ภาพรวมเรือสำราญ MS Eurodam

วันพักผ่อนที่สุดแสนจะผ่อนคลายสบายอารมณ์ เลือกล่องเรือสำราญไปกับสายเรือ Holland America Line วันนี้เราจะขอแนะนำ MS Eurodam ซึ่งเป็นเรือสำราญสุดคลาสสิค ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ เจ้าเรือสำราญลำนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2008 และมีการปรับปรุงล่าสุดในปี 2015 โดยมีน้ำหนัก 86,273 ตัน สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 2,104 คน เรือลำนี้ยังมีเส้นทางล่องเรือ ที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วยค่ะ เนื่องจากมีเส้นทางที่หลากหลาย โดยจะเลือกล่องในแถบ เม็กซิโก ฮาวาย อเมริกา แคนาดา อลาสก้า แคริบเบียน บาฮามาส คลองปานามา เป็นต้น ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ San Diego, Vancouver, Seattle และ Fort Lauderdale เป็นหลัก บรรยากาศภายในเรือลำนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งคาสิโน ร้านอาหาร และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ไปกันได้ที่ Silk Den Lounge บนเรือยังมีแหล่งช็อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีอีกมากมาย หรือจะเลือกไปผ่อนคลายกับการนวดตัวด้วยหินร้อน ที่โซนสปาอย่าง Greenhouse Spa & Salon ก็ทำได้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สาธารณะอย่าง สระว่ายน้ำ บาร์ เลานจ์ และโชว์ ดนตรีบรรเลงบทเพลงเป็นจังหว่ะ สลับกับเสียงเพลงเพราะๆ จากนักร้องที่ B.B. King's Blues Club อีกด้วยค่า

   

เส้นทางล่องเรือสำราญ MS Eurodam

- เรือสำราญ MS Eurodam จะล่องในแถบ เม็กซิโก ฮาวาย อเมริกา แคนาดา อลาสก้า แคริบเบียน บาฮามาส คลองปานามา เป็นต้น

- ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ มีล่องตั้งแต่ 4-7 คืนขึ้นไป ในเส้นทางรอบโลกค่า

- เรือสำราญ MS Eurodam ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ San Diego, Vancouver, Seattle และ Fort Lauderdale เป็นต้น

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ MS Eurodam

 

 

ไฮไลท์ 

เรือสำราญ MS Eurodam เป็นเรือสำราญขนาดกลาง ภายในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มีห้องพักกว้างขวางและมีหลากหลายประเภทให้เลือก มีร้านอาหารพิเศษให้เลือกมากมาย อาทิเช่น Pinnacle Grill เมนูสเต็กสุดอร่อย รวมไปถึง Canaletto ห้องอาหารพิเศษ สไตล์อิตาเลียนสุดละมุนลิ้น เรือลำนี้ยังมีไฮไลท์ตรงที่เส้นทางการล่องเรือค่ะ ส่วนใหญ่จะล่องในแถบ เม็กซิโก ฮาวาย อเมริกา แคนาดา อลาสก้า แคริบเบียน บาฮามาส และคลองปานามา เป็นต้น เน้นออกจากท่าเรือหลักอย่าง San Diego, Vancouver, Seattle และ Fort Lauderdale ค่ะ ว่าแล้วลองไปชมคลิปวิดีโอ MS Eurodam ในตัวอย่างเส้นทางโซนอลาสก้ากันก่อนเล๊ยยยย

 

  

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

 

ข้อมูลตัวเลข

 

 

ไลฟ์สไตล์ บนเรือ

เรือสำราญ MS Eurodam จะดึงดูดกลุ่มผู้โดยสารที่มาจากประเทศอเมริกา และแคนาดาเป็นหลักค่ะ โดยผู้โดยสารจะเป็นวัยเกษียณที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป นอกเหนือจากนั้นก็จะมีกลุ่มผู้โดยสารที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเส้นทางการล่องเรือและช่วงเวลา เช่นในช่วงฤดูร้อน เรือจะเลือกล่องในแถบแคริบเบียน อลาสก้า โดยกลุ่มนักเดินทางจะเลือกมากันเป็นครอบครัว รวมไปถึงผู้โดยสารเด็ก ที่อาจมีมากถึง 200 คนเลยทีเดียวค่า 

 

ห้องพักบนเรือสำราญ

 

ห้องไม่มีหน้าต่าง Interior มีขนาดตั้งแต่ 13 ตางรางเมตร - 26 ตารางเมตร

 

