ภาพรวม Oasis of the Seas สายเรือ Royal Caribbean

 

ช่วงเวลาของการเดินทางได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการเปิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ล่องเรือสำราญไปกับ Oasis of the Seas จะไม่ทำให้เหล่านักเดินทางผิดหวังอย่างแน่นอนค่า วันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับ เรือสำราญลำแรกในตระกูล Oasis Class นั่นก็คือ Oasis of the Seas ของ สายเรือ Royal Caribbean Cruise Line เรือสำราญลำนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5,400 คน ตัวเรือมีน้ำหนักถึง 225,282 ตัน ได้มีการเปิดตัวไปในปี 2009 และได้มีการปรับปรุงล่าสุดเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมานั่นเองค่ะ

Oasis of the Seas  จัดว่าเป็นเรือลำแรกที่มีแนวคิด "Seven Neighborhoods" ด้วยการแบ่งโซนต่างๆ ออกเป็น 7 โซน เพื่อสร้างความบันเทิง บวกกับเพลิดเพลิน สนุกสนานเต็มไปด้วยกิจกรรมสุดมันส์ โดยวางไฮไลท์สำคัญๆ ไว้บนเรืออย่างสมบูรณ์แบบ 7 โซนที่ว่านี้ ได้แก่ The Royal Promenade, Central Park, The Boardwalk, Pools and Sports Zone, Vitality of the Sea, Entertainment Place และ Youth Zone นั่นเองค่า 

 

 

เส้นทางล่องเรือสำราญ  Oasis of the Seas

 

- เรือสำราญ Oasis of the Seas จะล่องในแถบ ยุโรป เมดิเตอร์เรเนียน แคริบเบียน ทรานส์แอตแลนติก เป็นต้น

- ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป 

  • เรือสำราญ Oasis of the Seas ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Port Canaveral, Miami,  Rome/Civitavecchia,  เป็นต้น

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Oasis of the Seas

 

 

ไฮไลท์

เรือสำราญ Oasis of the Seas บนเรือลำนี้มีสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค (Central Park) จุดไฮไลท์ที่ใครๆ ก็ต้องมา ตั้งอยู่ชั้น 9 นั่นเองค่า สถานที่ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด เขียวขจี ให้บรรยากาศที่ร่มรื่น สบายตา และสบายใจค่า บนเรือสำราญลำนี้ยังมีร้านอาหารอีก 25 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ ร้านอาหารสุดหรู 150 Central Park โดยได้เชฟชื่อดัง Michael Schwartz เป็นผู้รังสรรค์เมนูอาหารรสเลิศ บนเรือยังมีกิจกรรมสนุกสนานและความบันเทิงอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น FlowRider กระดานโต้คลื่นจำลองสุดมันส์ Zip Line ท้าทายความเสียว หรือจะเลือกเป็น Rock Climbing กับการปีนหน้าผาจำลองรีดเหงื่อในยามเช้าสาย หรือเล่นกีฬาเป็นทีมเวิร์คบนเรือยังมีสนามบาสเก็ตบอลขนาดใหญ่ รวมถึงมินิกอล์ฟบนเรืออีกด้วยค่า นอกจากนี้ยังมีโซนสปาที่เรียกว่า Vitality Spa และ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ เอาใจผู้ที่รักสุขภาพ ความสวยความงาม และรักในการออกกำลังกายเป็นที่สุด

นอกจากนี้บนเรือยังมีสถานที่ช็อปปิ้งอีกมากมาย ที่ตั้งอยู่ตรงโซน Royal Promenade เลือกไปช็อปสินค้าแบรนด์เนม ทั้งกระเป๋า นาฬิกา เสื้อผ้า เครื่องประดับ และอื่นๆ ภายในยังมีโรงละครขนาดใหญ่ ที่มีการแสดงโชว์ชื่อดังระดับโลกในทุกค่ำคืน รวมถึงพื้นที่สาธารณะ สระว่ายน้ำ พร้อมเก้าอี้เรียงรายรอบๆ เรือ บรรยากาศไม่แออัดอย่างแน่นอน ทุกท่านสามารถใช้เวลาแห่งการพักผ่อนได้ในแบบที่คุ้มค่า นอกจากนี้ยังเอาใจน้องๆหนูๆ กันในโซน Adventure Ocean ภายในห้องมีกิจกรรมสำหรับเด็กมากมาย แบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามช่วงวัย และพัฒนาการเรียนรู้ ทั้งการประดิษฐ์ จิตกรวาดภาพ กิจกรรมทดลองทางวิทยาศาสตร์ เกมส์ และของเล่นเสริมสร้างทักษะและจินตนาการที่ครบครันค่า  

