ภาพรวมเรือสำราญ Royal Princess 

 
 
 
วันนี้เราจะขอแนะนำอีกหนึ่งเรือสำราญของสายเรือ Princess Cruises  นั่นก็คือ Royal Princess เรือลำนี้ได้รับการขนานนามโดยดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และเป็นที่รู้จักในชื่อ เคทมิดเดิลตัน นั่นเองค่า เรือสำราญลำนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2013 และพึ่งมีการปรับปรุงตัวเรือไปเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา โดยมีน้ำหนักถึง 141,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 3,600 คน ถือเป็นเรืออีกหนึ่งลำที่น่าจับตามอง ของเหล่านักล่องเรือสำราญจากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากมีเส้นทางที่น่าสนใจ โดยจะเน้นวิ่งในเส้นอลาสก้า เส้นทางแห่งธรรมชาติอันงดงาม โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหิมะ พร้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และสัตว์โลกนานาชนิด เส้นทางล่องเรือ Royal Princess ถือเป็นเทรนต์ยอดฮิตติดลมบน ที่ใครหลายๆ คน ต้องห้ามพลาด เส้นทางทางธรรมชาติแนะนำ เช่น ทริป 7 คืน ออกจากท่าเรือ Vancouver ล่องไปยัง Ketchikan, Juneau, Skagway, Glacier Bay, College Fjord และสิ้นสุดที่ Whittier เป็นต้นค่ะ

เรือสำราญ Royal Princess บนเรือยังมีโซนที่เรียกว่า SeaWalk สำหรับใครที่อยากจะชมทัศนยภาพอันงดงามของท้องทะเล ก็สามารถมาเดินเล่นกันได้ที่นี่ SeaWalk เป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกมาจากขอบเรือโดยมีความยาว 60 ฟุต และ สูง 128 ฟุต เหนือคลื่นทะเล และยื่นออกไปไกลกว่าขอบเรือ 28 ฟุต สัมผัสช่วงเวลา และ ประสบการณ์อันสุดพิเศษนี้ได้ด้วยตัวท่านเอง รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า
 

 

 
- เรือสำราญ Royal Princess จะล่องในแถบ อลาสก้า อเมริกา แคนาดา เป็นต้น
 
- ระยะเวลาการเดินทางโดยส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 3 คืนขึ้นไป
 
- เรือสำราญ Royal princess ส่วนใหญ่จะออกจากท่าเรือ Vancouver, Fairbanks, Anchorage และ Los Angeles เป็นต้น
 
 
 

 
  
 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Royal Princess

 

 

 

 

ไฮไลท์ 

 
ไฮไลท์ของเรือสำราญลำนี้ คือ เส้นทางล่องเรือที่โดดเด่น และน่าตื่นตาตื่นใจ มีทั้งทริปสั้นๆ 3 คืนขึ้นไป จนถึงทริปล่องเรือยาวๆ 15 คืน เอาใจคนรักล่องเรือในเส้นทางทางธรรมชาติ ชมความงามของ น้ำตก ขุนเขา พร้อมชมความมหึมาอลังการไปกับหิมะน้ำแข็ง รวมไปถึงสัตว์โลกนานาชนิด ที่สามารถพบเห็นในตลอดทริปของการล่องเรือสำราญ 
 
Royal Princess จะเน้นวิ่งในเส้นอลาสก้า ออกจากท่าเรือที่ แวนคูเวอร์เป็นหลัก ทริปไฮไลท์แนะนำ 15 คืน เริ่มจาก Vancouver ล่องไปยัง Ketchikan, Juneau, Skagway, Glacier Bay, College Fjord, Whittier, Kenai Princess Wilderness Lodge, Copper River Princess Wilderness Lodge, Denali Princess Lodge และสิ้นสุดที่ Fairbanks (NA8) เป็นต้นค่า


 

 
 
 
 
 
 
 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

 

 
 
 