ห้องมีหน้าต่าง Oceanview มีขนาดตั้งแต่ 15 ตารางเมตร - 24 ตารางเมตร

 

 

ห้องมีระเบียง Balcony มีขนาดตั้งแต่ 19 ตารางเมตร - 35 ตารางเมตร

 

ห้องสวีทแบบ Signature Suites มีขนาดตั้งแต่ 25 ตารางเมตร - 42 ตารางเมตร (รวมระเบียง)

  

ห้องสวีทแบบ Neptune Suites มีขนาดตั้งแต่ 43 ตารางเมตร - 79 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 

 

ห้องสวีทแบบ Pinnacle Suites มีขนาดประมาณ 119 ตารางเมตร (รวมระเบียง) 

  

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ

 

Explorer's Lounge 

เลานจ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ชั้น 2 อยู่ติดกับ Art Gallery ค่ะ บรรยากาศที่เลานจ์สบายๆ ผ่อนคลาย เหมาะแก่การมาพบปะพูดคุยกับเพื่อนฝูง พร้อมสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งจิบ ที่นี่.. มีทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้ง ชา กาแฟด้วยค่า

  

Gallery Bar

บาร์ที่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสาร สถานที่สุดหรู และผ่อนคลายแห่งนี้ ตั้งอยู่ชั้น 2 บนเรือสำราญ มีรายการเครื่องดื่มให้เลือกสั่งมากมาย บรรยากาศโล่ง ปลอดโปร่ง สบายๆ หรือใครชอบความเงียบสงบ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือ ทำให้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง นั่งชิลๆ ที่ Gallery Bar เป็นเวลาที่คุ้มค่าที่ซู๊ดดดดดดดดด

  

Lido Bar

บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 9 อยู่ตรงบริเวณสระว่ายน้ำค่ะ ผู้โดยสารสามารถนั่งที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบ หรือจะนอนเล่นริมสระแล้วให้บริกรมาเสิร์ฟค็อกเทลเย็นๆ ถึงที่ก็ทำได้ สบายใจเฉิบ อิอิ 

 

Neptune Lounge

เลานจ์สุดหรูบนเรือสำราญลำนี้ ห้องนี้สำหรับแขกผู้เข้าพักในห้องสวีทเท่านั้นค่า เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน พร้อมได้รับการบริการจากพนักงานที่เป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ภายในมีจอโทรทัศน์ไว้รับชมข่าวสาร เพลิดเพลินกับอินเตอร์เน็ตไร้สาย สบายไปกับเก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่ ที่นี่ยังมีอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัล และกาแฟในยามเช้า เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11.00 น. ไปจนถึง 2 ทุ่มค่า ว่าแล้วก็อยากจะหยิบหนังสือมาอ่านสักเล่ม พร้อมสั่งคาปูชิโน่ร้อนๆ มาดื่ม ฟินเฟ่อรรร์

 

Ocean Bar

บาร์สุดหรู พิกัดมากันได้ที่ชั้น 3 บาร์แห่งนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับ Pinnacle Grill เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพบปะเพื่อนฝูง พร้อมสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลมาจิบให้ชื่นฉ่ำหัวใจ พร้อมฟังเสียงเปียโนสุดไพเราะ ที่จะมีการเล่นทุกๆ เย็นในตลอดทริปการล่องเรือสำราญค่า 

 

Pinnacle Bar

สำหรับใครที่เป็นคอไวน์ต้องห้ามพลาด ในแต่ละวันจะมีไวน์สุดพิเศษ มาคอยเสิร์ฟพร้อมจับคู่กับอาหารรสเลิศเข้ากันเป็นที่สุด เป็นสถานที่ที่มาแล้วจะมีเรื่องเล่ามากมาย เหมาะสำหรับมาเป็นคู่รัก สวีทหวาน หรือมาเพื่อพบปะเพื่อนใหม่ก็เป็นไปได้ อิอิ ในการเลือกเทสไวน์รสชาติดี อาจจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมค่า พิกัดอยู่ชั้น 2 บนเรือสำราญนะคะ

 

Sea View Bar

พิกัดมากันได้เลยที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ บาร์แห่งนี้จะอยู่ส่วนท้ายเรือ เพียงแค่ผู้โดยสารหาที่นั่งดีๆ ไม่ว่าจะเลือกที่ร่มหรือกลางแจ้ง จะมีพนักงานรออยู่แล้วเพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ให้จิบได้ทั้งวัน อิอิ แค่คิดก็ฟินเฟ่อร์ อยากจะวาร์ปไปที่ Sea View Bar แล้วสิ

