เที่ยวลิทัวเนีย (Lithuanian) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สาธารณรัฐลิทัวเนีย"  ตั้งอยู่แถบทะเลบอลติกในยุโรปตะวันออก มีประชากรทั้งหมดเพียง 3,000,000 คน ใช้ชีวิตกันแบบ Slow life มีความสุขกับสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์น่าหลงใหล ไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในยุโรป จนได้รับยกย่องขึ้นเป็นมรดกโลกจำนวนมาก หญิงปุ๊กพาเที่ยวเมืองทราไกและวิลนีอุส ถ้าพร้อมแล้ว go go กันเล้ยยค่า 
 

เที่ยวเมืองทราไกร (Trakai)

ทราไก ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์โอบล้อมด้วยทะเลสาบมากกว่า 200 แห่ง เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลิทัวเนียที่มี ปราสาททราไกร (Trakai Castle or Little Marienburg) อันเลื่องชื่อ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 โดยแกรนด์ดุ๊กแห่งลิธัวเนีย ตามสไตล์โกธิกแบบยุคกลางที่ตัวปราสาทเป็นยอดแหลมสูง สร้างจากอิฐสีส้มสดใส ตัดกับท้องฟ้าสีคราม สวยโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบเกรฟ (Lake Galves) เราสามารถเดินข้ามสะพานไม้ที่ทอดยาวไปสู่ตัวปราสาท และถ่ายรูปเช็คอินโพสท่าคูลๆ เรียกยอดไลค์ให้พุ่งปรี๊ด (^3^) หรือจะล่องเรือใบไปจอดเทียบท่าหน้าปราสาทแล้วเดินสวยๆ เข้าไปภายในปราสาทก็เริ่ดไม่แพ้กันจ้า!

บริเวณด้านในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ วัตถุโบราณล้ำค่าหาดูได้ยาก แถมมีจุดชมวิวสวยๆ บนยอดปราสาท ยืนมองออกไปเห็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ในทะเลสาบ ยิ่งเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ฟ้าเริ่มมืด เกาะค่อยๆ ลับหายไป บอกเลยว่าซีนนี้สุดแสนจะโรแมนติ๊กกกก ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายจริงๆ >;<
การเดินทางต้องรถบัสจากสถานีวิลนีอุสไ ปเมืองทราไก ระยะทาง 28 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วก็เดินต่อประมาณ 2 กิโลเมตรไปที่ปราสาท ระหว่างทางเดินมีบ้านไม้โบราณสีฉูดฉาด และต้นไม้สีเขียวสดตั้งเรียงรายริมทะสาบให้ได้ดูเพลิดเพลินไปตลอดทาง จนต้องเก็บภาพความประทับใจกันสักหน่อยค่ะ
 








ทะเลสาบกลาฟ (Lake Galve) ตั้งอยู่อุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ของเมืองทราไก เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดกินพื้นที่ 30 ตารางกิโลเมตร เต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยถึง 21 เกาะ จนกลายเป็นไฮไลท์สำคัญ และมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย เช่น การปั่นจักรยาน เล่นน้ำ พายเรือ ล่องเรือใบรับลมชิลล์ๆ หรือจะขึ้นบอลลูนยักษ์ชมวิวมุมสูงแบบพาโนราม่า ก็สวยงามน่าประทับใจมากเลยทีเดียวค่า โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีส้ม แดง เหลือง แจกความสดใสสวยงามไปทั่วทะเลสาบกลาฟ และฤดูหนาวจะมีหิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่ว สามารถเล่นสกีน้ำแข็ง ขับสโนบอร์ด หรือจะเล่น Fly Paramotor เฟี้ยวฟ้าวท้าทายหนาวแบบมันสุดๆ กันไปเลย...









