ภาพรวมของ Seabourn Quest

หากจะพูดถึงเรือสำราญสุดหรูขนาดเล็กคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเรือสำราญ Seabourn Quest ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 เป็นเรือสำราญขนาดเล็กลำหรูสุดพิเศษกลุ่มเดียวกับ Seabourn Odyssey และ Seabourn Sojourn ซึ่งตอบโจทย์นักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกที่กำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวอันน่าประทับใจ โดยการล่องเรือสำราญนั้นพร้อมที่จะนำผู้โดยสารทุกท่านเยี่ยมชมสถานที่อันสวยงามสู่จุดหมายปลายทางที่น่าพึงพอใจที่สุด เรือสำราญของ Seabourn Quest ทุกลำจะมีผู้โดยสารระหว่าง 450 ท่าน ซึ่งจะแล่นไปยังจุดหมายปลายทางที่สำคัญๆ ของโลกในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวค่ะ

 

เส้นทางล่องเรือทั่วโลก

โปรแกรมเส้นทางท่องเที่ยวของเรือสำราญ Seabourn Quest

  • เส้นทางท่องเที่ยวของเรือสำราญ Seabourn Quest จะเป็นการเดินทางไปยัง 4 ภูมิภาคหลักๆ ได้แก่ แถบทะเลบอลติก แถบแคนาดาและนิวอิงแลนด์ แถบทะเลแคริบเบียน และภูมิภาคอเมริกาใต้
  • ระยะเวลาเดินทางส่วนใหญ่ ตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป - 66 วัน
  • เรือสำราญ Quest จะออกจากท่าเรือหลักๆ ได้แก่ Callao, Montreal, Boston, Miami, Copenhagen, Dover, Reykjavik เป็นต้น
  • สำหรับผู้ที่รักการเดินทางและหลงใหลในความหรูหราของ Seabourn Quest

 

Seabourn Ship

 

 

ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรือสำราญ Seabourn Quest

 

เชิญชมคลิปบรรยากาศในเรือกันค่า

 

เรือสำราญ Seabourn Quest ที่ใครๆ ก็อยากจะลองไปใช้บริการสักครั้ง อะไรกันนะที่ทำให้ Seabourn Quest มีความโดดเด่นและดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งหลาย ตอบได้เลยค่ะว่าเรือลำนี้มีดีในเรื่องของการให้บริการที่ดีเยี่ยม รวมถึงอาหารเลิศรสที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีจากท้องถิ่น แขกจะได้ลิ้มรสอาหารพื้นบ้านตามฤดูกาลนั้นๆ อีกด้วย

 

ข้อมูลเทคนิค 

 

 

ไลฟ์สไตล์และกลุ่มผู้โดยสารของ Seabourn Quest

  • สำหรับเรือสำราญ Seabourn Quest จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอายุตั้งแต่วัยเริ่มต้นทำงาน-วัยผู้ใหญ่ อายุโดยเฉลี่ย 50 ปีขึ้นไป แบ่งเป็นชาวอเมริกาเหนือ 60% และชาวยุโรปกับออสเตรเลียอีก 40% ส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกันเป็นครอบครัวในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่วงฤดูร้อน
  • คู่รักเกย์ ก็สามารถมาถ่ายรูปแต่งงาน มาทำกิจกรรมต่างๆ ได้บนเรือสำราญลำนี้เหมือนกัน ถือว่าเปิดกว้างสำหรับเพศที่ 3 ค่ะ (รักเลย)
  • กิจกรรม Meet and Greet สำหรับลูกค้าที่มาล่องเรือครั้งแรกให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักกัน
  • สำหรับเด็ก ช่วงปิดเทอมก็สามารถมาพักผ่อนโดยการเลือกล่องเรือสำราญเป็นครอบครัว ทั้งพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ญาติ และเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ค่ะ

  

จุดเด่นของ Seabourn Quest

  • เรือหรูของ Seabourn Quest จะมีห้องพักแบบ Ocean View และห้องสวีทไม่เกิน 225 ห้อง
  • เส้นทางการล่องเรือที่หลากหลาย และสามารถแล่นไปในสถานที่ที่สวยงามอันถูกซ่อนอยู่ในจุดที่เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้
  • บริการที่ยอดเยี่ยมจากพนักงานที่ตอบสนองความพึงพอใจแก่แขกที่มาพัก และออกเดินทางล่องเรือไปกับ Seabourn Quest
  • ห้องพักที่กว้างขวางพร้อมห้องน้ำในตัว ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเล ห้องส่วนใหญ่จะมีระเบียงส่วนตัว
  • มีบาร์เปิดตลอด และมีไวท์ชั้นดีให้แขกทุกท่าน เสิร์ฟพร้อมกับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ
  • ฟรีอาหารรสเลิศและแชมเปญ (ไม่จำเป็นต้องเสียค่าทิปใดๆ ทั้งสิ้นพนักงานยินดีที่จะให้บริการสำหรับแขกทุกท่าน 
  • Caviar in Surf ในขณะที่แขกพักผ่อนริมชายหาด จะมีบริการเสิร์ฟคาเวียร์และแชมเปญท่ามกลางน้ำทะเลใสๆ ผู้เข้าพักจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นความสุขแบบสุดๆ ไปเลย 