  

Tamarind Bar

มากันได้ที่ชั้น 11 บนเรือสำราญ บาร์แห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเอเชียและอยู่ติดกับร้านอาหาร Tamarind  คุณจะรู้สึกถึงความพิเศษทุกครั้ง เมื่อได้มาที่บาร์แห่งนี้ นั่งชิลๆ สั่งมาร์ตินี่หรือค็อกเทลเย็นๆ พบปะพูดคุยสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนฝูง ถือเป็นอีกหนึ่งโซนที่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้โดยสารไม่น้อยค่า

 

America's Test Kitchen

สำหรับผู้ที่รักการทำอาหาร สามารถมาเรียนรู้ได้ที่ America's Test Kitchen ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 บนเรือสำราญ มาเรียนรู้เทคนิคการทำอาหารง่ายๆ และเรียนรู้วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารที่หลากหลาย จดสูตรของเคล็ดลับความอร่อยและไปหัดทำกันที่บ้านให้คนที่รักได้รับประทาน อิอิ รับรองต้องอึ้ง และทึ่งในรสชาติฝีมือที่เปลี่ยนไป จนต้องยกนิ้วโป้งให้อย่างแน่นอน 

 

B.B. King's Blues Club

สำหรับผู้ที่รักในเสียงเพลง บีบีคิงส์บลูส์คลับจะจัดคอนเสิร์ตบนเวทีเล็กๆ แต่คุณภาพของโชว์คับจอมาก มาสนุกกันได้ในช่วงเย็นใครมาแล้วต้องทั้งร้องและเต้น เอาให้มันส์สุดเหวี่ยงกันไปเลย 

 

Billboard Onboard

สถานที่ที่น่าหลงใหลเคลิ้มไปด้วยเสียงเปียโนคลอเคลีย เรียกโซนนี้ว่า Billboard Onboard เป็นเลานจ์ที่ทันสมัยและสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่รักในเสียงเปียโน เพลงที่เลือกบรรเลงจะมีตั้งแต่ในยุค 50 ไปจนถึงยุคปัจจุบัน เหมาะสำหรับมานั่งจิบไวน์เบาๆ และปล่อยใจให้ลอยไป อิอิ 

 

Casino

สำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชคต้องห้ามพลาด มากันได้ที่คาสิโนแห่งนี้ค่า มีทั้ง แบล็คแจ็ค สล็อต และแครปส์ รับรองว่าอยู่บนเรือทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอนค่า 

 

Digital Workshop

เวิร์คช้อปแห่งนี้ เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่อยู่บนเรือทุกท่าน ที่รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะมีการเรียนการสอน ทั้งในเรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ เป็นประโยชน์อย่างมากค่ะ ในการก้าวทันเทคโนโลยีในปัจจุบัน 

 

Library

สำหรับหนอนหนังสือผู้ที่รักการอ่าน ห้องสมุดบนเรือแห่งนี้เหมาะมากในการเลือกหามุมสงบส่วนตัว และหยิบหนังสือที่โดนใจสักเล่มมานั่งอ่าน รับรองว่าอยู่บนเรือได้ตลอดทั้งวัน จนไม่อยากไปไหนกันเลยทีเดียว ภายในมีทั้งนิตยสาร วรรณคดี ข่าวสารที่น่าสนใจให้เลือกอ่านกันมากมาย 

 

Conference Center

ตั้งอยู่บนชั้น 3 บนเรือสำราญ ห้องนี้สามารถทำกิจกรรมทางศาสนา ห้องประชุม หรือจัดงานปาร์ตี้ได้ตามแต่ช่วงเวลาพิเศษค่า ภายในกว้างขวาง โล่ง บรรยากาศไม่อึดอัดค่า

 

Shops

สถานที่ช็อปปิ้งบนเรือสำราญ ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนให้เหนื่อยค่ะ มากันได้ที่ช้ัน 3 ภายในมีร้านค้าแบรนด์ดังหลากหลาย มีมากมายให้เลือก มีทั้งน้ำหอม เสื้อผ้า แว่นตา ของที่ระลึก มากมาย ช็อปกันให้กระจุยกระจาย กระเป๋าสะตุ้งสตางค์หลุดลุ่ยไปตามๆ กัน อิอิ เลิศศศศศ

