กรุงโรม ประเทศอิตาลี สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันจะได้มาเยือนสักครั้งในชีวิต
(>,<) ที่นี่คือแหล่งอารยธรรมระดับโลก เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้ง สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นโคลอสเซียม มหาวิหารนักบุญเปโตร น้ำพุเทรวี มหาวิหารแพนธีออน นครรัฐวาติกัน บันไดสเปน ปราสาทซันตันเจโล จัตุรัสโรมัน มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร และจัตุรัส นาโวน่า ทริปนี้หญิงปุ๊กพาเที่ยว 10 สุดยอดกรุงโรมกัน รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักดินแดนแห่งนี้อย่างแน่นอนค่า...
 

เที่ยวโคลอสเซียม (The Colosseum)

โคลอสเซียม หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตแอนด์มโหฬารที่สุดในสมัยโบราณค่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ.72 โดยจักรพรรดิเวสปาเซียน รูปทรงโค้งเป็นวงกลม ก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบ ยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น จุคนได้ถึงประมาณ 80,000 คนเลยทีเดียวว มีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังตอนฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบันเลยล่ะค่ะ งานที่สร้างในสมัยนั้นแต่ยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้ น่านับถือฝีมือมากๆ โลยยย ปรบมือ!!!ที่นี่เคยเป็นฉากในเกมการต่อสู้ที่ดุเดือดของกลาดิเอเตอร์หรือนักสู้ในโรมันด้วยนะคะ ในชั้นใต้ดินเป็นห้องสำหรับขังนักโทษที่รอประหารและสิงโตที่หิวโซมาสู้กัน ถ้านักโทษคนไหนเอาชนะฆ่าสิงโตได้ก็ได้รอดชีวิต แถม. แถมยังให้นักโทษและทาสมาประลองฝีมือกันเอง ถ้าสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตายก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมยกย่องกันเป็นอย่างมาก ในปีนึงนักโทษและทาสต้องเสียชีวิตเป็นร้อยๆ คน กิจกรรมนี้เค้าบอกว่าเพื่อความสุขของผู้ชมที่เข้ามาชมค่ะ เอ่ออ หนูคนนึงที่ทนดูม่ายล่ายยยย ToT
 


 

 


 
 

เที่ยวมหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter's Basilica)

มหาวิหารนักบุญเปโตร หรือเซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ต้องไปเยือน หนึ่งในสี่มหาวิหารหลักในกรุงโรม ที่นิยมใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใช้ระยะเวลาก่อสร้างยาวนานถึง 120 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1506 – 1626 เป็นอาคารรูปทรงสีเหลี่ยมพื้นผ้ากว้าง 150 เมตร ยาว 220 เมตร สามารถจุคนได้เยอะสุดๆ กว่า 60,000 คน และสิ่งที่หยุดสายตาทุกคู่ของที่นี่คือโดมขนาดมหึมาสง่างามอยู่กลางมหาวิหารนั่นเอง!! ภายในตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซ็องส์ผสมกับบาโรก มีช่องกระจกให้แสงส่องลงมาตกกระทบกับพื้นล่าง  และบริเวณใต้ฐานแท่นบูชาเป็นที่เก็บบัลลังก์ ของอดีตบิชอปผู้นำการปกครองในคริสตจักรด้วยค่ะ

บริเวณด้านหน้าของมหาวิหารเป็นจัตุรัส เซนต์ ปีเตอร์ส (Saint Peter’s Square) ลานวงกลมขนาดใหญ่ ที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของสถาปัตยกรรมแบบโรมัน  เราสามารถเดินทางไปเที่ยวมหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใช้รถไฟใต้ดิน line A มาลงสถานี Ottaviano ค่ะ ^^.
 

