับการทานอาหารระดับสากล พนักงานเสิร์ฟจะทะยอยเสิร์ฟอาหารทีละประเภทอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มารยาทในการทานอาหารถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรปฎิบัติ เช่น หากท่านทานอาหารบางประเภทช้า และใช้เวลาชิมอาหารหลายชนิดในเมนูนานเกินไป อาจทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารของท่านต้องรออาหารชุดต่อไปนานเกินควรด้วยเช่นกัน

 

มีบริการเสิร์ฟเครื่องดื่มทุกประเภทในห้องอาหารหลักหรือไม่ ?

ห้องอาหารหลักจะมีบริการเครื่องดื่มขั้นพื้นฐานบางอย่าง เช่น น้ำเปล่า ชา กาแฟ (Table Tea & Coffee) ตามปกติ แต่เครื่องดื่มประเภท เบียร์ โซดา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟแบบพิเศษ จะต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับเครื่องดื่มนั้นๆ ด้วย

 

สำหรับคอไวน์ จะมี Sommelier หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ของเรือสำราญ ที่สามารถให้คำแนะนำในการสั่งไวน์ให้เข้ากันกับอาหารที่ท่านสั่ง หรือไวน์แบบที่ท่านโปรด ทั้งแบบเป็นแก้วหรือขวดได้เป็นอย่างดีด้วย

 

ที่นั่งของท่านในห้องอาหารหลัก ... นั่งที่ไหนกันเอ่ย ?

เรือสำราญมีการจัดการเรื่องเวลาและที่นั่งในห้องอาหารหลักดีมากๆ ที่นั่งในห้องอาหารหลักของท่านจะถูกกำหนดไว้ชัดเจน โดยจะถูกบันทึกข้อมูลไว้ในบัตรขึ้นเรือของท่าน เพียงแต่เมื่อถึงเวลาทานอาหารค่ำในวันแรกให้ท่านนำบัตรขึ้นเรือส่งให้เจ้าหน้าที่หน้าห้องอาหารเพื่อตรวจสอบที่นั่งในระบบ ก็จะทราบทันทีว่าท่านนั่งโต๊ะหมายเลขที่เท่าไหร่ และพนักงานต้อนรับหน้าห้องอาหารจะอำนวยความสะดวกโดยการนำท่านเดินไปที่โต๊ะ

 

อย่างไรก็ตาม เรือสำราญจะใช้วิธีสุ่มจัดที่นั่งเพื่อความเป็นระเบียบและเพื่อให้ที่นั่งได้ถูกใช้งานได้เต็มจำนวนในรอบอาหารนั้น โต๊ะอาหารจะมีจำนวนที่นั่งเป็นแบบเลขคู่ คือ 2, 4, 6, 8 และอาจจะมีโต๊ะใหญ่สำหรับสิบท่าน กรณีท่านเดินทางเป็นครอบครัวหลายๆคนก็สามารถบอกตัวแทนที่รับจองให้แจ้งทางเรือว่าท่านต้องการนั่งรวมกันแบบใหน อย่างไร หรือหากเดินทางสองท่านก็แจ้งว่าต้องการที่นั่งสำหรับสองคน หรือสำหรับครอบครัว 4-5 คน เท่านั้น เป็นต้น

 

ในสายการเดินเรือหรู (Luxury) ตัวอย่างเช่นที่กล่าวมาข้างต้น จะใช้ระบบยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ตามความสะดวกของผู้โดยสาร โดยไม่จำเป็นต้องนั่งที่เดิมทุกมื้อ โดยจะเพียงกำหนดเวลาสำหรับอาหารค่ำไว้เวลาเดียว เช่น 18.00 น. - 21.00 น. ซึ่งท่านก็สามารถเข้าไปทานอาหารในเวลาใดก็ได้ เพียงแค่ให้ประมาณว่าเวลาทานอาหารจะเสร็จสิ้นของท่านไม่ควรเกินเวลาปิดให้บริการของห้องอาหารหลักนั้น

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ควรทราบคือ ถ้าหากท่านเข้ามารับประทานอาหารในช่วงค่ำช้าหรือสายกว่าเวลาที่กำหนด ก็อาจต้องรอจนกว่าจะมีที่ว่าง แต่ท่านสามารถขอรับบริการอาหารทันที หากท่านสมัครใจจะไปนั่งที่โต๊ะขนาดใหญ่พร้อมกับคนอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน

 

เรือสำราญหลายลำอนุญาตให้ท่านจองโต๊ะรับประทานอาหารล่วงหน้าได้เพื่อหลีกเลี่ยงการรอ โดยต้องมาถึงให้ตรงเวลาที่ระบุในการจองไว้ด้วย และสำหรับท่านที่ต้องการเลือกจองโต๊ะมุมโปรด วิวสวย หรือติดหน้าต่างวิวทะลก็สามาทำได้ แต่ไม่มีการรับประกันว่าจะได้ที่นั่งตามความต้องการทุกครั้งหรือไม่  

 

ควรแต่งกายอย่างไรในมื้ออาหารค่ำที่ห้องอาหารหลัก ?