 

 

ความพิเศษของ Seabourn

มี 4 ร้านอาหาร 3 บาร์ และมีเลาจน์ที่เปิดโล่ง

สระน้ำวน และอีก 2 สระสำหรับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง

Seabourn Square เลาจน์อเนกประสงค์ที่มีทั้งห้องสมุด คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงคอฟฟี่บาร์อีกด้วย

มีร้านอาหารพิเศษให้เลือก อาทิ The Grill by Thomas Keller, Restaurant, The Colonnade, The Patio

สปาและห้องฟิตเนสแบบเต็มรูปแบบ มีร้านเสริมสวย บาร์ และยังมีห้องรับรองอีกหลายแห่งภายในเรือ

 

ห้องพักสำหรับแขกของ Seabourn

  • ทุกห้องจะได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ภายในห้องพักจะมีห้องอาบน้ำที่กว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัว เสื้อคลุมอาบน้ำ ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • โทรทัศน์จอแบน เครื่องเสียงระบบ Bose Wave, บาร์ เครื่องดื่มฟรี ที่จะมีพนักงานคอยเติมตลอดทุกวัน
  • เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ในห้องครัวสำหรับห้องสวีท
  • บริการอินเตอร์เน็ต
  • รถรับส่งสนามบินฟรี (ไม่สามารถใช้กับการอัพเกรด)
  • หนังสือพิมพ์รายวันส่งถึงห้องพัก
  • Wellness Bag กระเป๋าสำหรับใส่ชุดและอุปกรณ์การออกกำลังกาย ง่ายต่อการพกพา

 

สถานที่หลัก บนเรือสุดหรู Seabourn Quest

1.  Grand Salon เป็นห้องหลักที่สามารถรองรับแขกทุกท่านบนเรือสำราญ ในระหว่างวันเป็นสถานที่สำหรับการบรรยายและในช่วงเย็นสำหรับการแสดงต่างๆ และมีดนตรีสดให้แขกได้เพลิดเพลิน

2.  Observation Bar เป็นเลาจน์วงเวียนขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพและเป็นจุดที่เยี่ยมยอดในการชมทิวทัศน์ที่สวยงาม

3.  Sky Bar จุดนี้สามารถมองเห็นวิวบนดาดฟ้า และเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการนัดพบปะกับเพื่อน

4.  The Club แขกสามารถมาจิบชาในยามบ่ายได้ที่นี่

5.  The Casino กิจกรรมสำหรับนักเสี่ยงโชค

6.  Patio Bar แขกสามารถเพลิดเพลินกับบริการเครื่องดื่ม ค็อกเทล และไวน์

7.  The Retreat สำหรับแขกที่ต้องการความเงียบสงบ และผ่อนคลาย

8.  Seabourn Square ห้องนั่งเล่นที่แสนสบายเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Seabourn

9.  The collection เพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรู อาทิ เครื่องสำอาง นาฬิกา เครื่องประดับ และอื่นๆ 

10.  The Spa at Sebourn & Salon ผ่อนคลายไปกับการนวด สปาแห่งนี้ถูกการันตีด้วยรางวัลมากมาย และแขกทุกท่านจะได้รับการบริการที่ดีจากนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายใต้คำแนะนำจาก Dr.Andrew Weil

 

ห้องพัก

  • เรือสำราญลำเล็กสุดหรูลำนี้ถูกออกแบบให้มีห้องสวีทไม่เกิน 300 ห้อง ภายในห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • ทุกห้องจะได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ภายในห้องพักจะมีห้องอาบน้ำที่กว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัว เสื้อคลุมอาบน้ำ ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • โทรทัศน์จอแบน เครื่องเสียงระบบ Bose Wave, บาร์ เครื่องดื่มฟรี ที่จะมีพนักงานคอยเติมตลอดทุกวัน
  • เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ในห้องครัวสำหรับห้องสวีท
  • รถรับส่งสนามบินฟรี (ไม่สามารถใช้กับการอัพเกรด)
  • หนังสือพิมพ์รายวันส่งถึงห้องพัก
  • Wellness Bag กระเป๋าสำหรับใส่ชุดและอุปกรณ์การออกกำลังกาย ง่ายต่อการพกพา