ข้อมูลตัวเลข

 
 
 

 
 
 
 
 

ไลฟ์สไตล์ บนเรือ

 
 
 
กลุ่มผู้โดยสารของเรือสำราญ Royal Princess จะเป็นกลุ่มนักเดินทางที่มาจากหลากหลายประเทศ ขึ้นอยู่กับเส้นทางล่องเรือค่ะ เช่น ในเส้นทางล่องเรือแคริบเบียน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอเมริกัน เมื่อเรือลำนี้แล่นไปในเส้นทางแถบเมดิเตอร์เรเนียนเราก็จะพบกับกลุ่มของนักเดินทางชาวอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ค่ะ โดยพวกเขาเหล่านี้จะมีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วง 40 ปี ขึ้นไป  และเลือกมาเที่ยวพักผ่อนกันเป็นครอบครัว ทั้ง ปู่ ย่า ตายาย และ ผู้โดยสารเด็กเราจะพบเห็นเด็กๆ บนเรือ ในช่วงที่พวกเขาปิดเทอม โดยเลือกมาพร้อมกับคุณพ่อ คุณแม่  เป็นหลักค่า
 
  
 

ห้องพักบนเรือสำราญ

 
ห้องพักบนเรือสำราญมีตั้งแต่ห้อง Interior (ห้องไม่มีหน้าต่าง) ห้อง Balcony (ห้องมีระเบียง) และห้องสวีท ภายในห้องพักมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโทรทัศน์ ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ชุดคลุมอาบน้ำ และห้องสวีทสุดหรูบางห้องจะมีอ่างอาบน้ำภายในตัว ขนาดของห้องพักจะมีความกว้างตั้งแต่ 15 ตารางเมตร ไปจนถึง 63 ตารางเมตร เป็นต้นค่ะ
 
 
 

รูปแบบห้องพัก

 
Interior ห้องไม่มีหน้าต่าง
 

 
 
 
Balcony ห้องมีระเบียง
 

 
 
 
Deluxe Balcony ห้องมีระเบียงแบบดีลักซ์
 

 
 
 
Mini-Suite ห้องมินิสวีท
 

 
 
 
Suites ห้องสวีท
 

 
 
 

กิจกรรมความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือสำราญ

 
SeaWalk สำหรับใครที่อยากจะชมทัศนยภาพอันงดงามของท้องทะเล แนะนำให้มาเดินที่ SeaWalk ซึ่งเป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกมาจากขอบเรือนั่นเองค่า Seawalk บนเรือลำนี้ถือเป็นที่แรกของโลก โดยมีความยาว 60 ฟุต และ สูง 128 ฟุต เหนือคลื่นทะเล และยื่นออกไปไกลกว่าขอบเรือ 28 ฟุต สัมผัสช่วงเวลา และ ประสบการณ์อันสุดพิเศษนี้ได้ด้วยตัวท่านเอง รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างน่นอนค่า
 

 
 
 
Princess Theatre โรงละครขนาดใหญ่แห่งนี้ ตั้งอยู่ชั้น 6 และ 7 บนเรือค่ะ บนเวทีแห่งนี้เต็มไปด้วยโชว์การแสดงต่างๆ มากมาย มีทั้งละครบรอดเวย์ โชว์มายากล การแสดงตลก และ การแสดงดนตรีสด พร้อมแสง สี เสียง และเอฟเฟต์พิเศษสุดยิ่งใหญ่ตระการตา รวมทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของนักแสดง ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่แขกทุกท่านจะเข้ามาเพลิดเพลินกับโชว์การแสดง ที่ทำให้ตลอดทั้งวันแห่งการล่องเรือไม่เป็นวันที่น่าเบื่ออย่างแน่นอนค่ะ
 

 
 