 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

 

ข้อมูลตัวเลข

 

ไลฟสไตล์บนเรือ

เรือสำราญ Oasis of the Seas เป็นเรือสำราญที่เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวค่ะ เพราะด้วยกิจกรรมที่มีมากมาย ตอบโจทย์ได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ และวัยรุ่น ได้มาสนุกกับเครื่องเล่นมันส์ๆ อย่าง FlowRider กระดานโต้คลื่น Rock Climbing ปีนหน้าผาจำลอง หรือท้าทายความเสียวด้วย Zip Line เรือลำนี้ยังดึงดูดกลุ่มคู่รัก ได้มีช่วงเวลาพิเศษ และสุดแสนจะโรแมนติก ทั้งร้านอาหารพิเศษที่มีมากมายให้เลือกในช่วงมื้อค่ำ เป็นมื้อดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดหรู เป็นต้น ส่วนใหญ่เรือสำราญ Oasis of the Seas จะมีกลุ่มผู้โดยสารหลักที่มาจากอเมริกาเหนือค่ะ และยังมีกลุ่มผู้โดยสารอีกกว่า 2,000 คน ที่มาจากทางยุโรป และอเมริกาใต้ อีกด้วย

 

ห้องพักบนเรือสำราญ

ประเภทของห้องพักบนเรือสำราญ รูปแบบห้องพัก มีอยู่ 4 ประเภทหลัก หลาย 10 ประเภทย่อย 

 

Interior Cabin 

 

ห้อง Ocean View

 

 

ห้อง Balcony

 

 

ห้อง The Royal Loft Suite with Balcony

 

 

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ

สำหรับใครที่ชื่นชอบชมโชว์ การแสดง สุดยิ่งใหญ่ ตระการตา มากันที่ Aqua Theater ตั้งอยู่ชั้น 6 บนเรือสำราญค่า อยู่ใกล้กับโซน Boardwalk ค่า หากใครต้องการจะชมโชว์การแสดงแนะนำว่าให้ทำการจองที่นั่งไว้ล่วงหน้า การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตื่นเต้นกับโชว์โดยทีมนักกีฬายิมนาสติกมืออาชีพ พริ้วไหว ผาดโผน และมีท่วงท่าการแสดงที่ทรงพลัง และแข็งแรง รับรองว่าคุ้มค่าที่ได้ชมอย่างแน่นอนค่า ความบันเทิงยังมีอีกเพียบ ต่อกันด้วย Opal Theater โรงละคร 3 ชั้น ที่ตั้งอยู่ ชั้น 3, 4, 5 เพลิดเพลินไปกับโชว์ละครบรอดเวย์ เรียกความสุขได้ตลอดทั้งเรื่อง รวมไปถึง Comedy Club การแสดงตลกตั้งอยู่ชั้น 4 ของเรือ เรียกเสียงฮาจนน้ำตาเล็ดกันไปเล๊ยยยยย ขอบอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาดในทุกๆ โชว์ค่า 

 

กิจกรรมสนุกๆ FlowRider กระดานโต้คลื่นจำลองที่เห็นในภาพ FlowRider จะถูกแบ่งเป็นสองฝั่งค่ะ ฝั่งแรกสำหรับท่ายืน และฝั่งที่สองก็คือท่าง่ายๆ ตามในรูปภาพฝั่งนี้จึงเหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่นเอามั๊กมาก อิอิ หากใครพร้อมแล้ว ตามมาสนุกกันได้ที่ FlowRider ชั้น 17 บนเรือค่า ตามมาติดๆ ด้วย Rock Climbing เอาใจผู้ที่รักการปีนเขา ด้วยน่าผาจำลองที่มีความสูง 30 ฟุต ตั้งอยู่บนชั้น 6 ใกล้กับ AquaTheater ค่ะ มีอุปกรณ์ครบครันทั้งหมวกกันน็อค สายรัด และรองเท้า กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 6 ปี ขึ้นไปค่า มากันได้ที่นี่ รับรองว่าได้เหงื่อตกกันไปตามๆ กันแน่นอน อิอิ ความมันยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมี Zip Line ที่มีความสูง 82 ฟุต พอจะทำให้เสียวว๊าบ ด้วยการเห็นวิวด้านล่างแบบเปิดโล่งของโซน Boardwalk นั่นเองค่า พิกัดท้าทายความเสียวมากันได้ที่ชั้น 15 บนเรือค่า

  