บ้านไม้สไตล์คาเรม (Karaim) สีสันสดใสเห็นแล้วสดชื่นที่ซู้ดดดดด...เป็นบ้านโบราณชั้นเดียวตามแบบฉบับชาวลิทัวเนียแท้ๆ ซึ่งมีหน้าต่างเพียงสามบาน หน้าต่างบานแรกหมายถึงพระเจ้า บานที่สองหมายถึงพระกษัตริย์ และบานที่สามหมายถึงครอบครัว นอกจากนี้ยังมีห้องใต้หลังคา ไว้ดูแสงดาวระยิบระยับยามค่ำคืนส่งเราให้เข้านอนหลับฝันหวานไปตลอดคืน (^_^)













เที่ยวเมืองวิลนีอุส (Vilnius)

เมืองหลวงแห่งลิธัวเนีย เป็นย่านเมืองเก่าแก่มากที่สุดในเขตยุโรปกลาง จนได้รับฉายาว่า "เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1994 เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมในยุคกลาง เริ่มกันที่โบสถ์เซนต์แอน (St.Ann’s Church) นิกายโรมันคาทอลิก สร้างจากไม้ขึ้นในศตวรรษที่ 14 -15 ศิลปะแบบโกธิก ต่อมาได้บูรณะขึ้นใหม่จากอิฐ 33 ชนิด ทาทับด้วยสีแดงเข้มสวยแปลกตา และที่โดดเด่นสง่ามากไม่แพ้กันก็คือ มหาวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral) เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่สำคัญมาก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1251 สถาปัตยกรรมแบบโกธิก ต่อมาในปี ค.ศ. 1387 ได้เปลี่ยนเป็นสไตล์คลาสสิก บริเวณด้านหน้ามีหอระฆังรูปทรงคล้ายโดมสูง (Bell Tower) ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมภาพวาดอันทรงคุณค่าในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ไว้เป็นอย่างดี











ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1503 -1522 เพื่อใช้ดูรักษาความสงบภายในเมือง ลักษณะคล้ายประตูกำแพงเมืองโบราณ ซึ่งเหลืออยู่เพียงแห่งเดียว จากทั้งหมดสิบแห่งทั่วประเทศ ด้านบนของกำแพงจะมีโถงเล็กๆ ประดิษฐานภาพจิตรกรรมพระแม่มาเรียสีทองอร่าม ศิลปะแบบเรอเนซองส์ ที่ได้รับการยกย่องว่ามีมนต์ขลัง จนได้รับความนิยมจากผู้คนในเมือง และนักท่องเที่ยวเข้ามาสักการะ อธิษฐานขอพร เพื่อให้สมหวังตามดังความปรารถนา

แล้วไปต่อกันที่ หอคอยเจดิมินัส (Gediminas Tower) ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 – 14 สร้างจากอิฐสีแดงมาเรียงต่อๆ กันเป็นรูปทรงกระบอกความสูงถึง 40 เมตร บนยอดสูงสุดของหอคอย มีธงชาติลิธัวเนียโบกสะบัดสวยเด่นอยู่กลางฟ้า ถือเป็นสัญลักษณ์การแสดงออกถึงอิสรภาพของลิทัวเนีย ส่วนภายในหอคอย เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สำหรับการเดินทางก็สะดวกค่ะ มีรถบัสหลายสายจากในเมืองเวนีอุสไปถึงบริเวณด้านล่างของเนินเขา หลังจากนั้นแล้วเราก็เดินขึ้นบนยอดเขา หรือจะนั่ง Cable Car ขึ้นก็ได้นะ มีค่าใช้จ่าย 2 ยูโร ส่วนขาลง 1 ยูโร และค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 4 ยูโร และนักศึกษา 2 ยูโรเท่านั้นเองค่ะ













นอกจากนี้ยังมีสถานที่เที่ยวแสดงถึงพลังศรัทธาในศาสตร์คริสต์ และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของ เนินเขาไม้กางเขน (Three Crosses Hill) เป็นอนุสาวรีย์ใหม่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1989 ตั้งอยู่ในสวน Kalnai Park บนยอดสูงสุดของเนินเขา มีไม้กางเขนสีขาวสามอันขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากสีสันนานาพันธ์ และเป็นจุดชมวิวเมืองเก่าได้ทั้งเมืองอย่างเต็มตาเลยละค่า.... การเดินทางสามารถนั่งรถบัสที่ถนน T. Koščiuška จากในตัวเมืองเวนีอุสได้ หรือจะเดินขึ้นบันไดก็ประมาณ 800 ขั้นเท่านั้นเองงง... >3<