 
Vista Gaming Lounge ห้องนี้ตั้งอยู่บนชั้น 7 บริเวณท้ายลำเรือค่า มีพนักงานคอยให้บริการแขกทุกท่านที่มาใช้บริการห้องนี้ ภายในมีทั้งการแสดงตลก มายากล และเสียงเพลงเพาะๆ จากนักดนตรีคอยบรรเลงเพลงให้ฟังกันสดๆ บรรยากาศเหมาะมากันเป็นก๊วนเพื่อนฝูง นั่งเล่นไพ่ หรือเกมส์ต่างๆ บนโต๊ะกระดานสี่เหลี่ยม นอกจากนี้ภายในเลานจ์แห่งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญในการฝึกสอนเต้นรำอีกด้วยค่า 
 




 
Art Gallery & Auctions ห้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ หรือตามหาแรงบันดาลใจอันน่าทึ่งจาก Art Gallery นอกจากนี้ยังมีการจัดการประมูลผลงานศิลปะให้ได้ตื่นเต้นกันสุดๆ ศิลปินชื่อดังที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ Thomas Kinkade, Peter Max และ Michael Godard ท่านสามารถเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นค่า 

 

 
 
 
Sing on the Sea Karaoke สำหรับใครที่ชื่นชอบร้องเพลงคาราโอเกะเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้เข้าพักห้องสวีทที่มีทั้งหมด 6 ห้อง ภายในมีห้องคาราโอเกะแบบส่วนตัว และสามารถรองรับแขกผู้เข้าพักได้สูงสุด 6 คนต่อห้อง แนะนำว่าชวนเดอะแก้งค์มาร่วมร้องเพลงด้วยกัน หรือจะใช้เวลาร้องเพลงเพลินๆ ไปกับครอบความก็สนุกไปอีกแบบค่า 
 

 
 
 
The Shops สำหรับขาช้อปปิ้งมากันได้ที่ชั้น 5 และ ชั้น 7 ค่า มีสินค้าปลอดภาษี และสินค้าแบรนด์เนม ทั้งกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับ และของที่ระลึกต่างๆ แบรนด์เนมชื่อดัง อาทิเช่น Prada, Gucci, Chanel, Ferragamo, Coach, Swarovski, Cartier, Bvlgari และ Chopard รวมถึงนาฬิกาสุดหรูจาก Omega และ Blancpain และอื่นๆ อีกมากมาย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเรือ Princess ถึงได้รับรางวัล "Best Onboard Shopping" จากนิตยสาร Porthole ปีแล้วปีเล่านั่นเองค่า
 

 
  
 
Casino สำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชค ภายในมีทั้ง สล็อต แบล็คแจ็ค รูเล็ต ตู้เกมส์ และ อื่นๆ อีกมากมาย ขอให้ท่านแน่ใจว่า เตรียมงบติดตัวไว้มากพอสมควร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนแห่งการล่องเรือที่แสนยาวนาน สนุกสนานให้เต็มที่ในค่ำคืนแห่งวันเสี่ยงโชคอันตื่นเต้น และน่าลุ้น ไปพร้อมๆ กัน
 

 
 
 
Ocean Terrace Juice Bar บาร์แห่งนี้ตั้งอยุ่บนชั้น 7 ค่ะ สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ และชอบดื่มน้ำผลไม้ปั่นแบบไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ให้มาที่ Ocean Terrace Juice Bar มีผลไม้หลากหลายนานาชนิด เช่น ส้ม สับปะรด แตงโม และแอปเปิ้ล เป็นต้น
 



Club 6
เพลิดเพลินไปกับปาร์ตี้เต้นรำในยามค่ำคืน แขกสามารถสั่งค็อกเทล และเต้นรำไปกับจังหวะเพลงโปรด โดยจะมีดีเจคอยเล่นเพลงสนุกๆ ให้ฟังตลอดทั้งคืนค่า รับรองว่าสถานที่แห่งนี้จะทำให้แขกทุกท่านมีชีวิตชีวา และไม่ได้เป็นการล่องเรือที่น่าเบื่ออีกต่อไป อิอิ 