นอกจากนั้น ยังมีโซนที่เรียกว่า Boardwalk จะอยู่ทางด้านท้ายลำเรือชั้น 6 มีร้านอาหาร ร้านนั่งทานนั่งดื่มแบบชิวๆ สุดชิค ร้านอาหารที่ว่านี้ เช่น Boardwalk Dog House, Sabor Tequileria, Johnny Rockets, Cups & Scoops และที่สำคัญทางด้านท้ายเรือก็ยังมี Aqua Theater เป็นลานแสดงสุดตระการตา อีกหนึ่งโซนไฮไลท์บนเรือที่ห้ามพลาดค่า 

 

 

Central Park บรรยากาศแสนร่มรื่น เพราะภายในเรือมีการจำลองสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Central Park ซึ่งมีพืชพรรณนานาชนิดเรียงรายกันอยู่ซึ่งมากกว่า 12,175 ต้น และมีต้นไม้กว่า 56 ต้น ให้ความร่มเงา และร่มเย็นบนเรือสำราญขนาดใหญ่ สวนจำลองขนาดใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่กลางลำเรือ ชั้น 8 ค่ะ

 

โซน Royal Promenade ตั้งอยู่ชั้น 5 ค่า โซนนี้จะมีบาร์อยู่เพียบ เหมาะสำหรับผู้ที่รักการดื่ม และพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ทั้ง Boleros, Globe & Atlas Pub, Champagne Bar, Rising Tide Bar และ Schooner Bar และโซนนี้ยังมีสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษีให้ทุกท่านได้เดินเข้าชอปมาเลือกช้อปปิ้งกันกระจุยกระจาย ให้กระเป๋าเบาหวิวๆ กันไปเลยจ้า

 

บนเรือสำราญยังมีโซน Vitality Spa แบบครบครัน ตั้งอยู่บนชั้น 6 และชั้น 7 ค่ะ ทุกท่านสามารถมาใช้บริการสปา ทั้งนวดตัว และขัดตัว บำรุงผิวพรรณ บำรุงและดูแลเล็บมือ เล็บเท้า เรียกได้ว่าดูแลความสวยความงามตั้งแต่หัวจรดเท้าค่า ยังมีห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ ห้องตัดผม ห้องเสริมสวย เรียกได้ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมี Fitness Center ที่มีอุปกรณ์การออกกำลังกายมากมาย ทั้งลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยาน และอุปกรณ์การออกกำลังกายอื่นๆ บอกได้คำเดียวว่าเอาใจคนรักสุขภาพเป็นที่ซู๊ดดด

  

อีกหนึ่งโซนที่เป็นไฮไลท์ นั่นก็คือ สระว่ายน้ำนั่นเองค่า ตั้งอยู่บนชั้น 15 พื้นที่สาธารณะที่สามารถรองรับแขกได้แบบไม่แออัด เนื่องจากมีเก้าอี้นอนอาบแดด เรียงรายอยู่รอบๆ บริเวณค่ะ พื้นที่สาธารณะแห่งนี้มีสระว่ายน้ำหลัก เป็นสระขนาดใหญ่ กระโดดให้ตัวเปียกปอนชื่นฉ่ำ คลายร้อนได้ในระหว่างวัน ยังมีโซน The beach pool เป็นสระน้ำเค็ม ร่มกันแดด พร้อมเก้าอี้นอนเอนสบายใจเฉิบให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในชายหาดค่า ยังไม่หมดเพียงเท่านี้มาเอาใจเด็กๆ น้องๆ นู๋ๆ กันด้วย H2O Zone สระสำหรับน้องๆ นู๋ๆ ให้ได้สนุก และเพลิดเพลิน เรียกเสียงหัวเราะไปกับการเล่นน้ำคลายร้อนในระหว่างวัน แบบไม่มีวันเบื่อเลยทีเดียว ยังมีโซน Solarium เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ได้ไปแช่ตัวในสระบำบัดที่อยู่ในร่ม รับรองว่าผิวไม่มีแทนอย่างแน่นอน อิอิ

 

 

เอาใจคนรักกีฬา และท้าทายคู่ต่อสู้กันด้วยโซน Mini-Golf และ Sports Court รวมถึง ปิงปอง กีฬายอดฮิต ที่ต้องเอาชนะคู่แข่งขันให้ได้ ทั้งหมดนี้ถูกยกไปไว้บนเรือสำราญ ตั้งอยู่บนชั้น 15 นั่นเองค่า ท่านสามารถมาสนุกกันเป็นทีม ทั้งแบบครอบครัว หรือจะนัดรวมตัวกันในแบบเพื่อนฝูงก็ทำได้ อิอิ สนุกจนไม่อยากจะกลับบ้านกันสะแล้วซิ 