 

ห้องพักแบบ Wintergarden Suite 

เป็นห้องพักที่มีราคาแพงที่สุดตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 7 มีพื้นที่ภายใน 914 ตารางฟุต และระเบียงส่วนตัวกว้าง 138 ตารางฟุต โดดเด่นด้วยทำเลที่เป็นส่วนตัว ภายในห้องพักมีห้องรับประทานอาหาร 6 ที่นั่ง มี Sofa Bed แบบปรับนอนได้ในห้องนอน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำวนพร้อมน้ำอุ่น มีห้องเตรียมอาหารพร้อมบาร์เครื่องดื่ม ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้และโทรทัศน์จอแบน 2 จอ สิ่งที่ทำให้ห้องสวีทนี้แตกต่างออกไปไม่ใช่เพียงแค่เรื่องขนาดและความหรูหราของเรือสำราญเท่านั้น แต่ยังมีห้องกระจกเปิดโล่งด้านบนกับอ่างอาบน้ำรูปไข่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยต้นไม้กระถางที่ทำให้บรรยากาศในการอาบน้ำมีความแปลกใหม่ รวมถึงห้องนั่งเล่นอันแสนอบอุ่นด้วย

ห้องสวีท Wintergarden มีเพียง 2 ห้องเท่านั้น และทั้งสองห้องสามารถคอนเน็กกับห้องสวีท Veranda Suite ในแบบที่เรียกว่า Grand Wintergarden Suite ได้ และจะทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,189 ตารางฟุต พร้อมระเบียงส่วนตัวที่รวม 2 ห้องเข้าด้วยกัน ขนาด 214 ตารางฟุต ตลอดจนห้องอื่นๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเช่นกัน

 

 

ห้องพักแบบ Signature Suite

ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 7 มีขนาดพื้นที่ 859 ตารางฟุตและระเบียงส่วนตัวกว้าง 493 ตารางฟุต ลักษณะเป็นห้องโค้งที่มองเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเลชัดเจน มีห้องรับประทานอาหารสำหรับ 4-6 กับห้องเตรียมอาหารพร้อมบาร์เครื่องดื่ม ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้และทีวีจอแบน 2 จอ ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำวนและฝักบัวอาบน้ำ เรียกว่าเป็นห้องสวีทประเภทที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่นสำหรับการรับลมทะเลและชมวิวมากที่สุดแล้ว

 

ห้องพักแบบ Owners Suite

Owners Suite ตั้งอยู่ด้านหน้าและตรงกลางบนชั้น 6, 7 และ 8 มีขนาดพื้นที่ภายในระหว่าง 526 และ 593 ตารางฟุต ระเบียงส่วนตัวมีขนาดตั้งแต่ 133-354 ตารางฟุต ข้างในห้องพักมีห้องนอนแยกเป็นสัดส่วน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำและแบบฝักบัว มีทีวีจอแบน โต๊ะอาหารสำหรับ 4 ท่าน และห้องเตรียมอาหารพร้อมบาร์เครื่องดื่ม

 

 

ห้องพักแบบ Penthouse Suite and Penthouse Spa Suite

ห้องสวีทแบบเพ้นท์เฮ้าส์ ตั้งอยู่บนชั้น 6,9 และ10 ภายในมีขนาดกว้าง 436 ตารางฟุตและระเบียงส่วนตัวความกว้าง 98 ตารางฟุต ห้องนี้เป็นห้องสวีทที่ห้องนอนแยกออกจากพื้นที่ใช้สอยอื่นโดยใช้ฉากกระจกกั้นซึ่งจะเป็นการแบ่งสัดส่วนที่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีก มีผ้าม่านสีช็อคโกแลตที่ดูหรูหราและมีโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ท่าน ทีวีจอแบน 2 จอ

ห้องสวีทแบบเพ้นท์เฮ้าส์ สปา ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 10 และสามารถเข้าถึงได้โดยบันไดวนไปยังพื้นที่บริการสปา ภายในห้องกว้าง 539 ตารางฟุต มีระเบียงส่วนตัวกว้าง 167 ตารางฟุต ห้องเหล่านี้มีมินิบาร์ในตัวพร้อมเครื่องดื่ม น้ำผลไม้และอาหารว่างเพื่อสุขภาพ มีน้ำหอมปรับอากาศของ L'Occitane และซาวด์แทร็กเพลงธรรมชาติที่สามารถเปิดฟังเพื่อผ่อนคลายได้ ที่สำคัญที่สุดคืออยู่ใกล้กับสปาและไปใช้บริการได้อย่างสะดวกสบายเหมือนเป็นสปาส่วนตัว