 
 
 
Vines ตั้งอยู่บนชั้น 5 ค่ะ โซนนี้เหมาะสำหรับผุ้ที่ชื่นชอบไวน์ ภายในห้องตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยโต๊ะไม้สีทอง หน้าต่างเปิดรับแสงจากธรรมชาติ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและสบายๆ ที่ Vines แห่งนี้มีไวน์นานาชนิดจากทั่วทุกมุมโลกที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ในช่วงก่อนมื้ออาหารค่ำที่นี่จะมี Tapas อาหารว่างสไตล์สเปน และ Sushi ซูชิสไตล์ญี่ปุ่น ให้ทานเล่นๆ พร้อมจิบไวน์เรียกน้ำย่อยไปพรางๆ ค่า
 

 
 
 
Crown Grill Bar บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 7 ค่ะ เป็นบาร์ขนาดใหญ่ที่มีบรรยากาศน่านั่งเป็นที่สุด ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา ด้วยเก้าอี้ไม้ และ โคมไฟที่มาพร้อมกับแสงสีทองนวล สวยงาม และอบอุ่นเป็นที่สุด เป็นอีกหนึ่งโซนที่เหมาะมากันกับเพื่อนฝูง เพื่อจิบค็อกเทลเย็นๆ พร้อมพบปะพูดคุยสบายๆ ก่อนได้เวลาอาหารมื้อค่ำนั่นเองค่า
 

 
 
 
SeaView Bar ตั้งอยูบนชั้น 16 ค่ะ อยู่ใกล้กับทางเดินกราบขวาของเรือฝั่งตรงข้ามกับ SeaWalk เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าผู้โดยสาร บรรยากาศสบายๆ จิบเครื่องดื่ม และรับลมเย็นๆ พร้อมกับการบริการของเหล่าบาร์เทนเดอร์ที่คอยให้ความบันเทิงอยุ่ตลอดเวลานั่นเองค่า
 

 
 
 
Pool สระว่ายน้ำหลักบนเรือ ที่เรียกว่า Fountain Pool และ Retreat Pool แขกทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับการกระโดดเล่นน้ำคลายร้อนระหว่างวัน มีสระน้ำลึกสองสระ พร้อมเก้าอี้นอนอาบแดดเรียงรายกันเป็นระเบียบสวยงาม นอกจากนี้บริเวณท้ายลำเรือ ยังมีสระว่ายน้ำและบาร์ เรียกว่า Wakeview ที่สามารถเห็นทัศนียภาพของท้องทะเลได้อย่างงดงาม
 

 
 
 
The Sanctuary เป็นสถานที่พักผ่อนสุดพิเศษสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นค่า บรรยากาศ ผ่อนคลาย สบายๆ และมาพร้อมกับวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลที่สวยงาม และเงียบสงบ สามารถมานอนอาบแดดอุ่นๆ และรับเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจกันไปเล๊ยยย
 

 
 
 
Lotus Spa วันแรกแห่งการล่องเรือสำราญ เราขอแนะนำให้มาที่สปาแห่งนี้ เพื่อผ่อนคลายสบายทั้งกายและใจเป็นที่ซู๊ดดด Lotus Spa ตั้งอยู่บนชั้น 5 บนเรือค่ะ แขกสามารถเลือกการนวดบำบัด หรือทำทรีทเม้นท์ รวมถึงดูแลผิวพรรณ ผิวน้ำ อีกทั้งยังมีบริการตัดผม ทำเล็บ ภายในยังมีทั้งห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ และห้องน้ำส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ แบบครบครัน รับรองว่าให้อารมณ์ที่ผ่อนคลาย และเป็นวันพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งวันอย่างแน่นอน
 

 

 
 