 

 

  

กิจกรรมสำหรับเด็ก

Adventure Ocean โซนสำหรับน้องๆ นู๋ๆ ตั้งอยู่บนชั้น 16 ค่า ซึ่งพื้นที่ภายในจะถูกแบ่งเป็นตามโซน เหมาะแก่เด็กที่มีพัฒนาการไปตามวัย ตั้งแต่ห้อง Aquanauts (อายุ 3-5 ปี) ห้อง Explorers (อายุ 6-8 ปี) และ ห้อง Voyagers (อายุ 9 -11 ปี) เป็นต้นค่า กิจกรรมมีทั้งเกมส์สนุกๆ ฝึกวาดภาพ ระบายสี ฝึกทำผลงานศิลปะต่างๆ ด้วยตนเอง และกิจกรรมพัฒนาทักษะอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสำหรับเด็กทารกเบบี๋ ที่เรียกว่า Royal Babies สำหรับทารกอายุต่ำกว่า 6-18 เดือนอีกด้วย นอกจากนี้ภายในยังมีสถานรับเลี้ยงเด็กบนเรือ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนั่นเองค่า ติดตามได้เพิ่มเติมจาก สายเรือสำราญ Royal Caribbean ที่เด็กๆ รักมากที่สุด สนุกจนไม่อยากกลับบ้าน

 

 

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ 

ห้องอาหารหลัก Main Dinning Room หรือเรียกว่าห้อง Grand ช่วงเวลาอาหารเย็นสำหรับห้องนี้จะแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรกเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00 น. และ รอบที่สอง 20.30 น. ภายในโอ่อ่า สวยงาม กว้างขวาง และหรูหรา ตกแต่งด้วยการใช้โทนสีทอง เพิ่มความอบอุ่น และคลาสสิค อีกทั้งยังมีเมนูอาหารที่หลากหลาย พิกัดมากันได้ที่ชั้น 4 บนเรือค่า 

  

 

ร้านอาหารสุดหรูบนเรือต้องมากันที่ 150 Central Park ห้องนี้จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 40 เหรียญต่อท่าน มีเมนูอาหารสำหรับมื้อค่ำสุดพิเศษเป็นแบบ 6 คอร์สเมนู โดยได้เชฟ Michael Schwartz เป็นผู้รังสรรค์เมนูอาหารรสเลิศ สามารถเลือกเมนูอาหาร จับคู่กับไวน์ชั้นเยี่ยม เข้ากันเป็นที่สุด ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเริ่มต้นที่ 75 เหรียญต่อท่าน พิกัดมากันได้ที่ชั้น 8 บนเรือสำราญค่า รับรองว่ามาที่ห้องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

American Icon Grill ห้องอาหารสไตล์อเมริกัน ตั้งอยู่บนชั้น 3 บนเรือสำราญค่า ห้องอาหารนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเวลา ตั้งแต่ 17.15 น. - 21.30 น. และต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้า มีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย อาทิเช่น กุ้งล็อบสเตอร์รสชาติเยี่ยม แซลมอน สำหรับคนรักอาหารประเภทย่าง มีทั้ง อกไก่ เนื้อแกะ และ เนื้อวัวย่างอย่างดี รวมไปถึง ลาซานญ่า สลัด และ อื่นๆ อีกมากมาย ตบท้ายกันด้วยเมนูของหวานกอย่างช็อกโกแลตเค้ก บอกได้คำเดียวว่า ฟินที่ซู๊ดดดดด อ้อ! ที่นี่ยังเปิดให้บริการอาหารเช้านะคะ เปิดให้บริการตั้งแต่ 7.00-9.00 น. ค่า

 

Silk ห้องอาหารที่ได้รับการตกแต่งสไตล์เอเชีย ตั้งอยู่บนชั้น 5 ค่า เปิดให้บริการสำหรับมื้อเย็น โดยแบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบแรกเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.00 น. และ รอบที่สอง 20.30 น. ค่ะ เมนูอาหารมีมากมาย และหลากหลายให้เลือกค่า

 

ห้องอาหาร Windjammer Marketplace ตั้งอยู่บนชั้น 16 ค่า เป็นห้องอาหารสไตล์บุฟเฟ่ต์ สำหรับมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ มีอาหารให้เลือกทานมากมาย หลากหลาย สำหรับมื้อเช้า  เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 6.30 - 11.00 น. มื้อกลางวันเปิดให้บริการ 11.30 น.-15.00 น. และมื้อเย็นเปิดให้บริการเวลา 17.30 - 21.00 น. ค่า  

