เที่ยวลัตเวีย ประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันงดงาม บรรยากาศแบบเมืองเก่าเข้ากับยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว ได้กลิ่นอายของอารยธรรมในยุคโซเวียต ไม่ว่าจะเป็นปราสาท อนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ป้อมปราการเก่าแก่ หอคอย ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอย่างน้ำตก อุทยานแห่งชาติ ชายหาด เรียกได้ว่าครบครันและไม่ธรรมดา ถ้าใครที่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ลัตเวียแห่งนี้อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศในดวงใจของเราก็ได้นะค้าาา

เที่ยวเมืองริก้า (Riga)

เมืองริก้า เมืองหลวงล้นเสน่ห์ริมฝั่งทะเลบอลติก มีอายุมากกว่า 1,000 ปี เป็นเมืองใหญ่ที่สุด!ของประเทศลัตเวียและใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศบอลติกด้วยจ้าาา ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศลัตเวีย เอสโตเนีย และลิทัวเนียค่ะ อยู่ใกล้กับปากแม่น้ำเดากาวา (Daugava) ทำให้เมืองริก้ามีความเจริญมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง นอกจากจะเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของบ้านเรือนในสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์นูโว จุดเด่นคือการใช้รูปแบบธรรมชาติอย่างดอกไม้ ใบไม้มาทำเป็นลวดลายเส้นโค้งอ่อนช้อย~ บางทีก็ใช้ซากแมลง เปลือกหอย และเถาวัลย์มาประดับตัวอาคารต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วง ค.ศ. 1890 - 1905 แต่ปัจจุบันหาดูได้ยากขึ้นทุกวัน.. นับเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ถูกยกย่องว่าสวยงามมากที่สุดในยุโรปเลยทีเดียวค่า เดี๋ยวจะหาว่าคุย เลยการันตีด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 2014 ด้วยค่ะ









ในเขตเมืองเก่าของที่นี่ มีพร้อมทั้งบาร์ ร้านอาหาร มีรถรางอันทันสมัยคอยให้บริการ ชมสถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ ได้แก่ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Church) โบสถ์ที่สวยงามที่สุดในเมืองริก้า สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1209 เมื่อก่อนเรียกกันว่าโบสถ์พ่อค้า เพราะในอดีตเคยเป็นที่สำหรับการจัดประชุมของเหล่าพ่อค้า ตัวโบสถ์มีความสูงถึง 72 เมตร สร้างจากหิน นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดของเมือง และเป็นโบสถ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก สามารถขึ้นไปด้านบนหอคอยเพื่อชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองได้จ้า รับรองว่าได้รูปปังๆ แน่นวลลล







บ้านนายหัวดำ (The House of Blackheads) แลนด์มาร์คห้ามพลาดของเมือง เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเก่า สร้างมาเพื่อเป็นที่รวมตัวดื่มสังสรรค์ของนักเดินทางต่างชาติและพ่อค้าที่ยังไม่แต่งงาน ที่ล้วนเป็นเศรษฐีทั้งน้านนน ง่ายๆ ก็คือรับเฉพาะหนุ่มโสดและรวยมากเท่านั้นจ้า ถ้าใครเปลี่ยนใจแต่งงานก็ต้องลาออกจากสมาคมไปตามกติกา หุหุ สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1334 แต่ถูกทำลายในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1995 – ค.ศ. 1999 ปัจจุบันบ้านนายหัวดำถูกเปิดไว้ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญเท่านั้นค่ะ





อาคาร 3 พี่น้อง (Three Brothers) เป็นอาคารสีพาสเทล 3 หลังที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดในกรุงริก้า ใช้เป็นที่อยู่อาศัยจริงของชาวลัตเวียด้วยนะคะ แต่ละตึกจะเป็นสถาปัตยกรรมของแต่ละยุคที่แตกต่างกันไป ตึกสีเขียวมิ้นท์ที่อยู่ซ้ายสุดเป็นพี่คนโต สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1400 มีความเป็นกอธิคผสมเรเนซองส์ ส่วนตึกกลางสร้างปี ค.ศ. 1646 สไตล์ศิลปะดัตช์ และตึกขวาสุดเป็นสไตล์บาโรกที่โด่งดังในปลายปี ค.ศ. 1600 สังเกตุตรงหน้าต่างตึกนี้จะมีขนาดเล็กมากกกและไม่มีบานเปิด เพราะว่าในสมัยก่อนเขาจะเก็บภาษีจากขนาดของหน้าต่าง จึงต้องสร้างหน้าต่างให้เล็กที่สุดจะได้จ่ายน้อยนั่นเองจ้า





The Dome Cathedral เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในแถบบอลติก เป็นแนวคิดที่ผสมผสานระหว่างศิลปะรูปแบบบาโรก กอธิคและโรแมนซ์ได้อย่างอย่างลงตัว สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1211 โดยบาทหลวง Biskaps Alberts เราสามารถขึ้นไปดูชมวิวมุมสูงบนยอดโดมได้ด้วยค่ะ





ตลาดกลาง (Riga Central Market) เป็นตลาดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในยุโรป! ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1998 มีพื้นที่ถึง 72,300 ตารางเมตร มีขายทุกอย่างตั้งแต่ผลไม้ ผักสด อาหารสด ดอกไม้ เสื้อผ้าและเครื่องใช้ต่างๆ แถมราคาไม่แพงด้วยน้า