 

Lincoln Center Stage

หากใครที่รักในเสียงดนตรีสุดคลาสสิคอย่างเสียงไวโอลินเพราะๆ แนะนำให้มาดูโชว์การแสดงดนตรีสดได้ที่ Lincoln Center Stage อิอิ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม ทำให้วันทั้งวันที่ล่องเรือเป็นวันที่สดใส เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อย่างที่บอกว่าเสียงดนตรีบำบัดคน เห็นจะจริงก็คราวนี้แหละค่า ล่องเรือสำราญมีหลายอย่างที่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ Lincoln Center Stage ก็เป็นหนึ่งกิจกรรมระหว่างวันที่จะทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมไปเลยจ้า 

   

Lido Pool

เป็นสระว่ายน้ำหลัก แขกสามารถมากระโดดน้ำคลายร้อนกันได้ที่นี่ ภายในมีทั้งสระน้ำอุ่นไว้สำหรับแช่ตัว เก้าอี้อาบแดดริมสระ ถือเป็นวันพักผ่อนที่แสนอิสระ และผ่อนคลายเป็นที่สุด อิอิ อยากจะวาร์ปหายตัวไปดำผลุดดำโผล่ที่นี่แล้วสิคะ 

 

Sea View Pool

เป็นสระที่อยู่ด้านท้ายเรือ สระสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ภายในจะมีอ่างน้ำร้อนสองอ่างเอาไว้แช่ตัว บรรยากาศที่นี่จะเงียบสงบมากกว่า Lindo Pool เหมาะสำหรับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว และไม่ชอบความวุ่นวายค่ะ หลบมาคลายร้อนกันได้ที่ท้ายเรือ พร้อมบรรยากาศที่สวยงามของวิวทะเลที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว อิอิ 

 

The Retreat

ถือเป็นสถานที่ที่อยากมามากที่สุด พิกัดจะอยู่ที่ชั้น 11 บนเรือสำราญค่า สำหรับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัว ที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายรายวันที่ต้องจ่ายเพิ่ม สามารถสั่งอาหารกลางวันและแชมเปญมาดื่มได้ พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หากใครที่ไม่ชอบความวุ่นวายและรักความเป็นส่วนตัวที่เงียบสงบ เลือกมาที่นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดค่ะ 

 

 

Beauty Salon

สำหรับใครที่ต้องการดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก็มากันได้ที่ Beauty Salon บริการตัดผม แต่งหน้า ทำเล็บ ครบครันเป็นที่สุด ก้าวเท้าออกจากห้องนี้ไป อาจจะสวยเลิศจนเพื่อนๆ ต้องตกตะลึง อิอิ พิกัดมากันได้ที่ ชั้น 9 บนเรือสำราญค่า

 

The Greenhouse Spa 

สำหรับผู้ที่รักการทำสปาเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้มากันได้ที่ The Greenhouse Spa ตั้งอยู่ตรงชั้น 9 บนเรือสำราญใกล้กับโซนฟิตเนสคลับ บริการมีทั้ง ทรีตเม้นท์ พอกตัวด้วยสมุนไพร นวดตัวด้วยหินร้อนจากธรรมชาติ ซาวน่า รวมไปถึงบริการ Spa Hydro Pool ที่จะทำให้ตัวเบาสบาย ในบริการสปาที่กล่าวมาทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ราคาจะอิงตามรายการที่ผู้โดยสารเลือกค่า 

 

Fitness Center

ผู้ที่รักการออกกำลังกายต้องห้ามพลาด ภายในมีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน ทั้งลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยานไฟฟ้า และอื่นๆ หากใครที่หลงรักการเล่นโยคะ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้เทรนเนอร์ จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมค่า ฟิตเนสเซ็นเตอร์แห่งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 3 ทุ่มค่า พิกัดมากันได้ที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ 

 

 

Sports Court  

สนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือจะเพลิดเพลินกันในแบบแพ็คทีมมาเป็นครอบครัว แนะนำให้ขึ้นมาที่ชั้น 11 ชั้นนี้จะมี Sports Court มีกีฬาหลายชนิดให้เลือกเล่นเป็นทีมเวิร์ค ทั้ง ปิงปอง บาสเก็ตบอล และวอลเล่ย์บอล เป็นต้น อิอิ แดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น เรื่องเกมส์การแข่งขันถือเป็นเรื่องใหญ่ อิอิ ต้องท้ากันซักหน่อยว่าทีมไหนจะชนะ ระหว่างทีมคุณพ่อ ทีมคุณแม่ หรือจะเป็นทีมคุณเพื่อน พร้อมแล้วไปเล่นกันเล๊ยยยย