 

 

ห้องพักแบบ Varanda Suite 

ห้องสวีทแบบ Veranda Suite ตั้งอยู่บนชั้นที่ 5, 6, 7, 8 และ 9 พื้นที่ภายในห้องมีขนาด 300 ตารางฟุต และมีระเบียงส่วนตัวขนาด 65 ตารางฟุต ที่เพียงพอสำหรับเก้าอี้กลางแจ้งและที่วางเท้า 2 ที่ พร้อมด้วยโต๊ะสำหรับการรับประทานอาหาร ภายในห้องพักมีขนาดกว้างขวางพร้อมพื้นที่เก็บของมากมายในแบบที่สามารถเดินไปรอบๆ ห้องได้โดยไม่อึดอัด มีตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน โคลเซท ตู้เซฟและลิ้นชักเก็บข้างเตียงด้วย

 

อย่างที่บอกว่าเรือสำราญ Seabourn Quest เป็นเรือสำราญขนาดเล็กสุดหรูที่มีความสมบูรณ์แบบ ผู้โดยสารทุกท่านจะได้รับประสบการณ์อันสุดพิเศษที่ไม่น่าเบื่อ เพราะบนเรือลำนี้มีสปาและห้องฟิตเนสแบบเต็มรูปแบบ มีร้านเสริมสวย บาร์ และยังมีห้องรับรองอีก 7 แห่งภายในเรือ เราลองมาดูภาพต่อไปนี้กันเลยค่า

1. The Retreat สำหรับแขกที่ต้องการความเงียบสงบและผ่อนคลาย

 

2. The Spa at Sebourn & Salon ผ่อนคลายไปกับการนวด สปาแห่งนี้ถูกการันตีด้วยรางวัลมากมาย และแขกทุกท่านจะได้รับการบริการที่ดีจากนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายใต้คำแนะนำจาก Dr.Andrew Weil

 

 3. Fitness Center แบบเต็มรูปแบบพร้อมอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ครบครัน

 

4. The Collection เพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรู อาทิ เครื่องสำอาง นาฬิกา เครื่องประดับ และอื่นๆ 

 

5. Seabourn Square เลาจน์ที่มีการตกแต่งที่สวยงาม น่านั่งผ่อนคลายพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ เป็นอีกหนึ่งมุมสงบที่สุดแสนจะลงตัว ตอนเช้าทุกท่านจะได้พบกับขนมหวานและครัวซอง พร้อมเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ และในตอนบ่ายก็จะมีแซนด์วิช น้ำชาและขนมอบรวมทั้งไอศกรีม มีบริการกาแฟและไวน์ตลอดทั้งวันเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00 ถึง 11:00 ในช่วงเช้า และช่วงบ่าย เวลา 16.00-18.00 เท่านั้น ไม่เปิดบริการตอนกลางคืน

 

6. The Observation Bar เป็นเลานจ์ที่สวยงามพร้อมกับบาร์สี่เหลี่ยมที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพ และเป็นจุดที่เยี่ยมยอดในการชมทิวทัศน์ที่สวยงาม มีชาและกาแฟเสิร์ฟในตอนเช้า เห็นแล้วชักจะอยากหายตัวไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่นี่แล้วสิคะ 

บริเวณ Observation Lounge เริ่มตั้งแต่ เวลา 16.00 อีกทั้งยังมีกาแฟและขนม มื้อเช้าให้บริการตั้งแต่เวลา 06.15 ถึง 08.00 .

 

 

7. The Casino กิจกรรมสำหรับนักเสี่ยงโชคทั้งหลาย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานท่ีที่ดึงดูดนักแสวงโชคจากทั่วทุกมุมโลกให้มารวมตัวกันที่นี่

 

8. Grand Salon โชว์รูมหลักของเรือสำราญ ใช้สำหรับการพบปะสังสรรค์ในช่วงเวลากลางวันและยังเป็นห้องชมภาพยนตร์ด้วย ก่อนการรับประทานอาหารในช่วงค่ำก็จะมีการแสดงโชว์คาบาเร่ต์ตลกต่างๆ รวมถึง ดนตรีสดและการเต้นรำอื่นๆ

 