  

หากใครชื่นชอบการทานอาหารอิตาเลี่ยน แนะนำให้มาที่ Giovanni's Table ค่ะ อยู่ตรงโซน Central Park ชั้น 8 บนเรือ สำหรับมื้อค่ำห้องอาหารพิเศษแห่งนี้จะมีค่าใช้จ่าย 25 เหรียญต่อท่านค่ะ และสำหรับมื้อกลางวันจะมีค่าใช้จ่าย 20 เหรียญต่อท่านค่า เมนูมีทั้ง พาสต้า ชีท เบคอน เนื้อลูกวัวราดซอส ซีซ่าสลัด ซีฟู๊ด และอื่นๆ อีกมากมาย 

 

Izumi Hibachi & Sushi เอาใจคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ห้องอาหารแห่งนี้เปิดเฉพาะมื้อกลางวัน และมื้อเย็นเท่านั้นค่ะ คิดค่าใช้จ่ายที่ 25-30 เหรียญต่อท่าน เมนูยอดนิยมคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นั่นก็คือ ชูชิ ท่านสามารถสั่งเบียร์เย็นๆ มาจิบคู่กับอาหารสุดพิเศษได้อย่างสบายใจ พิกัดมากันได้ที่ชั้น 4 บนเรือค่า 

 

Chops Grille เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งห้องอาหารยอดนิยม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทานสเต็กต้องมากันที่นี่ค่ะ โดยจะมีค่าใช้จ่าย 39 เหรียญต่อท่าน เมนูมีมากมายหลากหลาย เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง ซุปเห็ดร้อนๆ ตามมาด้วยสลัด ไปจนถึงเมนูอาหารจานหลักอย่าง สเต็กเนื้อวัวอย่างดี เมนูซีฟู๊ด กุ้งล็อบสเตอร์ หอยเชลล์ย่าง ทูน่าย่างหอมกรุ่น และที่สุดของความอร่อยคงต้องยกนิ้วโป้งให้กับซี่โครงย่าง อร่อยอย่าบอกใครเลยหล่ะค่า พิกัดมากันได้ที่โซนเซ็นทรัลปาร์ค ชั้น 8 เปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็น บรรยากาศรื่นรมย์ เงียบสงบ รับประทานอาหารไปพร้อมกับฟังเสียงดนตรีสดๆ มีความสุขที่สุด ไปเลยค่า

  

Sabor ร้านอาหารแม็กซิกัน โซน Boardwalk ชั้น 6 ค่า ที่นี่เขาเปิดให้บริการทั้งมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ มีเมนูหลากหลาย ให้ได้เลือกทาน ฟินจนอิ๋มแปล้ อาจจะทำให้ท่านไปต่อร้านอื่นไม่ไหว อิอิ ที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายตามราคาเมนูอาหารแต่ละอย่างที่สั่งค่า 

 

Boardwalk Dog House สำหรับใครที่ชอบทานฮอทดอกร้อนๆ แนะนำให้มาที่โซน Boardwalk ตั้งอยู่ชั้น 6  บนเรือสำราญค่า เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.30 น. - 19.00 น. หากใครหิวก็สามารถมากันได้เลย รับรองว่า อิ่มสบายท้องอย่างแน่นอน อิอิ

 

Johnny Rockets ตั้งอยู่บนชั้น 6 โซน Boardwalk ค่า เมนูมีทั้ง เบอร์เกอร์ เฟรนฟราย ขนมปังปื้ง พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งทานกันได้ด้วยบรรยากาศเพลินๆ สบายๆ เต็มไปด้วยผู้คนที่มีชีวิตชีวาบนถนนสาย Boardwalk ทั้งช่วงเช้าสายๆ กลางวัน และ ช่วงเย็นๆ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักเดินทางล่องเรือเลยก็ว่าได้ค่ะ

 

Solarium Bistro  เปิดให้บริการสำหรับมื้อเช้า มื้อกลางวัน สำหรับมื้อค่ำที่นี่จะกลายเป็นร้านอาหารและจะมีค่าใช้จ่าย 20 เหรียญต่อท่านค่ะ (เฉพาะมื้อค่ำ) เมนูมีทั้ง ใส้กรอก เบคอน ไก่งวง สลัดบาร์ ปลากระพงนึ่ง ปลาแซลมอนและทูน่า อื่นๆ อีกมายมาย พิกัดมากันได้ที่ชั้น 15 บนเรือสำราญค่า