 

Club HAL

คลับสำหรับเด็กๆ โดยส่วนใหญ่เด็กๆ มักจะมาล่องเรือกันในช่วงปิดเทอมพร้อมผู้ปกครอง เรือสำราญลำนี้จึงจัดโซน Club HAL เพื่อต้อนรับน้องๆ หนูๆ ได้มาสนุก และร่วมทำกิจกรรมในห้องนี้ โดยมีโปรแกรมสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 3 - 17 ปี เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึง 4 โมงเย็น ที่นี่ยังมีบริการอาหารกลางวันสำหรับน้องๆ หนูๆ แต่หากใครที่ต้องการพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด จะมีค่าธรรมเนียมที่ 5 เหรียญต่อชั่วโมงค่า โซนสำหรับเด็กตั้งอยู่ชั้น 10 บนเรือสำราญ สถานที่จะมีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน สำหรับเด็กอายุ 3-6  ปี และ 7-12 ปี ตามแต่พัฒนาการการเรียนรู้ระหว่างวัย กิจกรรมประจำวันสำหรับเด็ก ได้แก่ เกม "Funky Freeze Dance" และ Candyland "Ships Ahoy Pirate Treasure Hunt" รวมถึง "Tweens at Club HAL สนุกกับการแข่งขัน Nukeball และ Xbox เช่นเดียวกับงานศิลปะและงานฝีมือมากมายเช่นการวาดภาพ ระบายสี ตามจิตนาการที่สร้างได้ของเด็กๆ ค่า

 

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ

 

Rembrandt Dining Room 

เป็นห้องอาหารหลัก ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ มื้อเช้า มื้อกลางวัน พร้อมชายามบ่าย และมื้อค่ำ มีเมนูอาหารให้เลือกทานมากมาย เปิดให้บริการตลอดทั้งวันตามรอบเวลามื้ออาหารค่า ภายในโอ่อ่า กว้างขวาง สวยงาม ทำให้ได้บรรยากาศการกินอาหารลงตัวเป็นที่สุด ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 และ 3 บนเรือค่า

 

ห้องอาหารพิเศษ Pinnacle Grill

ใครที่ชอบทานสเต็ก ต้องมาที่ชั้น 3 ตรงห้องอาหารพิเศษ ที่เรียกว่า "Pinnacle Grill" (สำหรับมื้อพิเศษในช่วงกลางวันจะเสียค่าธรรมเนียม 10 เหรียญต่อท่าน) หรือจะเลือกมาดินเนอร์ในมื้อค่ำสุดโรแมนติก ก็สามารถสั่งไวน์มาดื่มคู่กับการทานอาหารรสเลิศก็ดีไม่น้อยค่า เมนูมีทั้งสเต็กเนื้ออย่างดี กุ้งล็อบสเตอร์ ซีซ่าสลัด ของหวานตบท้ายอีกมากมาย (สำหรับมื้อค่ำ 35 เหรียญต่อท่าน)

 

ห้องอาหารพิเศษ Tamarind

เน้นรสชาติอาหารสไตล์เอเชีย มีทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และญี่ปุ่น เป็นห้องอาหารที่ได้รับควาสนใจเป็นอย่างมากค่ะ เพราะมีเมนูที่หลากหลายทั้ง หมูสะเต๊ะ ซุปเรียกน้ำย่อย ซูชิ ซาชิมิ รวมถึงไก่อบเครื่องเทศ ต้มยำกุ้ง เมนูก๋วยเตี๋ยวอื่นๆ อีกมากมาย ขอแนะนำให้มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 25 เหรียญต่อท่าน ตั้งอยู่ชั้น 11 บนเรือค่า 

 