 







 

 

เที่ยวน้ำพุเทรวี (Trevi Fountain)

น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) น้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโรมค่ะ มีความสูง 25.9 เมตร กว้าง 19.8 เมตร ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง จึงเป็นที่มาของชื่อเทรวี ที่มาจากคำว่าตรีวิอุม หมายถึงการพบกันของถนนสามสายนั่นเองจ้า
น้ำพุเทรวีขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม เป็นแบบสไตล์บารอค ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปาครีเมนต์ที่ 12 ได้มอบหมายให้ นิโคลา ซาลวี่ ออกแบบและก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1732 โดยใช้เวลาสร้างทั้งสิ้นรวม 30 ปี แถมยังมีเสน่ห์จนภาพยนตร์หลายเรื่องพากันมาถ่ายทำที่นี่เลยล่ะค่า

ตรงกลางน้ำพุมีรูปปั้นแกะสลักเทพเจ้าเนปจูน และไทรทันซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทะเลตั้งอยู่อย่างอลังการ แสดงถึงการมีสุขภาพแข็งแรง ความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร และลักษณะของทะเลที่เงียบสงบและแปรปรวนว่ากันว่าถ้าใครโยนเหรียญลงไปในน้ำแล้วอธิษฐานจะทำให้กลับมายังประเทศอิตาลีอีกครั้งด้วยน้า โดยการโยนที่ถูกต้องคือหันหลังให้กับน้ำพุ ใช้มือขวากำเหรียญเอาไว้พร้อมอธิษฐานในใจ แล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายของเราให้ลงบ่อน้ำพุ ก็จะสมหวังตามคำอธิษฐานแหละ >,< นี่จะมีใครไปโยนเหรียญที่น้ำพุพารากอนบ้างมั้ยน้อ 555
 

 

เที่ยวมหาวิหารแพนธีออน (The Pantheon)

มหาวิหารแห่งนี้มีอายุกว่า 2,000 ปีค่ะ อู้วววว แค่ดูอายุก็รู้แล้วว่าขลัง แต่เดิมสร้างโดยมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา (Marcus Vipsanius Agrippa) ใช้เป็นเทวสถานสำหรับเทพต่างๆ ของโรมันโบราณและเป็นคริสต์ศาสนสถานของโรมันคาทอลิกค่ะ
ต่อมาได้รับการสร้างใหม่ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 และก็ยังคงใช้งานกันมาตลอดตั้งแต่สร้างครั้งแรก แต่สภาพยังดีเหมือนเดิมเลย นอกจากกาลเวลาจะไม่สามารถทำให้มหาวิหารแพนธีออนผุพังไปได้แล้ว ยังเป็นสิ่งก่อสร้างจากสมัยโรมันที่คงสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วยค่า แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะในการสรรค์สร้างของสถาปนิกสมัยโบราณจริงๆ
ความน่าทึ่งนี้เริ่มตั้งแต่เสาหินแกรนิตขนาดยักษ์ด้านหน้าเลยล่ะค่ะ ที่เรียงตัวเป็นแนวยาวเหมือนวิหารกรีก แต่ละเสาทำจากหินก้อนเดียวเลยนะคะ ไม่ได้เอามาต่อกัน ตัววิหารไม่มีเสาค้ำกลางคอยรับน้ำหนักเลยทั้งที่มีขนาดใหญ่โตมากกก มีหลังคาโดมและมีช่องวงกลมขนาดใหญ่ตรงกลางให้แสงผ่านเข้ามา ช่องนี้เรียกว่าช่อง โอคูลุส ซึ่งแปลว่าตาค่ะ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นนาฬิกาแดดและช่วยส่องแสงสว่างให้กษัตริย์ในอดีตในขณะที่เสด็จมาประกอบพิธีสำคัญๆ ภายในมหาวิหาร
 



 

เที่ยวนครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City)

นครรัฐวาติกัน ตั้งอยู่ติดกับกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ คือมีสมเด็จพระสันตปาปา หรือโป๊ป เป็นประมุขสูงสุด วาติกัน จริงๆ แล้วก็เป็นเหมือนกับประเทศๆหนึ่ง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คนด้วย เพราะไม่เพียงแต่เป็นดินแดนแห่งศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมงานศิลปะชั้นเลิศมากมาย พร้อมสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็น เอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ (Basilica of Saint Peter) ผลงานออกแบบของไมเคิลแองเจโลก ที่เป็นศูนย์รวมใจหลักของคริสตชน และเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครรัฐ หรือโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) โบสถ์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในวังของโป๊ปโดยโบสถ์น้อยซิสทีนนี้เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดเรื่องจิตรกรรมฝาผนังสุดตระการตา รวมถึงภาพวาดบนเพดานฝีมือของไมเคิลแองเจโลอีกด้วย