 
Fitness ศูนย์ออกกำลังกายฟิตเนสแห่งนี้จะตั้งอยู่ชั้น 17 บนเรือค่ะ ภายในมีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน ทั้งลู่วิ่งไฟฟ้า เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องปั่นจักรยาน พร้อมบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลที่สวยงาม นอกจากนี้ภายในยังมีสตูดิโอ สำหรับเต้นแอโรบิค ห้องพิลาทิส ห้องเรียนเต้น Zumba และอื่นๆ ทั้งนี้หากทำกิจกรรมที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการฝึกสอน หรือเทรนเนอร์ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ ศูนย์ฟิตเนสจะเปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นต้นไปค่า 
 

 
 
 
Sports Courts สนามกีฬาขนาดใหญ่บนเรือ ตั้งอยู่ชั้น 18 นั่นเองค่า เอาใจสำหรับผู้ที่รักกีฬา แนะนำว่าให้ชวนเพื่อนๆ มากันได้ที่ชั้นดาดฟ้า กิจกรรมกีฬาในโซนนี้มีทั้งบาสเกตบอล เทนนิส วอลเลย์บอล แบดมินตัน ฟุตบอล มินิกอล์ฟ และ ปิงปอง เป็นต้นค่า
 

 
 
 
 
 

กิจกรรมบนเรือสำหรับเด็กๆ

 
Explore the Treehouse ห้องนี้เหมาะสำหรับน้องๆ หนูๆ อายุ  3-7 ขวบค่า เพลิดเพลินไปกับสัตว์ต่างๆ สนุกไปกับบ้านต้นไม้  ภายในห้องมีทั้งตัวต่อเลโก้ ของเล่น อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้ น้องๆ นู๋ๆ เตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้โลกกว้าง ในอนาคตนั่นเองค่า


 
 
 
The Lodge กิจกรรมสำหรับห้องนี้มีเกมส์มากมาย ให้น้องๆ ได้สนุกสนาน เหมาะสำหรับเด็กอายุ 8-12 ปี มีทั้ง สำรวจอวกาศ และ เรียนรู้วิธีสร้างรถไฟเหาะจำลอง และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอื่นๆ อีกมากมายค่า


 
 
 
The Beach House ห้องนี้สำหรับวัยทีนใสๆ ระหว่างอายุ  13 -17 ปี ภายในเป็นเลานจ์สามารถชวนเพื่อนๆ มาชมภาพยนตร์ พบปะสังสรรค์ ห้องนี้จะมีกิจกรรมสอนเต้นฮิปฮอป กิจกรรมแข่งขันกีฬา สนุกไปกับดอดจ์บอล และบาสเก็ตบอล พร้อมกับปาร์ตี้ในยามค่ำคืน ผู้ชนะจะได้รับรางวัล ที่มาพร้อมกับเครื่องดื่ม “ ม็อกเทล” นั่นเองค่า เลิศ

 

 
 
 
 
 

ห้องอาหารหลัก และห้องอาหารพิเศษ

 
Allegro Dining Room ห้องอาหารหลักแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 6 บนเรือค่ะ เปิดให้บริการทั้ง 3 มื้อ เช้า กลางวัน และมื้อค่ำ ภายในมีพนักงานเสิร์ฟที่คอยให้บริการอย่างดีเยี่ยม มื้อเช้าจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา  7.00 น. ถึง 9.00 น. มื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 13.00 น.และสำหรับมื้อค่ำเปิดให้บริการสองรอบ รอบแรก 17.30 น. และ รอบสองเวลา 19.45 น. เมนูมีให้เลือกมากมายหลากหลายค่ะ มีทั้ง ซุป สลัด อาหารจานหลัก จำพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล อาหารตามสั่ง รวมทั้งมีเมนูของหวานตบท้ายอีกมากมาย 
 

 
 