ห้องอาหารพิเศษ Canaletto

สไตล์อิตาเลียน พิกัดมากันได้เลยที่ชั้น 9 บนเรือสำราญ สำหรับห้องนี้จะมีค่าใช้จ่าย 15 เหรียญต่อท่าน จะเปิดให้บริการสำหรับอาหารมื้อค่ำทุกวันค่า เมนูอาหารที่นี่จะหลากหลายมาก ส่วนใหญ่จะมาเป็นจานเล็กๆ เมนูแนะนำ เช่น Antipasto, Zuppa di pesce, Canaletto Salad และ Beef Carpaccio ยังมีจานใหญ่อย่างพาสต้า สปาเก็ตตี้ซีฟู้ด เมนูกุ้งล็อบสเตอร์ เมนูไก่ตุ๋นอบเครื่องเทศสไตล์อิตาเลี่ยน รวมไปถึงเนื้อลูกวัวนุ่มๆ อิอิ พูดเสร็จท้องถึงกับร้องจ๊อกๆ กันเลยแหละค่า

 

Lido Restaurant

เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปจนถึง 23.30 น. ผู้โดยสารทุกท่านจะได้รับประทานอาหารนานาชาติ บุพเฟ่ต์ครบทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน และมื้อเย็น มากันได้เลยค่ะ พิกัดตั้งอยู่บริเวณชั้น 9 บนเรือสำราญ

 

Sel de Mer 

ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 บนเรือสำราญ เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส และมีเมนูซีฟู้ดให้เลือกทานมากมาย ทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ ปู หอยนางรมสดๆ พร้อมมีรายการไวน์ชั้นดีจากฝรั่งเศสให้ลองสั่งมาจิบคู่กับอาหารจานโปรด ยังมีอาหารทานเล่นและของหวานให้ฟินกันปิดท้ายด้วยค่า ห้องอาหารพิเศษแห่งนี้จะเปิดให้บริการในช่วงมื้อค่ำตั้งแต่เวลา 17.00 - 23.00 น. ค่า

 

Dive-In 

ตั้งอยู่ชั้น 9 บนเรือสำราญค่า อยู่ตรงบริเวณสระว่ายน้ำ เราจะเรียกว่าเป็นร้านอาหารริมสระ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา  11.30 น. ไปจนถึง 20.00 น. เมนูมีทั้ง เบอร์เกอร์ และ ฮอทดอกร้อนๆ เบคอนหอมตลบอบอวล มาพร้อมมันฝรั่งอบที่เข้ากันอย่างลงตัว หากใครเหนื่อยจากการเล่นน้ำก็มารับประทานอาหารกันต่อได้ที่นี่ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ตามใจฉันได้เลยค่า 

 

Explorations Cafe 

ร้านกาแฟที่มีบรรยากาศน่านั่ง ตั้งอยู่ภายในโซน Crow's Nest lounge แน่นอนว่าที่นี่เขามีกาแฟรสชาติเยี่ยมมาพร้อมกับคุ้กกี้ แซนวิช และขนมอบกรอบ วางไว้ให้ทานเล่นๆ กรุบกริบๆ สามารถมานั่งอ่านหนังสือ ดูข่าวสารออนไลน์ได้ที่นี่ค่า พิกัดตามมากันได้ที่ชั้น 12 บนเรือสำราญค่า 

 

New York Deli & Pizza 

สำหรับคนที่ชอบทานพิซซ่าต้องมากันที่โซนนี้เท่านั้น ตั้งอยู่บนชั้น 10 ค่ะ เปิดให้บริการอาหารเช้าเวลา 6:30 โมงเช้า - 10:30 โมงเช้า สำหรับมื้อกลางวันจนถึงมื้อค่ำเปิดให้บริการเวลา 11:30-20.30 น. หากใครหิวในรอบดึกก็มากันได้ที่ New York Pizza เปิดให้บริการตั้งแต่ 21.00 น.จนถึง ตี 1 กันเลยทีเดียวค่า เหมาะมากที่จะมากับแก๊งค์เพื่อนๆ สั่งพิซซ่าต้องถาดใหญ่และแบ่งปันกันทานได้หลายๆ คน อิอิ 

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

  

Muster Drill 

ก่อนเรือแล่นออกจากฝั่ง ทุกคนต้องมารวมตัวกันเพื่อทำการซ้อมหรืออบรมการใช้เสื้อชูชีพนั่นเองค่ะ กิจกรรมทุกอย่างบนเรือจะหยุดให้บริการโดยทันที พร้อมกับเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ให้ทุกคนมาตามจุดนัดหมายเพื่อทำการซ้อมฉุกเฉิน ทีนี้ก็ตั้งใจฟังและปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ อิอิ แป้ปเดียวก็เสร็จแล้วค่า

 

 

Beth: 2018-10-18