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก การแต่งกายในห้องอาหารค่ำเป็นเรื่องจริงจังมากท่านอาจต้องเตรียมชุดสูท และชุดราตรีสำหรับคุณผู้หญิงสำหรับการ dinner ทุกคืน ปัจจุบันธรรมเนียมการแต่งกายนี้ไม่ไคร่จะเคร่งครัดเหมือนที่เคย 

 

ในสายเรือแบบครอบครัวหรือพรีเมี่ยม เช่น Holland America Line, Oceania Cruises, Royal Caribbean Cruise Line หรือ Princess Cruise และ Disney Cruise Line ในค่ำคืนทั่วไปที่ไม่เป็นทางการ ผู้หญิงจะสวมชุดกระโปรงหรือกางเกง ในขณะที่ผู้ชายก็ใส่กางเกงสแล็คทรงสุภาพ ทรงขากระบอก หรือทรง Regular Fit ตามสมัยนิยม เสื้อเชิ๊ตผูกเน็คไทหรือเชิ้ตลำลองก็ได้ และเสื้อยืดโปโลคอปก กับกางเกงยีนส์ทรงสุภาพก็เป็นที่อนุโลมได้เช่นกัน

 

ส่วนเรือสำราญสายหรูหรา (Luxury) ก็ยังคง Concept สุภาพอยู่ คือกางเกงสแล็คทรงสุภาพ เสื้อเชิ๊ตหรือเชิ๊ตลำลอง หรือเสื้อยืดโปโลคอปก ซึ่งอาจสวมแจ็คเก็ตทับเท่ห์ๆ ผู้หญิงจะสวมกระโปรงสไตล์ sundresses หรือกางเกงก็ได้

และหากสายเรือสำราญของท่านมีการแจ้งรายละเอียดเรื่อง Dress Code (การแต่งกาย) ล่วงหน้าสำหรับมื้ออาหารค่ำ หรือในคืนเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการโดยกัปตัน นั่นหมายความว่าท่านควรแต่งกายตาม Dress Code อย่างไม่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะค่ำคืนที่เป็นทางการ ชุดที่เหมาะสมของผู้ชายควรจะเป็นชุดสูทสีเข้มหรือชุดทักซิโด้ ผู้หญิงก็จะเป็นชุดราตรีแบบสุภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติเพื่อนร่วมทริปและธรรมเนียมของเรือสำราญนั่นเอง

 

อย่างไรก็ตาม ชุดที่เป็นทางการทั้งหลายที่กล่าวมาก็อาจได้รับการยกเว้นสำหรับน้องๆ หนูๆ เด็กเล็ก

 

ชุดที่ไม่ควรสวมใส่เข้าห้องอาหารหลักในมื้อค่ำเลย ได้แก่ เสื้อยืดคอกลม กางเกงยีนส์โดยเฉพาะที่ขาดๆ กางเกงขาสั้นแบบสบายๆ รองเท้าแตะหรือรองเท้าเล่นกีฬา ชุดว่ายน้ำ (ถึงแม้จะใส่ชุดคลุมก็ตาม) เป็นต้น

 

ผู้เขียนเคยเห็นเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ปฎิเสธไม่อนุญาตให้ผูโดยสารที่ใส่กางเกงยินส์ขาสั้นเข้ารับประทานมื่อค่ำที่ห้องอาหารหลัก จนกว่าผู้โดยสารคนนั้นจะไปเปลี่ยนใส่ชุดที่เหมาะสมและสุภาพกว่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้โดยสารทั้งหลายควรคำนึงถึงตามสมควร เพราะนอกจากผู้โดยสารคนอื่นๆ จะแต่งตัวอย่างสุภาพกันแล้ว บริกรในห้องอาหารก็จะแต่งตัวเรียบร้อย ดีงาม เนี๊ยบตั้งแต่ทรงผมจรดรองเท้า รวมถึงท่วงท่าการให้บริการก็เป็นแบบสากลและถูกฝึกฝนมาอย่างดี เหล่านี้ถือเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน

 

บรรยากาศการรับประทานอาหารที่ไหนให้ความรู้สึกใกล้เคียงห้องอาหารหลักบนเรือสำราญ?

บรรยากาศในการรับประทานอาหารในห้องอาหารหลักของเรือสำราญ เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างบรรยากาศในร้านอาหารชั้นดีและการรับประทานอาหารในห้องจัดเลี้ยงงานแต่งงานหรืองานสัมมนา โดยอารมณ์ของห้อง Main Dining Room อาจจะมีความแตกต่างบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ เช่น  ระดับของเรือสำราญ (Luxury // Premium // Family) ขนาดของเรือสำราญ โปรแกรมและเส้นทางที่เดินทาง เป็นต้น

 

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของคุณภาพงานบริการของพนักงานเสิร์ฟและความบันเทิงเช่น เสียงเพลง วงดนตรี เรือ Luxury อาจขับกล่อมท่านด้วยเสียงดนตรีจาก Grand Piano หรือความคึกคักของ Jazz Band และท่านอาจไม่ต้องแปลกใจถ้าพนักงานเสิร์ฟบนเรือสำราญจะกระโดดขึ้นไปเต้นบนเคาน์เตอร์และหรืออาจจะมีนักท่องเที่ยวที่นึกสนุกและร่วมแจมด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือบรรยากาศสนุกๆที่มีโอกาสได้พบและสัมผัสใน Main Dining Room บนเรือสำราญ

 

 

P: 2017-10-15