 
Concerto Dining Room ห้องอาหารแห่งนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นค่า ตั้งแต่เวลา 17.30 - 22.00 น. ให้บริการสองรอบ รอบแรกเวลา 17.30 และรอบสองเวลา 19.45 น. สำหรับเมนูอาหารจะเหมือนกับห้องอาหารหลักอย่าง Allegro Dining Room ค่ะ พิกัดมากันได้เลยที่ชั้น 6 บนเรือ
 

 
 
 
Alfredo's Pizzeria เอาใจสำหรับคนรักพิซซ่าโดยเฉพาะ อิอิ ห้องนี้จะเปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวัน และมื้อค่ำค่ะ เมนูที่โดนใจก็คงหนีไม่พ้น พิซซ่าชีสหนานุ่ม ตามมาด้วยพาสต้าสุดแสนอร่อย และสลัดทานตบท้าย แขกสามารถเพลิดเพลินไปกับการดูวิธีการทำพิซซ่าของเหล่าเชฟได้ค่า Alfredo's Pizzeria เปิดให้บริการเวลา 11.00 น. ถึง 23.00 น. บรรยากาศสบายๆ มากันได้ที่ชั้น 6 บนเรือสำราญค่า
 




 
Ocean Terrace เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารทะเล เมนูแนะนำ อาทิเช่น หอยนางรม ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปูทะเล กุ้งล็อบสเตอร์ รวมไปถึงชูชิ และซาชิมิ เอาใจคนชอบทานอาหารญี่ปุ่น อิอิ และอื่นๆ อีกมากมาย ร้านอาหารพิเศษแห่งนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่า 
 

 
 
 
Sabatini’s Restaurant เป็นห้องอาหารอิตาเลียนค่ะ ให้บริการอาหารอิตาเลียน และอาหารทะเลแบบ 3 คอร์ส เปิดให้บริการในช่วงมื้อค่ำ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. - 23.00 น. และต้องทำการจองล่วงหน้าเท่านั้นค่า อาหารรสชาติเลิศ ถูกรังสรรค์โดยเชฟชาวอิตาเลียน รับรองได้ว่าท่านจะได้ลิ้มรสอาหารในเมนู พาสต้าที่มีรสชาติไม่ซ้ำใคร ปรุงด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ ด้วยกลิ่นอายของอาหารอิตาเลียนแท้ๆ และมีเมนูซีฟู้ดและอื่นๆ อีกมากมาย แนะนำให้ต้องไปลองสักครั้งค่า
 

 
 
 
Chef's Table Lumiere ห้องอาหารพิเศษที่ตั้งอยู่บนชั้น 6 ค่ะ มีค่าใช้จ่ายประมาณ $115 ต่อท่าน ห้องอาหารแห่งนี้ต้องทำการจองล่วงหน้า และจำกัดแขกได้เพียง 12 ท่านต่อคืนเท่านั้น โดยมีเมนูอาหารค่ำที่ถูกรังสรรค์โดยสุดยอดเชฟ พร้อมจับคู่กับไวน์ หรือแชมเปญที่เข้ากันเป็นที่สุด บรรยากาศภายในหรูหรา ด้วยโต๊ะรูปวงรี พร้อมกับโคมแชนเดอเลียร์สีทองสวยงาม หากใครที่ชื่นชอบบรรยากาศการรับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัวแบบนี้แนะนำให้มาที่ Chef's Table Lumiere จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนค่า
 

 
 
 
Crown Grill ร้านอาหารพิเศษสำหรับผุ้ที่ชอบทานสเต็กต้องมาที่ Crown Grill ตั้งอยู่บนชั้น 7 ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสเต็กที่ดีที่สุดในท้องทะเล มีทั้งเมนูเนื้ออย่างดี รวมถึงอาหารทะเลสดใหม่อย่าง กุ้ง และหอย บรรยากาศภายในห้องอาหารให้อารมณ์สุดคลาสสิค และอบอุ่น ที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 17.30 ถึง 21.30 น. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้นค่ะ
 

 
 
 
 
 
Beth: 2019-07-02