 

 



 

เที่ยวบันไดสเปน (Spanish Steps)

บันไดแสนสวยที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรปค่า มีทั้งหมด 138 ขั้น เป็นบันไดเชื่อมระหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinità dei Monti สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1723-1725 จากเงินมรดกของนักการทูตฝรั่งเศส เอเตียน เกฟฟิเยร์ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ ฟรานเชสโก เดอซองตีส์และอเลสซานโดร สเปจจิ ที่เรียกว่าบันไดสเปนก็เพราะว่าสถานทูตประเทศสเปนเคยอยู่แถวนี้มาก่อนเลยยืมชื่อมาใช้เรียกซะเลย :P

บันไดสเปนเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมานั่งพักผ่อนหรือนัดพบปะกัน เชื่อมต่อกับถนน Via Condotti ที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่หรูหราที่สุดของเมือง ร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงโรมก็อยู่ที่นี่ด้วยนะจ๊า
อ๊ะๆ ที่สำคัญ กฏของที่นี่ในการมานั่งที่บันไดคือ ห้ามทานไอศครีมนะคะ เนื่องจากบันไดสเปนเคยเป็นฉากที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง Roman Holiday ที่พระเอกนางเอกมานั่งทานไอศรีมสุดฟินนนกัน ทำให้ผู้คนแห่มาเลียนแบบอยากตามรอยพระนางกันเต็มไปโหมดดด.. ทำให้บันไดเปรอะเปื้อนจนต้องออกกฎหมายห้ามนั่นเองค่า
 

 

เที่ยวปราสาทซันตันเจโล (Castel Sant'Angelo)

ปราสาทซันตันเจโล หรือปราสาทนักบุญทูตสวรรค์ สร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ. 134 โดยจักรพรรดิแห่งโรมันเฮเดรียน เป็นอาคารรูปทรงกระบอกที่สูงสุดในยุคนั้น ตั้งโดดเด่นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ที่มีสะพานเชื่อมระหว่างปราสาทกับวิหารเซนต์ปีเตอร์ บริเวณสะพานตกแต่งด้วยรูปปั้นเทพโรมันที่สวยงาม ในอดีตปราสาทแห่งนี้ เคยถูกใช้เป็นป้อมปราการ และสุสานของกษัตริย์ในยุคโบราณ จนกระทั่งปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราสาทซันตันเจโล (Museo Nazionale di Castel Sant'Angelo) ที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมมาถ่ายรูปตามรอยหนังฮอลีวู้ดชื่อดังเรื่อง Angels & Demons (*0*)
บริเวณภายในของแต่ละห้องจะจัดแสดงสิ่งของโบราณในแต่ละยุคของกรุงโรม เช่น ชุดเกราะโบราณ เหรียญ เครื่องปั้นดินเผา เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ที่ล้ำค่าเป็นจำนวนมาก ด้านบนของปราสาทเป็นจุดชมวิว ที่มองเห็นวิวได้แบบพาโนรามาทั้งเมืองเลยจ้า...

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 19.30 น. ยกเว้นในวันที่ 1 มกราคม 1 พฤษภาคมและ 25 ธันวาคมของทุกปีจะหยุดบริการ เราสามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Metro line A สีแดงมาลงที่สถานี Ottaviano หรือรถบัสสาย 62, 23, 271, 982, 280 ลงที่สถานี Piazza Pia หลังจากเดินเที่ยวปราสาทซันตันเจโล ก็ข้ามสะพานไปเที่ยวต่อที่วิหารเซนส์ปีเตอร์ได้เลยค่ะ
 

 

เที่ยวจตุรัสโรมัน (Roman Forum)