อนุสาวรีย์แห่งอิสรภาพ (Freedom Monument) อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนการเรียกร้องอิสรภาพของลัตเวียจากสหภาพโซเวียต หลังจากได้เอกราชแล้วทางรัฐบาลและชาวเมืองก็พร้อมใจกันสร้างอนุเสาวรีย์แห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ และเป็นเกียรติแก่เหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามประกาศอิสรภาพของลัตเวียในช่วงปี ค ศ. 1918 – ค.ศ. 1920 รอบๆ บริเวณนี้มีสวนสาธารณะให้เดินเล่นด้วยนะคะ บรรยากาศดีมักๆ




 

เที่ยวเมืองซิกุลดา (Sigulda)

เมืองซิกุลดา ตั้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำเกาจา (Gauja River) อยู่ห่างจากเมืองริก้าแค่ชั่วโมงเดียวเองค่า เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึง 2 หมื่นคน จุดเด่นคือทิวทัศน์อันสวยงามและสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า จนได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งลัตเวีย *0* ถือเป็นสถานที่เที่ยวพักผ่อนยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและผู้คนในเมือง มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องความงดงามของต้นเชอรี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงฤดูหนาวก็สวยโรแมนติกไม่แพ้กัน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทุกปีเลยค่ะ













พลาดไม่ได้เด็ดขาดกับการมาเยือน พระราชวังรันดาเล (Rundale Palace) เป็นพระราชวังฤดูร้อนของยุคแห่งคอร์ลแลนด์ (Courland) ที่มีขนาดใหญ่มากกกก เห็นแล้วต้องร้องว้าววว! สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เพื่อระลึกถึง Anna Jaonovna จักรพรรดินีแห่งรัสเซีย ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ Franchesco Bartolomeo Rastrelli ภายในมีทั้งหมด 138 ห้อง ตกแต่งได้อย่างหรูหรางดงามจริงๆ ค่ะ ด้านนอกมีสวนบาโรกแบบฝรั่งเศสสุดอลังการ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในฐานะอนุสาวรีย์ศิลปะบาโรกและโรโคโคที่โดดเด่นที่สุดในลัตเวียอีกด้วยค่ะ







เที่ยวปราสาททูไรด้า (Turaida Castle) หนึ่งในปราสาทเก่าแก่ที่สุดในลัตเวีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1214 โดยอาร์คบิช็อปแห่งริก้า เป็นปราสาทก่ออิฐสีแดงแบบโกธิค ตามสไตล์บอลติกโบราณ บริเวณรอบๆ กว้างขวางเอาเรื่อง จุดเด่นคือตัวโบสถ์ ปราสาท และแนวป้อมปราการ แต่ในปี ค.ศ.1776 ปราสาทได้เสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์ไฟไหม้ จึงมีการสร้างต่อเติมและบูรณะมาหลายสมัยจนกลายเป็นปราสาทที่สวยงาม และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และสวนประติมากรรมให้ทุกคนได้มาชมกันค่ะ

เที่ยวเมืองยัวมาลา (Jurmala)

ปิดท้ายด้วยเมืองรีสอร์ทที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งทะเลบอลติกจ้า นั่นก็คือ เมืองยัวมาลา เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนน ตอนช่วงปี ค.ศ. 1930 คือบูมมากค่ะ นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หรูหราที่สุดในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ หลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่ก็ยังคงเป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะมีหาดทรายยาวที่สุดในยุโรปตอนเหนือ ทอดยาวกว่า 33 กิโลเมตร! กว้างประมาณ 100 เมตร จากการเดินจู๋จี๋กับแฟนก็อาจจะกลายเป็นเดินมาราธอนก็เป็นได้ >,< 5555 แถมยังขาวสะอาดตา เดินแล้วนุ่มเท้าเหมือนผงแป้ง แอร้ยยย ฟินๆ กับอากาศอันบริสุทธิ์ ท้องฟ้าใส ความสดชื่นของป่าสนอันเขียวขจี ยิ่งตอนช่วงฤดูร้อนจะเพิ่มความมีชีวิตชีวาและสนุกสนานจากผู้คนที่มาอาบแดด ว่ายน้ำ ตกปลา เรือใบ เล่นกีฬา และเล่นเกมชายหาดกัน มีสวนน้ำสำหรับเด็กๆ ด้วยนะคะ แถมยังโด่งดังเรื่องสปารีสอร์ท มีสปาที่ทันสมัยอยู่ทั่วเมือง เป็นการแช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพ บ่อน้ำพุร้อน น้ำแร่ สปาโคลน และเนื่องจากเมืองนี้เคยเป็นสถานที่พักฟื้นของชาวรัสเซียมาก่อน เราจึงได้เห็นสถานบำบัดฟื้นฟูและสถานพักฟื้นตามชายหาดค่ะ

นอกจากชายหาดที่สวยงามแล้ว ยัวมาลายังเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมจากไม้ โดยเฉพาะอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่เป็นเอกลักษณ์ มีการแกะสลักอย่างประณีตงดงามที่สืบทอดมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 สำรวจซากปรักหักพังในยุคอดีต ริมถนนเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านกาแฟ คือถ้าใครกำลังมองหาสถานที่สงบเงียบสำหรับวันหยุดพักผ่อนของครอบครัว ต้องที่นี่เลยจ้า