9. Sky Bar จุดนี้สามารถมองเห็นวิวบนดาดฟ้าและเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการนัดพบปะกับเพื่อนๆ และในยามค่ำคืนจะเป็นจุดที่สวยมาก ด้วยแสงไฟที่มีการไล่สีที่สวยงาม ส่องกระทบกับแสงดาวบนท้องฟ้า เลิศมากค่า

 

 10. The Club แขกสามารถมาจิบชาในยามบ่ายได้ที่นี่ 

 

11. The Evening Under The Stars  สำหรับผู้ที่หลงใหลเสียงดนตรีและการเต้นรำ ท่ามกลางบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยดวงดาวนับแสนล้านดวงค่ะ ได้อารมณ์ไปอีกแบบนึงเลย (อิจฉา อยากไปแล้ว)

 

เมนูอาหารจากเชฟชื่อดังระดับโลก

อาหารเลิศรสระดับมิชลินสตาร์มีมาเสิร์ฟให้ผู้โดยสารถึงที่บนเรือสำราญสุดหรู การใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และเลือกนำเสนออาหารพื้นเมืองตามฤดูกาล ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของเรือสำราญ Seabourn Quest

 

1. มี 4 ร้านอาหารพิเศษให้เลือก อาทิ The Grill by Thomas Keller, The Restaurant, The Colonnade เป็นต้น

 

 

 

2. The Restaurant

 

3. The Colonnade เป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่มีการตกแต่งสไตล์ที่สวยงาม ห้องที่กว้างขวางและเปิดโล่งให้บรรยากาศที่สบายๆ พร้อมกับอาหารเลิศรสที่มีให้แขกได้รับประทาน ในมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำค่ะ

 

4. The Patio Bar ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับบริการเครื่องดื่ม ค็อกเทล และไวน์ ที่ชั้นดาดฟ้า (อยากหายตัวไปที่นี่อีกแล้ว)

 

5. Sky Bar/Grill  จุดนี้สามารถมองเห็นวิวบนดาดฟ้า และเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการนัดพบปะกับเพื่อนๆ พร้อมรับเครื่องดื่มเป็นค็อกเทลเย็นๆ และที่นี่ยังมีอาหารตามฤดูกาล เช่น สเต็กย่างหอมกรุ่น และกุ้งล็อบสเตอร์ในมื้อเย็นให้รับประทานอีกด้วยค่ะ

 


6. Seabourn Square ห้องนั่งเล่นที่แสนสบาย บวกกับคอฟฟี่บาร์กาแฟรสชาติดีเยี่ยม แซนด์วิช และสแน็กที่มีให้ทานกันตลอดทั้งวัน

 

7. Shoping with the Chef อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนน้นว่าเรือสำราญ Seabourn Quest โดดเด่นในเรื่องอาหารชั้นเลิศที่ถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มเรือสำราญที่มีบริการเรื่องอาหารและไวน์เป็นเลิศที่สุด ด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่และยังมีอาหารท้องถิ่นที่ทาง Seabourn Quest จัดให้แขกได้รับประทาน 

นอกจากนี้ Seabourn Quest ยังได้จัดโปรแกรมทัวร์ชายฝั่งที่เน้นในเรื่องของการรับประทานอาหารท้องถิ่น เมื่อพูดถึงอาหารและไวน์ต้องบอกเลยว่าเขามีเชฟผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์และสาธิตการทำอาหารให้กับนักชิมที่ชื่นชอบด้วยค่า 

อย่างรูปที่เห็นสามารถเลือกไปช็อปปิ้งชิลๆ กับเชฟได้เลยค่ะ 

 

8. 6 Outdoor Whirlpools สระน้ำวนแช่ตัววนไปค่ะ เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการพักผ่อนและผ่อนคลาย 

 

9. 2 Swiming Pool มี 2 สระสำหรับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมระหว่างวันที่สามารถาใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง (เห็นแล้วอยากจะกระโดดลงสระให้น้ำกระจายไปเลย)

 

10. Watersports Mariner กิจกรรมสุดพิเศษ เพลิดเพลินไปกับการพายเรือคายัก และสนุกกับการนั่งบนเรือใบ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

 

11. 9 Hole-putting course สำหรับผู้หลงใหลกีฬาอย่างการตีกอล์ฟ บนเรือสำราญ Seabourn Sojourn จะมีหลุมกอล์ฟมินิทั้งหมด 9 หลุม ตั้งอยู่ในชั้น 11 ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ 

 

เอาล่ะค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากได้ทำความรู้จักกับเรือสำราญ Seabourn Quest แล้ว คงต้องมีใครสักคนที่ต้องการแพ็คกระเป๋าเดินทางแน่ๆ

 

 

Beth: 2017-10-16