จตุรัสโรมัน (Roman Forum) หรือฟอรูงมังนูง ตั้งอยู่ระหว่างเนินพาเลติเน (Palatine hill) กับเนินแคปิโตลิเน (Capitoline hill) แหล่งอารยธรรมอายุมากกว่า 1,000 ปี ที่ยิ่งใหญ่อลังการทางเศรษฐกิจ การค้า การเมือง และศาสนาของโลก ในยุคเฟื่องฟูของอาณาจักรโรมัน โดยเฉพาะซุ้มประตูหินอ่อนแห่งเซปติมุส เซเวรุส ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 203 สัญลักษณ์ที่แสดงถึงชัยชนะจากการรบของจักรพรรดิที่มีต่อชาวปาร์เธียน

ทริปนี้ใครที่ชอบสายประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดจริงๆ ค่ะ ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าในสมัยยุคโบราณนั้น เก่งล้ำสุดยอดอัจฉริยะขนาดไหน ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยโบราณสถานที่สำคัญ เช่น โบสท์แซทเทิร์น (Temple of Saturn), บ้านแห่งเวสทอล (House of the Vestals) เทวสถานแห่งอันโตนินัสและฟาอัสติ (Temple of Antoninus & Faustina) และซุ้มประตูแห่งติตุส (The Arch of Titus) 
ขอแนะนำว่าให้ซื้อตั๋วแบบออนไลน์ในราคา 12 ยูโร จะสะดวกรวดเร็วกว่า มาต่อแถวซื้อที่จุดจำหน่ายตั๋วด้านหน้าค่ะ ซึ่งบัตรหนึ่งใบมีระยะเวลาสองวัน เที่ยวได้ทั้งจัตุรัสโรมัน และโคลอสเซียมครบจบได้เลยละ
 


 

เที่ยวมหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร (Santa Maria Maggiore)

ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้พระนางมารีย์ เป็นมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุดของโรม และเป็นหนึ่งในสี่มหาวิหารเอกของโรมันแคทอลิก ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมสไตล์โรมัน และบาโรกได้เป็นอย่างดี แม้จะได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1348 ภายในโดดเด่นด้วยหอระฆังสูงถึง 75 เมตร ตรงกลางของโบสถ์จะเป็นหอนาฬิกาโทนสีทองเตะตามาแต่ไกลเลยค่ะ ภายในมหาวิหารตกแต่งหรูหรามากค่ะ ด้านบนเพดานเป็นภาพวาดลวดลายสวยงาม สลับกับภาพโมเสกสีทองของซุ้มประตูชัยที่บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู และด้านในสุดของโบสถ์จะมีแท่นพิธีขนาดใหญ่ สำหรับประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ค่ะ

สำหรับการเดินก็สะดวก สามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานีโรมา เทอร์มินี (Roma Termini) เช้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 น. – 18.30 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ราคา 3 ยูโร เด็ก และผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ราคา 2 ยูโร
 


 

 

เที่ยวจัตุรัส นาโวน่า (Piazza Navona)

จัตุรัส นาโวน่า หรือที่เรียกกันว่าปิอัซซานาโวนา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 86 เดิมเคยเป็นสนามกีฬาต่อสู้โชว์ความแข็งแกร่งของเหล่านักรบแห่งกรุงโรมมาก่อน ต่อมาในศตวรรษที่ 17 สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 10 ได้ดำริให้ปรับปรุง โดยศิลปินชื่อดัง จีอันโลเรนโซ แบร์นินี (Gian Lorenzo Bernini) จนทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่สวย และมีเสน่ห์ที่สุดในเมือง จุดเด่นคือเสาโอเบลิกส์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำพุ ล้อมรอบด้วยรูปปั้นสี่ด้าน ที่เป็นตัวแทนของแม่น้ำสายของ 4 ทวีป ได้แก่ แม่น้ำคงคา แม่น้ำไนท์ แม่น้ำดานูป และแม่น้ำพลาต้า 

นอกจากนี้ตลอดทางเดินจะมีบรรดานักภาพวาด นักดนตรีเปิดหมวก สินค้าแฮนด์เมด  ร้านอาหาร คาเฟ่กาแฟมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชิลล์ ช็อป ชิมกันได้สบายๆ มองไปทางไหนก็เห็นอาคารบ้านเรือนตึกรามเก่าแก่สไตล์โรมัน แล้วยังอยู่ใกล้กับน้ำพุเทรวี (Trevi) และวิหารแพนธิออน (Pantheon) อีกด้วยค่ะ